ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )
« เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 05:22:54 PM »

พอดีวันนี้ ได้มีโอกาส เข้าร่วมฟังการสัมนาเรื่องการ์ตูนแอนิเมชั่น มาค่ะ ก็เลยเอามาฝากเพื่อพี่น้องบอร์ดบอยด้วยนะคะ

ถ้าใครยังไม่เคยดู ตอนนี้มีดีวีดี ให้ซื้อเก็บค่ะ ภาพสวยมากๆ แถม คนวาดเป็น ชุดเดียวกับ การ์ตูนของวอลดิสนี่ย์ เรื่อง มู่หลาน ด้วยนะคะ อ่ะอย่าคิดว่าจ้างฝรั่งมาวาดนะคะ

คนไทยนี่แหละค่ะวาด วาดให้วอลดิสนีย์มาตั้งนานแล้วด้วย แล้วเรื่องนี้ถือว่า ลงทุนไปเยอะ เป็นร้อยๆ ล้าน เห็นถึงความตั้งใจจริงๆค่ะ 



เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )
<a href="http://www.youtube.com/v/J3QAvMb7ROY&amp;color1=0xb1b1b1&amp;color2=0xcfcfcf&amp;hl=en_US&amp;feature=player_embedded&amp;fs=1&quot; type=&quot;application/x-shockwave-flash" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/J3QAvMb7ROY&amp;color1=0xb1b1b1&amp;color2=0xcfcfcf&amp;hl=en_US&amp;feature=player_embedded&amp;fs=1&quot; type=&quot;application/x-shockwave-flash</a>

<a href="http://www.youtube.com/v/5J2JSU_Q--w&amp;color1=0xb1b1b1&amp;color2=0xcfcfcf&amp;hl=en_US&amp;feature=player_embedded&amp;fs=1&quot; type=&quot;application/x-shockwave-flash" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/5J2JSU_Q--w&amp;color1=0xb1b1b1&amp;color2=0xcfcfcf&amp;hl=en_US&amp;feature=player_embedded&amp;fs=1&quot; type=&quot;application/x-shockwave-flash</a>

 :icon_smile:

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 05:33:47 PM »
พระพุทธเจ้า : The Life of Buddha

          มาดู ตัวอย่างหนัง พระพุทธเจ้า The Life of Buddha  ก่อนใคร กับ คลิปตัวอย่างหนัง หรือ หนังตัวอย่าง
ภาพประกอบ หนังตัวอย่าง มากมาย คนชอบ ดูหนัง คลั่งไคล้ Movie หรือ ภาพยนตร์ ทั้ง หนังไทย หนังเกาหลี หนังฝรั่ง
ไม่ว่าจะเป็นแอ็คชั่น โรแมนติก ดรามา คอมเมดี้ ระทึกขวัญ สยองขวัญ แฟนตาซี วิทยาศาสตร์ ต้องห้ามพลาด




กำหนดฉาย : 5 ธันวาคม 2550
ที่ปรึกษาวิชาการ : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้ผลิต : บริษัท มีเดียสแตนดาร์ด จำกัด


หลักการและเหตุผล

         ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพุทธมามกะ เป็นที่ประจักษ์ ชัดแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประพฤติพระองค์ เป็นพุทธศาสนิกชนที่ประเสริฐเคารพนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย และทรงเชิดชูพระพุทธเจ้าด้วยการน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้ในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์ของชาวไทยจนทำให้ได้รับคำ สดุดีพระเกียรติคุณจากพสกนิกรชาวไทยว่า ทรงเป็นพระธรรมิกราช (พระราชาผู้ทรงธรรม)

          "พระพุทธเจ้า" คือ เรื่องราวของ พระพุทธเจ้า นับตั้งแต่ประสูติ เสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้ บำเพ็ญเพียร จนถึงตรัสรู้และเสด็จจาริก ออกแสดงธรรม โปรดสัตว์โลก ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีพุทธศาสนิกชนชาติต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น รวมทั้งชาวยุโรป พยายามทำพระประวัติ ส่วนนี้ออกเผยแพร่ในรูปของการ์ตูน แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ บางเรื่องบางตอนก็มีเนื้อหาขัดแย้งกับคัมภีร์พระไตรปิฎก และอรรถกถาบาลี ซึ่งถือว่าเป็น แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับพระประวัติของพระพุทธเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของโลก

          ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนา ประจำชาติ น่าจะได้มีการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนเกี่ยวกับพระประวัติของพระพุทธเจ้าที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับพระไตรปิฎก และอรรถกถาออก เผยแพร่เป็นพุทธบูชา อีกทั้งในปี พ.ศ. 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ควรที่พสกนิกรชาวไทย จะได้มีสิ่งสำคัญสูงสุดไว้ถวายให้เป็นพระเกียรติยศสืบไป กลุ่มธรรมะการ์ตูนเห็นความสำคัญทั้ง 2 ประการนี้จึงได้ ตกลงร่วมมือกับ บริษัท มีเดียสแตนดาร์ด จำกัด จัดทำโครงการภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง "พระพุทธเจ้า" เพื่อนำออกเผยแพร่ โดยมีมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาการ และแปลเป็นภาษา นานาชาติ 5 ภาษาเป็นอย่างน้อย คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเยอรมัน

วัตถุประสงค์ของโครงการ

          • เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชวโรกาสที่จะทรงมี พระชนมายุครบ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550
          • เพื่อเผยแพร่พระประวัติของพระพุทธเจ้า
          • เพื่อผลิตสื่อการสอน การเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ทันสมัย และเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ให้กับวัด โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้องสมุดทั่วประเทศ
          • เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และยกระดับการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในเมืองไทยให้ก้าวไกลไประดับสากล ด้วยภาพยนตร์ การ์ตูน Animation ฝีมือคนไทยซึ่งมีเทคโนโลยีการสร้างภาพแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

          • จะได้ภาพยนตร์การ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้าAnimation ฝีมือคนไทย ถวายเป็นพุทธบูชาและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

          • จะได้สื่อการสอนและการเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ทันสมัยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ได้ทั้งในประเทศและนานาชาติถึง 5 ภาษา

          • จะได้ทำให้ฝีมือคนไทยก้าวไกลสู่ระดับสากล อันจะเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติ

          โครงการนี้ได้นำเนินงานมาแล้ว ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๔๖ จนขณะนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว โดยกำหนดสิ้นสุดของโครงการคือ เดือนตุลาคม 2550 และคาดว่าจะเผยแพร่สู่สายตาประชาชนในเดือน ธันวาคม 2550

จุดเด่นของภาพยนตร์

          • ภาพยนตร์เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดำเนินตามพระไตรปิฎก และอรรถกถา คณะผู้สร้างได้คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละคร ซึ่งต้อง เผชิญ ทั้งสุขและทุกข์ ความสมหวังและความผิดหวัง

          • อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า แม้เป็นเรื่องที่คนยุคปัจจุบันรับได้ยาก คณะผู้สร้างก็มิได้มองข้าม และพยายามเสนออย่าง สมเหตุสมผลเพื่อให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับบุคคลสำคัญอย่างพระพุทธเจ้า

          • สถานที่สำคัญตามพุทธประวัติ คณะผู้สร้างภาพยนตร์ได้ศึกษาจัดทำ และวางแผนงานอย่างละเอียด จนทำให้ได้ภาพแต่ละภาพที่เนียน นุ่มความละเอียดละไมสวยงาม

          • ตัวละครต่างๆ นั้น คณะผู้สร้างได้ศึกษาจินตนาการ  ให้ตรงกับรูปแบบของคนในยุคนั้นอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  แต่ให้มีอิสระใน แนว ความคิดอันหลากหลายเพื่อขยายแนวการตลาดก้าวสู่ตลาดสากล

          • ภาพโดยรวมของภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้กลมกลืนกันทั้งเรื่อง บนพื้นฐานของการศึกษาวิจัยอย่างละเอียด ออกแบบฉากต่างๆ ให้ตาม สภาพสังคม บ้านเมืองแถบชมพูทวีป ครั้งก่อนพุทธกาล และร่วมสมัยพุทธกาล โดยระดมสติปัญญา ทั้งจากฝ่ายผู้รู้ทางพระไตรปิฎก และผู้ศึกษาทาง ด้านภูมิสถาปัตย์ ตามสภาพที่เป็นจริงในขณะนั้น แล้วถ่ายทอดให้นักออกแบบสร้างสรรค์ผลงาน ออกมาเป็นภาพยนตร์การ์ตูน ที่มีความสมบูรณ์ และงดงามอลังการในทุกด้าน และพากย์เสียงโดย ศิลปิน ดารา และ ผู้มีชื่อเสียง


ข้อมูลและภาพประกอบจาก
เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์เรื่อง The Life Of Buddha : พระพุทธเจ้า

credit : http://hilight.kapook.com/view/17260





ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 05:42:11 PM »

ประวัติพระพุทธเจ้า : The Life of Buddha


ชื่อภาษาอังกฤษ :                The Life of Buddha

แนว :                              อันนิเมชั่น / อัตชีวประวัติ / ประวัติศาสตร์
 
นักแสดง :          n/a

ผู้กำกับ :            n/a       

ผู้สร้าง :                    บริษัท มีเดียสแตนดาร์ด จำกัด

โปรแกรมฉายในไทย :   05-10-2007





เรื่องย่อ

ประเทศไทย เป็นเมืองพุทธ มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพุทธมามกะ เป็นที่ประจักษ์ ชัดแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประพฤติพระองค์ เป็นพุทธศาสนิกชนที่ประเสริฐเคารพนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย และทรงเชิดชูพระพุทธเจ้าด้วยการน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้ในการบำเพ็ญพระ ราชกรณียกิ
จ เพื่อประโยชน์ของชาวไทยจนทำให้ได้รับคำ สดุดีพระเกียรติคุณจากพสกนิกรชาวไทยว่า ทรงเป็นพระธรรมิกราช (พระราชาผู้ทรงธรรม)

"ประวัติ พระพุทธเจ้า" คือ เรื่องราวของ พระพุทธเจ้า นับตั้งแต่ประสูติ เสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้ บำเพ็ญเพียร จนถึงตรัสรู้และเสด็จจาริก ออกแสดงธรรม โปรดสัตว์โลก ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีพุทธศาสนิกชนชาติต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น รวมทั้งชาวยุโรป พยายามทำพระประวัติ ส่วนนี้ออกเผยแพร่ในรูปของการ์ตูน แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ บางเรื่องบางตอนก็มีเนื้อหาขัดแย้งกับคัมภีร์พระไตรปิฎก และอรรถกถาบาลี ซึ่งถือว่าเป็น แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับพระประวัติของพระพุทธเจ้าที่เก่าแก่ ที่สุดของโลก ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนา ประจำชาติ น่าจะได้มีการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนเกี่ยวกับพระ ประวัติของพระพุทธเจ้าที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับพระไตรปิฎก และอรรถกถาออก เผยแพร่เป็นพุทธบูชา อีกทั้งในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา ควรที่พสกนิกรชาวไทย จะได้มีสิ่งสำคัญสูงสุดไว้ถวายให้เป็นพระเกียรติยศสืบไป กลุ่มธรรมะ การ์ตูนเห็นความสำคัญทั้ง ๒ ประการนี้จึงได้ตกลงร่วมมือกับ บริษัท มีเดียสแตนดาร์ด จำกัด จัดทำโครงการภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง "ประวัติพระพุทธเจ้า" เพื่อนำออกเผยแพร่ โดยมีมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาการ และแปลเป็นภาษา นานาชาติ ๕ ภาษาเป็นอย่างน้อย คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเยอรมัน

ฉากเด็ดในหนัง











เครดิต : http://movie.thaiza.com


ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 05:50:33 PM »
ชอบภาพ สวรรค์ทั้ง 6 ชั้นมากเลยค่ะ

ยิ่งภาพ สวรรค์ ชั้นดุสิต ภาพนี้ สวยสุดๆ เป็น สวรรค์ชั้นที่พระพุทธเจ้าอยู่ก่อนที่จะ มาจุจฃติในภพภูมิของมนุษย์เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า




อีกภาพ เป็นภาพ สวรรค์ทั้ง 6ชั้นนะคะ ที่เป็น bg หลังพระพุทธเจ้า



ภาพที่เหลือค่ะ
















เครดิต : http://www.budpage.com/forum/view.php?id=161

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 05:53:20 PM »
ช่วยกันสนับสนุนภาพยนตร์ประวัติพระพุทธเจ้าผีมือคนไทย (ล้วนๆ)
( copy มาจากเวบ pantip.com นะครับ )

ภาพยนตร์การ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้าผีมือคนไทย (ล้วนๆ) เกือบจะเสร็จแล้วครับ
เมื่อปลายปี 48 เมื่อผมตั้งใจที่จะทำรายการธรรมะสำหรับเด็กและเยาวชน ได้ไปประชุมกันที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มีท่านว.วชิรเมธี เป็นประธานการประชุม

เราคุยกันหลายเรื่อง ท่านว. เสนอให้นำพระบรมราโชวาทของในหลวงมาทำเป็นละคร กึ่งเรียลลิตี้ เพื่อให้เห็นขั้นตอนการทำงานของพวกเขา ผ่านความคิดที่สร้างสรรค์และได้เรียนรู้ พระบรมราโชวาทของในหลวงท่านไปด้วย
เพราะปีนั้นเรียลลิตี้กำลังมาแรงสุดๆๆ

หลังจากที่ทุกคนสรุปจบเรื่องที่ตนเองอยากทำกันหมดแล้ว เป็นคราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวัยกลางคน สีหน้าเรียบเฉย รับฟังพวกเราอย่างตั้งใจทุกครั้งที่ผมหรือเพื่อนในกลุ่มคุยกัน เธอก็จะอมยิ้มน้อยๆ ราวกับแม่ที่ชื่นชมในความคิดของลูกๆ

ผมไม่รู้ว่าเธอคือใคร ไม่รู้ว่าเธอมาทำไม และไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวอะไรกับการทำสื่อ ที่ออกจะเน้นเด็กๆ และวัยรุ่นแบบนี้ เพราะท่าทางเธอดูนิ่ง ...เฉยจนพวกเราไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวข้องด้วย

ก่อนที่ทุกอย่างจะจบ ด้วยข้อสรุปของพวกเรา ผมหันไปถามเธอว่า เธอมีไอเดียอะไรมาเสนอหรือ

เธอหยิบแฟ้มงานเล่มใหญ่ ซึ่งหน้าแรกๆ เต็มไปด้วยเอกสารที่เกี่ยวกับบริษัทอะไรซักอย่าง เธอพูดอย่างกระตือรือร้นถึงพ้นงานที่เธอเตรียมมานำเสนอ ให้ที่ประชุมของเราดูกัน

ผมแทบจะไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่าคงเป็นงานที่ผู้ใหญ่คิดและยัดเยียดให้เด็กดูตามปกติเหมือนที่เคยร่วมงานมา

แต่เมื่อเธออธิบายพร้อมทั้งเปิดพลิกข้ามหน้าไปที่หน้าที่มีภาพประกอบ

สายตาทุกคู่ของเราทุกคนที่อยู่ในที่นั้นหยุดมองเป็นตาเดียวกัน เพราะมันเป็นภาพการ์ตูน ที่สวยที่สุดที่ผมเคยเห็นมามันหยุดอยู่ตรงหน้าของผม

ภาพพระพุทธเจ้า ในฉบับวอลดิสนีย์ (ผมคิด)

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็น เธอยังคงเป็นภาพในหน้าถัดๆไปให้ผมดูอย่างกระตือรือร้น แต่เป็นผมเองที่หยุดภาพเหล่านั้นให้ช้าลง เพราะทุกอิริยาบถที่เคยจินตนาการ มันกำลังโลดแล่นอยู่ตรงหน้าอย่างมีชีวิตชีวาและสีสันสะดุดตาสุดๆๆ

เธออธิบายว่าสิ่งที่เธอทำคือ ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น
ชื่อเรื่องว่า ประวัติพระพุทธเจ้า หรือ The life of Buddha

