ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: มีนาคม 09, 2008, 04:36:19 PM »
ก่อนอื่นขอแก้การใช้คำผิดความหมายในคอมเมนท์ก่อนหน้าของตัวเองก่อนนะคะ ประโยคที่ว่า
“แต่เราก็ได้ตระหนักในตอนจบกันแล้วว่า สเนปซึ่งอยู่บ้านสลิธีรีน เป็นคนดีที่สุดคนหนึ่งของเรื่องเช่นกัน”

ความจริงแล้ว ตระหนัก ต้องแก้เป็น ประจักษ์ ถึงจะถูกความหมายในประโยคนี้ค่ะ

Resurrection stone ภาษาไทยแปลว่าหินชุบวิญญาณเหรอคะ นานะจัง ฟังดูแปร่งๆ แฮะ “ชุบ” ไม่น่าจะใช้กับวิญญาณ “ชุบ” น่าจะใช้กับ “ชีวิต” มากกว่า อย่างที่เราพูดกันว่า “ชุบชีวิต” ไม่เคยได้ยินเขาใช้ว่า “ชุบวิญญาณ” เลยนะ หรือว่าใช้ได้คะ แต่เราว่า วิญญาณมันไม่ต้องชุบนะ เพราะวิญญาณมันคงอยู่ของมันอยู่แล้ว วิญญาณไม่ได้สูญสลายไปเวลาคนเราตาย (เหมือนที่ในแฮร์รี่ก็บอกไว้ เวลาคนเราตาย ตายแต่ร่าง แต่วิญญาณยังคงอยู่ไม่บุบสลาย) ชีวิตตังหากที่สูญสลาย ถึงได้ต้องชุบให้กลับคืนมา หินนี้ไม่ได้ชุบชีวิต เพียงแต่เรียกวิญญาณให้กลับคืนมาจากยมโลกได้ เสมือนหนึ่งชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วนั้นให้กลับคืนมา แต่ไม่ใช่การชุบชีวิตจริงๆ ไม่น่าใช้คำว่าชุบกับคำว่าวิญญาณอ่ะค่ะ ความหมายมันเพี้ยนไป

แล้วเรื่องชื่อตอน 7 ล่ะคะ “เครื่องรางยมทูต” เราก็ว่ามันแปร่งๆ อยู่เหมือนกัน เวลาได้ยินคำว่าเครื่องราง ก็จะนึกถึงคำที่คู่กับมันอีกคำคือ “ของขลัง” ซึ่งมักพูดคู่กันเป็น เครื่องรางของขลัง ซึ่งไว้ใช้ป้องกันภูติผีปีศาจหรืออีกนัยหนึ่งก็คือวิญญาณ ไม่ใช่เหรอคะ แต่เอลเดอร์แวนด์ หิน กับผ้าคลุม มันไม่ใช่อ่ะ หรือหมายถึงว่าทั้ง 3 สิ่งนี้ เป็นเครื่องรางป้องกันยมทูต ไม่ให้มาเอาชีวิตได้ ยมทูตก็ถือเป็นภูติใช่มั้ย

ตอนอ่านฉบับภาษาอังกฤษ ไม่ได้เปิดดิกเช็คคำว่า Hallow แต่จากที่อ่านในหนังสือมีการใช้คำว่า อาวุธ มาอธิบายถึง 3 สิ่งนี้ด้วย พอไปเปิดดิกคำนี้ ปรากฏว่าเป็นคำกริยา ไม่ได้เป็นคำนามอย่างที่เจเคใช้ในชื่อเรื่องนี้ด้วยซ้ำ มีความหมายว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สักการะบูชาว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น เราเคารพพระนามของพระเจ้าว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ The name of God is "hallowed", i.e., is reverenced as holy) hallow เมื่อใช้เป็นคำนาม น่าจะแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์อ่ะค่ะ เครื่องรางของขลังถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่าคะ แต่ยังไม่ค่อยชอบคำว่าเครื่องรางอยู่ดีแฮะ

ใช่ค่ะ นานะจัง ทั้งโวลเดอมอร์ สเนป และแฮร์รี่ ต่างเป็นเด็กที่มีชะตากรรมที่น่าสงสารคล้ายคลึงกัน ในแง่ที่ว่าพวกเขาต่างเป็นเด็กที่ไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัวตัวเอง โวลเดอมอร์ออกจะน่าสงสารที่สุดด้วยซ้ำไป เพราะเขาไม่ได้เกิดจากความรัก (เพราะอย่างงี้ล่ะมัง ให้ยังไงๆ จนแล้วจนรอด โวลเดอมอร์จึงไม่เคยรู้จักและเข้าใจความรักเลย จนกระทั่งตาย) ส่วนแฮร์รี่ถึงจะเป็นกำพร้าเหมือนโวลเดอมอร์ แต่เขาเกิดมาจากความรัก และได้รู้ว่าแม่สละชีวิตปกป้องชีวิตของเขาด้วยความรัก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เป็นที่ต้องการในบ้านของลุงป้าใจร้ายก็ตาม

ที่น้องกันย์บอกว่า “แล้วก็ยังไม่รู้เลยว่า ตอนจบยัยคางคกน่าเกลียดเป็นไงบ้าง กันย์อ่ะเกลียดเจ๊อัมบริดจ์มากมาย ยิ่งเล่ม7ยังตามมาหลอกหลอนอีก เฮ้อ    ไม่รู้ว่าตอนโดนเซ็นทอร์รุมในป่าแล้วไมยังกลับไปทำงานได้อีก นึกว่าเป็นบ้าไปซะละ”

เกลียดเข้าไส้เหมือนกันค่ะยัยเจ๊จอมดัดจริตนี่ (ใช้คำแรงไปป่ะคะ) แต่เจเคเขียนแคแร็คเตอร์ยัยเจ๊จอมกระแดะนี่ได้สุดยอดจิงๆ เหมือนคนจิงๆ เลย ของจริงนี่ดัดกว่ายัยนี่ยังมีอีกนะคะ เราเคยเจอมาแล้ว คนประเภทนี้เป็นคนน่าคลื่นไส้มาก ขณะเดียวกันก็น่ากลัวมากด้วย เป็นประเภทที่ไม่อยากจะต่อสู้ด้วยเลย เพราะนึกขยะแขยงค่ะ พวกมือถือสากปากถือศีลนี่ บรื๊อววว์... แล้วก็อยากจะให้เจเคเล่าชะตากรรมของยัยเจ๊นี้ด้วยเหมือนกันค่ะ อย่างที่เราเคยบอกอ่ะค่ะ ว่าทำไม epilogue ถึงได้สั้นมาก ไม่จุใจเลย พูดถึงแต่ลูกๆ แฮร์รี่กับรอนแค่นั้นเอง ยังมีอีกหลายคนที่น่าพูดถึง ทั้งฝ่ายพระเอกเช่นลูน่า ครีเช่อร์ เนวิลล์ก็พูดถึงนี้ดดด..เดียวเอง โรงเรียนฮ็อกว็อตส์อีก ก็น่าพูดถึง เช่นใครเป็นอาจารย์ใหญ่แล้ว แฮกริดด้วย โอ๊ย! เยอะแยะ เช่นเดียวกันฝ่ายผู้ร้ายที่น่าพูดถึงที่สุด ก็คือยัยแอ๊บแบ๊วอัมบริดจ์นี่แหละ

ที่น้องกันย์ถามว่า “แต่พี่galdewis รู้ป่าวว่าเฮอร์ไมโอนี่ทำงานไรอ่ะ?”

