ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

:::FICTION ZONE :::นวนิยาย มุมนักเขียน => มุมนักเขียน => ข้อความที่เริ่มโดย: seray ที่ ธันวาคม 29, 2013, 11:24:42 PM

หัวข้อ: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ ธันวาคม 29, 2013, 11:24:42 PM
    เกริ่นนำน่ะคะ เป็นนิยายที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปรีทัชต่างๆใน fan art และได้กำลังใจพิเศษจากพี่วี พี่ชายคนเก่ง เลยเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้น
กลอนต่างๆที่ใช้เเต่งเองทั้งหมด (ถ้าอันไหนไม่ได้แต่งจะมีการอ้างให้นะคะ) อยากฝากให้ติดตามนะคะ พร้อมรับคำวิจารณ์แนะนำเเละติชมทุกอย่างจะได้แก้ไขให้ดีขึ้น 
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ ธันวาคม 29, 2013, 11:44:02 PM
(http://image.ohozaa.com/i/a59/cr535U.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xj34H9Ap0rZCMSNE)
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ ธันวาคม 29, 2013, 11:45:34 PM
(http://image.ohozaa.com/i/2ed/dje9Qo.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xj357JZygVEtkJEn)


ให้ดูพระเอก  นางเอกเรียกน้ำย่อยค่ะ   ><
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ ธันวาคม 30, 2013, 12:03:39 AM
(http://image.ohozaa.com/i/f2b/o28UgX.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xj3bk0WPECUoXE56)

นางเอกคนเเรก เป็นพระธิดาพญานาคค่ะ
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ ธันวาคม 30, 2013, 09:32:49 PM
(http://image.ohozaa.com/i/e9b/RpZ5P4.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjajnvor4Qh0JRMZ)


(http://image.ohozaa.com/i/584/rwkMlr.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjajAYAlQWsACjIX)

สองคนนี้ เปนพี่น้องกันน่ะค่ะ เป็นมนุษย์ คะ
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ ธันวาคม 30, 2013, 09:33:55 PM
(http://image.ohozaa.com/i/g64/vjP3eC.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjajVbne0TpJARkS)

คนสุดท้าย เป็นธิดาพญาครุฑนะคะ
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ ธันวาคม 30, 2013, 09:55:32 PM
ตอนที่ 1

      ณ  สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากพระอินทร์ได้ส่งเทพบุตรไปกำจัดเหล่ายักษ์อันธพาล ความสงบสุขที่ควรเกิดขึ้นกลับต้องมลายหายไป
เมื่อเหล่่าบรรดาอสุรีมเหสีของยักษาได้ขึ้นมาอาละวาด อย่างไร้ความยำเกรง
     "หยุด!" พระอินทร์พร้อมเหล่าเทวดา นางฟ้า ออกมาประจันหน้ากับนางยักษ์
     "ไม่เพคะ พระองค์ทรงเป็นถึงบุรุษเทพผู้ยิ่งใหญ่ ไฉนจะมารังแกพวกหม่อมฉัน หากทรงกระทำเช่นนั้นทั้งสามภพคงจะติเตียนพระองค์เป็นเเน่"
     "บรรลัยกัลป์!" พระอินทร์ชี้หน้านางยักษ์อย่างไม่พอใจ
     "เอาสิเพคะ ส่งเทพบุตรสักองค์ออกมาจัดการพวกหม่อมฉันเลย"
     "เราจะไม่ทำอะไรเจ้า กลับไปซะ พาพวกพ้องของเจ้ากลับไป เราไม่อยากรังแกผู้ไม่มีทางสู้"
     "หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ทรงขี้ขลาดเสียอีก" ศิขรวดี ยักษีอีกตนหัวเราะ
     "พวกหม่อมฉันคงต้องทูลลา แต่ว่าอีกไม่นานหม่อมฉันมั่นใจว่า พระสวามีของพวกหม่อมฉัน จะกลับมาถล่มวิมานของพระองค์แน่นอน" ทัศนีย์ กล่าวอย่างอาฆาต
     "ทูลลาเพค่ะ" ปุสรา กล่าวปิดท้ายก่อนหายตัวไป

     "องค์อัมรินทร์พระเจ้า้ค่ะ" มาตุลีที่กำลังจะเอ่ยบางอย่างต้องชะงัก เมื่อพระอินทร์ยกหัตถ์ขึ้นขัด
     "ตอนนี้เทพบุตร หิรัญ สุวรรณ ภาณุมาศ และ วิรุฬห์ได้ลงไปจุติแล้ว  หากจตุรยักษ์ฟื้นขึ้นมาจริงพวกเขาจะจัดการตามหน้าที่ของตนเองได้  แต่สำหรับนางยักษีทั้ง 4 ตน อีกไม่นานจะมีผู้ที่เหมาะสมจัดการอย่างแน่นอน" พระิือินทร์ตรัสแล้วแย้มสรวล

           มาจะกล่าวบทไป                     ถึงอัปสรวิไลทั้งสี่องค์
      ด้วยใกล้สิ้นบุญญาจึงปลดปลง            จำต้องลงจุติ ณ แดนดิน
      เป็นเหตุให้วิมานต้องหม่นหมอง            ไม่สมปองดังจิตคิดถวิล
      จึงพร้อมไปเข้าเฝ้าองค์อัมรินทร์           ภูบดินทร์จึงประทานพรไป
      เพชรอัปสรจงจุติเมืองบาล                 นงคราญไพลินฉิมพลีไสว
      มรกต  บุษรางามวิไล                     จุติในแดนดินถิ่นโลกา

      เมื่อพระอินทร์ได้ให้พร นางฟ้าทั้งสี่จบ ก็ได้ประทาน เพชร บุษราคัม มรกต และไพลิน แก่นางฟ้า
      "จงนำมณีทั้งสี่ไปด้วย มณีทั้งสี่จะเป็นอาวุธที่สามารถกำจัดเหล่ายักษีได้ก็ต่อเมื่อ พวกมันถูกใช้พร้อมกันเท่านั้น  เมื่อลงไปแล้วจงทำแต่ความดีสร้างสมบุญญาบารมีเพื่อว่า หากสิ้นบุญจะได้กลับมายังวิมานของพวกเจ้า"   
      เมื่อนางฟ้าทั้งสี่รับมณีประจำกาย ละอองสีทองก็เปล่งประกายออกมาจากกายของแต่ละองค์ ก่อนค่อยๆเจือจางเเละหายไปพร้อมกับร่างเทพอัปสรทั้งสี่ ...
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: กาฬฯ ที่ มกราคม 01, 2014, 08:42:26 PM
มีน้องใหม่มาลงนิยายเรื่องใหม่แล้ว ยินดีต้อนรับค่ะ