เป็นฝีมือการวาดของคนไทย .....ผมถามย้ำคนไทยจริงหรือ .....นี่มันวอลดิสนีย์ชัดๆ

เธอบอกว่า นี่แหละ...ที่วอลดิสนีย์ก็ฝีมือคนไทย

ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะมีสื่อที่ดีที่สุดและสวยที่สุดเกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนั้น

วันนั้นแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ดึกมากๆแล้ว แต่ทั้งผมและท่านว.ต่างใจจดใจจ่อกับการอธิบาย ผลงานและแนวคิดที่เป็นรูปธรรมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดของเธอคนนี้ โดยลืมสิ่งที่เราคุยกันมาอย่างยาวนานไปเสียสิ้น

เธอแนะนำตัวเองว่า ชื่อ ดร. วัลลภา พิมพ์ทอง

เราตัดสินใจตามเธอไปดูสำนักงานที่วาดการ์ตูน เป็นตึกแถวคูหาเดียวแถวถ.วงศ์สว่าง เลยบิ๊กซีวงศ์สว่างไปหน่อย

หลังจากดูทุกอย่างเรียบร้อย เราค่อยมีเวลาสงบใจนั่งคุยกัน จึงได้ทราบปํญหาจากเธอว่า หนังเรื่องนี้ สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาที่เธอมีต่อพุทธศาสนาและพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเธอไปเรียนต่อปริญญาเอก ที่อินเดีย

ประกอบกับเธอทำสื่อเพื่อการศึกษาของเด็กอยู่แล้ว และตอนนั้นมีหน่วยงานของรัฐหน่วยงานหนึ่งมาว่าจ้างเธอให้อบรมการเขียนแอนนิเมชั่นให้กับคนจำนวนหนึ่ง ประมาณ 120 คน โดยเซ็นสัญญาว่าจ้างกัน ต่อมาภายหลังคนที่จบไปไม่ครบ หน่วยงานดังกล่าวจึงถือโอกาสเบี้ยวค่าจ้างที่เซ็นสัญญากับเธอไว้ โดยที่เธอได้เริ่มและตั้งใจที่จะทำหนังแอนนิเมชั่นเรื่องนี้ เพื่อรองรับคนที่จะจบมา เพราะเชื่อว่า ด้วยงบที่หน่วยงานของรัฐดังกล่าวสนับสนุน คงพอที่จะทำให้เสร็จ แต่เมื่อเกิดการเบี้ยวสัญญาขึ้น ทำให้เธอต้องรับผิดชอบภาระทั้งการผลิตหนังและคนที่จบออกมา

เพราะเธอเสียดายทั้งความทุ่มเทและโอกาสที่เราจะได้มีหนังการ์ตูนไทยดีๆแบบนี้

จึงตัดสินใจ รวมทีมที่สอน คือคนที่เคยวาดให้กับทางวอลดิสนีย์และทีมที่เรียน จำนวนหนึ่ง ....วาดต่อ
และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตัวเธอเอง พร้อมกับดำเนินการฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐ

เวลาผ่านไป งบประมาณจากที่ตั้งไว้ 50 ล้านเริ่มบานปลายออกไป แพงสุดคือ ค่าแรงการวาด เพราะต้องละเอียดมากถึง 24 ภาพต่อวินาที

เธอเริ่มเอาที่ดินมาจำนอง จำเป็นต้องขายบ้าน เริ่มกู้หนี้ ยืมสิน พี่น้อง เครือญาติ

ตอนแรกผมไม่คิดว่าเธอจะเดือดร้อนอะไรมากมายและคิดว่าเราจะช่วยอะไรไม่ได้มาก

คิดแต่ว่าจะช่วยกันทำให้หนังนี้ออกไปสู่สายตาคนดูมากที่สุด เราจึงตั้งกลุ่มกันขึ้นมาชื่อว่า ธรรมะการ์ตูน 80 พรรษามหาราช เป็นชื่อที่ท่านว.ตั้งขึ้น

เพื่อขับเคลื่อนให้หนังเรื่องนี้ ไม่ต้องออกมาในรูปของธุรกิจ

ดร.วัลลภา ซึ่งต่อมาผมเรียกท่านว่า อาจารย์วัลลภา เห็นด้วย
เพราะเจตนารมณ์ของเธอ คือต้องการให้เรามีสื่อที่ดี ที่ดูได้ชั่วลูกชั่วหลาน เป็นบุญกุศลที่ทำร่วมกัน

มติกลุ่มเบื้องต้น เรียนเชิญ ท่านอาจารย์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นที่ปรึกษา

ผมดำเนินการกราบเรียนเชิญท่าน ท่านดร.สุเมธ ตอบตกลงหลังจากเห็นโครงการของเรา โดยไม่มีพิธีรีตอง

เราจัดแถลงข่าวกันที่มูลนิธิชัยพัฒนา โดยความอนุเคราะห์อย่างสูงสุดจากอาจารย์ดร.สุเมธ

ผมคิดว่ามันจะง่าย

คิดว่าเมื่อคนรู้ คงมีคนมาช่วยกันสนับสนุน
ท่านอาจารย์ดร. สุเมธ ให้คำปรึกษาและพยายามผลักเข้าสู่โครงการของมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด เพื่อเป็นโครงการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม เพื่อของบประมาณสนับสนุนจากองค์กรแหล่งทุน

แต่มันไม่ง่ายนัก เพราะภาพลักษณ์ของเรา ยังเป็นบริษัท แม้ว่าเราจะตั้งกลุ่มขึ้นมา แต่ในแง่สังคม คงไม่มีใครสนใจกลุ่มเล็กๆอย่างพวกเรา ...และเพราะมันไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายด้วย

เราจึงถอนตัวออกมา ไม่อยากรบกวนท่านอาจารย์ดร.สุเมธมาก

และหาทางออกทางอื่น เงินทองที่อาจารย์วัลลภา หยิบยืมก็เริ่มพร่องไปมาก

ผ่านไปหนึ่งปี เราช่วยกันทำแทบทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเป็นค่าแรง วิ่งหาทุกวัน ทุกที่ โดยเฉพาะอาจารย์วัลลภา ต้องขายรถเบนซ์ที่ตนขับไป เปลี่ยนมาเป็นรถโตโยต้าโซลูน่ารุ่นเก่าธรรมดาคันหนึ่ง (ที่ขอยืมญาติมาใช้)

ทุกครั้งที่คุยกันอาจารย์จะต้องเสียงสั่น ด้วยความสิ้นหวังหลังบากหน้าไปขอกู้ ขอยืมเงินทองจากทุกคนที่รู้จัก

ในที่สุดไม่มีทางเลือกอื่น เห็นน้ำใจและความทุ่มเทจากใจจริงของท่าน จนยากจะบรรยายออกมาได้ ...ผมตัดสินใจช่วยท่านด้วย....บ้าน


สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง แต่อาจารย์ยังต้องแบกรับภาระหนี้สิน และการทวงหนี้ แบบถึงรากถึงโคน เช้าถามเย็นถาม


เราไปธนาคารออมสินด้วยกันเพื่อขอให้ช่วยสนับสนุน ดูเหมือนวิสัยทัศน์ในเรื่องการเผยแผ่ธรรมะผ่านการ์ตูนนั้น ช่างจำกัดเสียเหลือเกิน เพราะเมื่อมองในแง่การลงทุนแล้วเขาคิดว่า ผลตอบแทนต่ำ ความเสี่ยงสูง โอกาสได้ทุนคืนยาก

แต่ถ้ามองในแง่คุณค่าหล่ะครับ เด็กอีกนับไม่ถ้วนที่จะได้แรงบันดาลใจ และเข้าใจว่า ทำไมต้องมีพระพุทธเจ้า พระองค์สอนอะไร ทำไมต้องบวช แล้วอะไรต่ออะไร ในพุทธศาสนาก็พรั่งพรูออกมา ...จากหนังการ์ตูนที่สวยที่สุดเรื่องนี้


เรารอแล้วรออีก อาจารย์เหนื่อยสุด

หลังจากนั้นเราได้ออกรายการเจาะใจ มีคนสนใจมากขึ้น
ทุกคนชื่นชม หลายคนช่วยเหลือ บางคนมาร่วมกันผลักดัน ประชุมคุยกัน ช่วยกันคิด ...แต่ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก

เรื่องเงินทองเป็นเรื่องที่ใครก็อยากได้ แต่ไม่อยากให้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพ มันยังดูแยกแยะลำบาก เพราะทำงานด้วยบริษัท จะบริจาคก็ไม่ได้ แต่มันเป็นงานศาสนา พวกที่เป็นธุรกิจ ก็ไม่อยากลงทุน เพราะไม่คุ้ม

ซึ่งสำหรับผม ผมคิดว่า งานนี้มันเป็นงานศาสนาที่จะช่วยเปลี่ยนสังคมนี้ให้ดีขึ้น ให้มีศีลธรรมมากขึ้น
ทำให้คน...โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ที่จะได้ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้าและหลักธรรมะที่ท่านสอน ผ่านสื่อและการ์ตูน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญ เหมือนเมื่อตอนเด็กๆที่เราดู ดราก้อนบอล หรืออะไรพวกนี้แล้วเราก็ชอบ อยากทำดี ช่วยคนอื่น ...แต่หนังเรื่องนี้...ยิ่งกว่านั้นเยอะ


ตอนนี้ ทางออกและทางรอดที่ยังมีหวังคือ พึ่งพลังของคนที่เห็นคุณค่าของงานนี้ ว่ามันจะให้ผลในทางจิตใจ โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่กำลังรอดู และรอว่าผู้ใหญ่ในยุคนี้จะได้ให้อะไรกับเขาบ้าง

หนังเรื่องนี้เป็นหนังของคนไทยทุกคนที่จะได้ภูมิใจ เป็นหนังแห่งธรรมะ ที่จะชนะพวกหนังผีทั้งหลายที่อยู่มากมาย จนคนตายแล้วตายอีกก็ไม่หมดสิ้น

แต่หนังธรรมะดีๆสักเรื่องน่าจะมีคนสนับสนุนบ้าง

ล่าสุด ผมเข้าไปกราบขอความช่วยเหลือ จาก อาจารย์ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมต. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ท่านใจดีมากโทรหาธนาคารออมสินให้เลยตั้งแต่วันนั้น และท่านยังรับปากว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ แต่ด้วยศักยภาพของหน่วยงานราชการ (โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ซึ่งจะอยู่อีกไม่นาน) การช่วยเหลือคงจะไม่ทันท่วงทีเป็นแน่ เพราะเงินต้องใช้ทุกวัน เพราะเราต้องรีบทันให้วันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของคนไทยทั้งชาติในปีนี้

หวังว่า ถ้าช่วยกันได้เร็ว หนังเสร็จเร็ว เด็กไทยได้ดูกันเร็ว
แล้วเขาคิดกันได้เร็ว เกิดศรัทธาได้เร็ว ปัญญาเกิดได้เร็วเท่าไหร่

ก็เท่ากับเราได้ช่วยให้ประเทศก้าวหน้า ...อีกก้าวหนึ่งเร็วเท่านั้น

เมื่อวานอ.วัลลภาได้บอกผมว่ามีบริษัทหนึ่งของประเทศเยอรมันติดต่อมาจะขอซื้อหนังเรื่องนี้ โดยต้องการซื้อลิขสิทธิ์ไปเป็นของเขาทั้งหมด โดยยินดีจ่ายเงินร้อยล้านให้เลยทีเดียว แวบแรกผมคิดว่าคงจะดีหนี้สินทุกอย่างจะสูญสิ้น อ.ไม่ต้องแบกรับภาระนี้อีกต่อไป ผมได้บ้านได้เงินคืน แต่เมื่อคิดดูอีกที เราสองคนคงไม่บังอาจขายหนังแอนนิเมชั่นที่ดีที่สุดที่เป็นฝีมือคนไทยล้วนๆเรื่องนี้ไปให้ใครได้ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ของกลุ่มเรา แต่เราตกลงกันแล้วว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นของคนไทยทุกคน

เงินที่เราได้ลงทุนไป และจะขอกู้มาทำทุนอีกต่อไปนั้นยังไงก็ทำได้เพียงสร้างหนังให้เสร็จขึ้นมาและใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราไม่มีเงินจ้างนักการตลาด นักประชาสัมพันธ์ และเราคงไม่มีเงินไปลงโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสู้กับหนังเรื่องอื่นๆแน่ๆ เพราะตอนนี้เรายังต้องทุ่มเงินเพื่อทำหนังเรื่องนี้ให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ให้ได้เพียงเท่านั้น

สุดท้ายท่านที่สนใจ ที่อยากจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ช่วยกันผลักดัน ทั้งทุนทรัพย์ ซึ่งยังต้องการอีกจำนวนมาก และการลงแรง ร่วมกันคิด ช่วยกันผลักดัน (ต้องการคนช่วยอีกมากครับ)

เพราะหนังเรื่องนี้ เป็นหนังของมนุษย์ทุกคนที่สามารถเข้าถึงได้


เครดิต : http://vdoclip.exteen.com/20071108/animation-the-life-of-buddha

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
อธิบายสวรรค์ 6 ชั้นแบบละเอียดยิบ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 06:02:32 PM »
credit : http://www.sinthu.co.th/006_50_01ad.html

ทำบุญอะไรจึงได้ไปสวรรค์ในแต่ละชั้น?

สวรรค์ คือ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียดอันเป็นทิพย์ ที่มีรัศมีสว่างไสวรอบกายตลอดเวลา มีทั้งหมด 6 ชั้น

เหตุที่ทำให้มาเกิดเป็นเทวดาเพราะได้ สร้างบุญกุศลไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เมื่ออุบัติขึ้นก็ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวทันที งดงามตลอดเวลา จนกว่าจะถึงเวลาจุติ ไม่มีความแก่บังเกิดขึ้นเหมือนในเมืองมนุษย์

วิมานปราสาทคือที่อยู่อาศัยของเทวดา ล้วนมีความวิจิตรงดงาม มีขนาดแตกต่างกัน มี ความเป็นอยู่สะดวกสบาย มีอาหารทิพย์บังเกิด ขึ้น มีบริวารคอยรับใช้ใกล้ชิด เสื้อผ้าเป็นทิพย์ วิจิตรงดงาม บังเกิดขึ้นให้สวมใส่ กิจกรรมแต่ละวันก็มีการเที่ยวเพลิดเพลินบันเทิงอยู่กับการชมสวน

การสังสรรค์กันระหว่างทวยเทพทั้งหลาย ส่วนจะอุบัติขึ้น ณ สวรรค์ชั้นไหน เป็น เทวดาประเภทใด และอยู่ในฐานะอะไรนั้น ก็ ขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเองสั่งสมมาเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 37 เรื่อง ทานสูตร สรุปย่อได้ดังนี้











 :icon_idea:


ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
อธิบายสวรรค์ 6 ชั้นแบบละเอียดยิบ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 06:03:57 PM »
อธิบายสวรรค์ 6 ชั้นแบบละเอียดยิบ

credit : http://www.dhammakid.com/board/index.php?topic=868.0

สวรรค์ชั้นที่ 1

จาตุมหาราชิกาภูมิ




สวรรค์ชั้นแรกอยู่เหนือโลกมนุษย์ขึ้นไป 46,000 โยชน์ เป็นแดนสุขาวดี มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ 4 พระองค์
ทรงเป็นผู้ปกครองดูแล จึงได้ชื่อว่า จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ
มีท้าวจาตุมหาราช ทรงเป็นใหญ่

สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีเมืองใหญ่เป็นเทพนครอยุ่ถึง 4 เทพนคร แต่ละเทพนครมีป้อมปราการ กำแพงทองทิพย์
เหลืองอร่ามงามนัก ประดับประดาไปด้วยสัตตรัตนะแก้ว 7 ประการ

ภายในเทพนครอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้ว ซึ่งเป็นวิมานที่อยู่ของเทพยดาชาวฟ้าทั้งหลาย
ตั้งเรียงรายอยู่มากมาย

นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณี ซึ่งมีน้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยดอกบัวนานาชนิด ส่งกลิ่นทิพย์
หอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ มีดอกไม้นานาพรรณ สีสันวิจิตรตระการตา และมีรุขชาติต้นไม้สวรรค์
ซึ่งมีผลอันโอชายิ่ง

มิ่งไม้ในสวงสวรรค์ มีดอกมีผลเป็นทิพย์ ปรากฏให้เหล่าชาวสวรรค์ได้ชื่นชมตลอดกาล
ไม่มีวันร่วงโรยและหมดไปเลย

สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จำแนกย่อยพื้นที่บริเวณของหมู่เทพละเอียดลงไปอีก ตามขั้นตอนการถือกำเนิดเอาไว้
ดังนี้

- อุปัตติเทพ
การถือกำเนิดด้วยการอุบัติขึ้นมา โดยมีกายทิพย์ หรือ กายละเอียด เป็นวัยหนุ่มสาวขึ้นมาทันใด
ถ้าเป็นเพศชาย เมื่อสร้างบุญไม้มากพอที่จะมีวิมานของตนเอง
ก็จะไปถือกำเนิดเป็นบุตรของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
ถ้าเป็นเพศหญิง เมื่อสร้างบุญมาไม่มากพอที่จะมีวิมานของตนเอง ต้องไปถือกำเนิดเป็นบาทบริจาริกา
ของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
ถ้าหญิงหรือชายสร้างบุญไว้น้อย
ก็จะถือกำเนิดเป็นเทพผู้คอยดูแลในเรื่องเครื่องทรงของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
ถ้าสร้างบุญกุศลไว้มากพอ ก็จะอุบัติขึ้นมาเป็นเจ้าของวิมาน พรั่งพร้อมด้วยบริวาร
และสิ่งของอันเป็นทิพย์

- บาดาล
ภพที่ใกล้มนุษย์มากที่สุด มีลักษณะเป็นงูต่าง ๆ

- ภูมะ
ที่อยู่ของภูมิเจ้าที่ต่าง ๆ

- รุกขภูมิ
ภูมิที่อยู่เหนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียว มีวิมานอยู่บนต้นไม้

- ฉิมพลีภูมิ
ดินแดนแห่งเทพผู้มีปีก กึ่งเทพ กึ่งสัตว์ มีฤทธิ์มาก

- คนธรรพ์ภูมิ
ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก

- หิมพานต์
ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก

- บรรพภูมิ
ดินแดน แห่งฤาษีผู้บำเพ็ญพรต ที่หลบลี้จากโลกมนุษย์

- อโยธยาภูมิ
ภูมิของผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน เช่น พ่อหลักเมือง

- ลับแลภูมิ
ภูมิของหญิงสาวที่บำเพ็ญเพียร ถือสัจจะเป็นหลัก

- ภุมมา
ที่สถิตของเทพบุตร เทพธิดาต่างๆ ที่ยังมีกิเลศ เป็นภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษย์ภูมิขึ้นไป
มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ เป็นมหาราชอยู่ 4 องค์ ได้แก่

ท้าวธตรัฏฐะ อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองคันธัพพเทวดา
ท้าววิรุฬหกะ อยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอบกุมภัณฑ์เทวดา
ท้าววิรูปักขะ อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองนาคเทวดา
ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ อยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองยักขเทวดา

มหาราชทั้ง 4 นี้ เป็นผู้รักษามนุษยโลก หรือ เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล
มีหน้าที่สอดส่องดูมนุษย์ที่ประกอบผลบุญแล้วรายงานต่อพระอินทร์ เพื่อให้ได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์
มีสถานที่ปกครองตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล
เทวดาทั้งหลายที่อยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ทั้งหมด เป็นบริวาลภายใต้อำนาจของมหาราชทั้ง 4

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ แล้ว 50 ปีมนุษย์ เท่ากับ 1วัน
ของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ


ที่อยู่ของเทวดา
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา มีอยู่ตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ จนกระทั่งพื้นดินที่มนุษย์อยู่


ทางไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ในทานสูตรว่า...

"ถ้าผู้ใดให้ทานโดยหวังผลบุญจากการให้ทาน เมื่อตายไปจะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา"

"ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทานมีจิตผู้พันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน
มุ่งการสั่งสมทาน ให้ทาน ด้วยคิดว่า เราตายไปแล้วจักได้เสวยผลแห่งทานนี้ เขาผู้นั้น เมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราช"
 
 
 
สวรรค์ชั้นที่ 2

ดาวดึงส์ภูมิ




อยู่เหนือจาตุมหาราชิกาขึ้นไป 46,000 โยชน์

ดาวดึงส์ หรือ ดาวดึงสา คือ ภูมิอันเป็นที่เกิดของบุคคล 33 คน ที่ได้สร้างกุศลไว้ในอดีต มีมาฆมานพ
เป็นหัวหน้า เมื่อตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ พร้อมบริวารอีก 32 รวมเป็น 33
เป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่ในชั้นดาวดึงส์

ดาวดึงสานี้ เป็นผืนแผ่นดินผืนแรก ที่เกิดขึ้นในโลกหลังจากโลกนี้ถูกทำลายด้วยน้ำ เมื่อน้ำงวดลง
แผ่นดินผืนแรกที่โผล่ขึ้นก่อนแผ่นดินอื่น ๆ ก็คือ ยอดเขาสิเนรุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
นี้เอง

ลักษณะของดาวดึงส์ภูมิ เป็นมหานครใหญ่ อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล เหนือเขาสิเนรุราชบรรพต ปรางค์ ปราสาท
ล้วนแล้วไปด้วยแก้วอันเป็นทิพย์ แวดล้อมรอบเทวนครด้วยปราการกำแพงแก้วทิพย์ อีกเช่นกัน
มีประตูกำแพงแก้วถึง 1,000 ประตู เมื่อประตูเหล่านั้นเปิดออกแต่ละครั้ง ปรากฏเสียงดังไพเราะยิ่งนัก

ในท่ามกลางพระนครนั้น มีปราสาทพิมานอันมีชื่อเสียงปรากฏเลื่องลืออยู่วิมานหนึ่ง คือ ไพชยนตปราสาทพิมาน
มีรูปทรงสูง ประดับไปด้วยแก้ว 7 ประการ งามสุดจะพรรณนา เป็นที่ประทับแห่งสมเด็จพระอมรินทราธิราช

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว 100 ปีในมนุษย์ เท่ากับ 1
วันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

เทวดาที่อยู่ชั้นดาวดึงส์
มีอยู่ 2 จำพวก
- ภุมมัฏฐเทวดา
เทวดา ที่อยู่บนพื้นดิน ได้แก่ พระอินทร์ และ เทวดาผู้ใหญ่ 32 องค์ พร้อมทั้งบริวาร และเทวอสุรา 5 จำพวก
ที่อยู่ใต้เขาสิเนรุ

- อากาสัฏฐเทวดา
เทวดา ที่อยู่ในอากาศ ได้แก่ เทวดาที่มีวิมานลอยไปในกลางอากาศ ตั้งแต่เหนือพื้นดินยอดเขาสิเนรุ
ไปจดขอบจักรวาล บางวิมานก็มีเทวดาอยู่ บางวิมานก็ไม่มีเทวดาอยู่

ความเป็นอยู่ของเทวดาในชั้นดาวดึงส์
ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติจากผลบุญที่ได้กระทำไว้ อารมณ์ที่ได้รับในชั้นดาวดึงส์
จึงล้วนแต่เป็นอารมณ์ที่ดีเลย เทพบุตรจะมีวัย 20 ปี ส่วนเทพธิดามีวัย 16 ปี เหมือนกันทุก ๆ องค์
ไม่มีการแก่ เจ็บ ตาย ให้เห็น มีแต่ความสวยงาม เป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดไป

เทพบุตรองค์หนึ่ง อาจจะมีนางฟ้าเป็นบาทบริจาริกา(ภรรยา) 500-1,000 หรือมากกว่า
ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ได้ทำไว้

เทวดาในโลกนี้ มีการไปมาหาสู่ เบียดเบียนกันเช่นเดียวกับมนุษยโลก มีนักดนตรี นักร้อง เทพบุตร เทพธิดา
มีความรักใคร่ปรารถนาเป็นคู่ครองกัน หากขาดคู่ครอง ก็ย่อมจะเกิดความเบื่อหน่ายในความเป็นอยู่ของตน
ไม่เบิกบานรื่นเริงเหมือนเทวดาที่มีคู่ครอง

เทวดาในชั้นดาวดึงส์ทั้งหลาย ต่างก็ไปหาความสุขสำราญในสวนทั้ง 4 แห่ง
พร้อมด้วยบริวารของตนอย่างสำเริงสำราญ

