ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

อังคาสอวตาร.....ตอนที่8

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

อังคาสอวตาร.....ตอนที่8
« เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 07:47:31 AM »

 :icon_biggrin: ผู้แต่ง พัชราวดี ติดตามชม เร็วๆนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2010, 02:12:51 PM โดย ภูผา จันทรา »

Re: อังคาสอวตาร (ผู้เขียนหน้าใหม่ขอฝากตัวด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 08:00:17 AM »
เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ อังคาส บัวแย้ม และ บดิศร
หลังจากที่บัวแย้มตายไปแล้วนั้น เรื่องร้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ถึงเวลาที่พระอังคารจะจุติลงมาในโลกมนุษย์อีกครั้ง (ครั้งที่แล้ว เกิดมาก็ไม่มีคู่ ครั้งนี้ผู้เขียนจัดให้ 555 แถมทำหนูบัวเราตายอีก  :icon_frown:)

ตัวละครหลัก
บอย สพล ชนวีร์          จากอังคาส   เป็น ปรมินทร์
แยม รุ้งลดา               จากบัวแย้ม  เป็น มุจลินท์
สุทธิชัย ไชยเดช          จากบดิศร    เป็น บดินทร์ธร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 24, 2010, 09:59:49 PM โดย ภูผา จันทรา »

ออฟไลน์ bobenz

  • *
  • 5780
  • -1
Re: อังคาสอวตาน (ผู้เขียนหน้าใหม่ขอฝากตัวด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 08:14:23 AM »
อวตาร สะกดด้วยตัว ร. เรือ ไม่ใช่ อวตาน :icon_wink:

ออฟไลน์ Soulinda

  • *
  • 93
  • 0
  • เพศ: หญิง
Re: อังคาสอวตาน (ผู้เขียนหน้าใหม่ขอฝากตัวด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 08:46:11 AM »
when? u gonna stay wirter

credit all the picture goes to p'vee

Re: อังคาสอวตาร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 09:22:31 AM »
ตอนนี้นวนิยายเรื่อง อังคาสอวตาร รอส่งตัวอย่างไปให้พี่กาฬรหัสย์ และ พี่bobenz อ่านก่อนนะคะ  :icon_smile: ถ้าตอนที่ 1 ผ่านการพิจารณาจากพี่ๆ
หลังจากที่แก้ไขปรับปรุงเนื้อเรื่องแล้วจะเอามาลงให้อ่านค่ะ

ป.ล.กรุณารอสักพักนึงนะคะ ผู้เขียนหน้าใหม่มากๆๆๆเพิ่งลงเป็นครั้งแรก ยังไงก็ช่วยติชมด้วยนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2010, 05:28:39 PM โดย ภูผา จันทรา »

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: อังคาสอวตาร (ผู้เขียนหน้าใหม่ขอฝากตัวด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 11:01:56 AM »
ตอนนี้นวนิยายเรื่อง อังคาสอวตาร รอส่งตัวอย่างไปให้พี่กาฬรหัสย์ และ พี่bobenz อ่านก่อนนะคะ  :icon_smile: ถ้าตอนที่ 1 ผ่านการพิจารณาจากพี่ๆ
หลังจากที่แก้ไขปรับปรุงเนื้อเรื่องแล้วจะเอามาลงให้อ่านค่ะ

ป.ล.กรุณารอสักพักนึงนะคะ ผู้เขียนหน้าใหม่มากๆๆๆเพิ่งลงเป็นครั้งแรก ยังไงก็ช่วยติชมด้วยนะคะ




หาาาาาาาา :icon_lol:

พี่กับพี่โบว์เบนซ์พิจารณาแก้ไขปรับปรุง

ขนาดนั้นเลยเหรอ  น่ากลัวจริงๆ :icon_razz:
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ มณีจันทร์

  • **
  • 536
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • If you're my destiny I will meet you (may be !!!)
Re: อังคาสอวตาน (ผู้เขียนหน้าใหม่ขอฝากตัวด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 01:04:18 PM »
จะรอติดตามนะค่ะ...เป็นกำลังใจให้นักเขียนมือใหม่ด้วย

 :)

Re: อังคาสอวตาน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 08:27:39 PM »
บทนำ