แต่งกลอนเก่งค่ะ
เริ่มเรื่องเปิดตัวพระนางให้คนติดตามแล้ว
แต่ตอนต้นเรื่องยังขาดที่มาที่ไปอยู่ อย่างตัวละครจตุรยักษ์ควรจะเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นว่าทำไมต้องส่ง 4 เทพบุตร ไปปราบ
และนางยักษี 4 ตน คือเมียของจตุรยักษ์ตนเดียว หรือมียักษ์ 4 ตนกันแน่
จตุรยักษ์ถูกทำอะไร เมียๆ ถึงได้ขึ้นมาอาละวาดบนสวรรค์
ซึ่งต้องขยายความให้คนอ่านรู้ที่มาที่ไปตรงนี้ก่อนค่ะ
ส่วนจะมีรายละเอียดมากน้อยขนาดไหน ก็แล้วแต่ว่าคนแต่งจะไปเฉลยปมในตอนอื่นรึเปล่า
แต่ต้องให้คนอ่านรู้ที่มาที่ไปที่ส่งเทพบุตรเทพธิดาลงไปเกิดก่อน
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มกราคม 01, 2014, 10:14:26 PM
ขอบคุณคะพี่กาฬ เดี๋ยวเรจะได้ใส่รายละเอียดเเละปรับแก้เรื่องความกำกวมค่ะ ><
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มกราคม 09, 2014, 12:04:08 PM
ตอนที่ 2

      ณ  นครบาดาล
      "เสด็จพี่เพคะ น้องฝันเพคะ" พระมเหสีสุมนาที่สะดุ้งตื่น กราบทูลองค์อนันตนาคาพระสวามีทันที
      "น้องฝันว่าอย่างไร ถึงได้ตกใจตื่นเช่นนี้" กรหนาโอบชายาอย่างปลอบประโลม

      ณ  หริรัฐนคร
      "น้องฝันว่าได้บุษราคัม และมรกตเม็ดงามเพคะ  มณีทั้งสองลอยมาที่มือน้องส่องเเสงเป็นประกาย ช่างงดงามเกินจะหาสิ่งใดเปรียบจริงๆเพคะ" พระมเหสีวิลาวัลย์เล่า
      "เช่นนั้น พี่จะให้โหรหลวงมาทำนายฝันครั้งนี้ของน้อง" ท้าวภูธเรศตรัส

     ณ ครุฑานคร
     "ขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า พระมเหสีกำลังทรงครรภ์เป็นพระธิดาที่มีพระสิริโฉมงดงามยิ่งพระเจ้าค่ะ" โหรหลวงกราบทูล ท้าวนภสุบรรณและมเหสีพรรณผกา
     "ลูกหญิงงั้นรึ  ดีทีเดียววิรุฬห์จะได้มีน้อง" ท้าวนภสุบรรณตรัสถึงพระโอรสองค์โต ก่อนแย้มสรวลอย่างดีพระทัย

            เก้าเดือนเคลื่อนเวียนมาบรรจบ          ใ้ห้ครบคลอดธิดาอรสา
      สุมนา วิลาวัลย์ พรรณผกา                    จะโหยหาเจ็บปวดทั่วอินทรีย์
      ฟ้าครื้นครึกลือลั่นทุกกรุงไกร                  ครั้นคลอดได้ธิดามารศรี
      มวลบุปผาเบ่งบานด้วยยินดี                    สามปฐพีเบิกบานสราญรมย์

      ณ นครบาดาล
      "ลูกเราเป็นอย่างไรบ้าง" องค์อนันตนาคารีบตรัสถามเมื่อเห็นคุณท้าวออกจากห้องของพระมเหสี
      "เป็นพระธิดาเพคะ ทรงงดงามมากเลยเพคะ" คุณท้าวค่อยๆยกห่อผ้าที่โอบพันนาคีน้อยให้แก่นายเหนือหัว
      "ลูกเรางดงามจริงๆ เอ๊ะ! เพชร" องค์อนันตนาคาทรงสังเกตเห็นเพชรเม็ดงามวางอยู่ข้างกายพระธิดา จึงทอดพระเนตรเหล่านางกำนัลอย่างสงสัย
      "หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ" นางกำนัลต่างรีบปฎิเสธ
      "ถ้าเช่นนั้นเพชรนี้คงป็นของลูกของเรา ลูกหญิงของพ่อ  พ่อขอตั้งชื่อให้เจ้าว่า เพชรนาคี"
      "น้องหญิงเพชรนาคี พระนามช่างไพเราะนักเสด็จพ่อ" สุวรรณนาคินทร์ พระโอรสองค์โตที่ยืนข้างพระบิดา แย้มสรวลเมื่อมองพระพักตร์เล็กๆของพระขนิษฐาองค์น้อย
      "พี่จะปกป้องน้ิองเอง" หิรัญนาเคนทร์ พระโอรสองค์รองตรัสเเละหยอกล้อพระขนิษฐา

      ณ หริรัฐนคร
      "อุเเว้  อุเเว้" เสียงร้องไห้จ้า ของสองพระธิดาดังไปทั่วเขตพระราชฐานชั้นใน ท้าวภูธเรศอุ้มสองพระธิดาซ้ายขวาอย่างยินดี
      "เสด็จพ่อจะพระราชทานนามให้น้องหญิงทั้งสองของลูก ว่าอะไรหรือพระเจ้าค่ะ" องค์ชายภาณุมาศพระโอรสองค์โต ถามก่อนทอดพระเนตรพระเนตรพระขนิษฐาทั้งสองที่กรรเเสงไม่หยุดอย่างอ่อนโยน
      "น้องของเจ้า คนหนึ่งมีบุษราคัมติดตัว อีกคนมีมรกตติดตัว พ่อจะตั้งชื่อว่า รวีบุษรา  และนิศามรกตก็เเล้วกัน เพราะลูกหญิงทั้งสองของพ่อเป็นดัง ดวงอาทิตย์เเละดวงจันทร์ของหริรัฐของเรา จริงไหมวิลาวัลย์" ท้าวภูธเรศตรัสถามมเหสีทีนอนพักอยู่
      "เพคะ ภาณุมาศลูกต้องดูแลน้องให้ดีน่ะ" วิลาวัลย์ตรัสอย่างเหนื่อยอ่อน
      "พระเจ้าค่ะ ลูกจะรักและดูแลน้องหญิงทั้งสองอย่างดีเลยทีเดียว" องค์ชายน้อยรับคำอย่างแข็งขัน

      ณ ครุฑานคร
      เสียงขับกล่อมของเหล่านกการเวก ดังไพเราะกังวานไปทั่วเพื่อต้อนรับการประสูติของพระธิดาองค์น้อย
      "น้องมธุรสไพลิน ไม่ต้องร้องไห้น่ะ พี่อยู่ตรงนี้" องค์ชายวิรุฬห์ปักษา ปลอบพระขนิษฐาที่อยู่ในพระอู่
      "ขอบใจพรรณผกามากน่ะที่มีโอรสและธิดาที่แสนน่ารักให้้พี่" ท้าวนภสุบรรณจับหัตถ์มเหสีที่นอนพักด้วยความรักใคร่
      "เพคะ แล้วไพลินที่ติดตัวลูกหญิงมาจะทรงทำอย่างไรเพคะ"
      "นั่นคงเป็นมณีคู่บุญของลูกหญิง พี่เชื่อว่าไพลินนี้จะปกป้องลูกหญิงได้ในอนาคต" ท้าวนถสุบรรณตรัส
     
 
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: SoRa ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2014, 01:20:43 PM
 ;D เก่งค่ะ แต่งกลอนได้ไพเราะจริงๆ แต่ถ้าหาคำให้สละสลวยไปในทางเดียวกันจะสวยงามมากจ้า..