บังเอิญมากจิงๆ ที่เราเพิ่งไปเจอสัมภาษณ์เจเคในไทม์ฉบับต้นปีอ่ะค่ะ เจเคตอบคำถามว่าเฮอร์ไมโอนี่ทำงานอะไรไว้ด้วย ทำงานที่กระทรวงเวทย์มนตร์ค่ะ แต่เจเคบอกแค่นี้เอง ไม่มีรายละเอียดอะไรอีกเลย บอกแต่แฮร์รี่ว่าทำงานกระทรวงเหมือนกัน และได้เป็นหัวหน้ากองมือปราบมาร หวังว่าแฮร์รี่คงจะไม่เจอศึกหนักเหมือนที่แม้ดอายเจอหรอกนะ จนพิการไปแทบทั้งตัวเลย คือถ้าเป็นเราอ่ะนะ เห็นแม้ดอายเป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ยักกะอยากเป็นมือปราบมารเลยอ่ะ จิงๆ

และที่เข้ามาวันนี้ จิงๆ จะแวะเข้ามามาบอกว่า ตอนนี้กำลังจะอ่านสัมภาษณ์เจเคในไทม์ฉบับต้นปีที่ว่าอยู่นะคะ (ไม่นึกว่าจะมาตอบกันอุ่นหนาฝาคั่งขนาดนี้ อ่านจนตาแฉะเหมือนกันค่ะ) ซึ่งเจเคติดหนึ่งในตัวเก็งที่จะได้ man of the year 2007 ด้วย (แต่ไม่ได้ คนที่ได้คือประธานาธิบดีรัสเซีย) แต่ว่ามันยาวมากกกก...จะหาเวลาอ่านให้จบ แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ

น้องกันย์ นานะจัง ไม่ลองตอบวันเกิดเฟร็ด จอร์จดูเหรอคะ หรือว่ารู้กันแล้ว

น้องตูนคะ เดี๋ยวรอตอบหลายๆ คนก่อนแล้วค่อยเฉลยนะ

น้องตูนตอบซั้นนน..สั้นนะคะ อยากคุยกับน้องตูนและเด็กบ้านเดียวกันอีกหน่อย (ที่นี่มีเด็กสลิธีรีนเยอะมั้ยอ่ะ) ว่ามั้ยคะว่า อีกลักษณะหนึ่งของเด็กสลิธีรีนก็คือความหยิ่งทระนงในตัวเอง รักศักดิ์ศรีสูงมาก เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ มีเด็กสลิธีรินคนไหนคิดงี้เหมือนเรามั่งมั้ยอ่ะคะ

HpJ

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: มีนาคม 10, 2008, 03:54:44 PM »
วันเกิดเฟร็ด-จอร์จหรอ?? อืม....1 เมษาป่าว? เหมือนเคยเห็นในเวปเจเคแว๊ปๆ ;)

pim_4262

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: มีนาคม 11, 2008, 04:34:33 PM »
น้องตูนคะ เดี๋ยวรอตอบหลายๆ คนก่อนแล้วค่อยเฉลยนะ

น้องตูนตอบซั้นนน..สั้นนะคะ อยากคุยกับน้องตูนและเด็กบ้านเดียวกันอีกหน่อย (ที่นี่มีเด็กสลิธีรีนเยอะมั้ยอ่ะ) ว่ามั้ยคะว่า อีกลักษณะหนึ่งของเด็กสลิธีรีนก็คือความหยิ่งทระนงในตัวเอง รักศักดิ์ศรีสูงมาก เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ มีเด็กสลิธีรินคนไหนคิดงี้เหมือนเรามั่งมั้ยอ่ะคะ

อีกลักษณะหนึ่งของเด็กสลิธีรีนก็คือความหยิ่งทระนงในตัวเอง รักศักดิ์ศรีสูงมาก เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ

อ่า... เห็นด้วยค่า!!  ^^
ตอบยาวๆก็ได้ค่า  ฮ่าๆ ถ้าพิมยาวๆแล้วมันติดลม   

รุ้สึกจะมีตูนกะพี่galdewis 2 คนมั้งคะเนี่ย =o= 
ใครเป็นสมาชิกสลิธีรินขอเสียงหน่อยเร้ววววววววววววว~

555

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: มีนาคม 11, 2008, 05:33:27 PM »
อ้าว! น้องตูน สวัสดีค่ะ เห็นน้องกันย์มาตอบเรื่องวันเกิดเฟร็ดจอร์จอีกคนแล้ว งั้นก็เฉลยเลยละกันนะคะ น้องกันย์ตอบถูกต้องนะค้าบบบ

ที่จริงต้องให้ทายเหตุผลด้วยว่า ไมเจเคถึงให้วันนี้เป็นวันเกิดของจอร์จกับเฟร็ด เพราะความจริงทีเด็ดมันอยู่ตรงเหตุผล น้องกันย์ น้องตูนหรือใครๆ จะลองทายเหตุผลของเจเคดูบ้างมั้ยคะ ว่าไมให้ฝาแฝดเกิดวันที่ 1 เมษา

คราวที่แล้วลืม ยังไม่ได้คุยเรื่องข้อสังเกตที่น้องกันย์ตั้งไว้เกี่ยวกับสเนป ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะคุยมาก เพราะมัวแต่ไปพูดถึงที่เราไม่เห็นด้วยกับการใช้คำแปลภาษาไทยว่า หินชุบวิญญาณ กับ เครื่องรางยมทูต

จริงทุกอย่างที่น้องกันย์ตั้งข้อสังเกตมาเกี่ยวกับสเนปนะคะ ว่าที่จริงเรื่องสเนปเป็นไส้ศึกนี่ เริ่มรู้สึกตะหงิดๆ มาตั้งแต่ซักประมาณเล่ม 3 มั้ง คิดว่าถ้าใครที่เคยได้อ่านหนังสือหรือดูหนังพวกประเภทสามก๊ก หรือกำลังภายในมาซักหลายเรื่องหน่อย ก็อาจจะมีรู้สึกตะหงิดๆ ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ว่าสเนปคงจะเป็นไส้ศึกให้ฝ่ายพระเอก

เพราะนิยายจีนพวกนี้นี่ ถึงจะเป็นนิยายโบราณ แต่มุขไส้ศึกนี่ ต้องยกให้พี่จีนเขาจริงๆ คิดว่าเพราะมันคง base มาจากเรื่องจริงของจีนเองล่ะมั้ง เพราะจีนซึ่งเป็นชาติและเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่โบราณมากที่สุดอารยธรรมนึงในโลกนี้ ทำสงครามนองเลือดกันมานับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะสามารถรวมชาติเป็นปึกแผ่นกันได้อย่างเช่นในยุคจิ๋นซี หรืออย่างทุกวันนี้ จีนจึงเชี่ยวชาญพิชัยสงครามมาตั้งแต่โบราณ และหนึ่งในกลยุทธ์การทำสงครามที่จีนใช้มาตลอดประวัติศาสตร์ แล้วก็ได้ผลทุกครั้งก็คือ การส่งไส้ศึกไปแทรกซึมฝ่ายศัตรู แม้กระทั่งฝรั่งในสมัยนี้ ยังต้องเอาพิชัยสงครามโบราณของจีนอย่างเช่นซุนวู มาศึกษา (แต่ว่าศึกษาในแง่สงครามการตลาดไป ไม่ใช่สงครามจริงๆ) ทั้งๆ ที่มันเป็นตำราทำสงครามที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์มากแล้ว แต่มันคือภูมิปัญญาจีนโบราณอย่างหนึ่ง ที่ยังมีคนเห็นคุณค่าจนเดี๋ยวนี้