 
ณ สวรรค์ชั้นเทวสถาน หลังจากที่พวกเกราะกายสิทธิ์ ได้กำจัดเหล่าร้าย ทุกคนมีชีวิตคู่ที่มีความสุข ได้รับพระมหากรุณาจากจอมเทพบนชั้นฟ้า ว่าเมื่อพวกเขาสิ้นอายุขัยตามชีวิตมนุษย์จะได้เกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์  ยกเว้นเพียง อังคาส เท่านั้นที่แม้ภายนอกเขาจะเป็นนักรบที่แข่งแกร่ง มีใจที่เด็ดเดี่ยวและห้าวหาญ แต่ลึกๆในใจเขานั้นยังรอเพียงบัวแย้มเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขายังเป็นมนุษย์ หรือเป็นเทพแล้วก็ตาม ก็ยังไม่เคยแลนางฟ้าหรือเทพธิดาที่ไหน อากัปกิริยาของเขานั้นจอมเทพเห็นมาโดยตลอด
จอมเทพ   : อังคาส เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่บนสวรรค์แล้ว เจ้ามีความสุขหรือป่าว
อังคาส           : ข้าพระพุทธเจ้ามีความสุขดีพระเจ้าค่ะ
จอมเทพ   : เรารู้ว่าลึกๆแล้วเจ้าต้องการอะไร หัดยอมรับเสียงเรียกในหัวใจของเจ้าเถอะ มันคงไม่ทำให้ใครคิดว่าเจ้าเป็นคนอ่อนแอหรอก เรามีภารกิจให้เจ้าลงไปทำในโลกมนุษย์ ตอนนี้สมุนของจอมเทพตนหนึ่งได้ถึงเวลาลงไปจุติในโลกมนุษย์ และเขาจะทำความเดือดร้อนไว้มาก เราอยากให้เจ้าลงไปปราบเทพตนนั้น
อังคาส           : พระเจ้าค่ะ ข้าพระเจ้าน้อมรับคำบัญชา
จอมเทพ   : ที่นั่น เจ้าจะได้พบกับคนที่เจ้ารอคอย แต่เจ้าจะจำอดีตชาติจากที่นี่ไม่ได้ เจ้าจะต้องค้นพบมันด้วยหัวใจของเจ้าเอง
อังคาส           : พะย่ะค่ะ (แอบยิ้มดีใจอยู่ลึกๆ ในที่สุดเขาก็จะได้พบกับบัวแย้ม คนที่เขารอคอยซะที)

******************************

                                                                            ติดตามตอนที่ 1 ได้เร็วๆนี้
[/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2010, 05:28:58 PM โดย ภูผา จันทรา »

ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
Re: อังคาสอวตาน (ผู้เขียนหน้าใหม่ขอฝากตัวด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 09:46:27 PM »
ว้าว เก่งจังเลยค่ะ น้องเอาใจช่วยนะคะพี่ สู้ๆๆ :icon_smile:

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: อังคาสอวตาร.....ตอนที่2 (ฝากติดตามและติชมด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2009, 11:14:45 PM »
ตกลงหนูจะเขียนแบบบทละครหรือว่าบทนิยายกันแน่อ่ะ
ตอนที่ 2 นี่อ่านไม่รู้เรื่องเลย  ไม่มีย่อหน้า  ไม่มีเครื่องหมายคำพูด


ตกลงว่า   อังคาสกับบัวแย้ม  เกิดใหม่เป็น  อินทรจักรกับจันทรัตน์ ??
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

Re: อังคาสอวตาร.....ตอนที่2 (ฝากติดตามและติชมด้วยนะคะ)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 12:06:26 PM »
 :icon_biggrin: :icon_biggrin:ขอบคุณนะคะพี่กาฬ

หนูจะปรับปรุงการเขียนให้ดีขึ้นนะคะ ยังไงหนูฝากพี่กาฬช่วยดูและติชมผลงานหนูด้วยเพราะหนูเขียนเรื่องนี้ เหมือนหนูหัดเขียนก. ไก่เลย
ยังไงก็สู้ๆ ค่ะ  :icon_idea: :icon_idea:  :icon_exclaim:

ป.ล.งั้นหนูเอาตอนที่2 ไปแก้ไขก่อนนะคะแล้วจะลงใหม่


                                                              ขอบคุณนะคะ
                                                                      :P :P

Re: อังคาสอวตาร ตอนที่1
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2009, 04:54:58 PM »
ตอนที่1 กำเนิดใหม่


ณ กุมภัณฑ์นคร
ท้าวกุมภัณฑ์ กับ มเหสีวารุณีเทวี ทำพิธีขอบุตรจากเทพวิษุวัติ จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขณะกำลังทำพิธีอยู่นั้น พลันบังเกิดเป็นหินเหล็กไฟขนาดใหญ่ลงมาตรงกลางพิธี หลังจากที่ควันไฟเริ่มจางลง ท้าวกุมภัณฑ์ก็เดินเข้าไปดู ก็ปรากฏว่าเป็นเด็กทารกเพศชายน่ารักนอนอยู่บนแท่นหิน


ท้าวกุมภัณฑ์         :  วารุณีเทวีน้องพี่ เจ้าดูของที่เทพวิษุวัติประทานมาให้เราซิ

มเหสีวารุณีเทวี         :  ก้มหน้าลงมองเด็กในมือของจอมอสุรา เด็กน้อยคนนี้จะเป็นลูกของเราเพคะ