ส่วนอีกเรื่องที่น้องจะต้องเพิ่มเติมเข้าไปคือ บทบรรยาย เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับคนอ่าน และให้นิยายดูมีมิติของตัวละครมากขึ้น

บรรยายให้ได้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และ อย่างไร นั่นคือกฎของ 5W (who what where when why) ที่คนแต่งจะต้องมีเช่นกันจ้า..

บทบรรยายเพิ่มอรรถรสในการอ่าน เช่น......
ณ นครบาดาล ลึกลงไปใต้มหาสมุทรสุดเวิ้งว้างเป็นสถานถิ่นเหล่านาคา....

ณ นครบาดาล (เพื่อให้คนอ่านจินตนาการว่า.. เอ...บาดาล มันเป็นไงนะ) ลึกลงไปใต้มหาสมุทรสุดเวิ้งว้างเป็นสถานถิ่นเหล่านาคา.... (อ๋อ...บาดาลอยู่ลึกลงไปใต้มหาสมุทร ที่ดูกว้างใหญ่ไพศาล นั่นคือดินแดนถิ่นของนาคราช)

สู้ๆนะจ๊ะ.... ไฟท์ติ้งงงงงงงงงง !!!!!!!!!!!! a15
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2014, 12:08:52 AM
ขอบคุณพี่ SoRa ค่ะ  เรจะเอาไปแก้ไขให้ดีขึ้นค่ะ ><

ขอโทษที่หายไปนะคะ คนเขียนติดพันเรื่องการสอยเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนี้เรียบร้อยทุกอย่าง
นิยายจะได้ไหลต่อละค่ะ
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2014, 03:38:10 PM
ตอนที่ 3

           ณ กลางป่าหิมพานต์ แมกไม้นานาพรรณขึ้นเรียงรายชวนให้ร่มรื่นใจ ไม่ไกลจากสระอโนดาตที่เหล่ากินรี กำลังเริงสำราญเล่นน้ำเป็นที่ตั้งอาศรมของฤาษีผู้ทรงศีลผู้หนึ่ง นามว่า ฤาษีพารณะ   เวลานี้บริเวณอาศรมของฤาษีพารณะดูแคบลงไป เมื่อกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่จาก 3 นคร ได้เสด็จมาคารวะผู้เป็นอาจารย์
           "ศิษย์ขอกราบนมัสการพระอาจารย์" ท้าวภูธเรศตรัสพร้อมประนมหัตถ์
           "ศิษย์ก็ขอกราบนมัสการพระอาจารย์เช่นกัน" องค์อนันตนาคาและท้าวนภสุบรรณตรัสพร้อมกัน
           ดวงตาที่ผ่านสิ่งต่างๆมาอย่างเนิ่นนานของพระฤา๊ีษี มองศิษย์ทั้งสาม ที่เติบใหญ่และได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเมตตา
           "พวกเจ้าอุตส่าห์เดินทางมากันถึงที่นี่ คงมิใช่แค่มาเยี่ยมเยียนข้า หรือมาเพียงพบปะตามประสามิตรสหายเป็นแน่" ฤาษีพารณะยิ้มและพูดอย่างรู้ทัน
           "ศิษย์อยากนำโอรส มากราบขอความเมตตาจากพระอาจารย์ให้ช่วยอบรมสั่งสอนศิลปะวิทยา และการเรียนรู้เรื่องการเมืองการปกครอง" องค์อนันตนาคา ตรัสอย่างนอบน้อม ก่อนกระแอมเบาๆเป็นสัญญาณให้โอรสน้อยเข้ามา
           ฤาษีพารณะมองเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ทั้งสี่ ที่เเม้ไม่ได้แต่งองค์อย่างเชื้อพระวงศ์์ แต่สง่าราศีก็มิได้ลดน้อย  ฤาษีรับรู้ดวยญาณทันทีเกี่ยวกับภาระหน้าที่  ที่ได้รับเทวโองการจากพระสยมภูมบาล ที่ให้เทพบุตร 4 องค์ลงมาจุติเป็นเด็ก4คนนี้  เพื่อช่วยเหลือโลกทั้งสาม ให้รอดพ้นจากการรุกราน เเละการทำลายของจตุรยักษ์ ยักษ์4ตน ที่อยู่4ทิศของโลกและกำลังจะฟื้นคืนชีพ
           "วิรุฬห์ปักษ์ สุวรรณนาคินทร์ หิรัญนาเคนทร์ ภาณุมาศ กราบนมัสการพระอาจารย์สิ" ท้าวนภสุบรรณตรัสสั่งโอรสของตนและสหายสนิทให้ทำความเคารพ  โอรสน้อยค่อยๆบรรจงกราบอย่างเคารพเเละพร้อมเชื่อฟัง ทำให้ฤาษีพารณะเอ็นดูเด็กทั้งสี่มากยิ่งขึ้น
           ฤาษีพารณะพยักหน้ารับเล็กน้อย และพูดกับเด็กทั้งสี่ว่า
           "พวกเจ้าอยู่กับข้าที่นี่เเหละ ข้าจะสอนวิชาให้เจ้าสมกับที่บิดาของเ้จ้าคาดหวัง"
           "ขอบคุณขอรับพระอาจารย์"  สุวรรณนาคินทร์ยิ้มอย่างดีใจ
           "ไม่ๆๆ...เรียกข้าว่าท่านตาดีกว่า"  ฤาษีพารณะพูดอย่างเอ็นดู
           "ขอบพระคุณขอรับท่านตา" ทั้งสี่พูดพร้อมกันอย่างแข็งขัน
           "พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะดูเเลเด็กน้อยทั้งสี่เอง จงกลับไปทำหน้าที่ของตนให้ดี  ข้าขอวยพรให้เจ้าทั้งสามโชคดี"  ฤาษีพารณะหันไปอวยพรให้กษัตริย์ทั้งสาม ก่อนจะลุกขึ้นให้เหล่าโอรสร่ำลาบิดาของตน