อีกอย่างเรารู้สึกว่าเจเคเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะ จากประวัติของเจ๊เธอซึ่งรู้สึกว่าจะเกิดในบ้านที่มีหนังสือเต็มบ้านและพ่อแม่ส่งเสริมการอ่าน เพราะอย่างมุขฮอร์ครักซ์นี่ ตอนอ่านครั้งแรกนึกถึงทศกัณฐ์ถอดดวงใจทันทีเลยนะ มีใครคิดงี้เหมือนเรามั่งมั้ย ไม่รู้ว่าเจเคเคยอ่านรามเกียรติ์ฉบับต้นตำรับของอินเดียหรือเปล่า แต่รู้สึกเธอจบวรรณกรรมนะ น่าจะเป็นคนที่สนใจอ่านวรรณกรรมเอกของโลกอย่างเช่นรามเกียรติ์ด้วย หรือไม่งั้นวรรณกรรมเอกของตะวันตกเอง เราคิดว่าต้องมีแน่เรื่องถอดดวงใจนี่ เพราะการผสมผสานถ่ายทอดถึงกันของอารยธรรมยุคโบราณ อย่างภาษาบาลีสันสกฤตของตะวันออกนี่ ที่จริงแล้วก็มีรากศัพท์เดียวกับภาษาลาตินของตะวันตก

คนแต่งที่แต่งเก่งๆ นี่ ล้วนแต่เป็นนักอ่านมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้นะ นอกจากเจเคก็คือกิมย้ง นักเขียนโปรดสุดของเรา ว่าที่จริงเรื่องแฮร์รี่ซึ่งมี theme เป็นความรักนี่ สามารถวิเคราะห์เชิงวรรณกรรมเปรียบเทียบกับมังกรหยกภาค 2 ที่มีแก่นเรื่องความรักเหมือนกันได้เลยนะ

ตามที่น้องกันย์ตั้งข้อสังเกตมาสรุปก็คือ ในแต่ละเล่ม อะไรๆ ที่แฮร์รี่คิดว่าสเนปร้ายกับตัวเอง สุดท้ายเฉลยออกมา กลายเป็นปกป้องแฮร์รี่ทุกทีเลย ที่น่าสังเกตก็คือ ดัมเบิลดอร์ต้องเป็นคนเฉลยทุกครั้ง ทำให้สงสัยว่าดัมเบิลดอร์กับสเนปนี่ ต้องรู้อะไรกันที่คนอื่นไม่รู้

จริงๆ จุดนี้เจเคก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับเลยนะ มีตัวละครในเรื่องตั้งข้อสังเกตในจุดนี้อยู่ รู้สึกจะเป็นลูปินมั้ง จริงๆ ลูปินอาจจะเดาออกก็ได้ ว่าเรื่องความลับลมคมในระหว่างดัมเบิลดอร์กับสเนปนี้ อาจมีความรักของสเนปที่มีต่อลิลี่เข้ามาเป็นเงื่อนไขเกี่ยวข้องด้วย เพราะลูปินต้องรู้เรื่องรักสามเส้าระหว่างเจมส์ ลิลี่กับสเนปดี เพียงแต่ลูปินไม่ได้พูดออกมา (เพราะเจเคไม่ให้พูดไง เพราะถ้าลูปินพูดเรื่องรักสามเส้านี้ออกมา ก็บอกใบ้หมดสิ ว่าสเนปเป็นไส้ศึก เพราะเจเคต้องวางพล็อตให้เฉลยว่าสเนปเป็นคนดีในเล่มจบอยู่แล้ว เพราะนั่นคือจุดพลิกผันใหญ่ที่สุดของเรื่องชุดนี้ รองลงจากจุดไคลแม็กซ์ตอนที่แฮร์รี่เดินเข้าป่าไปให้โวลเดอมอร์ฆ่าเลยนะ ถ้าคนอ่านรู้ก่อนว่าสเนปเป็นคนดีก็คงหมดสนุก และเจ๊เธอเคยบอกเองว่า เธอวางพล็อตแฮร์รี่ตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ในหัว ตั้งแต่ที่แต่งเล่ม 1 แล้ว และถ้าดูจากคุณภาพการแต่งที่เจเคทำได้ถึงขนาดนี้ เราก็เชื่อว่าเธอวางพล็อตเอาไว้ตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ ต้องยกนิ้วให้เจเคเลย) แต่เสไปให้เหตุผลที่ทุกคนควรเชื่อใจสเนปว่า เพราะเชื่อใจดัมเบิลดอร์ ในเมื่อดัมเบิลดอร์เชื่อใคร ทุกคนก็ควรเชื่อมั่นด้วย

การที่ลูปิน(หรืออีกนัยหนึ่งคือเจเค)เลือกยกอ้างดัมเบิลดอร์ขึ้นมาเป็นเหตุผลนี่ เราคิดว่าฉลาดมาก เพราะมันยุติการที่ใครจะมาตั้งคำถามระแวงสเนปได้หมด อย่างน้อยก็ในขณะที่ดัมเบิลดอร์ยังมีชีวิตอยู่ แต่พอดัมเบิลดอร์ตาย แถมใครๆ ยังเห็นว่าตายด้วยฝีมือสเนปซะอีก เหตุผลของลูปินนี้ก็เลยตกไป ในเล่ม 7 เลยไม่มีใครเชื่อใจสเนปเหลืออยู่อีกเลย แต่เพราะอย่างนี้แหละ เลยฉุกใจขึ้นมาว่า กำลังโดนเจ๊เจเคเธอหลอกให้คิดว่าสเนปไม่ดีอยู่แน่ๆ เรา

เพราะตอนที่ดัมเบิลดอร์ยังไม่ตาย เรายังนึกระแวงสเนปอยู่ไม่ต่างจากความรู้สึกของแฮร์รี่แหละ แต่รู้สึกสนใจและพยายามจะศึกษากลวิธีในการเขียนตัวละครตัวนี้ (สเนป) ของเจเคมาตั้งแต่ต้นแล้ว ตัวละครที่ซับซ้อนอย่างสเนปนี่ เป็นตัวละครตัวนึงที่คนที่อยากเป็นนักเขียนอย่างเรา ใฝ่ฝันอยากจะเขียนนะ เราเลยตั้งจุดสังเกตเอาไว้ว่า ถ้าวันไหนไม่มีใครเชื่อใจสเนปเหลืออยู่แล้วล่ะก็ ฟันธงได้เลยว่า สเนปจะต้องเป็นคนดีแน่นอน เพราะถึงเวลาของการที่จะพลิกล็อคตัวละครตัวนี้แล้ว

ก่อนหน้านี้ที่ยังมีดัมเบิลดอร์เชื่อใจสเนปอยู่ คนอ่านยังฟันธงไม่ได้จริงๆ ว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนดีหรือไม่ดี เราเห็นว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวแปรของเรื่อง ขึ้นอยู่กับคนแต่งจะแต่งให้เป็นคนดีก็ได้ คนร้ายก็ได้ แต่จะต้องมีเหตุผลสมควรรองรับนะ ในที่นี้ถ้าจะแต่งให้สเนปเป็นคนร้าย เราคิดว่า เหตุผลก็พอจะมีอยู่ อย่างเช่น ที่แท้สเนปต้องการจะชิงความเป็นใหญ่เหนือกว่าโวลเดอมอร์ คือแต่งให้สเนปเป็นตัวร้ายสุดของเรื่องที่แท้จริงแทนโวลเดอมอร์ไป ถ้าอย่างงี้เท่ากับสเนปหลอกสองต่อ คือหลอกทั้งโวลเดอมอร์ และหลอกทั้งดัมเบิลดอร์ด้วย เพื่อจะได้เป็นคนที่ครอบครองไม้เอลเดอร์แวนด์ที่แท้จริง แต่เพราะสเนปก็เข้าใจผิดเรื่องวิธีครอบครองเอลเดอร์แวนด์เหมือนโวลเดอมอร์เหมือนกัน ในที่สุดสเนปก็ต้องตายด้วยน้ำมือแฮร์รี่เจ้าของที่แท้จริงของเอลเดอร์แวนด์อยู่ดี แต่ถ้าพลิกให้สเนปเป็นคนร้าย จะขัดกับแก่นเรื่องที่เจเคต้องการเสนอ คือความรักยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง จบแบบที่เจเคจบอย่างนี้จึงดีกว่า และทำให้เรื่องมีเอกภาพ