ท้าวกุมภัณฑ์         :  พี่จะตั้งชื่อลูกของเราว่า บดินทร์ธร

มเหสีวารุณีเทวี         :  เพราะจังเลยเพคะ อนาคตเขาจะต้องเป็นจอมอสุราผู้ยิ่งใหญ่ไม่ผิดกับ
                                   พ่อของเขาเป็นแน่ แต่เอ๊ะ!เสด็จพี่ดูนั่นซิเพคะ
                                   พร้อมมองไปที่แท่นหินจู่ๆก็ปรากฏ เกราะสีดำวางอยู่

ท้าวกุมภัณฑ์         :  พี่คิดว่า เทพวิษุวัติ ประทานมาให้เป็นของคู่บุญบารมีกับลูกของเรา
                ต่อไปนี้ นครกุมภัณฑ์ของเราจะต้องยิ่งใหญ่เหนือแค้นใดทั้งหมด
                                    ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ

                                        **********************************
หริรัตนะนคร ณ ตำหนัก ศุภาลัย
 
องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย รออยู่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวาย ฉับพลัน ! ก็บังเกิดแสง อัสนีบาต ดังสะเทือนไปทั่วทั้งพระนคร พร้อมกับมีแสงสว่างอย่างหน้าประหลาดลอยเข้าไปในห้อง พร้อมๆกับเสียงร้องของเด็กน้อย อุแว้ๆๆ

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  เนตรเทวี แล้วรีบพลักบานประตูเข้าไปในห้อง

พระมเหสีเนตรเทวี         :  เสด็จพี่เพคะ ลูกเราเป็นพระโอรสเพคะ

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย   ก้มลงไปมองก็เห็นว่าในมือของพระโอรสองค์น้อยมีตรีศูลอยู่ในอุ้งมือ
                    :  นี่มันอะไรกัน

 พระมเหสีเนตรเทวี              :  น้องไม่ทราบเพคะ จู่ๆก็มีแสงสว่างเข้ามาในห้อง ดับความเจ็บปวด และ
                                           ทุกข์ทรมานให้น้อง แล้วตรีศูลก็ลอยมาอยู่ในมือของ
                                           ลูก พอองค์เหนือหัวจะทรงจับก็ปรากฏ ว่าตรีศูลอันนั้นลอยหาย
                                           เข้าไปในมือของพระโอรส นี่คงเป็นของคู่บุญบารมีลูกเรานะเพคะ

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  มองหน้าพระมเหสีแล้วก็พูดว่า พี่จะตั้งชื่อลูกว่า ปรมินทร์

พระมเหสีเนตรเทวี         :  ปรมินทร์ ลูกชอบชื่อนี้ไหมจ๊ะ

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  พรุ่งนี้เช้าพี่จะให้โหรหลวงมาตรวจดูดวงชะตาลูกเราแต่เช้า น้องพักผ่อน
                                           เถอะนะ

พระมเหสีเนตรเทวี         :  เพคะเสด็จพี่



เช้ารุ่งขึ้น
องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  นั่งอยู่บนบัลลังทองกลางท้องพระโรง โหรหลวงเจ้าจงตรวจดวงชะตา
                                           ของลูกเราซิว่าจะเป็นอย่างไร

โหรหลวง                 :  ข้าพระพุทธเจ้า ตามดวงชะตาของพระโอรสนั้น เป็นผู้มีบุญญาธิการลง
                                           มาจุติ พระเจ้าค่ะ  ภายภาคหน้าจะเป็นผู้มีชัย เป็นใหญ่เหนือแว่นแคว้น
                                           ใดในโลกาพระเจ้าค่ะ 

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย  ยิ้มให้กับพระมเหสีเนตรเทวี

โหรหลวง                 :  เอ่อ แต่ก่อนที่พระชันษา ของพระโอรส จะครบ 20 ชันษานั้นถ้ายังอยู่ใน
                                           บ้านเมืองจะเป็นตัวกาลีบ้านกาลี จะเป็นตัวชักนำสงครามต่างๆ เข้ามาไม่
                                           หยุดหย่อนพระเจ้าค่ะ

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  บังอาจ ลูกของเราจะเป็นตัวกาลีบ้านกาลีเมืองได้ยังไง พร้อมทั้งหันไปดู
                                           พระโอรสในอ้อมกอดของพระมเหสีเนตรเทวี ซึ่งตอนนี้พระมเหสีเนตร
                                           เทวี ทำท่าจะเป็นลมไปแล้ว พระองค์จึงต้องรีบประคองพระนางในอ้อมแขน   

โหรหลวง                     :  องค์เหนือหัว และพระมเหสีอย่าเพิ่งตกใจไปนะพระเจ้าค่ะ ทุกสิ่งทุก
                                           อย่างที่เกิดขึ้น ย่อมต้องมีทางแก้ไข นั่นคือส่งพระโอรสไปอยู่กับพระ
                                           ฤๅษีวาสุเทพ พอพระโอรสชันษาครบ 20 เมื่อนั้นค่อยเชิญเสด็จ พระโอรสกลับ
                                           บ้านเมืองพระเจ้าค่ะ