           "พ่อขอให้เจ้าตั้งใจนะภาณุมาศ  อย่าดื้อกับท่านตาละ" ท้าวภูธเรศตรัสก่อนลูบหัวของโอรสคนเดียวอย่างรักใคร่
           "พระเจ้าค่ะ ลูกจะตั้งใจอย่างเต็มที่ ฝากน้องของลูกด้วยลูกคงคิดถึงน้องทั้งสองมาก" ภาณุมาศรับคำก่อนฝากความคิดถึงไปหาพระขนิษฐาทั้งสอง ที่ก่อนที่ตนจะมาที่นี่ รวีบุษราและนิศามรกต ก็ร้องไห้อย่างไม่ยอม
           "อยู่กันตั้งสี่คน  ช่วยๆดูเเลกันเเละคอยปรนนิบัติท่านตาด้วยน่ะ" องค์อนันตนาคาเดินเข้ามาพร้อมโอรสทั้งสอง
           สุวรรณนาคินทร์ยิ้มเล็กน้อยก่อนหันไปพูดกับวิรุฬห์ปักษ์ว่า  "ท่านพ่อ ท่านลุงไม่ต้องเป็นกังวลพวกเราไม่ทะเลาะกันหรอกจริงไหมวิรุฬห์"
           "แน่นอน สหาย" วิรุฬห์ปักษ์รับคำก่อนหัวเราพอย่างอารมณืดี ใช่ว่าครุฑกับนาคจะเป็นศัตรูกันเสมอไป
           "เสด็จพ่อฝากน้องหญิงด้วยน่ะพระเจ้า่คะ  ลูกเป็นห่วงกลัวน้องจะเหงา" หิรัญนาคินทร์พูดอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย
           "ไม่ต้องห่วงหรอกหลาน  เพชรนาคี  จะไม่เหงา เพราะลุงจะพามธุรสไพลินไปเล่น...อ้อ รวีบุษราและ็ก็นิศามรกตด้วย  น้องหญิงของพวกเจ้าจะรอให้พวกเจ้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งกลับไป" ท้าวนภสุบรรณตรัสก่อนยิ้มให้โอรสทั้งสี่สบายใจ
            เมื่ออบรมและร่ำลาโอรสของตนเสร็จ ราชันทั้งสามก็เข้าไปกราบลาอาจารย์ของตนเเละกลับบ้านเมือง........


               
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: tukkee123 ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2014, 06:55:37 PM
 a13 อ๊าา..มื่อไหร่จะมาต่อให้อ่ะ อยากอ่าน ๆ...
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 01, 2014, 09:07:20 PM
ตอนที่ 4
         
           "เราจะเริ่มหาเเล้วนะ" เสียงหวานใสของธิดาพญาครุฑดังขึ้นเป็นสัญญาณให้พระสหายรู้ตัว  ดวงเนตรสีน้ำตาลมองไปรอบๆอุทยานในเขตพระราชฐานชั้นในของ หริรัฐคีรี ก่อนจะหยุดลงที่พุ่มไม้ที่กำลังสั่นเบาๆ
           "เจอตัวเเล้ว!"
           "คุณพระคุณเจ้า!" แช่มช้ิอย  พระพี่เลี้ยงของนิศามรกต อุทานลั่นอย่างตกใจ
           "พี่แช่มช้อยแพ้หรือเนี่ย" นิศามรกตเดินออกจากวงล้อมสีเขียวมรกต  ม่านบังตาที่สร้างขึ้น
           "เจ้าเนี่ย..แพ้ตลอดเลยนะ" ชิดชม พระพี่เลี้ยงของรวีบุษราที่หลบหลังพระธิดาของตน พูดพลางหัวเราะไป
           "แหม...เจ้าคงเก่งมากนะ ไปหลบหลังพระธิดารวีบุษรานะ" ก่อนสงครามปะทะฝีปากของสองพระพี่เลี้ยงจะเริ่มขึ้น  ธิดาแห่งวังบาดาลก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำและพ่นน้ำเป็นการห้ามศึก
           "พระธิดาเพชรนาคี!!" สองพระพี่เลี้ยงร้องอย่างตกใจ
           "ทะเลาะกันอีกแล้ว ไม่เบื่อบ้างรึไงกัน" เพชรนาคีเปลี่ยนองค์เป็นมนุษย์แล้วเดินไปหาพระสหายทั้งสาม
           "พี่แช่มช้อน พี่ชิดชมเปียกไปหมดเลย เราว่าพี่ทั้งสองน่าจะไปผลัดเสื้อผ้าน่ะ ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเราหรอก" คำพูกและดวงเนตรที่แสนอ่อนโยนของรวีบุษรา ทำให้การทะเลาะและการโวยวายจบลง และทำให้ทั้งสองรีบขอตัวออกไปตามคำสั่งของพระธิดา
           "คิดถึงเจ้าพี่ภาณุมาศจังเลย" นิศามรกตพึมพำ
           "เราก็คิดถึงเจ้าพี่วิรุฬห์" มธุรสไพลินเอ่ยขึ้นบ้าง
           "เรารู้มาว่า เจ้าพี่สุวรรณเเละเจ้าพี่หิรัญ เสด็จไปศึกษาวิชาต่างๆกลางป่าหิมพานต์" เพชรนาคีพูดอย่างนึกออก
           "ป่าหิมพานต์...อย่างนั้นหรอ" รวีบุษรา พูดเบาๆอย่างใช้ความคิด

           "พ่อไม่อนุญาตให้ลูกไปป่าหิมพานต์" ท้าวภูธเรศตรัสกับสองพระธิดา  พระองค์ทรงแปลกใจอยู่เเล้วที่วันนี้ธิดาทั้งสองยอมเรียนการร้อยมาลัย ต่างจากวันอื่นๆที่จะออกไปเล่นกับพระสหายที่วังบาดาล หรือ ครุฑานคร
           "ทำไมละเพคะ ลูกไม่ได้ไปคนเดียวน่ะเพคะ พระพี่นางรวีก็เสด็จไปด้วย เพชรนาคี และมธุรสไพลินก็ไปด้วย เสด็จพ่อไม่ต้องเป็นกังวลนะเพคะ"   นิศามรกตรีบอธิบาย
          "เสด็จพ่ออย่าลืมสิเพคะ ว่าพวกเราต่างมีอัญมณีประจำจัว ไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้หรอกเพคะ" รวีบุษรารีบกล่อมบิดา
          ท้าวภูธเรศมองเนตรสีดำสนิทสองคู่ที่มองอย่างออดอ้อน แต่ก่อนที่จะตรัสอะไร พระมเหสีวิลาวัลย์ก็ค้านอย่างไม่ยินยิม
          "จริงอยู่่ ที่ลูกมีมรกตและบุษราคัม แต่ถึงกระนั้นลูกก็ยังเป็นหญิง"

         "โธ่เสด็จแม่เพคะ ถ้าเช่นนั้นก็ให้ กูรมะ ติดตามลูกไป......ห่างๆสิเพคะ"เพชรนาคีแย้งพระมเหสีสุมนาผู้เป็นมารดา ก่อนเหลือบมองไปทางราชองค์รักษ์ที่ติตามตนเองไปทุกที่
         "กูรมะตามลูกไม่ทันหรอกเพชรนาคี...ยิ่งพวกเจ้าไปด้วยกัน 4 คนด้วยเเล้ว กูรมะไม่มีทางคุมพวกเจ้าอยู่แน่นอน" องค์อนันตนาคาค้านพระธิดา
         "ไม่ว่ายังไงแม่ก็ไม่อนุญาตให้ลูกไปป่าหิมพานต์" พระมเหสีสุมนาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

         "มธุรสไพลิน  พ่อเเละเเม่เป็นห่วงลูกจริงๆนะ" ท้าวนภสุบรรณตรัส
         "แต่ว่า..."ไม่ทันที่พระธิดาจะแย้ง ท้าวนภสุบรรณก็ขัดขึ้น
         "ลูกเองก็ยังเป็นเด็ก มันอันตรายรู้ไหม"
         "แต่ว่า..."
         "ถ้าลูกยังไม่เชื่อฟังพ่อกับเเม่   พ่อคงจะต้อง..............."