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: มีนาคม 11, 2008, 05:40:11 PM »
มาขอเขียนให้ชัดเจนอีกหน่อย เดี๋ยวอาจมีใครรู้สึกไม่ดีไป ไม่ได้ว่าเจเคลอกคอนเซ็ปต์ทศกัณฐ์ถอดดวงใจนะคะ เพราะเจเคไปไกลกว่าอีกที่แยกวิญญาณโวลเดอมอร์ออกเป็นถึง 7 เสี้ยว จะมาเคลียร์แค่นี้ล่ะค่า บ๊ายบาย

nanajung

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 05:39:02 PM »
ตาแฉะไปดเลยค่ะพี่ วิเคราะห์ได้สุดยอดมากๆ แต่จริงแล้วเรื่องนี้ ยังมีข้อผิดหลาด ของความต่อเนื่องในหลายจุดๆ เหมือนเจเคได้ได้ลืมไป เพ่องนี้ใช้เวลาแต่งหลายปี
โดยเฉพาะ พอจบเล่ม 4 แล้วกว่าจะมีเล่ม 5 รอนานเกือบสองปี ประเด็นคือเจเค แต่งไม่ออก ถ้าสังเกตดีๆเล่มแรก มีประโยคนึงที่เพ็ตทุเนียบ่นลิลี่ให้แฮร์รี่ฟังว่าว่า เธอจะชอบเสกหนู กลับมาทุกหน้าร้อนจำม่ค่อยได้ละ แต่ ว่า ลิลี่จะเสกหนูได้ไงอ่ะ ก็เธอยังอายุไม่ครบเกณฑ์ที่จะเสกเวทมนตร์ได้ และนานะจังเอาจับผิดแฮร์รี่ มาให้ลองอ่านกันดูค่ะ

 - ในบทที่สิบเก้า สิงห์ประจันงู หน้า 493 หนังสือบรรยายว่า ก่อนเริ่มการแข่งขันควิดดิชนัดแรกระหว่างบ้าน กริฟฟินดอร์กับบ้านสลิธีลิน แฮร์รี่รู้สึกว่าทัศนวิสัยในการแข่งครั้งนี้ดีเยี่ยมและไม่มีปัญหาเรื่องแสงแดดส่องเข้าตา แต่ในหน้าถัดมากลับบรรยายว่า “ทั้งทีมทีมลุกขึ้นยืน พาดไม้กวาดไว้บนบ่า แล้วเดินเรียงแถวกันออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เข้าไปสู่แสงแดดที่สว่างจนบาดตา…”
       
     - ในเล่มที่ผ่านๆมาได้กล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่า นักเรียนปีสามขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถจะไปเที่ยวหมู่บ้าน ฮอกมี้ดส์ได้ในช่วงวันหยุด แต่ในการประชุม ก.ด. ครั้งแรกที่ร้านหัวหมู “เดนนิส ครีฟวีย์” ซึ่งเป็นนักเรียนปีสอง กลับสามารถไปเข้าร่วมประชุมได้ (ใครที่ไม่เชื่อว่า เดนนิส เป็นนักเรียนชั้นปีที่สอง สามารถเปิดหนังสือเล่มสี่ หน้า 209 และ 210 ในตอนที่พี่ชายของเขาคอลิน ครีฟวีย์เรียกเดนนิสให้มองดูแฮร์รี่)

      - หลังจากที่แฮร์รี่ลงจากรถไฟสายด่วนฮอกวอสต์ และกำลังจะขึ้นรถม้าต่อไปยังปราสาทนั้น เขาสามารถมองเห็นเธสตอลได้ และต่อมาภายในเล่ม เราก็ได้รู้ว่าผู้ที่สามารถจะเห็นมันได้นั้นต้องเคยเห็นความตายมาก่อน ซึ่งอันที่จริงแฮร์รี่เองนั้นก็เคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนที่พ่อกับแม่ของเขาถูกฆ่าต่อหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเซดริกตาย ดังนั้นทำไมในปีก่อนหน้านั้น (ปีหนึ่ง สอง สาม และ สี่) แฮร์รี่ถึงไม่สามารถเห็นเธสตอลได้   

คำชี้แจงจาก เจ.เค. : คุณจะไม่สามารถมองเห็นมันได้ เสียแต่ว่าภาพของความตายจะฝังรากลึกลงไปในจิตใจของคุณ
   
      - จากบทที่สิบเจ็ด หน้า 755 ตอนที่มัลฟอยกำลังจะหักคะแนนจากกริฟฟินดอร์และฮัฟเฟิลพัฟ หลังจากที่ได้รับตำแหน่งเป็น “หน่วยสอบสวน” เออร์นี่ มักมิลลันซึ่งเป็นพรีเฟ็คของฮัฟเฟิลพัฟ กล่าวแย้งมัลฟอยว่า “มีแต่อาจารย์เท่านั้นที่จะหักคะแนนจากบ้านต่างๆได้ มัลฟอย” แต่ในหนังสือเล่ม 2 บทที่เก้า หน้า 193-194 ในจังหวะที่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากห้องน้ำของเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ เพอร์ซี่ในตอนนั้นเป็นพรีเฟ็คเดินตรวจมาพบและหักคะแนน 5 คะแนนจากกริฟฟินดอร์

       - มีข้อผิดพลาดในการวาดรูปประจำบทที่สามสิบแปด สงครามครั้งที่สองเริ่มต้น -- นิมฟาดอร่า ท็องส์ สวมเสื้อ วง “The Weird Sisters” จากภาพ คุณจะไม่ได้เห็นคำทั้งหมดบนตัวเสื้อ แต่คุณจะเห็นเพียงแค่ “e r d” ซึ่งเป็นของคำว่า “weird” ตรงบรรทัดบน ซึ่งตกตัว “i ” ไป

       - จากเล่มหนึ่ง แฮกริดเคยกล่าวไว้ว่า พ่อกับแม่ของแฮร์รี่ในอดีตนั้น เป็นหัวหน้านักเรียนชายหญิงที่เก่งที่สุดของฮอกวอสต์ที่เคยมีมา แต่ในเล่มห้า กลับกล่าวว่า เจมส์ พอตเตอร์ในอดีตไม่เคยเป็นพรีเฟ็ค

คำชี้แจงจาก เจ.เค. : คุณไม่จำเป็นต้องเป็นพรีเฟ็คหรอก ถึงจะได้เป็นหัวหน้านักเรียน

       - ในหนังสือเล่มห้า บทที่เก้า ความทุกข์ใจของนางวีสลีย์ หน้า 206 จอรจ์กล่าวว่า “คนหนึ่งถูกไล่ออก อีกคนตาย อีกคนความจำหายไปหมด และอีกคนถูกขังไว้ในหีบตั้งเก้าเดือน” ทั้งหมดที่เขากล่าวมานั้นอ้างอิงถึง ควีเรลล์ซึ่งตาย, ล็อกฮารต์ผู้ซึ่งความทรงจำเสื่อมหาย, มู้ดดี้ผู้ซึ่งถูกขังไว้ในหีบ แต่ลูปินไม่ได้ถูกไล่ออกจามที่จอรจ์กล่าว เขาลาออกต่างหาก

        - ขณะที่แฮร์รี่กำลังปรึกษากับศาสตราจารย์มักกอนนากัล เกี่ยวกับการแนะนำเรื่องอาชีพในอนาคตของเขาซึ่งเลือกที่จะเป็นมือปราบมาร ศาสตราจารย์กล่าวว่า “อันที่จริง ฉันไม่คิดว่ามีใครได้รับเลือกเข้าไปทำงานเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้” แต่ในตอนต้นๆของเรื่อง (หน้า 77) ท็องส์เคยกล่าวไว้ว่า “...ฉันเพิ่งสอบผ่านได้เป็นเมื่อปีที่แล้วเอง…”

คำอธิบายที่เป็นไปได้ : ศาสตราจารย์มักกอนนากัลคงจะไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครจบเป็นมือปราบ - มารมาเลยในช่วงสามปี แต่น่าจะหมายความว่าไม่มีใครถูกคัดเลือกให้เข้ารับการฝึกฝนก่อนการเป็นมือ ปราบมารเลยในสามปีที่ผ่านมามากกว่า เพราะศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวต่อหลังจากนั้นว่าการ เข้าฝึกเป็นมือปราบมารนั้นต้องใช้เวลาอีกสามปี ซึ่งสรุปได้ว่าท็องส์นั้นเข้ารับการฝึกฝนเป็นมือปราบมารสี่ปีมาแล้ว

        - ในบทที่ยี่สิบแปด หน้า 756 มัลฟอยในฐานะเป็น “หน่วยสอบสวน” ได้หักคะแนนจากรอนผู้ซึ่งไม่ได้ยัดเสื้อเข้าใส่ในกางเกง แต่ในช่วงนั้นพวกเขากำลังอยู่ในเวลาก่อนเข้าชั้นเรียน ดั้งนั้นรอนน่าจะใส่เสื้อคลุม ไม่ใช่เสื้อเชิ้ต

คำอธิบายที่เป็นไปได้ : มัลฟอยคงจะหมายถึง เสื้อเชิ้ตที่อยู่ข้างในเสื้อคลุมอีกที

         - ในหนังสือ ฉบับ UKหน้า และ U.S. พิมพ์ครั้งแรก บทที่ 9 ความทุกข์ใจของนางวีสลีย์ (U.K. หน้า 151 และ ของ U.S.หน้า 166) ตรงวรรคที่ว่า “He pretended to be rummaging for something while Hermione crossed to the wardrobe and called Hedwig down. A few moments passed; Harry heard the door close but remained bent double, listening...He straightened up and looked behind him. Hermione and Hedwig had gone. Harry hurried across the room, closed the door... ”ความจริงแล้วประตูมันน่าจะปิดตั้งแต่เฮอร์ไมโอนี่ออกไปแล้ว เพราะแฮร์รี่ได้ยินเสียงประตูปิด (ในฉบับภาษาไทยได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว)
 
         - ในบทที่ยี่สิบสาม หน้า 612 แฮร์รี่กล่าวว่า “ ด็อบบี้ทำได้ มันทิ้งบ้านของมัลฟอยมาเตือนผมเมื่อสองปีก่อนครับ มันต้องลงโทษตัวเองหลังจากนั้น แต่มันทำได้” แต่อย่าลืมว่าในตอนที่เขาพูดนี้ คือ เล่ม 5 ซึ่งเขาเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในหนังสือเล่มสอง ดังนั้นไม่ควรจะเป็นสองปี แต่ควรจะเป็นสามปีมากกว่า

          - ในเล่มสาม หลังจากที่เนวิลล์ทำกระดาษจดรหัสผ่านเข้าหอกริฟฟินส์ดอร์หายและซีเรียสเก็บได้ ทำให้ตัวเขานั้นถูกลงโทษ โดยการไม่ให้ไปเทียวหมู่บ้านฮอกมีสด์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ในเล่มห้า บทที่สิบหก หน้า 416 เราพบเนวิลล์ในการประชุม ก.ด. ครั้งแรกที่ร้านหัวหมู

          - เรารู้จากเล่มห้าว่า นักเรียนชั้นปีที่ห้าได้รับอนุญาตให้ออกมาที่ระเบียงทางเดินได้ จนกระทั่งสามทุ่มตรง แต่ถัดมาในหน้า 135 ในตอนที่อัมบริดจ์กำลังจะมายังห้องต้องประสงค์ “แฮร์รี่ได้ยินเสียงพวกเขาวิ่งห้อไปตามระเบียงทางเดิน และหวังว่าทุกคนคงมีสติพอที่จะไม่พยายามตรงดิ่งกลับไปที่หอนอนทันที นี่แค่สองทุ่มห้าสิบนาทีเท่านั้น ถ้าพวกเขาไปหลบซ่อนที่ห้องสมุดหรือโรงนกฮูก ทั้งสองที่นี้อยู่ใกล้กว่า – ” แต่อย่าลืมว่า สมาชิก ก.ด. นั้นไม่ได้อยู่ปีห้าทุกคน เช่น ลูน่า เลิฟกู๊ด, จินนี่ วีสลีย์ และคนอื่นๆซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินตามระเบียงตามเวลาดังกล่าว จะต้องรีบตรงกลับไปยังหอนอนทันที

           - จากบทที่ยี่สิบเจ็ด หน้า 742 “ “โอ้โฮ” ฟัดจ์ร้อง โยกตัวขึ้นลงบนปลายเท้าอีกแล้ว “ใช่แล้ว มาฟังกันซิ เรื่องโกหกเอาตัวรอดล่าสุดที่แต่งเพื่อฉุดพอตเตอร์ออกจากหล่ม! เอาเลย พูดเลย ดัมเบิลดอร์ พูดสิ วิลลี่ วิดเดอร์ชินส์โกหกใช่ไหมล่ะ หรือว่าที่ร้านหัวหมูวันนั้นคือเด็กแฝดที่เหมือนกันเปี๊ยบของพอตเตอร์ หรือว่ามีคำอธิบายที่แสนธรรมดาเกี่ยวกับการย้อนเวลา คนตายกลับฟื้น แล้วก็ผู้คุมวิญญาณสองตนที่ไม่มีใครเห็นได้” ” ฟัดจ์ไม่เคยรู้มาก่อนว่า แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ได้ใช้เครื่องย้อนเวลากลับไปช่วยซีเรียสและบัคบีค

             - ถ้าเจ.เค. ชี้แจงว่า “คุณจะไม่สามารถมองเห็นมันได้ จนกว่าภาพของความตายจะฝังรากลึกลงในจิตใจของคุณ” แต่ทำไมในตอนปลายเล่ม 4 หน้า 818 กับ 819 กลับบรรยายว่า “เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าไปยิ้มให้กับรถม้าวิเศษ ซึ่งบัดนี้กำลังเคลื่อนขึ้นมาตามถนนทางเข้าและตรงมาหาพวกเขา...” แสดงว่าทั้งสามต้องเห็นรถม้า แล้วทำไมแฮร์รี่ถึงไม่สังเกตเห็นเทรสตอลล่ะ

           - อย่างที่พวกเราได้ทราบจากเล่มก่อนๆว่า ว.พ.ร.ส. (วิชาพ่อมดระดับสามัญ) จะสอบในช่วงชั้นปีที่ห้า ส่วน ส.พ.บ.ส. (การสอบวัดความรู้พ่อมดเบ็ดเสร็จ) จะสอบในช่วงชั้นปี 7 แต่จากหน้า 283 รอนกล่าวว่า “ต้องยากแน่ละจริงไหม ว.พ.ร.ส. น่ะสำคัญมากนะ จะมีผลต่องานต่างๆที่นายจะสมัครได้แล้วก็ทุกอย่างเลย เราจะได้คำแนะนำเรื่องอาชีพด้วย ปลายๆปีนี้แหละ บิลบอกฉันน่ะ เราจะได้เลือกได้ว่าต้องลงวิชา ส.พ.บ.ส. อะไรบ้างในปีหน้า” แต่ในปีหน้าพวกเขาจะขึ้นปีหกที่ฮอกวอสต์ ไม่ใช่ปีเจ็ด ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถที่จะเลือกลงสอบ ส.พ.บ.ส. ได้

             - รูปแฮร์รี่บนปกฉบับ U.S. และของประเทศไทย กำลังถือไม้กายสิทธิ์ในมือซ้าย แต่ความเป็นจริงแล้ว แฮร์รี่เป็นคนถนัดมือขวา

            - ในการสอบดาราศาสตร์ภาคปฏิบัติ แฮร์รี่ได้ลงตำแหน่งดาวไถบนแผนที่ของเขา ในความเป็นจริงตามเส้นรุ้ง (ละติจูด) ของประเทศอังกฤษ กลุ่มดาวไถจะปรากฏเฉพาะช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกาคมถึงเดือนมีนาคม แต่ในช่วงที่กำลังสอบนั้นอยู่ในเดือนมิถุนายน

           - ในบทแรกของเล่มห้า แฮร์รี่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกดังเปรี้ยง ก้องสนั่นทำลายความเงียบชวนสงัดชวนง่วงเหมือนเสียงปืน ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นเสียงจากการหายตัวของมันดังกัส เช่นเดียวกับตอนที่เฟร็ดกับจอรจ์หายตัวไปยังห้องของแฮร์รี่ในกริมโมลด์เพลซ ก็เป็นเสียงดัง “เปรี้ยง” แต่ในหนังสือเล่มก่อนๆ บรรยายว่าเวลาใครหายตัวจะเป็นเสียงดัง “ป็อบ”

            - ในบทที่สิบห้า หน้า 404 ในตอนที่เฮอร์ไมโอนี่ชวนให้แฮร์รี่ตั้งชมรมป้องกันตัวจากศาสตร์มืด “เธอไม่เห็นหรือ นี่...นี่แหละคือสาเหตุว่าทำไมเราถึงต้องการเธอ... เราต้องการรู้จริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร... ที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา...เผชิญหน้ากับโว...โวลเดอมอร์” หนังสือบรรยายว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในภาพยนตร์ภาคแรก เฮอร์ไมโอนี่เคยขานชื่อ โวลเดอมอร์ออกมาแล้ว หลังจากที่ทั้งสามกลับมาจากป่าต้องห้ามและนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวม

           - หนังสือเล่มห้า หน้า 60 บรรยายถึงสภาพหน้าบ้านกริมโมลด์เพลซไว้ว่า “ แฮร์รี่เดินขึ้นบันไดหินที่เก่าจนสึก จ้องมองไปที่ประตูซึ่งเพิ่งปรากฏขึ้นมา สีดำที่ทาประตูนั้นดูโทรมและมีรอยขีดข่วน ที่เคาะประตูเงินเป็นรูปงูบิดตัว ไม่มีรูกุญแจและช่องรับจดหมาย” แต่มันแสดงไว้อย่างชัดเจนตรงรูปปกด้านในเล่มว่าตรงประตูมีรูกุญแจอยู่








galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 06:23:35 PM »
ขอบคุณค่ะ นานะจัง จับผิดกันละเอียดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อย่างกะโฟโต้ฮันท์แน่ะ อิอิ ชอบเล่นมากเกมนี้

แต่ขอสารภาพว่า จำไม่ได้ซักอย่างที่เขาจับผิดมาเลยอ่ะค่ะ เอามาจากไหนเหรอคะเนี่ย

ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ กิมย้งก็เป็นเหมือนกัน คงเพราะหนังสือของทั้งเจเคทั้งกิมย้งนี่ยาวมากๆ มีรายละเอียดเยอะแยะไปหมด สมควรที่นักประพันธ์ที่แต่งเรื่องยาวๆ แบบนี้ จะต้องมี continuity girl ส่วนตัว ไว้เช็คความต่อเนื่องแบบกองถ่ายหนังละครด้วยเหมือนกันนะเนี่ย

เจเคใช้เวลาแต่งเรื่องแฮร์รี่ 17 ปีค่ะ (โห! นึกไม่ถึงนะเนี่ย มันนานขนาดนั้นเลยเหรอ) ตั้งแต่ปี 1990-2007 แต่งเล่ม 7 เสร็จในเดือนมกราคม ด้วยความดีใจสุดขีดและนึกสนุกขึ้นมา เจเคเลยจดวันที่เดือนปีที่ตัวเองแต่งแฮร์รี่เสร็จสมบูรณ์ ไว้ที่ฐานรูปปั้นที่วางอยู่ในห้องในโรงแรม ที่เธอใช้เป็นที่แต่งแฮร์รี่เล่ม 7 ด้วย ข้อมูลจากไทม์ค่ะ

เพิ่งจะรู้นะว่าหลังจากแต่งเล่ม 4 เธอเกิดอาการแต่งต่อไม่ออกด้วย ไหนว่าวางพล็อตแต่ต้นจนจบไว้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ

แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะในบรรดาแฮร์รี่ทั้ง 7 เล่ม เล่ม 5 ด้อยที่สุด ไม่สนุกเลย เราอ่านข้ามเป็นก้อนๆ เลย โดยเฉพาะตอนแฮกริดไปตามหายักษ์อะไรจำไม่ได้แล้วอ่ะ ที่ได้น้องยักษ์กลับมาน่ะ แทบไม่อ่านเลย เราว่ามันไม่เข้าท่า ตอนอ่านแอบมีเคืองเจ๊แกนิดๆ ด้วย แอบรู้สึกว่าเจ๊แกยืดอ่ะ แต่ว่าเจ้ากรอว์ปปี้น่ารักดีนะในเล่ม 7 ตอนที่เสร็จศึกแล้วน่ะ มันโผล่หน้าอ้าปากหวอ เมียงมองตรงช่องหน้าต่างที่แตกของปราสาทฮ็อกว็อตส์ คนก็เลยช่วยกันโยนอาหารใส่ปากมัน แล้วมันก็หัวเราะร่าเลย เจ้าหนูยักษ์นี่ก็เหมือนกัน เป็นยักษ์ที่ดีได้ ก็เพราะรู้จักความรัก เนื่องจากได้รับความรักจากแฮกริดอย่างล้นเหลือ

อ้อ! ขอบอกว่า เพราะแสนจะผิดหวังกับเล่ม 5 ทำให้เราประท้วง(ข้างเดียว)ด้วยการไม่แตะเล่ม 6 เลยค่ะ กะว่าจะไปอ่านเล่ม 7 เอาเลย แล้วก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ด้วย เราอ่านเล่ม 7 เสร็จ ซึ่งทำให้ศรัทธาในเจเคกลับมาเหมือนเดิม แล้วถึงย้อนกลับไปอ่านเล่ม 6 ค่ะ

พูดถึงแฮกริดเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งที่มีความสำคัญด้านจิตใจต่อแฮร์รี่มาก แม้ว่าเขาจะช่วยแฮร์รี่อย่างได้เรื่องได้ราวน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับเฮอร์ไมโอนี่ รอน ซีเรียสหรือลูปิน แต่แฮกริดเป็นมนุษย์(ครึ่งยักษ์)ที่มีจิตใจบริสุทธิ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความจริงใจมากที่สุดในเรื่องนี้เลย โดยเฉพาะความรักที่มีต่อแฮร์รี่ ทำให้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเสียเรื่องมากแค่ไหน แฮร์รี่ก็ไม่เคยเลยที่จะถือโทษโกรธเคืองแฮกริด

ตอนที่โวลเดอมอร์สั่งให้แฮกริดอุ้มแฮร์รี่ที่ทุกคนคิดว่าตายแล้ว เจเคบรรยายว่าแฮกริดอุ้มแฮร์รี่อย่างอ่อนโยนนุ่มนวล เราอ่านแล้วน้ำตาซึมเลย รับรู้ถึงความโศกเศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุดของแฮกริดเพราะคิดว่าแฮร์รี่ตายแล้ว รักแฮกริดมากเลยค่ะ

HpJ

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 07:30:55 PM »
ที่เฟร็ด-จอร์จเกิด 1 เมษา ก็เพราะมันเปงวัน April Fool งัยย(ช่ายป่าวว) ;)

หุหุจับผิดแฮร์รี่ละเอียดยิบเรยย กันย์ก้อเคยอ่านเรื่องแนวๆนี้มาเหมือนกัน แต่จำไม่ค่อยได้อ่ะ ดีจังที่พี่นานะเอามาให้อ่าน แต่ถึงจะผิดพลาดไง กันย์ก้อว่า เจเคเนี่ยเจ๋งสุดยอดเลยย
กันย์ว่าเล่มห้าเป็นเล่มที่หดหู่ที่สุดเรยย และเล่มหกเป็นเล่มที่สดใสที่สุดเหมือนกัน ถ้าให้เปรียบกับลมพายุ ก็เล่มห้าเป็นพายุฝนกระหน่ำ เล่มหกเป็นฟ้าหลังฝน แต่อีกนัยหนึ่งก็เป็นลมที่สงบก่อนพายุระลอกใหม่จะมา ซึ่งใหญ่กว่าเดิม
แต่เล่มเจ็ดนี่มันส์สุดๆเลยอ่ะค่ะ ชอบเพราะสู้กันตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่องเลยย
ส้วนเล่ม1 ก็เป็นอะไรที่เริ่มต้น แบบเด็กๆน่ารักๆน่าค้นหา และก็ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามวัยของแฮร์รี่ สุดบรรยาย ยิ่งเล่มห้าเนี่ย แฮร์รี่อายุ15 ก็เป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ วัยรุ่นอารมณ์แปรปรวน ขี้หงุดหงิด ฯลฯ

ไปเจอมิวสิคนี้ในเวปยูทู้บมา ดูแล้วคิดถึงปู่ดัม ซิเรียส ลูปิน แต่เสียดายที่ขาดเสนปไปคนนึง ไม่รู้เคยดูกันรึยัง
http://www.youtube.com/watch?v=3QRKpfA6Pwo
(ดูแล้วนึกถึงอารมณ์แฮร์รี่ภาค7นี้เลย)

ตอนนี้แฮร์รี่ก็จบไปแล้ว แต่ก็ยังคงวนเวียนอ่านแล้วอ่านอีก เหอๆ นี่ขนาดซื้ออาทิมิส กับเอลเดตส์มาทิ้งไว้ตั้งแต่ปลายปีแล้วละยังไม่ได้อ่านเลยอ่ะ (รอไปก่อน)


นี่พี่ๆคะ มีโครงการจะไปดูหนังเรื่อง "The Spiderwick Chronicles (ตำนานสไปเดอร์วิก)" กันบ้าง? ท่าทางจะสนุกนะ กันย์กะว่าจะไปดูอ่ะ ใครเคยอ่านเรื่องนี้กันป่าวคะ? หนุกมั้ย?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2008, 08:10:37 PM โดย HpJ »

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 08:32:36 PM »
ถูกต้องอีกแล้วนะค้าบบบ น้องกันย์ เก่งจิง

เล่ม 6 รู้สึกเฉยๆ แฮะ แต่ถ้าได้อ่านเล่ม 6 ก่อนเล่ม 7 คงจะช่วยทำให้แน่ใจว่า สเนปตอนจบในเล่ม 7 ต้องเป็นคนดีแน่นอน

ตั้งแต่ได้ยินชื่อตอนของเล่ม 6 ตอนที่ยังไม่ได้คิดจะอ่าน รู้สึกว่าเจเคจงใจหลอกให้คนคิดว่าหมายถึงโวลเดอมอร์ ก็เลยคิดว่าต้องไม่ใช่โวลเดอมอร์ แต่น่าจะเป็นสเนป ไม่ก็แฮร์รี่

แต่พออ่านถึงตอนแฮร์รี่ได้ตำราปรุงยา ก็ตัดแฮร์รี่ออกไปได้ แล้วก็คิดไปถึงลิลี่ (รู้สึกน้องกันย์ก็คิดถึงลิลี่ด้วยเหมือนกันใช่หรือเปล่าคะ เกี่ยวกับตำราปรุงยานี่น่ะค่ะ) หรือว่าเจ้าชายเลือดผสม อาจไม่ได้หมายถึงสเนป แต่อาจจะพลิกล็อคเป็นผู้หญิงก็ได้ ก็คือลิลี่ ซึ่งก็จะเท่ากับแฮร์รี่ได้ครอบครองตำราเก่าที่เคยเป็นของแม่ เพราะสลักฮอร์นพร่ำพูดถึงแต่ลิลี่ให้แฮร์รี่ฟังอยู่เรื่อย แต่นึกสงสัยว่าเจเคจะทำให้ยังไง ที่จะสามารถพลิกมาโยงชื่อเจ้าชายฯ กับลิลี่ได้ แต่ก็ปรากฏว่าไม่พลิก

ยังแอบคิดว่าในตำราปรุงยาของสเนปน่าจะมีร่องรอยที่พาดพิงถึงลิลี่มั่ง แต่ก็ไม่มี แล้วก็ยังคิดด้วยว่า ที่ลิลี่เก่งวิชาปรุงยา จนเป็นคนโปรดของสลักฮอร์นได้ อาจเพราะพึ่งตำราของสเนปเหมือนแฮร์รี่ด้วยหรือเปล่าเนี่ย หรือจะเป็นตรงข้ามก็ได้ คือสเนปเก่งปรุงยา จนแก้สูตรคิดสูตรได้เองนี่ ที่จริงเป็นเพราะมีลิลี่คอยช่วยติวตังหาก เสียดายที่เจเคไม่ได้ทำให้ตำราปรุงยาเล่มนี้ เป็นอีกสิ่งที่สะท้อนความเกี่ยวพันระหว่างสเนปกับลิลี่ เพราะคงจะเพิ่มความซาบซึ้งได้อีก หลังจากที่แฮร์รี่รู้ว่าสเนปเป็นคนดี แล้วย้อนคิดไปถึงตำราปรุงยาเล่มนี้

แล้วก็รู้สึกว่า วิธีเฉลยว่าเจ้าชายเลือดผสมคือสเนปรู้สึกไม่ค่อยคมคายเลย น่าจะให้มีลิลี่มาเกี่ยวข้องด้วยแบบบางๆ ก่อนที่จะมาโป๊ะเชะเฉลยความรักไม่เสื่อมคลายของสเนปที่มีต่อลิลี่ในเล่ม 7 อีกที เรื่องความรักของเสนปต่อลิลี่ ก็จะสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเลย

เล่ม 7 นี่ทีเด็ดจริงๆ แม้จะรู้สึกว่าต้นเรื่องมีอืดๆ มั่ง แล้วก็รู้สึกว่าสเนปตายง่ายเกิน แต่ความคมคายและความซาบซึ้งต่างๆ ที่รู้สึกจะมีเยอะมากที่สุดในเล่ม 7 (แม้แต่ตอนที่แฮร์รี่ได้ฟังรายการวิทยุที่เหล่าภาคีฯ จัดเป็นครั้งแรก ตอนได้อ่านก็อดรู้สึกอบอุ่นซึ้งใจไปกับแฮร์รี่ด้วยไม่ได้ ที่ได้ยินเสียงเพื่อนๆ ในยามที่กำลังผจญภัยอย่างสิ้นหวังอยู่ในป่าเพียงลำพัง 3 คน) โดยเฉพาะการคลี่คลายความลับสุดท้ายและจุดไคลแม็กซ์ ถือว่าทำได้เยี่ยมยอด เลยให้อภัยเจเค (หูว์! บังอาจไปมั้ยเนี่ย) สำหรับเล่ม 5

เล่ม 1 นี่อ่านแบบไม่คาดหวังเลย และอ่านหลังจากที่มันดังแล้ว เลยอยากรู้ว่าหนังสือเล่มนี้มีดีอะไร ผลก็คือ ติดหนึบไม่ต่างจากคนนับล้านๆ ทั่วโลก นานๆ จะมีหนังสือสนุกขนาดนี้มาให้อ่านซะที เราชอบเล่ม 3 มากที่สุด เป๊คมากเล่มนี้ เพราะหลงรักซิเรียส (คนเคยหล่อ) อ่ะ ชอบความรักความผูกพันระหว่างแฮร์รี่กับพ่อทูนหัวคนนี้มากเลย ถึงกับน้ำตาร่วงแหละเรา ดีใจไปกับแฮร์รี่ด้วย นึกว่าแฮร์รี่จะหมดทุกข์หมดโศกซะที แต่เจเคก็ใจร้าย พรากซิเรียสจากไปอย่างรวดเร็ว เฮ้อ! เศร้า

เล่ม 4 โหดสุดๆ ที่ให้เซดดริกตาย สงสารพ่อเซ็ดดริกน่าดู แต่เล่มนี้ก็ยังยอดเยี่ยมอยู่ แถมหนามากกว่า 3 เล่มแรกมาก ไม่แปลกใจเลยที่นานะจังบอกพอจบเล่ม 4 ทำเอาเจ๊ถึงกับหมดมุขแต่งต่อไม่ออกเรยย

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 09:22:39 PM »
อีกนิดค่ะ โทดที ที่น้องกันย์บอกว่า น่าให้เพอร์ซี่ตายแทนจอร์จ เอ๊ย! เฟร็ด เราว่า ถ้าให้เพอร์ซี่ตายมันไม่สะเทือนใจอ่ะค่ะ เพราะการที่ให้คนที่ไม่น่าตาย ต้องมาตาย มันจะสร้างความสะเทือนใจสูง โดยเฉพาะตายตอนที่มีเพอร์ซี่ ซึ่งเคยทรยศต่อครอบครัวอยู่ด้วย เราว่า บางทีคนที่เสียใจที่สุดที่เฟร็ดตาย ก็คือเพอร์ซี่นั่นเอง เผลอๆ คนที่อยู่จะทรมานมากกว่าคนที่ตายไปแล้วอีก การที่เพอร์ซี่เอาตัวบังศพน้อง ทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องตายไปแล้ว สะเทือนใจมากนะ บางทีเพอร์ซี่อาจจะคิดว่า ทำไมไม่ให้เขาตายแทน เขาตังหากที่เป็นคนทำผิด เขาตังหากที่เป็นคนทรยศครอบครัว ทำไมไม่ให้เขาตาย ทำไมต้องให้เฟร็ดตาย

เราว่า ที่เจเคเลือกให้สูญเสียฝาแฝดไปคนนึงนี่ เจ๊แกก็พยามลดความใจร้ายลงมากแล้วนะ เพราะดูจะเป็นความสูญเสียที่พอรับได้ อย่างน้อยก็ยังมีฝาแฝดเหลืออีกหนึ่ง หรือแม้แต่ที่ให้ลูปิน ท็องส์ คอลลินตาย ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือเป็นความสูญเสียที่ยังพอรับได้ ยังไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่านมากจนเกินไปนัก ในขณะที่ยังคงสามารถสร้างความสะเทือนใจได้อยู่ เพราะคนที่ตายไปจะมีความผูกพันกับแฮร์รี่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขนาดใกล้ชิดมากๆ

แต่ถ้าให้เฮอร์ไมโอนี่ รอน เนวิลล์หรือลูน่า ตายนี่สิ เป็นเรื่องแน่ๆ เข้าข่ายใจร้ายมากแน่นอน คนอ่านอาจจะรับไม่ได้

ninda

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 02:38:54 PM »
คุยกันไปเถอะ แบบว่าเราไม่ได้อ่านไง ...ไม่รู้เรื่องหรอก...หุหุ :)

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 03:08:16 PM »
คุยกันไปเถอะ แบบว่าเราไม่ได้อ่านไง ...ไม่รู้เรื่องหรอก...หุหุ :)
อ้าว! จริงเหรอคะ นึกไม่ถึงเลย เพราะอะไรเหรอคะ

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: มีนาคม 14, 2008, 05:10:54 PM »
มีข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการสร้างเล่ม 7 มาฝากค่ะ ปรากฏว่าจะแบ่งเป็น 2 ภาคจริงๆ เหมือนที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ โดยภาคแรกของเล่ม 7 จะออกฉายพฤศจิกายนปี 2010 ส่วนภาคหลังของเล่ม 7 หรือเท่ากับจะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ จะฉายปีถัดจากนั้น

รายละเอียดอื่นๆ ก็มีเรื่องผู้กำกับกับคนเขียนบท ผู้กำกับคือ David Yates ซึ่งกำกับเล่ม 5 กับเล่ม 6 ส่วนคนเขียนบทคือคนเดิมที่เขียนบทมาทุกเรื่อง ยกเว้นภาคีนกฟินิกซ์เรื่องเดียว

ส่วนข้อมูลอื่นๆ ที่ข่าวให้มาประกอบก็เช่น ยอดรายได้รวมของหนังแฮร์รี่ที่ฉายไปแล้วคือ 4.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนหนังสือแฮร์รี่ทั้ง 7 เล่มก็ขายไปแล้ว 350 ล้านเล่มทั่วโลก

ลิงค์ข่าวตัวจริง
http://afp.google.com/article/ALeqM5j6vVswv0h7uJedD7t2XLgNrW7q4A

galdewis

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: มีนาคม 14, 2008, 07:32:16 PM »
รบกวนนี้สส์นึงนะคะ ใครพอจะมีลิงค์เว็บที่เล่นหมวกคัดสรร หรือพอจะหาได้มั่งคะ มีคนอ่านที่บล๊อกเราเขาถามถึงน่ะค่ะ เราลองเซิร์ชดูแล้วทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ ไม่เจอเลย ความจริงเหมือนจะเจอเหมือนกันที่เป็นเว็บไทยชื่อเว็บโรงเรียนเวทย์มนตร์ทำนองนี้อ่ะค่ะ แต่พอคลิกเข้าไปดูกลับหาหน้าหมวกฯ ไม่เจอเลย เซิร์ชไม่เก่งซะด้วยเรา

nanajung

Re: Harry Potter กับ เครื่องรางยมทูต
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: มีนาคม 15, 2008, 09:02:10 AM »
คุยกันไปเถอะ แบบว่าเราไม่ได้อ่านไง ...ไม่รู้เรื่องหรอก...หุหุ :)
อ้าว! จริงเหรอคะ นึกไม่ถึงเลย เพราะอะไรเหรอคะ

5555555555555 ไม่คิดว่านินดาจะพลาดแฮร์รี่ใช่ไหมคะพี่ ก็ทั้งนานะจังทั้งบังคับและขู่เข็นต่างๆนานา เจ๊ แก ก็ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
จนนานะจัง ท้อละ เจ๊แกดื้อค่ะ นานะจังว่า นานะจังดื้อแล้วนะ เจอ คุณเจ๊ แล้วก็ ขอคาระวะเลย 555555 :-X

หมวกคัดสรร ถ้านานะจังว่างจะลองหาให้นะคะเพราะเล่นนานมากแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่ ม.ปลายแน่ะ แต่คิดว่า น้องตูน กับ น้องกันย์น่าจะหาเจอก่อนนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 15, 2008, 09:15:45 AM โดย นานะจัง »