พระมเหสีเนตรเทวี         :  แต่ลูกของเรายังเป็นทารกอยู่เลย

โหรหลวง                 :  วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วพระเจ้าค่ะ

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  ถ้าเป็นดั่งที่โหรหลวงทำนายจริง ก็ถือซะว่าเราส่งลูกไปฝึกวิชาก่อนเวลา
                                           พอกลับมาอีกทีก็คงจะเป็นหนุ่มรูปงามพร้อมเก่งไปด้วยวิชาความรู้


     ฉับพลัน! นั้นข้าราชบริพารในท้องพระโรง ก็ต้องตกตะลึง เพราะ ฤๅษีวาสุเทพปรากฏกาย ณ ที่นั้น มหาบพิตร อาตมารู้ว่า มหาบพิตรต้องการสิ่งใด โปรดส่งพระโอรสน้อยมาให้อาตมาเถอะ มหาบพิตรทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงอาตมารับรองว่าพระโอรสจะสบายดีนะพระเจ้าค่ะ


องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  ท่านฤๅษีวาสุเทพ เราขอฝากลูกด้วย

ท่านฤๅษีวาสุเทพ         :  อาตมาขอให้องค์เหนือหัวจงมั่นใจ อาตมารับรองว่าจะดูแล
                                           พระโอรสให้ดีที่สุด

องค์เหนือหัวฉัตรแสงชัย      :  เนตรเทวี ส่งปรมินทร์ให้ท่านฤๅษีวาสุเทพเถอะ

พระมเหสีเนตรเทวี         :  มองหน้าพระสวามีด้วยความลังเล แล้วนางก็มอบพระโอรสให้ฤๅษีวาสุเทพ

ท่านฤๅษีวาสุเทพ         :  อาตมาขอทูลลา แล้วฤๅษีวาสุเทพก็หายตัวไป


องค์เหนือหัวได้แต่ยืนกุมมือพระมเหสีแล้วก็มองหน้ากันอย่างเศร้าพระทัยในโชคชะตาของพระโอรสของพระองค์เอง


                                     ************************************


สวรรค์ชั้นเทวสถาน

จอมเทพ            :  เราคิดไว้แล้วไม่มีผิด เทพวิษุวัติ จะต้องประทานเกราะเหล็กให้กับเทพบดิศร ที่ลงไปจุติใหม่

ลักษวดีเทวี                 :  แล้วเจ้าพี่จะทำยังไงล่ะเพคะ?  ลำพังจุติไปในรูปของเทพก็แย่แล้วยังมี
                                           อาวุธคู่กายไปอีก ต่อไปชาวมนุษย์จะต้องเดือดร้อนอีกมาก
                                           น้องคิดว่าเราน่าจะตัดไฟแต่ต้นลม แล้วให้บดินทร์ธรกำเนิดใหม่ในรูป
                                           มนุษย์ธรรมดา น่าจะเป็นการดีที่สุด พร้อมกับจะฉายตาไฟไปทำลาย
                                           บดินทร์ธร

จอมเทพ            :  ช้าก่อน! ลักษวดีเทวี เราทำยังงั้นไม่ได้ ไม่งั้นเทพวิษุวัฒน์จะหาว่าเราไม่
                                           ยุติธรรม ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จำเป็นต้องช่วยอังคาส อีกครั้ง แต่
                                           อังคาสจะต้องใช้ความสามารถของเขาเองในการตามหาของวิเศษชนิดนี้
 

      จอมเทพจึงหลับตาพร้อมอธิฐานนึกถึงเทพทั้ง 4 ธาตุ คือ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี พระพาย และ พระเพลิง


ฉับพลัน! ........ก็ปรากฏกาย เทพทั้ง 4 ออกมาตรงหน้าพระพักตร์


พระเพลิง            : จอมเทพ มีอะไรให้พวกข้าพระเจ้ารับใช้หรือพระเจ้าค่ะ

จอมเทพ            :  เราจะให้พวกท่าน เก็บรักษาดวงแก้วของพลังธาตุแต่ละชนิดไว้คนละ
                                           อย่างรอเวลาให้อังคาสที่ไปจุติในภพมนุษย์ ถึงกาลแก่เวลาได้ใช้พวก
                                           ท่านจึงค่อยมอบให้เขาทีหลัง

เทพทั้ง 4             :  พระเจ้าค่ะๆ  เพคะๆ

จอมเทพ            :  พระเพลิง ท่านเก็บ ดวงแก้วอัคคี

พระเพลิง            :  พระเจ้าค่ะ

จอมเทพ            :  พระแม่ธรณี ท่านเก็บ ดวงแก้วพสุธา

พระแม่ธรณี                 :  เพคะ

จอมเทพ            :  พระแม่คงคา ท่านเก็บดวงแก้ววารี

พระแม่คงคา                 :  เพคะ

จอมเทพ            :  ส่วนท่าน พระพาย ท่านเก็บดวงแก้ววาโย

พระพาย            :  พระเจ้าค่ะ

จอมเทพ            :  พวกท่านจงจำไว้ ท่านต้องเก็บรักษาดวงแก้วของธาตุทั้ง 4 ชนิดนี้ให้ดี
                         ที่สุด เพราะถ้าธาตุชนิดใดชนิดหนึ่งไปอยู่ในมือของคนชั่ว โลกมนุษย์จะ
                                           เดือดร้อนไปทุกข์ย่อมยาก