คุณธรรม 7 ประการ ที่ทำให้เป็นพระอินทร์
ผู้ที่ปรารถนาจะเกิดเป็นพระอินทร์ จะต้องหมั่นสร้างบุญกุศลโดยสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องมีคุณธรรม
7 ประการ
1.เลี้ยงดูบิดา มารดา
2.เคารพผู้ใหญ่ในตระกูล
3.กล่าววาจาอ่อนหวาน
4.ไม่กล่าวคำส่อเสียด
5.ไม่มีความตระหนี่
6.มีความซื่อสัตย์
7.ระงับความโกรธได้
ปัจจุบันพระอินทร์ หรือ ท้าวสักกะเทวราช องค์นี้ ได้สำเร็จโสดาบันแล้ว
ด้วยการฟังพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสักกปัณหสูตร นับเป็นพระอริยบุคคลขั้นแรกในพระพุทธศาสนา
และอยู่ในดาวดึงส์ภิภพนี้ต่อไปจนสิ้นอายุขัย

เมื่อจุติจากชั้นดาวดึงส์แล้ว จะมาบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในมนุษยโลก และ
สำเร็จเป็นพระสกทาคามีบุคคล

เมื่อสิ้นชีพแล้วก็ไปกลับไปเกิดในชั้นดาวดึงส์อีก และได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี
เมื่อสิ้นอายุแล้ว จะไปบังเกิดเป็นพรหมโลก ในชั้นสุทธาวาสภูมิขั้นต้น คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี
และ อกนิฏฐาภูมิ ตามลำดับ และเข้านิพพาน ในชั้นสุดท้าย

สถานที่สำคัญในดาวดึงส์ภูมิ
สวรรค์ชั้นที่ 2 มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามากมาย ทำให้เกิดเป็นพุทธศาสนสถาน
ที่สำคัญของเทวโลกหลายแห่ง ดังนี้

ศาลาสุธรรมาเทวสภา
สถานที่ฟังธรรมในเทวโลก บรรดาเทวดาทั้งหลายจะมาประชุมกันเพื่อฟังธรรม โดยมีท้าวสักกะเทวราช
องค์อมรินทร์เป็นประธาน
ศาลาแห่งนี้ ประกอบด้วยรัตนะ 7 ประการ สูง 500 โยชน์ วัดโดยรอบได้ 1,200 โยชน์
พื้นที่ประกอบด้วยแก้วผลึก เสาเป็นทอง
เครื่องบน คือ ขื่อ คาน ระแนง ทำด้วยรัตนะทั้ง 7 หลังคามุงด้วยอินทนิล
เพดาน เสา ประกอบด้วยแก้วประพาฬ ลวดลายต่าง ๆ ช่อฟ้า ใบระกา ทำด้วยเงิน
ตรงกลางศาลา เป็นที่ตั้งธรรมาสน์ สูง 1 โยชน์ ทำด้วยรัตนะทั้ง 7 ปกกั้นด้วยเศวตฉัตรสูง 3 โยชน์
ข้างธรรมาสน์ เป็นที่ประทับของท้าวโกสีย์เทวราช ถัดไปเป็นที่ประทับของเทวดาผู้ใหญ่ 32 องค์ และ
เทวดาอื่น ๆ

ต้นปาริชาต (กัลปพฤกษ์)
อยู่ในอุทยานทิพย์ปุณฑริกวัน มีบริเวณกว้างขวาง มีกำแพงล้อมรอบ 4 ด้าน
กลางสวนนั้นมีต้นไม้ทองหลางใหญ่แผ่สาขาอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งชื่อว่า ต้นปาริชาต หรือ กัลปพฤกษ์
ซึ่งเป็นต้นไม้ทิพย์

ต้นกัลปพฤกษ์ นี้ 100 ปี ถึงจะออกดอกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงคราวนั้น ดอกไม้ในสวรรค์นี้ก็จะบานสะพรั่ง
เหล่าเทพบุตร เทพธิดา ก็จะพากันมารื่นเริง ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเฝ้าจนกว่าดอกไม้จะบาน

เมื่อดอกไม้สวรรค์บานแล้ว จะปรากฏแสงรุ่งเรืองงดงามยิ่งนัก
รัศมีดอกปาริชาติจะส่องรัศมีรุ่งเรืองไปไกลหลายหมื่นวา เมื่อลมรำเพยพัดพาไปในทิศใด
ย่อมส่งกลิ่นหอมไปในทิศนั้น เป็นระยะไกลแสนไกล

ดอกไม้นี้จะบานสะพรั่งไปทุกกิ่งก้านทั่วทั้งต้น ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด
ปรารถนาจะได้ดอกปาริชาตก็จะตกลงมาในมือดั่งรู้ใจ ถ้ายังไม่ได้รับในมือ ดอกก็ยังไม่ทันตกลงดิน
โดยมีลมชนิดหนึ่ง จะพัดชูดอกไว้ในอากาศ จนกว่าเทพยดาผู้ใดประสงค์ก็จะมารับเอาไป

บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
แท่นศิลาแก้ว สีแดงดังดอกชบา อ่อนนุ่มดังฟูก
เมื่อพระอินทราธิราชประทับพักผ่อนอิริยาบถอยู่เหนือแท่นศิลาอาสน์แล้ว แท่นทิพย์นี้ก็จะอ่อนยุบลงไป
และเมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น แท่นศิลาก็จะฟูขึ้นเต็มตามเดิม
เป็นแท่นศิลาที่ประหลาดมหัศจรรย์ยุบและฟูเองโดยธรรมชาติ

สวนสวรรค์
อุทยาทิพย์ที่มีความรื่นรมย์ สนุกสนาน หาที่เปรียบไม่ได้ในมนุษยโลก เต็มไปด้วยบุพผาชาตินานาพรรณ
มีสระโบกขรณีอันทิพย์ มีน้ำใสดั่งแก้ว มีก้อนศิลาที่เป็นทิพย์ รัศมีรุ่งเรือง มีแท่นที่นั่งอันอ่อนนุ่ม
สีใสสะอาด เหล่าเทพบุตรเทพธิดา ก็จะมาในสวนสำราญเหล่านี้อย่างไม่ขาดสาย

อุทยานทิพย์ มีชื่อเสียง 4 อุทยาน ได้แก่
- นันทวันอุทยาน
- จิตรลดาวันอุทยาทิพย์
- มิสกวันอุทยาทิพย์
- ปารุสกวันอุทยานทิพย์

พระเกศจุฬามณีเจดีย์
สร้างด้วยแก้วอินทนิลอันเป็นทิพย์ มีความสวยงามรุ่งเรืองยิ่งนัก ยอดพระเจดีย์เป็นทองคำบริสุทธิ์
ประดับด้วยรัตนะ 7 ประการ สูง 80,000 วา มีกำแพงทองคำล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ มีความยาว 160,000 วา
ประดับด้วยธงนานาชนิด พระเจดีย์นี้เป็นที่บรรจุสิ่งที่มีค่ายิ่ง 2 อย่างคือ
- พระเกศโมลี ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ มวยผมที่ตัดออก ขณะที่เสด็จออกบรรพชา และได้อธิษฐานว่า
"ถ้าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ขอให้มวยพระเกศโมลีจงลอยขึ้นไปบนนภากาศเถิ
อย่าได้ตกลงสู้พื้นปฐพีเลย" ครานั้นสมเด็จพระมหาอมรินทราธิราช ผู้เป็นใหญ่ในชั้นดาวดึงส์นี้
จึงนำเอาพระผอบทองมารองรับพระเกศโมลีไว้ แล้วนำขึ้นไปบนดาวดึงส์สวรรค์
สร้างเจดีย์สำหรับบรรจุพระโมลีโดยเฉพาะ

- พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องขวา ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในสมัยที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โทณพราหมณ์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
ได้นำเอาพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ที่ผ้าโพกศีรษะ แล้วจึงได้จัดพระบรมสารีริกธาตุที่เหลือออกเป็น 8
ส่วนเพื่อถวายแก่กษัตริย์ต่างๆ ในครั้งนั้น
ท้าวสักกะเทวราชจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วจากผ้าโพกศีรษะของโทณพราหมณ์นั้น
ลงสู่ผอบทองคำทิพย์อีกทอดหนึ่งด้วยกิริยาอันเลื่อมใส
แล้วรีบเสด็จมาประดิษฐานบรรจุไว้ในพระเกศจุฬามณีเจดีย์นี้

ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
สร้างเสบียงไว้นำทางคือ บุญกุศล พยายามทำตนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม
ห้ามตนไม่ให้ทำกรรมอันหยาบช้าลามก
อย่าให้บังเกิดความสกปรกแห่งกาย วาจา ใจ
ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...

"ถ้าผู้ใดทำทานโดยไม่หวังผลบุญของการทำทาน แต่ทำทานโดยคิดว่า การทำทานนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม
เมื่อตายลงย่อไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์"

"ดูกร สารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทาน แล้วให้ทาน
ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไปแล้ว เราจักได้เสวยผลทานนี้
แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า การให้ทาน เป็นการกระทำที่ดี
เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำการกิริยาตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์สวรรค์"

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
อธิบายสวรรค์ 6 ชั้นแบบละเอียดยิบ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 06:05:01 PM »
สวรรค์ชั้นที่ 3

ยามาภูมิ




ยามาภูมิอยู่ในอากาศ สูงกว่ายอดเขาสิเนรุ 42,000 โยชน์
เป็นภูมิที่สวยงามและประณีตกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นสวรรค์ที่พรั่งพร้อมด้วยความสุขที่เป็นทิพย์
ปราศจากความยากลำบากใด ๆ ถึงซึ่งความสุขอันเป็นทิพย์วิมาน และทิพยสมบัติก็ปราณีตมาก

พระสยามเทวธิราช หรือเรียกว่า พระสุยามะ หรือ ท้าวสุยามะเทวราช ผู้มีอายุยืนถึง 2,000 ปีทิพย์
เป็นผู้ปกครองสวรรค์ชั้นยามา

เทวดาทั้งหลายที่อยู่ในชั้นนี้ เรียกว่า ยามา หรือ ยามะ เป็นจำพวกอากาสัฏฐเทวดาจำพวกเดียว
เพราะมีวิมานลอยอยู่ในอากาศเป็นที่อยู่
เทวดาที่อยู่ในภูมิสูงขึ้นไปกว่าชั้นนี้ก็ล้วนแต่เป็นอากาสัฏฐเทวดาทั้งสิ้น

เทวดาในชั้นยามาภูมิ ล้วนเป็นผู้มีบุญมาก หน้าตางดงามรุ่งเรืองนัก มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างผาสุก
เสวยสมบัติอันเป็นทิพย์ตามสมควรแก่อัตภาพ ทิพย์วิมานเป็นปราสาทเงิน ปราสาททอง ปราศจากแสงพระอาทิตย์
และพระจันทร์ เพราะว่าอยู่สูงกว่าพระอาทิตย์ และ พระจันทร์ มากมายนัก
มีความสว่างอันเกิดจากรัศมีแห่งแก้ว และรัศมีจากกายของเหล่าเทวดาทั้งหลาย ถ้าดอกไม้บานก็จะเป็นกลางวัน
ดอกไม้หุบจะเป็นกลางคืน

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับ สวรรค์ชั้นยามาภูมิแล้ว 200 ปีในมนุษย์ เท่ากับ 1 วันในสวรรค์ชั้นยามา

ทางไปสวรรค์ชั้นยามา

ต้องพยายามสร้างบุญ ต้องเป็นผู้หนักแน่นในการบำเพ็ญบุญ
ในทานสูตร กล่าวไว้ว่า...
"ถ้าผู้ใดทำทานโดยไม่คิดว่าเป็นการทำดี แต่คิดว่าบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย
ได้เคยทำบุญทำทานมาโดยตลอด เราก็ควรได้ทำตามประเพณีที่ท่านเคยทำมา
ถ้าผู้นั้นให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเหล่าเทวดาทั้งหลายในสวรรค์ชั้นยามา"

"ดูกร เธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลประมาณยิ่ง แต่ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย
เมื่อถึงกาลกิริยาตายไปแล้ว เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา"

สวรรค์ชั้นที่ 4

ดุสิตาภูมิ




ห่างไกลจากสวรรค์ชั้นยามาภูมิ ขึ้นไปเบื้องบนประมาณ 42,000 โยชน์ เป็นแดนสุขาวดี
เป็นที่สถิตอยู่แห่งปวงเทวดาชาวฟ้าทั้งหลาย ผู้ไม่มีความทุกข์ ปราศจากความร้อนใจ แต่กลับมีแต่ความยินดี
และ ความแช่มชื่นอยู่เป็นนิตย์ อีกทั้งยังเป็นภูมิที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย
ก่อนที่จะไปบังเกิดในมนุษยโลก และ บำเพ็ญเพียรจนสำเร็จอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ยังเป็นที่เกิดของผู้ที่จะเป็นอัครสาวก ก่อนที่จะไปบังเกิดในมนุษยโลกอีกด้วย

ดังนั้นเทวดาที่อยู่ในชั้นดุสิตาภูมินี้ จึงนับว่าเป็นเทวดาที่ประเสริฐกว่าเทวดาในภูมิอื่อน ๆ โดยมี
สมเด็จพระสันดุสิตเทวาธิราช ทรงดำรงตำแหน่งเป็นเทวาธิบดี

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับสวรรค์ชั้นดุสิตาภูมิแล้ว 400 ปีในมนุษย์ เท่ากับ 1
วันในสวรรค์ชั้นดุสิตาภูมิ

ดุสิตาภูมิ เป็นเทพนครที่ตั้งกลางนภากาศ มีปราสาทวิมานอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน

- รัตนวิมาน คือ วิมานแก้ว
- สุวรรณวิมาน คือ วิมานทอง
- รชตวิมาน คือ วิมานเงิน

ปราสาทวิมานเหล่านี้ ตั้งอยู่เรียงรายเป็นระเบียบสวยงาม แต่ละวิมานเป็นปราสาททิพย์
มีความวิจิตรตระการเหลือที่จะพรรณนา มีรัตนปราการกำแพงแก้วล้อมรอบทุก ๆ วิมาน
มีรัศมีรุ่งเรืองเลื่อมพรรณราย สวยงามยิ่งกว่าปราสาทวิมานแห่งเทวดาทั้งหลาย ในสรวงสวรรค์ชั้นยามาภูมิ

เทวสถานชั้นนี้ มีสระโบกขรณี และ สวนขวัญอุทยานทิพย์อีกมากมาย
สำหรับเป็นที่เที่ยวพักผ่อนให้ได้รับความชื่นบานเริงสราญแห่งเทพยดาชาวฟ้าทั้งหลาย

ปวงเทพเจ้าทั้งหลาย ผู้เคยได้สร้างกามาวจรกุศลกรรมและผลวิบากแห่งกามาวจรกุศลกรรม ชักนำให้มาอุบัติเกิด ณ
โลกสวรรค์ชั้นดุสิตาภูมินี้ แต่ละองค์มีความสง่างามกว่าเหล่าเทวดาชั้นต่ำ ๆ
มีจิตใจรู้บุญรู้ธรรมเป็นอย่างดี มีจิตยินดีต่อการที่จะได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาเป็นยิ่งนัก

ทุกวันธรรมสวนะ ปวงเทพเจ้าเหล่าดุสิตาภูมินี้ ย่อมจะมีเทวสันติบาตประชุมฟังธรรมกันอยู่เสมอมิได้ขาด
โดยมีสมเด็จพระสันดุสิตเทวาธิราช ทรงดำรงตำแหน่งเป็นเทพยสภาบดี
ทั้งนี้ก็เพราะพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าผู้เป็นพหูสูต
เป็นผู้รู้ธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอันมาก จึงทรงมีพระอัธยาศัยน้อมไปในการแสดงธรรม
และสดับตรังฟังพระธรรมเทศนา

ปัจจุบันนี้ สมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรย พระโพธิสัตว์ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ
เป็นที่รู้จักกันในหมูพุทธบริษัทว่า จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันตรกัปที่ 13 แห่งภัทรกัปนี้
พระองค์ก็สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์ชั้นนี้ และมักได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงธรรม
โปรดเหล่าเทพบริษัทในดุสิตสวรรค์นี้อยู่เสมอ

ทางไปสวรรค์ชั้นดุสิต

ต้องอุตส่าห์พยายามสร้างบุญกุศล ชอบสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา เพื่ออบรมปัญญาให้เจริญผ่องใส
ไม่หวั่นไหวโยกคลอน ในการประกอบกุศล ไม่เป็นผู้มัวเมาประมาทในวัยและชีวิตของตน เร่งสร้างกุศล เช่น
บำเพ็ญทาน และรักษาศีลเป็นนิตย์

ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...
"ผู้ใดให้ทานโดยไม่คิดว่าทำตามบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เคยทำมาจนเป็นประเพณี
แต่ให้ทานโดยคิดว่าเราหุงหากิน สมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่ได้หุงหากิน ถ้าเราไม่ให้ทาน
ก็เป็นสิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง
เมื่อเขาตายลง ก็ย่อมไปบังเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดุสิต"

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: เรื่อง “ประวัติพระพุทธเจ้า” ( The Life of Buddha )
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 06:07:08 PM »
สวรรค์ชั้นที่ 5

นิมมานรดีเทวภูมิ


เทวภูมินี้ เป็นที่สถิตของปวงเทพเจ้า ผู้มีความยินดีเพลิดเพลินในกามคุณารมณ์
ที่เนรมิตขึ้นตามความพอใจของตนเอง โดยมีเทพเจ้ามเหศักดิ์ ทรงนามว่า สมเด็จท่านท้าวสุนิมมิตเทวาธิราช
ทรงเป็นอธิบดีผู้ปกครอง จึงได้ชื่อว่า นิมมานรดีภูมิ คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ
อันมีสมเด็จพระนิมมิตเทวาธิราช ทรงเป็นอธิบดี

ภายในเทพนคร มีปราสาทเงิน ปราสาททอง และปราสาทแก้ว ทั้งมีกำแพงแก้ว กำแพงทอง อันเป็นของทิพย์
เป็นวิมานที่อยู่ของเหล่าเทวดา

นอกจากนั้น พื้นภูมิภาคยังมีสภาวะเป็นทองราบเรียบเสมอกัน มีสระโบกขรณี และ สวนอุทยานอันเป็นทิพย์
สำหรับเป็นที่เที่ยวเล่นสำราญแห่งเหล่าชาวสวรรค์นิมมานรดีทั้งหลาย
เช่นเดียวกับสมบัติทิพย์ในสวรรค์ชั้นดุสิต ต่างกันแต่ว่าทุกอย่างที่นี่มีสภาวะสวยสดงดงามกว่า
และประณีตกว่าทิพยสมบัติในดุสิตภูมิ

เทพยดาทั้งหลายในสวรรค์ชั้นนี้ มีรูปทรงสวยงามน่าดูชม ยิ่งกว่าชาวสวรรค์ชั้นที่ต่ำกว่าทั้งหลาย
และมีกายทิพย์ ซึ่งมีรัศมีรุ่งเรืองเป็นยิ่งนัก หากเขาเกิดความปรารถนาจะเสวยสุขด้วยกามคุณารมณ์สิ่งใด
เขาย่อมเนรมิตเอาได้ตามความพอใจชอบใจแห่งตนทุกสิ่งทุกประการ ไม่มีความขัดข้อง
และเดือดเนื้อร้อนใจในกรณีใด ๆ เลย ปรองดอง รักใคร่ และได้รับความสุขสำราญชื่นบาน ทุกถ้วนหน้า

ทางไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี

ผู้ที่จำอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ ต้องเพียรบริจาคทานเป็นอันมาก อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จิตใจบริสุทธิ์
รักษาศีลไม่ขาดตกบกพร่อง ต้องอุตส่าห์ก่อสร้างกองบุญกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
ไม่ให้สกปรกลามกมีมลทิน พยายามรักษาศีลไม่ให้ขาด มีใจสมบูรณ์ด้วยศีล ผลวิบากแห่งทาน
และศีลอันสูงส่งเท่านั้น จึงจะบันดาลให้ไปอุบัติเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ได้

ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...
"ผู้ใดทำทานโดยไม่คิดว่าเราหุงหากิน แต่สมณพราหมณ์เหล่านั้น ไม่ได้หุงหากิน
เราจะไม่ให้ทานก็ไม่บังควรอย่างยิ่ง แต่ได้คิดว่าเราจะให้ทานเหมือนอย่างฤาษีทั้งหลาย
ที่ได้กระทำมาในอดีต เมื่อตายลงย่อมไปบังเกิดเป็นเทวดา ในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี"


สวรรค์ชั้นที่ 6

ปรนิมมิตวสวัตตีเทวภูมิ


สวรรค์ชั้นสูงสุดของแดนสุขาวดี ตั้งอยู่ในอากาศ ห่างจากนิมมานรดี 42,000 โยชน์
เทวดาในชั้นปรนิมมิตวสวัตตีภูมินี้ ทั้งที่เป็นเทพบุตรและเทพธิดา เวลาใดที่ปรารถนาจะเสวยในกามคุณ
ก็มีเทวดาที่รู้ใจเนรมิตให้ เมื่อได้เสวยกามคุณสมความปรารถนาแล้ว สิ่งที่เนรมิตมาก็จะสิ้นไป
เทวดาชั้นปรนิตมิตวสวัตตีจึงไม่มีคู่ครองประจำเหมือนเทวดาในสวรรค์ชั้นอื่น ๆ

วิมาน ทิพยสมบัติ และร่างกาย ของเทวภูมิชั้นนี้มีความสวยงามประณีต มากกว่าเทวดาในชั้นนิมมานรดี
มีอายุยาวกว่าประมาณ 4 เท่า ถือว่าเป็นยอดภูมิ คือ ภูมิที่สูงสุดของเทวดาในเทวภูมิ 6

เทวภูมิชั้นนี้ เป็นที่สถิตอยู่ของเหล่าเทพยดาจำพวกมารทั้งหลาย โดยมีสมเด็จพระปรนิมมิตเทวราช และ
สมเด็จพระปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช ทรงเป็นอธิบดี จึงได้ชื่อว่า ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ คือ
ภูมิที่อยู่แห่งทวยเทพ

อำนาจปกครองมิได้อยู่แต่เฉพาะเทวดาที่อยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีภูมิเท่านั้น
แต่ยังมีอำนาจปกครองทั่วไปถึงสวรรค์ชั้นต่ำลงอีก 5 ชั้นด้วย คือ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต
นิมมานรดี และมีการปกครองที่แตกต่างจากเทวภูมิอื่น คือแบ่งเป็น 2 แดน อยู่กันฝ่ายละแดน
มีเขตแดนกั้นในระหว่างกลาง ต่างฝ่ายต่างอยู่ หากมีกิจจำเป็นจึงจะไปมาหาสู่แก่กัน

แดนเทพยดา มีสมเด็จพระปรนิมมิตเทวราช ทรงเป็นพระเทวาธิราชปกครอง

แดนมาร มีท้าวปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช ปกครอง

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีภูมิแล้ว 1,600 ปีในมนุษย์ เท่ากับ 1
วันในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวาวัตตี

ทางไปสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี

ผู้ที่จะมาอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ ต้องอุตส่าห์ก่อสร้างกองการกุศลให้ยิ่งใหญ่
อบรมจิตใจให้สูงส่งด้วยคุณธรรม เมื่อจะให้ทานรักษาศีล ก็ต้องบำเพ็ญอย่างจริงจัง
ด้วยศรัทธาอย่างยิ่งยวดและถูกต้อง และผลวิบากแห่งทานและศีลอันสูงยิ่งเท่านั้น
จึงจะบันดาลให้ไปอุบัติสวรรค์ชั้นนี้ได้

ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...
"ผู้ใดทำทาน โดยไม่ได้คิดว่าทำทานตามฤาษีในอดีตที่เคยทำมา แต่คิดว่าทำทาน
เพื่อให้จิตเกิดความปลาบปลื้มปิติในบุญที่ทำ เมื่อตายลง ย่อมไปเกิดเป็นเทวดา
ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี"

..................................................


ขอขอบคุณ :

ที่มาจาก : http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=16677