         "ร่ายเวทย์กักบริเวณ!!!!" สี่เสียงพูดขึ้นพร้อมกัน
         "โทษเหมือนกันเลยสินะ เฮ้อ"  นิศามรกตถอนหายใจ
         "ถ้าเราใช้เพชรพาเราไปเสด็จพ่อต้องทรงทราบแน่ๆ" เพชรนาคีพูดอย่างหงอยๆ
         "แต่ถ้าเราไม่ใ้ช้บุษราคัม พาไปเราก็คงตามหาเจ้าพี่ไม่เจอ ป่าหิมพานต์กว้างจะตายไป" รวีบุษราพูดขึ้นบ้าง
         "แต่ว่ามีแค่พญาครุฑเท่านั้นเเหละที่จะช่วยเราตามหาเจ้าพี่เจอ ถ้ามธุรสไพลินพาพวกเราไปได้เพชรนาคีก็ว่ายน้ำตามไปได้เหมือนกัน" คำพูดของนิศามรกตเรียกรอยยิ้มให้ทุกคน
         "จริงด้วย...แต่ว่าปีกของเรายังไม่แข็งเเรงขนาดนั้นน่ะสิ ป่าหิมพานต์มีสระ 7 สระที่มักเป็นที่ตั้งของอาศรมฤาษี เราคงไม่หาเจอง่ายๆแน่" และรอยยิ้มก้หายไปเมื่อจบคำพูดของมธุรสไพลิน ก่อนที่จะตามพร้อมกับ
         "เฮ้อ!!!!" เสียงถอนหายใจ


สระ7สระได้แก่
1.สระอโนดาต    2.สระกัณณมุณฑะ     3.สระรถการะ         4.สระฉัททันตะ       5.สระกุณาละ       6.สระมัณฑากิณี   7.สระสีหัปปาตะ
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: กาฬฯ ที่ มีนาคม 02, 2014, 09:28:11 PM
พระ-นางตอนเด็กกำลังจะได้เจอกันแล้วใช่มั้ย รีบมาต่อเร็วๆ นะคะ อยากรู้พล็อตเรื่องต่อไป จะไปเกี่ยวข้องกับพวกนางยักษ์ยังไง

ฮา กูรมะ อ่ะ เป็นองครักษ์ยังไงจะไล่ตามพระธิดาทันเหรอ มีแต่กระดองสินะ ใช้เป็นโล่กำบังได้

สู้ๆ นะคะ  พยายามเพิ่มบริบทเหตุการณ์และฉากต่างๆ ให้เห็นภาพชัดขึ้น  เวลาแต่งในหัวให้จินตนาการภาพเหมือนเวลาเราเห็นในทีวี แล้วบรรยายรูปลักษณ์สถานการณ์ตามลำดับภาพที่เราเห็น

แล้วก็ลองเพิ่มความคิดของตัวละคร สีหน้าท่าทางให้มากขึ้น ตัวละครแต่ละตัวจะได้มีคาแรกเตอร์ให้คนอ่านเห็นชัด และแยกออกทันทีเพียงแค่อ่านคำพูด
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 03, 2014, 08:05:31 PM
รับทราบค่ะพี่กาฬ   
เด่วเรจะแก้ไขเรื่องการสร้างคาแรกเตอร์ให้เด่นชัดมากขึ้นและเรื่องการเพิ่มความคิืดต่างๆค่ะ ><   >:D
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 04, 2014, 08:50:51 PM
ตอนที่ 5

         "เปรี้ยง!!!" เสียงอสุนีบาตดังสนั่น จนทำให้บริเวณอาศรมฤาษีพารณะสะเทือน  ต้นไม้สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง  เหล่าวิหคต่างพากันบินหนีจากรังด้วยความตกใจ กองอัคคีถูกจุดขึ้น ตรงกลางวงที่ฤาษีพารณะและศิษย์ทั้งสี่นั่งล้อมอยู่
         พิธีเทวศาสตราลัย!   พิธีที่กระทำเพื่อขอศาสตราวุธจากองค์มหาเทพ!

         ร่างของเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ที่กำลังนั่งบริกรรมคาถา  ค่อยๆมีแสงเรืองรองขึ้น  ดวงสุริยะที่ฉายแสงเหนือท้องนภาค่อยๆมืดลง เหล่าสรรพสัตว์ต่างวิ่งหนีกันอย่างตื่นตระหนกกับการเปลี่ยนแปลงที่ประหลาดพิสดารนี้ เมื่อเทพราหูบดบังรังสีของสุริยะเทพจนสิ้น พลันกำเนิดแสงสว่างดวงใหญ่บนผืนปฐพีจากร่างกุมารทั้งสี่ แสงเรืองรองค่อยๆชัดเจน ก่อนพุ่งขึ้นสู่ผืนนภาอันมืดมิด

                  มาจะกล่าวบทไป               ถึงองค์ภูวนัยแดนเวหา
         ทิพย์อาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา          กระด้างดั่งศิลาประหลาดใจ
         จึงเล็งผ่านแว่นทิพยเนตร                สังเกตการณ์มองผ่านที่สงสัย
         ครั้งทรงแจ้งกระจ่างดวงหทัย            หัสนัยน์จึงบันดาลลงแดนดิน

         "องค์อมรินทร์พระเจ้าค่ะ   หากพระอง์ทรงประทานศาสตราวุธให้เทวบุตรทั้งสี่ พวกนางยักษีก็จะชุบชีวิตสามีของพวกนางสำเร็จนะพระเจ้าค่ะ" มาตุลีรีบทัดทาน เมื่อท้าวสหัสนัยน์ทรงวางแว่นทิพยเนตรลง
         "นั่นเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้เเล้วมาตุลี  ถึงอย่างไรเราก็มิอาจขัดขวางกงล้อแห่งโชคชะตานี้ได้" พระอินทร์ตรัส
         "แต่ว่าพระองค์..."
         "องค์มหาศิวเทพ  ทรงประทานพรแก่ยักษีทั้งสี่ ที่อดทนบำเพ็ญภาวนา เพื่อให้สวามีของตนฟื้นชีพขึ้น แต่การฟื้นชีพนั้นจะเกิดขึ้นเมื่ออาวุธที่ประหาร จตุรยักษ์กลับคืนสู่เจ้าของ ซึ่งบัดนี้ได้เวลาแล้ว"  พระอินทร์ค่อยๆหลับเนตรลง และยกหัตถ์ขวาขึ้นก่อนค่อยๆวางทอดลงสู่พื้นปฐพี
         

         ลำแสงสีทองทอดลงจากดาวดึงส์ ไปยังร่างของทั้งสี่ พลันเทพราหูคลายให้สุริยะเทพเคลื่อนรถแห่งแสงสว่างต่อไป
         เมื่อแสงสว่างรอบกายลดลง ดวงเนตรที่ปิดก็ค่อยๆเปิดขึ้น หัตถ์น้อยๆของกุมารทั้งสี่ ค่อยๆจับศาตรา ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของตน

                 ภาณุมาศราชวงศ์หริรักษ์           ครองสุริยจักรไพศาล
         สุวรรณทายาทวงศ์บาดาล                  ครองปรศุขวานเพลิงเริงฤทธิ์
         หิรัญนาคราชรังสรรค์                       ครองพระขรรค์จันทรคราสศักดิ์สิทธิ์
         วิรุฬห์วงศ์เศวตโรหิต                        ครองวาโยฤทธิ์ธนูคู่กายา

         ดังพรที่องค์มหาเทพประทาน เมื่อศาสตรานั้นกลับสู่หัตถ์ของผู้ครอง...

         ในขุมนรกอันมืดมิด มีเพียงแสงสีแดงเดือดของเปลวเพลิงที่ทรมานสัตว์นรก  ดวงจิตที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้นแค้น และความกระหายอำนาจอันยิ่งใหญ่ พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้เทพแห่งความตายก็มิอาจเหนี่ยวรั้ง  ดวงจิตพุ่งขึ้นไปยังแท่นพิธีของเหล่าชายาของตนที่กำลังนั่งบริกรรมคาถา
         "เสด็จพี่นนทจักร!" ศิขรวดีี้ร้องอย่างดีใจที่ร่างสวามีของตนขยับ   หัตถ์ใหญ่ขยับเบาๆ
         "ในที่สุดเวลาที่พวกเรารอคอยก็มาถึง เจ้าพี่ของน้อง" ทัศนีย์กุมมือนนทสูร  และปุสราก็ค่อยๆพยุงนนทไพรสวามีของตนขึ้น
         "ใช่!   นานมากที่้เราต้องทุกข์ทนในนรกนั่น...ถึงเวลาแล้ว...ฮาฮ่า...อัก" นนทยักษ์หัวเราะก่อนทรุดตังลงเมื่อสำลักโลหิตสีดำ
         "เสด็จพี่!!!" ร่างใหญ่ทรุดลง บรรลัยกัลป์จึงรีบเข้าไปประคองอย่างตกใจ


         "นั่นไงละ มาตุลี จตุรยักษ์ฟื้นขึ้นก็จริงแต่ต้องใช้เวลาในการฟื้นพลังให้มากเท่าเดิม และเวลานั้นคงไม่ใช่ในเร็วๆนี้...."


เศวตโรหิต หมายถึง ครุฑ หรือ ผู้มีสีขาวและแดง
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Sasunarumooyard ที่ มีนาคม 07, 2014, 09:51:58 AM
ก่อนอื่นต้องขอปรบมือให้กับกลอนที่แต่งได้เยี่ยมยอดมาก ;D (อันที่จริงแล้ว เป็นคนอ่านกลอนไม่ค่อยรู้เรื่อง(ฮา))
โครงเรื่องที่วางไว้นี่ ใช้ได้เลย น่าติดตามมาก แถมมีอิมเมจตัวละครมาให้พร้อม(ไม่ต้องเสียเวลาจิ้นเอง 555)
ส่วนเรื่องการเขียนในตอนแรกๆ อ่านแล้วค่อนข้างสับสน ไม่ทราบที่มาที่ไปสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ตามที่คนอื่นคอมเม้นท์เลยว่ายังขาดการพรรณนาเนื้อเรื่อง แต่ว่าเนื้อหาช่วงหลังๆคนเขียนก็พัฒนาขึ้นเยอะ :icon_idea:
 แต่ปัญหาส่วนตัวของเราคือ จำชื่อตัวละครไม่ค่อยได้555 ตัวละครโผล่พรึ่บออกมาทีเดียวเกือบ10 คือสับสนนิดหน่อย อยากลองให้เพิ่มบทบรรยายความแตกต่างของตัวละครดู เช่นคนนี้ตากลมโต คนนี้ตาชั้นเดียว(ฮา)
แต่โดยรวมแล้ว เนื้อหาน่าติดตาม(ถึงเราจะไม่ใช่คอนิยายอิงวรรณคดีก็ตาม) ที่สำคัญยังเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อนะ ว่าเด็กสมัยนี้จะเขียนนิยายประเภทนี้น่ะ ชื่นชมๆ :P

ป.ล.ขอเสนอเทคนิคการแต่งนิยายของเรา(รู้สึกว่าจะซ้ำกับคนที่มาเม้นท์ให้เธอก่อนหน้านี้ 555)นั่นก็คือ 'การฉายหนังในหัว' ลองนึกถึงหนังที่เธอจะทำเรื่องๆหนึ่ง ทั้งฉาก ทั้งมุมกล้อง การพูดจาของตัวละคร วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมาก เพราะมันทำให้เราไม่รีบร้อนที่จะดำเนินเนื้อเรื่องมากเกินไป(แบบประมาณว่าเราอ่านเข้าใจ แต่คนอ่านงง)  ปกติแล้วเรามักจะใช้เวลาก่อนนอนฉายหนังในหัว แบบถ้าตื่นมาไม่ลืมก็จะรีบเขียนลงทันที(ไม่งั้นลืมแน่ๆ 555)

เขียนต่อไปนะ เป็นกำลังใจให้!! :P :P :P


หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 07, 2014, 10:59:41 PM
ได้เห็นคนมาวิจารณ์ ติชมแนะนำแบบนี้ สู้ตายเลยย  >:D >:D >:D
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: คิมหันต์ ที่ มีนาคม 11, 2014, 08:46:10 PM
ตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่ม 45
เปิดมาเจอพอดี คงอ่านเนื้อเรื่องไม่ทัน
ขอติชมเรื่องกลอนก่อนเลยนะคะ
ไพเราะมาก แล้วชื่อตัวนางคล้องจองกันหมดเลย
แอบเสียดายตัวพระเพราะ ที่คนสุดท้ายชื่อไม่คล้อง ฮา ไม่เป็นไรคะ
เดี๋ยวจะตามอ่านนะคะ
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 12, 2014, 12:22:15 PM
ตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่ม 45
เปิดมาเจอพอดี คงอ่านเนื้อเรื่องไม่ทัน
ขอติชมเรื่องกลอนก่อนเลยนะคะ
ไพเราะมาก แล้วชื่อตัวนางคล้องจองกันหมดเลย
แอบเสียดายตัวพระเพราะ ที่คนสุดท้ายชื่อไม่คล้อง ฮา ไม่เป็นไรคะ
เดี๋ยวจะตามอ่านนะคะ
สู้ๆ

ความจริงตั้งใจจะให้ชื่อนางเอกคล้องกันเเต่ชื่อพระเอกเนี่ยไม่ได้เล็งไว้ค่ะ ><
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: วี ที่ มีนาคม 14, 2014, 12:38:17 PM
FC ยิ่งเยอะแล้วเป็นกำลังใจให้ครับน้องสาว ^^
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 14, 2014, 10:08:14 PM
FC ยิ่งเยอะแล้วเป็นกำลังใจให้ครับน้องสาว ^^

ขอบคุนค่ะพี่วี (พี่ชายคนนี้น่ารักฝุดๆเลย)   :icon_idea:
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 15, 2014, 11:11:47 PM
ตอนที่ 6

        "เสด็จแม่เพค่ะ" เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กๆที่วิ่งไปหาพระมารดาที่ประทับรออยู่ที่แท่นบรรจถรณ์
        "มธุรสไพลิน...ได้เวลานอนเเล้วนะ" พรรณผกาตรัสกับธิดาองค์น้อยที่โผกอดตนอย่างรักใคร่
        "ลูกยังไม่ง่วงเลยเพค่ะ  ลูกอยากอยู่คุยกับเสด็จแม่ก่อน" มธุรสไพลินอ้อน
        "พระธิดาเสด็จไปเล่นที่นครบาดาลมาทั้งวัน  บรรทมพักเถอะเพค่ะ" คุณท้าววรรณากล่อมพระธิดา
        "คุณท้าวเราไม่ได้ไปเล่นนะ  เราไปเยี่ยมเสด็จลุงอนันตนาคาเเละเสด็จป้าสุมนาต่างหาก" เสียงหวานขัดขึ้นทันที
        "แม่คิดว่าลูกนัดกับเพชรนาคี รวีบุษราและนิศามรกตไว้เสียอีก"
        "ลูกแค่คิดถึงสหายเท่านั้นเองเพค่ะ  พวกเราไม่ได้เจอกันมา 3 วันเพ็ญเเล้วนะเพค่ะ" มธุรสพูดอย่างเศร้าๆ

        เพราะพระบรมราชโองการของกษัตริย์ทั้งสามที่ปรารถนาให้พระธิดาของตนได้ศึกษาความรู้ พระเวทย์ และทักษะการต่อสู้บางประการ ทำให้สหายสนิททั้งสี่ต้องทำตามพระราชประสงค์ของบิดาของตนอย่างขัดไม่ได้

        "แม่รู้ แต่ตอนนี้ลูกควรนอนได้เเล้วนะ" พระมเหสีพรรณผกาแย้มสรวลอย่างเอ็นดู
        "แต่ว่า..."
        "ถ้าลูกไม่ง่วง  เดี๋ยวแม่กล่อมลูกเอง" มธุรสไพลินได้ยินดังนั้น  จึงค่อยๆเอนกายลง
        ...เสียงอันไพเราะราวนกการเวก ของมเหสีเเห่งครุฑานครก็ดังขึ้น...

                  สำเนียงหวานเอ่ยเล่าถึงป่าใหญ่          มีพรรณไม้มากมายเป็นนักหนา
         มีมนุษย์ คนธรรพ์ และเทวา                      อีกทั้งกินรา และกินรี
         วิทยาธร  นักสิทธิ์  เรื่องเวทย์                    กระจายอยู่ทุกเขตในพนาสี
         มีมวลบุปผาและเหล่าภุมรี                         มีมักกลีผลงามทรามวัย
         มีสระหนึ่งงดงามแสนวิจิตร                        ให้นึกคิดถึงสระน้ำลำธารใส
         บริสุทธิ์ดุจแก้วประดับวนาลัย                      อโนดาตาลัยในหิมพานต์

         "สระอโนดาตในป่าหิมพานต์หรือเพค่ะ" มธุรสไพลินเอ่ยถาม
         "ใช่เเล้ว" พระมเหสีพรรณผกาลูบเศียรพระธิดาเบาๆ
         "ไกลไหมเพค่ะเสด็จแม่"
         "ป่าหิมพานต์อยู่ทางทิศอุดรจากนครของเรา  หากบินไปใช้เวลา 1 ชั่วยามเท่านั้น  ส่วนสระอโนดาตอยู่กลางป่าหิมพานต์มีน้ำตก เหล่ากินรีชอบมาเล่นน้ำที่นี่"
         "กลางป่าหิมพานต์...เจ้าพี่วิรุฬห์ ก็อยู่ที่นั่นใช่ไหมเพค่ะ" มธุรสไพลินแย้มสรวลอย่างดีใจที่ได้รู้ที่อยู่พระเชษฐา
         "นอนได้เเล้วนะ...ครุฑน้อยของเเม่" พรรณผกาเลี่ยงที่จะตอบเพราะไม่อยากให้มธุรสไพลินแอบออกไปหาวิรุฬห์ปักษ์  พระมเหสีหอมปรางน้อยๆ และพัดเทียนให้ดับลงเป็นสัญญาณให้พระธิดาเข้าบรรทม
   
         ในความมืดมิดของท้องฟ้ายามรัตติกาล มีเพียงแสงจันทร์ขาวนวล และประกายดาราเท่านั้นที่เป็นแสงนำทางให้กับนักเดินทาง
         "เราจะกลับก่อนรุ่งสาง...เราคิดถึงเจ้าพี่วิรุฬห์...เราจะไปหาเจ้าพี่" ธิดาองค์น้อยพึมพำกับร่างที่หลับสนิทของพระพี่เลี้ยง ก่อนจะบินมุ่งตรงไปยังป่าหิมพานต์

          ปีกของพญาครุฑน้อยกระพือพาร่างเล็กขึ้นสู่ผืนนภา  ดวงเนตรมองไปยังแผ่นดินเบื้องล่างอย่างตื่นเต้น 
          โลกภายนอกปราสาทช่างงดงามชวนค้นหา    มธุรสไพลินคิดอย่างเพลิดเพลิน   
          สายลมอ่อนๆพัดคลอเคลียราชธิดา แต่ฉับพลันสายลมที่เคยเย็นสบายกลับร้อนขึ้นเเละเเรงขึ้น ก่อนจะหมุนเป็นวน   
          นี่มันอะไรกันเนี่ย ...พายุเวท!!!  กระเเสลมที่รุนแรงทำให้ร่างเล็กๆไม่อาจบังคับปีกไว้ได้!!!

          สายลมที่หมุนวนมีต้นกำเนิด จากลมสายเล็กๆในหัตถ์ของโอรสแห่งหริรัฐคีรี  หลังจากภาณุมาศลองฝึกพระเวทย์ที่เรียนมาสร้างพายุหมุน เสียงอะไรบางอย่างคล้ายกับตกลงมาจากที่สูง ทำให้ภาณุมาศเงยหน้ามองทันที
          "โอ๊ย!" อะไรบางอย่างตกลงมาทับกุมาร ที่นั่งทบทวนมนตราอยู่บนกิ่งของต้นหว้าใหญ่
          "เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า" ภาณุมาศถามร่างเล็กที่นอนทับร่างกายของตน
          "เจ็บจัง...ท่านเป็นใครนะ" ดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนของกุมารีมองร่างที่ตนทับอย่างตกใจ จึงไม่ได้เห็นแววตาที่มองตนอย่างเอ็นดู
          "แล้วเจ้าละเป็นใครถึงได้มาทับเราแบบนี้" ภาณุมาศมองใบหน้าหวานอย่างคุ้นเคย พระโอรสแห่งหริรัฐจำกุมารีผู้เป็นขนิษฐาของพระสหายได้อย่างดี    แม้จะเคยเจอเพียงครั้งเดียว...

          "ฮือๆ ฮือๆ" เสียงร้องไห้ดังออกมาจากพุ่มไม้ในอุทยานของครุฑานคร  ทำให้ภาณุมาศที่มาเยี่ยมสหายของพระบิดาเเละกำลังเดินเล่นชะงัก
          "เจ้าเป็นใคร...เป็นอะไรรึเปล่า" ภาณุมาศมองกุมารีน้อยที่นั่งร้องไห้ ก่อนประทับลงข้างๆ
          "เราเจ็บ ฮือๆ" แผลที่พระกรคล้ายกับโดนกิ่งไม้เกี่ยว มีโลหิตซึมออกมา
          "เพี้ยง...หายเเล้วไม่ต้องร้องเเล้วนะ" ภาณุมาศท่องพระเวทย์อย่างง่ายรักษาบาดแผล
          "เจ้าเก่งจังเลย...เจ้าเป็นใครกัน" ดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนเปล่งประกาย
          "เราชื่อ ภาณุุมาศ โอรสแห่งหริรัฐคีรี สหายองค์ชายวิรุฬห์ปักษ์"
            "หม่อมฉัน ธิดาแห่งครุฑานคร ขนิษฐาเจ้าพี่วิรุฬห์...ชื่อ มธุรสไพลิน ขอบพระทัยเพค่ะเจ้าพี่ภาณุมาศ"
            "มธุรสไพลิน ไม่ต้องร้องเเล้วน่ะ เพราะพี่จะช่วยเจ้าเอง"


         "เราชื่อ มธุรส..." ไม่ทันที่ร่างเล็กจะตอบคำถาม ภาณุมาศก็ประคองร่างเล็กขึ้นให้นั่งบนตัก
         "นั่นสระอโนดาต เจ้าเคยเห็นไหม" องค์ชายชวนกุมารีน้อยดู สระที่งดงาม ธารน้ำใสราวกับนำแก้วมาเรียงกัน น้ำตกไหลกระทบศิลาเบื้องล่าง คงขาดแต่เหล่ากินรีที่มาเริงสำราญในยามกลางวันเท่านั้น
         "สวยจังเลย" มธุรสไพลินลืมเรื่องการมาหาพระเชษฐาเสียสิ้น  ภาพตรงหน้างดงามเหมือนที่เสด็จแม่เล่าให้ฟังเลย
         "บริสุทธิ์ดุจแก้วประดับวนาลัย     อโนดาตาลัยในหิมพานต์" เสียงหวานพึมพำเบาๆ   
         คงมาหาวิรุฬห์สินะ และมธุรสไพลินคงแอบหนีมาแน่ๆ ถ้าเสด็จลุงนภสุบรรณทราบคงวุ่นวายน่าดู   ภาณุมาศยิ้มและแอบมองพระธิดาแห่งครุฑานครที่โตขึ้นจากวันนั้น และกล้าที่จะบินมาหิมพานต์ตามลำพัง
         "เจ้ามาที่นี่คนเดียวหรือ  พ่อกับแม่เจ้าไม่ว่ารึไง" ภาณุมาศพูดปลุกพระธิดาให้ตื่นจากภวังค์
          ตายละ  ถ้ากลับไม่ทันต้องโดนลงโทษแน่ๆเลย 
         "เราจะกลับแล้วละ  ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเราไว้...เราต้องไปเเล้ว...ลาก่อน" มธุรสไพลินรีบบินขึ้นบนผืนนภาไปทันที
         ร่างนั้นบินลับขอบฟ้าไปแล้ว ภาณุมาศนั่งมองแสงอาทิตย์ที่เริ่มขึ้นจากขอบฟ้าก่อนพึมพำเบาๆ  "บอกแล้วไงว่า พี่จะช่วยน้องเอง...มธุรสไพลิน"

   

หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ มีนาคม 19, 2014, 01:09:04 AM
เกร็ดความรู้ตัวละคร

       รวีบุษรา = รวี+บุษรา(บุษราคัม) 
                   รวี หมายถึง แสงอาทิตย์

       นิศามรต = นิศา+มรกต
                    นิศา = กลางคืน

       มธุรสไพลิน = มธุรส+ไพลิน
                       มธุรส = น้ำผึ้ง

       สุวรรณนาคินทร์ = สุวรรณ + นาคินทร์
                           สุวรรณ = ทอง

       หิรัญนาเคนทร์ = หิรัญ + นาเคนทร์
                          หิรัญ = เงิน

       ภาณุมาศ = ดวงอาทิตย์
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายพรึก เกราะกายสิทธิ์ ที่ มิถุนายน 07, 2014, 10:27:09 AM
ชื่อตัวละครความหมายดีมากเลยค่ะ เนื้อเรื่องหน้าติดตามมากมาลงต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: seray ที่ กรกฎาคม 31, 2015, 03:59:56 PM
เพราะหายไปนาน มีงานกองเตม
ตอนนี้เริ่มสะสางงานบ้างจะรีบมาอัพต่อค่าาา
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: กาฬฯ ที่ สิงหาคม 02, 2015, 11:49:22 PM
สู้ๆ นะคะ

มาอัพเร็วๆ พี่รออ่านอยู่

 w37
หัวข้อ: Re: จตุรแก้วมณี (นิยายเรื่องเเรกมาพร้อมอิมเมจที่ให้คนอ่านได้จิ้นด้วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: จักรกรด ที่ ธันวาคม 27, 2015, 03:12:49 PM
อ่านเรื่องนี้สนุกมากๆเลยคะ อยากแต่งเก่งบ้างจัง O0 O0 w8 w8