เทพทั้ง 4             :  พระเจ้าค่ะๆ เพคะๆ (กล่าวพร้อมกัน) พวกข้าพระเจ้าขอทูลลา


จอมเทพ หันไปมอง ลักษวดีเทวี

                                        :  น้องลืมอะไรไปหรือเปล่า พี่ว่าถึงเวลาได้แล้วนะ   


ลักษวดีเทวี                 :  เพคะ ว่าแล้วพระนางก็แบมือออกมาพร้อมกับอธิฐาน ก็ปรากฏเป็น
                                           ไข่มุกเม็ดงามเม็ดหนึ่ง แล้วท่านก็ส่งไข่มุกเม็ดนั้นลงไปใต้ท้องทะเล


 
                                             ********************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2010, 05:30:04 PM โดย ภูผา จันทรา »

Re: อังคาสอวตาร.....ตอนที่2
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 24, 2010, 02:23:05 PM »
ตอนที่ 2

   กาลเวลาหมุนเวียนผันผ่าน จากวันเปลี่ยนเป็นเดือน จากเดือนเลื่อนเป็นปี จากปีหนึ่งเลื่อนเป็นปีที่แปด มาบัดนี้โลกที่เคยสุขสงบกับเกิดเหตุการณ์วิบัติ นครที่เคยสุขสงบไร้กาลแย่งชิงอำนาจกับเกิดเหตุการณ์แย่งชิงความเป็นใหญ่ของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารคนสนิทของเทพบนชั้นฟ้า ทำให้นครใหญ่เล็ก ต่างเดือดร้อนไปทุกข์หย่อมยาก

ณ จักราชนคร

ท้าวกุมภัณฑ์   :  ทีนี้พวกเจ้าจะยอมเราหรือยังท้าวจักราช ตอนนี้นครของเจ้าก็ตกอยู่ใน
   มือของเราแล้ว ฮ่า ๆ ฮ่าๆ

ท้าวจักราช         :  ไอ้พวกคนเลว ถ้าไม่ใช่เพราะลูกของเจ้ามีเกราะเหล็ก เจ้าก็ไม่มีวันชนะ
                                   ข้าหรอก เราเผ่าพงศ์วงศ์ยักษ์เหมือนกันไยจึงต้องมาเผาผลาญกันด้วย
                                    เล่า พร้อมกับกระอักเลือดออกมา

อำมาตย์เดชา          :  องค์เหนือหัว ทรงเป็นอะไรมากไหมพระเจ้าค่ะ

ท้าวกุมภัณฑ์          :  เราไม่ได้ต้องการจะฆ่าเจ้า หรือทำลายนครแห่งนี้ แต่เราต้องการให้นคร
                 ของเจ้าเป็นเมืองขึ้นของเรา เจ้าก็เลือกว่าจะจงรักภัคดีต่อเรา หรือจะตาย
                                    กันทั้งนคร

ท้าวจักราช         :  ถุย! ถึงเราตาย เราก็ไม่ยอมเป็นทาสใคร

บดินทร์ธร         :   บังอาจ! ดี ทหารไปเอาลูกเมียของท้าวจักราชมาเราจะ
                                   ให้มันดูลูกกับเมียของมันตายไปต่อหน้าต่อตา ฮ่าๆ

พอทหารกำลังจะไปนำตัวพระมเหสีฉันทนากับพระธิดามานั้นท้าวจักราชจึงเอ่ยขึ้นก่อน

ท้าวจักราช          :  อย่า พระโอรสบดินทร์ธรข้ายอมแล้ว ท้าวกุมภัณฑ์ ข้าจะยอมเป็นทาส
                                    ของท่าน ได้โปรดอย่าทำร้ายลูกเมียของข้าเลย ต่อไปนี้นครจักราชจะ
                                     อยู่ภายใต้อำนาจกุมภัณฑ์นครของท่าน

บดินทร์ธร หันไปยิ้มด้วยความพอใจกับเสด็จพ่อ



ณ กุมภัณฑ์นคร

ท้าวกุมภัณฑ์          :  วันนี้เจ้าทำได้ดีมากบดินทร์ธร

บดินทร์ธร          :   ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ

มเหสีวารุณีเทวี เดินเข้ามาภายในท้องพระโรง   

                                 :   เป็นยังไงบ้างเพคะวันนี้

ท้าวกุมภัณฑ์          :  วันนี้ลูกของเราทำได้ดีทีเดียว ว่าพลางหันไปหาพระโอรส
                 จำเอาไว้นะบดินทร์ธรผู้ที่จะเป็นใหญ่ได้จะต้องหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว
               ผู้ที่อ่อนแอและใจอ่อนจะตกเป็นเบี้ยของคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ

บดินทร์ธร          : พระเจ้าค่ะ ลูกจะจำเอาไว้
                เสด็จพ่อ เสด็จแม่พระเจ้าค่ะ  ลูกขอทูลลาไปพักผ่อนก่อนนะพระเจ้าค่ะ

มเหสีวารุณีเทวี          : ไปเถอะ ลูกรัก


**********************************
 

ณ กระท่อมของพระฤๅษี วาสุเทพ

        พระโอรสปรมินทร์นั่งสมาธิอยู่ภายในกระท่อม แต่ก็แอบลืมตาดูว่า ท่านตายังนั่งสมาธิอยู่หรือไม่ พอเห็นว่าท่านตากำลังนั่งสมาธิอยู่ก็เลยค่อยๆ คลานออกไปข้างนอกกระท่อม

ฤๅษีวาสุเทพ         : พระโอรสจะทรงออกไปไหน! ตาให้พระโอรสนั่งสมาธิ สงบจิตใจไม่ใช่
                                  หรอกหรือ ฤๅษีวาสุเทพพูดโดยที่ยังไม่ได้ลืมตา

พระโอรสปรมินทร์      : หลานว่าจะออกไปหาผลไม้มาให้ท่านตาพระเจ้าค่ะ เห็นว่านี่ก็ใกล้จะเย็น
                                  แล้ว เกรงว่าถ้าไปหาให้ช้ากว่านี้กลัวท่านตาจะหิวซะก่อน

ฤๅษีวาสุเทพ         : พระโอรสไม่เห็นหรืออย่างไรหน้ากระท่อมก็ยังมีผลไม้อยู่

พระโอรสปรมินทร์      : เอ่อ หลาน ……
              นั่งทำหน้าผิดหวังเพราะว่าโดนท่านตาจับได้ว่าจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก

ฤๅษีวาสุเทพ         : เอาเถอะ ถ้าพระโอรสยากออกไปข้างนอก ก็ไปได้ แต่ก็ไม่ควร เถลไถล
                                  ให้มาก เพราะป่าตอนกลางคืนมันอันตราย

พระโอรสปรมินทร์      : พระเจ้าค่ะ


   ภายนอกกระท่อม พระโอรสปรมินทร์ทรงหงายพระหัตถ์ ก็ปรากฏตรีศูลอาวุธคู่กายออกมา แล้วทรงโยนตรีศูลขึ้นไปข้างบน  ฉับพลัน! ง่ามทั้งสามก็กางออกเฉกเช่นเดียวกับกงจักร ส่วนด้ามก็หดสั้นขึ้น แล้วพระโอรสปรมินทร์ก็ขึ้นไปยืนบนนั้น แล้วเหาะไปที่ป่าหิมพานต์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2010, 09:58:30 PM โดย ภูผา จันทรา »

Re: อังคาสอวตาร.....ตอนที่3
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 24, 2010, 02:25:53 PM »
ตอนที่ 3

ณ ป่าหิมพานต์

พระโอรสปรมินทร์  ทรงเหาะเที่ยวเล่น   ในป่าหิมพานต์ไปเรื่อย ๆ แล้วก็เห็นการต่อสู้อยู่เบื้องหน้าจึงได้เหาะไปดูใกล้ ๆ  ก็ปรากฏเด็กผู้หนึ่งใบหน้ารูปงาม แต่แฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยมทั้งๆที่วัยก็น่าจะไล่เลี่ยกับตน กำลังใช้อาวุธที่มีลักษณะเป็นเกราะโจมตีสัตว์หิมพานต์ตัวหนึ่งซึ่งมีลักษณะครึ่งม้าครึ่งนก สภาพร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ และกำลังจะสิ้นท่าต่อหนุ่มน้อยผู้นั้น พระโอรสปรมินทร์จึงได้ร้องห้ามการกระทำของเด็กคนนั้น 


พระโอรสปรมินทร์        : หยุดก่อน! ทำไมเจ้าถึงได้ทำร้ายสัตว์ที่อ่อนแอกว่าด้วย

บดินทร์ธร         : แล้วจะทำไม เจ้ามนุษย์อ่อนแอ ถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัวก็รีบไสหัวไปซะ
                                  เพราะตอนนี้เรากำลังอารมณ์ดี

พระโอรสปรมินทร์        : เราว่าเจ้าต่างหากที่ควรไปซะ
              ว่าพลางก็จ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว แล้วเปลี่ยนจากกงจักรให้เป็น
                                  ตรีศูลเหมือนเดิม

บดินทร์ธร         : ดี! แล้วซัดพลังเกราะเหล็กใส่พระโอรสปรมินทร์

พระโอรสปรมินทร์      : หลบอย่างว่องไว แล้วตอบโต้ด้วยตรีศูลทันทีทันใด


ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน โดยที่ยังไม่มีผู้ใดแพ้หรือชนะ พอได้จังหวะที่บดินทร์ธรกำลังเสียหลัก พระโอรสปรมินทร์ก็เปลี่ยนตรีศูลเป็นกงจักร ฟันเกราะเหล็กเป็นรอยร้าว


 บดินทร์ธร         : เจ้า! 


เซ ไปข้างหลังแล้วเอามือจับเกราะเหล็ก เมื่อก้มมองดูพบว่าเกราะปรากฏรอยร้าว ทั้งๆ ที่มนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะต้านทานพลังอำนาจของเกราะเหล็กที่มีอิทธิฤทธิ์มากขนาดนี้ได้ เพราะไม่ว่าเทวดาหรือยักษ์หน้าไหนก็ยากที่จะต่อกร


บดินทร์ธร           : ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้ามนุษย์ เราคงจะได้เจอกันอีกในไม่ช้า


ว่าพลางพร้อมส่งสายตาอาฆาตแค้นมาให้พระโอรสปรมินทร์ แล้วก็หายตัวกลับไป



พระโอรสปรมินทร์        : อย่าลืมละกัน เราไม่ชอบรับฝากใครนาน ๆ



แล้วหันไปดูเจ้าสัตว์หิมพานต์ตนนั้น  เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง พลางสำรวจบาดแผลทั่วตัวของสัตว์หิมพานต์ แล้วร่ายเวทย์ไปยังสัตว์หิมพานตนนั้น ฉับพลันร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลกลับหายสนิท เหมือนไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมาก่อน เมื่อเพ่งพิศลักษณะของเจ้าสัตว์หิมพานต์ตัวนี้ดีๆแล้ว กับเป็นอาชาครึ่งนกที่สง่างาม ทั่วทั้งลำตัวเป็นสีทองผ่องอำไพ ปีกและขนคอเป็นสีชาด กีบและหางเป็นสีดำสนิท เด็กคนนั้นช่างใจร้ายเสียนี่กระไร ถึงคิดจะทำร้ายสัตว์ที่สวยงามเช่นนี้ได้


อัสดรวิหค          : หม่อมชั้นไม่เป็นไรมากพระเจ้าค่ะ

พระโอรสปรมินทร์       :  เจ้าพูดได้ (มองด้วยความแปลกใจ)

อัสดรวิหค          : พระเจ้าค่ะ

พระโอรสปรมินทร์       :  งั้นเจ้าก็ไปได้แล้ว แล้วก็ระวังตัวอย่าให้ใครทำร้ายได้อีกล่ะ นี่ก็เย็นมาก
                                     แล้วเราเห็นจะต้องกลับซะที

พอพูดจบพระโอรสปรมินทร์ก็เหาะกลับกระท่อม แต่ก็ต้องหยุดกลางคันเพราะเห็นเจ้าสัตว์หิมพานต์นั้นตามมา
              :  เราบอกให้เจ้ากลับไปไง

อัสดรวิหค             : หม่อมชั้นขอติดตามเป็นข้ารับใช้พระโอรส พระเจ้าค่ะ

พระโอรสปรมินทร์       :  เราช่วยเจ้าเพราะว่าเจ้าบาดเจ็บไม่มีทางสู้ ไม่ใช่ต้องการสิ่งตอบแทน

อัสดรวิหค           : ตั้งแต่ที่พระโอรสช่วยชีวิตของข้าพเจ้าไว้ ชีวิตของข้าพเจ้าก็เป็นของ
                                   พระองค์แล้ว  ข้าพเจ้า ชื่อ อัสดรวิหค หรือเรียกสั้นว่าพี่อัสก็ได้ พระเจ้าค่ะ


พระโอรสปรมินทร์    มองไปที่แววตาของ สัตว์หิมพานต์ตนนั้น  ซึ่งเต็มไปด้วยความจริงใจและจงรักภัค
                         ดี และก็ทรงอยากมีเพื่อนเล่นในป่าด้วย

                                 : ต่อไปนี้เจ้าคือเพื่อนแท้หนึ่งเดียวของเรา แล้วพระโอรส
                                    ปรมินทร์ก็ขึ้นขี่อัสดรวิหค เหาะกลับไปยังกระท่อมของท่านตา

                                                     ***********************
กระท่อมของฤๅษีวาสุเทพ


พระโอรสปรมินทร์       :  พี่อัส รออยู่ข้างนอกนะ เดี๋ยวเราจะเข้าไปหาท่านตาในกระท่อมก่อน

อัสดรวิหค               : พระเจ้าค่ะ

ฤๅษีวาสุเทพ      ออกมาหาพระโอรสหน้ากระท่อม
             :  เสด็จกลับมาแล้วหรือพระโอรส แล้วนั่นใครล่ะน่ะ

พระโอรสปรมินทร์       :  ท่านตา นี่พี่อัสพระเจ้าค่ะ

อัสดรวิหค               : หม่อมชั้นขอฝากเนื้อฝากตัวกับท่านตาอีกคนนึงนะ พระเจ้าค่ะ

ฤๅษีวาสุเทพ      มองไปที่อัสดรวิหค แล้วเห็นว่าเป็นสัตว์คู่บุญของพระโอรส  ก็ไม่ว่าอะไร
             : พระโอรส ตาสั่งแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ก่อเรื่อง รู้ไหมว่าสิ่งที่พระโอรสทำ
                                   ในภายหน้าจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้น

พระโอรสปรมินทร์       :  มันจำเป็นนะท่านตา ท่านตาลืมแล้วหรอจ๊ะว่าท่านตาสอนหลานให้มี
                                     ความเมตตาต่อสัตว์โลก หลานเห็นมันกำลังจะตาย หลานก็เลยเข้าไปช่วย

ฤๅษีวาสุเทพ      ถอนหายใจ เพราะถึงจะห้ามหรือเตือนอย่างไรก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นได้
                                 : พระโอรส กับเจ้าอัส ทรงไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อน ซะก่อนเพราะ
                                   เหนื่อยกันมามากแล้ววันนี้

พระโอรสปรมินทร์       :  พระเจ้าค่ะ แล้วหันไปยิ้มกับพี่เหมเพราะเห็นว่าท่านตาไม่ดุกับเรื่องที่
                                     เกิด


ก่อนหน้านั้นที่กุมภัณฑ์นคร


บดินทร์ธร       หลังจากที่เห็นเกราะเหล็กเป็นรอยร้าวก็รีบกลับมาที่นคร
              : เสด็จพ่อ พระเจ้าค่ะ รีบเข้ามาหาเสด็จพ่อในห้องสรรพยา

ท้าวกุมภัณฑ์          :  อ้าว! ทำไมกลับมาเร็วล่ะ

บดินทร์ธร          : เสด็จพ่อดูเกราะเหล็กนี่ซิพระเจ้าค่ะ

ท้าวกุมภัณฑ์      ทรงมองที่เกราะเหล็กแล้วเห็นเป็นรอยร้าว
             :  เป็นไปไม่ได้! เจ้าไปทำอะไรมา

บดินทร์ธร       เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เสด็จพ่อฟัง

ท้าวกุมภัณฑ์          :  ไม่น่าเชื่อว่าอาวุธวิเศษของเด็กมนุษย์ตัวเล็ก ๆ จะมีอณุภาพมากขนาดนี้
     แสดงว่ามันต้องไม่ใช่เด็กธรรมดา

บดินทร์ธร          : ถึงมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่ลูกก็ต้องฆ่ามันให้ได้

ท้าวกุมภัณฑ์          :  แต่ก่อนที่จะกลับไปแก้แค้น เราต้องแก้ไขปัญหาที่เกราะเหล็กซะก่อน
         พูดจบท้าวกุมภัณฑ์ก็พาพระโอรสขึ้นไปเข้าเฝ้าเทพวิษุวัติบนสวรรค์

บนสรรค์ท้าวกุมภัณฑ์กับบดินทร์ธรนั่งเข้าเฝ้าเทพวิษุวัติ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พระองค์ฟัง


เทพวิษุวัติ           : ถูกแล้วเด็กมนุษย์และอาวุธวิเศษของมันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป
                แต่มันเป็นเทพบุตรลงไปจุติ และอาวุธวิเศษ จอมเทพก็เป็นคนประทาน
                                     ให้กับมัน ทำให้เกราะเหล็กเป็นรอยร้าวและเราก็ไม่สามารถที่จะหลอม
                                      เกราะเหล็กให้ฟื้นคืนได้

บดินทร์ธร            : แล้วข้าพระองค์จะทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ

เทพวิษุวัติ            : หน้าที่ของเจ้าก็คือ ตามไปฆ่ามันและชิงอาวุธวิเศษของมันมาให้เรา
                       พูดพลางก็ประทานน้ำทิพย์มาให้บดินทร์ธร

               : เจ้าจงนำน้ำทิพย์ ไปเทในสระมรกตแล้วฝึกพระเวทย์จนกว่าจะแก่กล้า
                                     เมื่อถึงเวลานั้นพลังอณุภาพของเกราะเหล็กจะฟื้นคืนและหลอมรวม
                                     เช่นเดิม 

บดินทร์ธร            : พระเจ้าค่ะ

                                          *****************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2010, 09:57:59 PM โดย ภูผา จันทรา »

Re: อังคาสอวตาร.....ตอนที่3
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 24, 2010, 02:29:30 PM »
อ่านแล้วยังไงช่วยติชมผลงานด้วยนะคะ :icon_smile: :'(
เพราะว่าจะได้นำไปปรับปรุงการเขียนค่ะ :icon_eek: :icon_eek:


                               ขอบคุณค่ะ :icon_biggrin: :icon_biggrin: