ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

สวรรค์

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
สวรรค์
« เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 11:04:14 PM »

อ่า ผู้ที่ทำให้หนูอยากเริ่มหัวข้อนี้คือ พี่กาฬรหัสย์
เรื่องของเรื่องคือหนูเริ่มอ่านแก้วนพเก้าใหม่ทั้งหมด [ ปัจจุบันถึงตอนพายุกับมิตรภาพ 555 ( มันจะบอกทำไม ) ] แล้วสะดุดตอนชื่อดอกบัว ใครงง ลองไปอ่านแก้วนพเก้าตอนที่ 2 ใหม่นะคะ

ขอเริ่มเลย
สวรรค์ (สันสกฤต : สฺวรฺค  ; อาหรับ: ญันนะหฺ, ฟิรเดาซฺ ; อังกฤษ heaven; ทั้งอาหรับและอังกฤษยืมมาจากภาษาเปอร์เซีย) หมายถึง ภพหนึ่งในคติของศาสนาต่าง ๆ เช่น อิสลาม คริสต์ พุทธและยูได อันเป็นสถานที่ตอบแทนคุณงามความดีของมนุษย์ที่ได้ทำไปเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
 สวรรค์ในพระพุทธศาสนา
สวรรค์ในความเชื่อทางพระพุทธศาสนา แปลว่า ภูมิหรือดินแดนที่มีอารมณ์เลิศด้วยดี จำแนกออกได้เป็น 6 ชั้น คือ จตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์, ยามา, ดุสิต, นิมมานรดีและ ปรนิมมิตวสวัตดี

สวรรค์ คือ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียดอันเป็นทิพย์ ที่มีรัศมีสว่างไสวรอบกายตลอดเวลา เหตุที่ทำให้มาเกิดเป็นเทวดาเพราะได้ สร้างบุญกุศลไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เมื่ออุบัติขึ้นก็ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวทันที งดงามตลอดเวลา จนกว่าจะถึงเวลาจุติ ไม่มีความแก่บังเกิดขึ้นเหมือนในเมืองมนุษย์ วิมานปราสาทคือที่อยู่อาศัยของเทวดา ล้วนมีความวิจิตรงดงาม มีขนาดแตกต่างกัน มี ความเป็นอยู่สะดวกสบาย มีอาหารทิพย์บังเกิด ขึ้น มีบริวารคอยรับใช้ใกล้ชิด เสื้อผ้าเป็นทิพย์ วิจิตรงดงาม บังเกิดขึ้นให้สวมใส่ กิจกรรมแต่ละวันก็มีการเที่ยวเพลิดเพลินบันเทิงอยู่กับการชมสวน การสังสรรค์กันระหว่างทวยเทพทั้งหลาย ส่วนจะอุบัติขึ้น ณ สวรรค์ชั้นไหน เป็น เทวดาประเภทใด และอยู่ในฐานะอะไรนั้น ก็ ขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเองสั่งสมมาเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 37 เรื่อง ทานสูตร สรุปย่อได้ดังนี้


1.สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีจาก หลายสาเหตุ คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญไม่ค่อยเป็น ไม่รู้หลักการทำบุญ และไม่ค่อยได้สั่งสม บุญ นานๆ ทำครั้งหนึ่ง เมื่อทำก็ทำน้อย หรือ ทำบุญเอาคุณ บุญที่ได้ก็ไม่บริสุทธิ์ ไม่สมบูรณ์ บาปในตัวก็มีอยู่ แต่ว่าบุญมากกว่า เมื่อละโลกใจนึกถึงบุญก่อนก็ไปสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เชิงเขาสิเนรุ สวรรค์ชั้นนี้จะมีความหลากหลายมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชิดกับพื้นมนุษย์มากกว่าสวรรค์ชั้นอื่นๆ และมีบางส่วนที่มีที่อยู่ซ้อนกับภูมิมนุษย์ ที่ได้ชื่อสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เพราะมีเทพผู้เป็นใหญ่ครองสวรรค์ชั้นนี้อยู่ 4 ท่าน คือ ท้าวธตรฐ ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร(พิทยาธร) กุมภัณฑ์ ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกครุฑ ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์


2.สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คือเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งที่ควรทำ กระทำแล้วก็สั่งสมบุญ สั่งสมเทวธรรม มีหิริ โอตตัปปะด้วย เมื่อละโลกก็จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าตัดของเขาพระสิเนรุ ที่ชื่อว่า ดาวดึงส์ เพราะเป็นที่อยู่ของเทพผู้ปกครองภพถึง 33 องค์ โดยมี สมเด็จอมรินทราธิราช หรือพระอินทร์ เป็นประธาน และที่สำคัญมีพระธาตุจุฬามณี ซึ่งทุกวันพระเทวดาจะมาประชุมกันที่สุธรรมาเทวสภา เพื่อรับฟังโอวาทจากท้าวสักกะ


3.สวรรค์ชั้นยามา เกิดบนสวรรค์ชั้นยามา คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญเพราะอยากจะสืบทอดและรักษาประเพณีแห่งความดีงามนั้นไว้ ทำนองว่าวงศ์ตระกูลสร้างสมความดีมาอย่างไร ก็อยากจะรักษาประเพณีไว้ หรือผู้หลักผู้ใหญ่สอนอย่างไร บรรพบุรุษทำมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทำกันไปตามธรรมเนียม เช่น เห็น ปู่ย่าสร้างโบสถ์ บำรุงวัด สร้างพระประธาน ก็ทำตามนั้นด้วย หรือพระภิกษุที่รักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่พระต้องมีหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนา เมื่อละโลกแล้ว ส่วนใหญ่จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป


4.สวรรค์ชั้นดุสิต คือ เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ทำบุญเพื่อปรารถนาสงเคราะห์โลก ปรารถนาให้ชาวโลกมีความสุข มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพื่อตนเองอย่างเดียว แต่เพื่อสงเคราะห์โลก เพื่อนมนุษย์ และสรรพ-สัตว์ทั้งหลายด้วย เมื่อละโลกแล้วก็จะไปสวรรค์ ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงถัดจากสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไป


5.สวรรค์ชั้นนิมมานรดี คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เห็นผู้อื่นทำบุญแล้วได้รับ การยกย่อง ส่งเสริม จึงอยากจะทำบุญนั้นบ้าง อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง เมื่อละโลกแล้ว จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดุสิตขึ้นไป


6.สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญด้วยความเลื่อมใส เคารพในทาน ทำแล้วมีความรู้สึกปลื้มใจ ในบุญที่ทำนั้น เมื่อละโลกแล้วจะบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นนิมมานรดีขึ้นไป

เครดิต http://th.wikipedia.org
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2010, 08:14:19 PM โดย sk »

ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 11:06:57 PM »
ถ้าใครมีอะไรจะเพิ่มเติม ลงไว้ได้นะค่ะ
จะได้มีข้อมูลเยอะๆ
ตอนนี้หนูกำลังบ้าหาความหมายของดอกบัว และพยายามเข้าถึงแก่นมันให้ได้ แต่จะสำเร็จตอนไหนนั้น หนูไม่รู้เพราะหนูคนหัวทึบ 555

ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
Re: สวรรค์ชั้นที่ ๑ จาตุมหาราชิกาภูมิ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 11:17:09 PM »
สวรรค์ชั้นที่ 1

จาตุมหาราชิกาภูมิ

สวรรค์ชั้นแรกอยู่เหนือโลกมนุษย์ขึ้นไป 46,000 โยชน์ เป็นแดนสุขาวดี มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ 4 พระองค์
ทรงเป็นผู้ปกครองดูแล จึงได้ชื่อว่า จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ
มีท้าวจาตุมหาราช ทรงเป็นใหญ่

สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีเมืองใหญ่เป็นเทพนครอยุ่ถึง 4 เทพนคร แต่ละเทพนครมีป้อมปราการ กำแพงทองทิพย์
เหลืองอร่ามงามนัก ประดับประดาไปด้วยสัตตรัตนะแก้ว 7 ประการ

ภายในเทพนครอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้ว ซึ่งเป็นวิมานที่อยู่ของเทพยดาชาวฟ้าทั้งหลาย
ตั้งเรียงรายอยู่มากมาย

นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณี ซึ่งมีน้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยดอกบัวนานาชนิด ส่งกลิ่นทิพย์
หอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ มีดอกไม้นานาพรรณ สีสันวิจิตรตระการตา และมีรุขชาติต้นไม้สวรรค์
ซึ่งมีผลอันโอชายิ่ง

มิ่งไม้ในสวงสวรรค์ มีดอกมีผลเป็นทิพย์ ปรากฏให้เหล่าชาวสวรรค์ได้ชื่นชมตลอดกาล
ไม่มีวันร่วงโรยและหมดไปเลย

สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จำแนกย่อยพื้นที่บริเวณของหมู่เทพละเอียดลงไปอีก ตามขั้นตอนการถือกำเนิดเอาไว้
ดังนี้

- อุปัตติเทพ
การถือกำเนิดด้วยการอุบัติขึ้นมา โดยมีกายทิพย์ หรือ กายละเอียด เป็นวัยหนุ่มสาวขึ้นมาทันใด
ถ้าเป็นเพศชาย เมื่อสร้างบุญไว้มากพอที่จะมีวิมานของตนเอง
ก็จะไปถือกำเนิดเป็นบุตรของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
ถ้าเป็นเพศหญิง เมื่อสร้างบุญมาไม่มากพอที่จะมีวิมานของตนเอง ต้องไปถือกำเนิดเป็นบาทบริจาริกา
ของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
ถ้าหญิงหรือชายสร้างบุญไว้น้อย
ก็จะถือกำเนิดเป็นเทพผู้คอยดูแลในเรื่องเครื่องทรงของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
ถ้าสร้างบุญกุศลไว้มากพอ ก็จะอุบัติขึ้นมาเป็นเจ้าของวิมาน พรั่งพร้อมด้วยบริวาร
และสิ่งของอันเป็นทิพย์

- บาดาล
ภพที่ใกล้มนุษย์มากที่สุด มีลักษณะเป็นงูต่าง ๆ

- ภูมะ
ที่อยู่ของภูมิเจ้าที่ต่าง ๆ

- รุกขภูมิ
ภูมิที่อยู่เหนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียว มีวิมานอยู่บนต้นไม้

- ฉิมพลีภูมิ
ดินแดนแห่งเทพผู้มีปีก กึ่งเทพ กึ่งสัตว์ มีฤทธิ์มาก

- คนธรรพ์ภูมิ
ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก

- หิมพานต์
ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก

- บรรพภูมิ
ดินแดน แห่งฤาษีผู้บำเพ็ญพรต ที่หลบลี้จากโลกมนุษย์

- อโยธยาภูมิ
ภูมิของผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน เช่น พ่อหลักเมือง

- ลับแลภูมิ
ภูมิของหญิงสาวที่บำเพ็ญเพียร ถือสัจจะเป็นหลัก

- ภุมมา
ที่สถิตของเทพบุตร เทพธิดาต่างๆ ที่ยังมีกิเลศ เป็นภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษย์ภูมิขึ้นไป
มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ เป็นมหาราชอยู่ 4 องค์ ได้แก่

ท้าวธตรัฏฐะ อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองคันธัพพเทวดา
ท้าววิรุฬหกะ อยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอบกุมภัณฑ์เทวดา
ท้าววิรูปักขะ อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองนาคเทวดา
ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ อยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองยักขเทวดา

มหาราชทั้ง 4 นี้ เป็นผู้รักษามนุษยโลก หรือ เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล
มีหน้าที่สอดส่องดูมนุษย์ที่ประกอบผลบุญแล้วรายงานต่อพระอินทร์ เพื่อให้ได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์
มีสถานที่ปกครองตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล
เทวดาทั้งหลายที่อยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ทั้งหมด เป็นบริวาลภายใต้อำนาจของมหาราชทั้ง 4

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ แล้ว 50 ปีมนุษย์ เท่ากับ 1วัน
ของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ


ที่อยู่ของเทวดา
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา มีอยู่ตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ จนกระทั่งพื้นดินที่มนุษย์อยู่


ทางไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ในทานสูตรว่า...

"ถ้าผู้ใดให้ทานโดยหวังผลบุญจากการให้ทาน เมื่อตายไปจะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา"

"ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทานมีจิตผู้พันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน
มุ่งการสั่งสมทาน ให้ทาน ด้วยคิดว่า เราตายไปแล้วจักได้เสวยผลแห่งทานนี้ เขาผู้นั้น เมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราช"


เครดิต http://www.dhammakid.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 25, 2010, 02:22:21 PM โดย sk »

ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
Re: สวรรค์ชั้นที่ ๒ ดาวดึงส์ภูมิ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 11:30:21 PM »
สวรรค์ชั้นที่ 2

ดาวดึงส์ภูมิ

อยู่เหนือจาตุมหาราชิกาขึ้นไป 46,000 โยชน์

ดาวดึงส์ หรือ ดาวดึงสา คือ ภูมิอันเป็นที่เกิดของบุคคล 33 คน ที่ได้สร้างกุศลไว้ในอดีต มีมาฆมานพ
เป็นหัวหน้า เมื่อตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ พร้อมบริวารอีก 32 รวมเป็น 33
เป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่ในชั้นดาวดึงส์

ดาวดึงสานี้ เป็นผืนแผ่นดินผืนแรก ที่เกิดขึ้นในโลกหลังจากโลกนี้ถูกทำลายด้วยน้ำ เมื่อน้ำงวดลง
แผ่นดินผืนแรกที่โผล่ขึ้นก่อนแผ่นดินอื่น ๆ ก็คือ ยอดเขาสิเนรุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
นี้เอง

ลักษณะของดาวดึงส์ภูมิ เป็นมหานครใหญ่ อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล เหนือเขาสิเนรุราชบรรพต ปรางค์ ปราสาท
ล้วนแล้วไปด้วยแก้วอันเป็นทิพย์ แวดล้อมรอบเทวนครด้วยปราการกำแพงแก้วทิพย์ อีกเช่นกัน
มีประตูกำแพงแก้วถึง 1,000 ประตู เมื่อประตูเหล่านั้นเปิดออกแต่ละครั้ง ปรากฏเสียงดังไพเราะยิ่งนัก

ในท่ามกลางพระนครนั้น มีปราสาทพิมานอันมีชื่อเสียงปรากฏเลื่องลืออยู่วิมานหนึ่ง คือ ไพชยนตปราสาทพิมาน
มีรูปทรงสูง ประดับไปด้วยแก้ว 7 ประการ งามสุดจะพรรณนา เป็นที่ประทับแห่งสมเด็จพระอมรินทราธิราช

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว 100 ปีในมนุษย์ เท่ากับ 1
วันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

เทวดาที่อยู่ชั้นดาวดึงส์
มีอยู่ 2 จำพวก
- ภุมมัฏฐเทวดา
เทวดา ที่อยู่บนพื้นดิน ได้แก่ พระอินทร์ และ เทวดาผู้ใหญ่ 32 องค์ พร้อมทั้งบริวาร และเทวอสุรา 5 จำพวก
ที่อยู่ใต้เขาสิเนรุ

- อากาสัฏฐเทวดา
เทวดา ที่อยู่ในอากาศ ได้แก่ เทวดาที่มีวิมานลอยไปในกลางอากาศ ตั้งแต่เหนือพื้นดินยอดเขาสิเนรุ
ไปจดขอบจักรวาล บางวิมานก็มีเทวดาอยู่ บางวิมานก็ไม่มีเทวดาอยู่

ความเป็นอยู่ของเทวดาในชั้นดาวดึงส์
ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติจากผลบุญที่ได้กระทำไว้ อารมณ์ที่ได้รับในชั้นดาวดึงส์
จึงล้วนแต่เป็นอารมณ์ที่ดีเลย เทพบุตรจะมีวัย 20 ปี ส่วนเทพธิดามีวัย 16 ปี เหมือนกันทุก ๆ องค์
ไม่มีการแก่ เจ็บ ตาย ให้เห็น มีแต่ความสวยงาม เป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดไป

เทพบุตรองค์หนึ่ง อาจจะมีนางฟ้าเป็นบาทบริจาริกา(ภรรยา) 500-1,000 หรือมากกว่า
ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ได้ทำไว้

เทวดาในโลกนี้ มีการไปมาหาสู่ เบียดเบียนกันเช่นเดียวกับมนุษยโลก มีนักดนตรี นักร้อง เทพบุตร เทพธิดา
มีความรักใคร่ปรารถนาเป็นคู่ครองกัน หากขาดคู่ครอง ก็ย่อมจะเกิดความเบื่อหน่ายในความเป็นอยู่ของตน
ไม่เบิกบานรื่นเริงเหมือนเทวดาที่มีคู่ครอง

เทวดาในชั้นดาวดึงส์ทั้งหลาย ต่างก็ไปหาความสุขสำราญในสวนทั้ง 4 แห่ง
พร้อมด้วยบริวารของตนอย่างสำเริงสำราญ

คุณธรรม 7 ประการ ที่ทำให้เป็นพระอินทร์
ผู้ที่ปรารถนาจะเกิดเป็นพระอินทร์ จะต้องหมั่นสร้างบุญกุศลโดยสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องมีคุณธรรม
7 ประการ
1.เลี้ยงดูบิดา มารดา
2.เคารพผู้ใหญ่ในตระกูล
3.กล่าววาจาอ่อนหวาน
4.ไม่กล่าวคำส่อเสียด
5.ไม่มีความตระหนี่
6.มีความซื่อสัตย์
7.ระงับความโกรธได้
ปัจจุบันพระอินทร์ หรือ ท้าวสักกะเทวราช องค์นี้ ได้สำเร็จโสดาบันแล้ว
ด้วยการฟังพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสักกปัณหสูตร นับเป็นพระอริยบุคคลขั้นแรกในพระพุทธศาสนา
และอยู่ในดาวดึงส์ภิภพนี้ต่อไปจนสิ้นอายุขัย

เมื่อจุติจากชั้นดาวดึงส์แล้ว จะมาบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในมนุษยโลก และ
สำเร็จเป็นพระสกทาคามีบุคคล

เมื่อสิ้นชีพแล้วก็ไปกลับไปเกิดในชั้นดาวดึงส์อีก และได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี
เมื่อสิ้นอายุแล้ว จะไปบังเกิดเป็นพรหมโลก ในชั้นสุทธาวาสภูมิขั้นต้น คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี
และ อกนิฏฐาภูมิ ตามลำดับ และเข้านิพพาน ในชั้นสุดท้าย

สถานที่สำคัญในดาวดึงส์ภูมิ
สวรรค์ชั้นที่ 2 มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามากมาย ทำให้เกิดเป็นพุทธศาสนสถาน
ที่สำคัญของเทวโลกหลายแห่ง ดังนี้

ศาลาสุธรรมาเทวสภา
สถานที่ฟังธรรมในเทวโลก บรรดาเทวดาทั้งหลายจะมาประชุมกันเพื่อฟังธรรม โดยมีท้าวสักกะเทวราช
องค์อมรินทร์เป็นประธาน
ศาลาแห่งนี้ ประกอบด้วยรัตนะ 7 ประการ สูง 500 โยชน์ วัดโดยรอบได้ 1,200 โยชน์
พื้นที่ประกอบด้วยแก้วผลึก เสาเป็นทอง
เครื่องบน คือ ขื่อ คาน ระแนง ทำด้วยรัตนะทั้ง 7 หลังคามุงด้วยอินทนิล
เพดาน เสา ประกอบด้วยแก้วประพาฬ ลวดลายต่าง ๆ ช่อฟ้า ใบระกา ทำด้วยเงิน
ตรงกลางศาลา เป็นที่ตั้งธรรมาสน์ สูง 1 โยชน์ ทำด้วยรัตนะทั้ง 7 ปกกั้นด้วยเศวตฉัตรสูง 3 โยชน์
ข้างธรรมาสน์ เป็นที่ประทับของท้าวโกสีย์เทวราช ถัดไปเป็นที่ประทับของเทวดาผู้ใหญ่ 32 องค์ และ
เทวดาอื่น ๆ

ต้นปาริชาต (กัลปพฤกษ์)
อยู่ในอุทยานทิพย์ปุณฑริกวัน มีบริเวณกว้างขวาง มีกำแพงล้อมรอบ 4 ด้าน
กลางสวนนั้นมีต้นไม้ทองหลางใหญ่แผ่สาขาอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งชื่อว่า ต้นปาริชาต หรือ กัลปพฤกษ์
ซึ่งเป็นต้นไม้ทิพย์
ต้นกัลปพฤกษ์ นี้ 100 ปี ถึงจะออกดอกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงคราวนั้น ดอกไม้ในสวรรค์นี้ก็จะบานสะพรั่ง
เหล่าเทพบุตร เทพธิดา ก็จะพากันมารื่นเริง ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเฝ้าจนกว่าดอกไม้จะบาน

เมื่อดอกไม้สวรรค์บานแล้ว จะปรากฏแสงรุ่งเรืองงดงามยิ่งนัก
รัศมีดอกปาริชาติจะส่องรัศมีรุ่งเรืองไปไกลหลายหมื่นวา เมื่อลมรำเพยพัดพาไปในทิศใด
ย่อมส่งกลิ่นหอมไปในทิศนั้น เป็นระยะไกลแสนไกล

ดอกไม้นี้จะบานสะพรั่งไปทุกกิ่งก้านทั่วทั้งต้น ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด
ปรารถนาจะได้ดอกปาริชาตก็จะตกลงมาในมือดั่งรู้ใจ ถ้ายังไม่ได้รับในมือ ดอกก็ยังไม่ทันตกลงดิน
โดยมีลมชนิดหนึ่ง จะพัดชูดอกไว้ในอากาศ จนกว่าเทพยดาผู้ใดประสงค์ก็จะมารับเอาไป

บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
แท่นศิลาแก้ว สีแดงดังดอกชบา อ่อนนุ่มดังฟูก
เมื่อพระอินทราธิราชประทับพักผ่อนอิริยาบถอยู่เหนือแท่นศิลาอาสน์แล้ว แท่นทิพย์นี้ก็จะอ่อนยุบลงไป
และเมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น แท่นศิลาก็จะฟูขึ้นเต็มตามเดิม
เป็นแท่นศิลาที่ประหลาดมหัศจรรย์ยุบและฟูเองโดยธรรมชาติ

สวนสวรรค์
อุทยาทิพย์ที่มีความรื่นรมย์ สนุกสนาน หาที่เปรียบไม่ได้ในมนุษยโลก เต็มไปด้วยบุพผาชาตินานาพรรณ
มีสระโบกขรณีอันทิพย์ มีน้ำใสดั่งแก้ว มีก้อนศิลาที่เป็นทิพย์ รัศมีรุ่งเรือง มีแท่นที่นั่งอันอ่อนนุ่ม
สีใสสะอาด เหล่าเทพบุตรเทพธิดา ก็จะมาในสวนสำราญเหล่านี้อย่างไม่ขาดสาย

อุทยานทิพย์ มีชื่อเสียง 4 อุทยาน ได้แก่
- นันทวันอุทยาน
- จิตรลดาวันอุทยาทิพย์
- มิสกวันอุทยาทิพย์
- ปารุสกวันอุทยานทิพย์

พระเกศจุฬามณีเจดีย์
สร้างด้วยแก้วอินทนิลอันเป็นทิพย์ มีความสวยงามรุ่งเรืองยิ่งนัก ยอดพระเจดีย์เป็นทองคำบริสุทธิ์
ประดับด้วยรัตนะ 7 ประการ สูง 80,000 วา มีกำแพงทองคำล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ มีความยาว 160,000 วา
ประดับด้วยธงนานาชนิด พระเจดีย์นี้เป็นที่บรรจุสิ่งที่มีค่ายิ่ง 2 อย่างคือ
- พระเกศโมลี ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ มวยผมที่ตัดออก ขณะที่เสด็จออกบรรพชา และได้อธิษฐานว่า
"ถ้าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ขอให้มวยพระเกศโมลีจงลอยขึ้นไปบนนภากาศเถิ
อย่าได้ตกลงสู้พื้นปฐพีเลย" ครานั้นสมเด็จพระมหาอมรินทราธิราช ผู้เป็นใหญ่ในชั้นดาวดึงส์นี้
จึงนำเอาพระผอบทองมารองรับพระเกศโมลีไว้ แล้วนำขึ้นไปบนดาวดึงส์สวรรค์
สร้างเจดีย์สำหรับบรรจุพระโมลีโดยเฉพาะ

- พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องขวา ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในสมัยที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โทณพราหมณ์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
ได้นำเอาพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ที่ผ้าโพกศีรษะ แล้วจึงได้จัดพระบรมสารีริกธาตุที่เหลือออกเป็น 8
ส่วนเพื่อถวายแก่กษัตริย์ต่างๆ ในครั้งนั้น
ท้าวสักกะเทวราชจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วจากผ้าโพกศีรษะของโทณพราหมณ์นั้น
ลงสู่ผอบทองคำทิพย์อีกทอดหนึ่งด้วยกิริยาอันเลื่อมใส
แล้วรีบเสด็จมาประดิษฐานบรรจุไว้ในพระเกศจุฬามณีเจดีย์นี้


ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
สร้างเสบียงไว้นำทางคือ บุญกุศล พยายามทำตนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม
ห้ามตนไม่ให้ทำกรรมอันหยาบช้าลามก
อย่าให้บังเกิดความสกปรกแห่งกาย วาจา ใจ
ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...

"ถ้าผู้ใดทำทานโดยไม่หวังผลบุญของการทำทาน แต่ทำทานโดยคิดว่า การทำทานนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม
เมื่อตายลงย่อไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์"

"ดูกร สารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทาน แล้วให้ทาน
ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไปแล้ว เราจักได้เสวยผลทานนี้
แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า การให้ทาน เป็นการกระทำที่ดี
เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำการกิริยาตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์สวรรค์"


เครดิต http://www.dhammakid.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2010, 11:31:53 PM โดย sk »

ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
Re: สวรรค์ชั้นที่ ๒ ดาวดึงส์ภูมิ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 11:32:51 PM »
ไว้มาต่อใหม่ ถ้าว่างจะทำนรกด้วยเสียเลย  :icon_confused:

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 08:59:49 AM »
ขอบคุณน้อง sk มากเลยจ้ะ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
ถือเป็นวิทยาทานความรู้ให้แก่คนอื่นๆด้วย
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ bobenz

  • *
  • 5780
  • -1
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:01:23 AM »
เป็นกระทู้ที่ดีมาก สนับสนุนให้มีเยอะๆค่ะ 555+ ไปวัดฟังเทศน์ทีไร นึกภาพตามทุกที น่าจะมีภาพประกอบด้วยเนอะ
ว่าจะสวยงามมากเพียงใด ว่างๆก็ลงเพิ่มอีกนะคะ อ้อ ที่กำลังหาอยู่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสังวาสของเทวดานางฟ้า
แต่หาไม่เจอเลย เคยดูเกมส์ทศกัณฑ์ทีนึง อยากรู้รายละเอียดแบบเจาะลึกอ่ะ จะมีใครรู้ป่าวเนี่ย เหอะๆๆ  :'(

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:05:05 AM »
ขอบคุณมากจ้า น้อง sk แสดงว่า "ปทุมวดีนิมมานอรพินท์แห่งสากล" นี่ทรงอิทธิพลต่อการใฝ่รู้ในสิ่งที่ดีงามจริงๆ
แล้วมาอัพเดรดเรื่อยๆนะจ๊ะ

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:11:46 AM »
เป็นกระทู้ที่ดีมาก สนับสนุนให้มีเยอะๆค่ะ 555+ ไปวัดฟังเทศน์ทีไร นึกภาพตามทุกที น่าจะมีภาพประกอบด้วยเนอะ
ว่าจะสวยงามมากเพียงใด ว่างๆก็ลงเพิ่มอีกนะคะ อ้อ ที่กำลังหาอยู่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสังวาสของเทวดานางฟ้า
แต่หาไม่เจอเลย เคยดูเกมส์ทศกัณฑ์ทีนึง อยากรู้รายละเอียดแบบเจาะลึกอ่ะ จะมีใครรู้ป่าวเนี่ย เหอะๆๆ  :'(


เรื่องการสังวาสของเทวดานางฟ้าไม่มีบันทึกไว้หรอกค่ะว่าเป็นอย่างไร
จะมีก็แต่ผู้ที่เคยประสบเท่านั้นที่จะบอกได้   แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์ธรรมดาก็ไม่มีวันเข้าใจ
เพราะมันเป็นสิ่งที่สูงค่า  เป็นความสุขและความดีงามเกินกว่ามนุษย์จะได้สัมผัส
โดยไม่ได้มีเรื่องคาวโลกีย์หรือน้ำกามเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างที่พวกมนุษย์คุ้นเคยกัน
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ bobenz

  • *
  • 5780
  • -1
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:15:58 AM »
เป็นกระทู้ที่ดีมาก สนับสนุนให้มีเยอะๆค่ะ 555+ ไปวัดฟังเทศน์ทีไร นึกภาพตามทุกที น่าจะมีภาพประกอบด้วยเนอะ
ว่าจะสวยงามมากเพียงใด ว่างๆก็ลงเพิ่มอีกนะคะ อ้อ ที่กำลังหาอยู่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสังวาสของเทวดานางฟ้า
แต่หาไม่เจอเลย เคยดูเกมส์ทศกัณฑ์ทีนึง อยากรู้รายละเอียดแบบเจาะลึกอ่ะ จะมีใครรู้ป่าวเนี่ย เหอะๆๆ  :'(


เรื่องการสังวาสของเทวดานางฟ้าไม่มีบันทึกไว้หรอกค่ะว่าเป็นอย่างไร
จะมีก็แต่ผู้ที่เคยประสบเท่านั้นที่จะบอกได้   แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์ธรรมดาก็ไม่มีวันเข้าใจ
เพราะมันเป็นสิ่งที่สูงค่า  เป็นความสุขและความดีงามเกินกว่ามนุษย์จะได้สัมผัส
โดยไม่ได้มีเรื่องคาวโลกีย์หรือน้ำกามเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างที่พวกมนุษย์คุ้นเคยกัน

ใช่ๆ แต่ละชั้นมันก็แตกต่างกันไปที่ดูในรายการเขาบอกคร่าวๆ มีสังวาสแบบมนุษย์เลยก็มีนะ จำไม่ได้ว่าชั้นไหนอ่ะ
ชั้นอื่นๆ แค่มองตากันก็เป็นเรื่องและ แต่ลืมรายละเอียดจริงๆ คุณปัญญาบอกไปหาอ่านในหนังสือได้ จนบัดนี้ก็ยังหาอ่านไม่เจอ 555+  :icon_smile:

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:20:27 AM »
เดี๋ยวเอาไว้ดูข้อมูลสวรรค์ชั้นต่อๆ ไปที่น้อง sk จะเอามาลงต่อ
จะมีการบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องคู่ครองของเทวดานางฟ้าที่แตกต่างกันไป
แต่การสังวาสที่ว่าจะแบ่งเป็นแบบไหนกาฬก็ไม่รู้หรอกว่าทำกันยังไง
รู้แต่ว่า แค่จิตปรารถนาก็ถือเป็นการสังวาส อยู่ที่ความต้องการของเทวดานางฟ้า
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:24:22 AM »
เป็นกระทู้ที่ดีมาก สนับสนุนให้มีเยอะๆค่ะ 555+ ไปวัดฟังเทศน์ทีไร นึกภาพตามทุกที น่าจะมีภาพประกอบด้วยเนอะ
ว่าจะสวยงามมากเพียงใด ว่างๆก็ลงเพิ่มอีกนะคะ อ้อ ที่กำลังหาอยู่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสังวาสของเทวดานางฟ้า
แต่หาไม่เจอเลย เคยดูเกมส์ทศกัณฑ์ทีนึง อยากรู้รายละเอียดแบบเจาะลึกอ่ะ จะมีใครรู้ป่าวเนี่ย เหอะๆๆ  :'(

เท่าที่ทราบมานะคะ เกี่ยวกับการสังวาสของเทวดานางฟ้า
จะเป็นการแสดงความรักที่มีต่อกันโดยที่ไม่มีโลกีย์ เข้ามาเกี่ยวข้อง
เหมือนกับมนุษย์ ที่มีการหลั่งน้ำโลกีย์(คงรู้นะคะ ว่าหมายถึงน้ำอะไร)
และการสังวาสจะสามารถสังวาสได้หลายครั้ง แต่ไม่จำเป้นว่าการสังวาสแต่ละครั้ง
จะต้องให้กำเนิดเชื้อสาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของท่านว่าจะยอมให้กำเนิดหรือไม่
แล้วเทพจะแตกต่างจากมนุษย์ ตรงที่ไม่มี โมหะ กับ โลภะ

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:35:43 AM »
เป็นกระทู้ที่ดีมาก สนับสนุนให้มีเยอะๆค่ะ 555+ ไปวัดฟังเทศน์ทีไร นึกภาพตามทุกที น่าจะมีภาพประกอบด้วยเนอะ
ว่าจะสวยงามมากเพียงใด ว่างๆก็ลงเพิ่มอีกนะคะ อ้อ ที่กำลังหาอยู่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสังวาสของเทวดานางฟ้า
แต่หาไม่เจอเลย เคยดูเกมส์ทศกัณฑ์ทีนึง อยากรู้รายละเอียดแบบเจาะลึกอ่ะ จะมีใครรู้ป่าวเนี่ย เหอะๆๆ  :'(


เรื่องการสังวาสของเทวดานางฟ้าไม่มีบันทึกไว้หรอกค่ะว่าเป็นอย่างไร
จะมีก็แต่ผู้ที่เคยประสบเท่านั้นที่จะบอกได้   แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์ธรรมดาก็ไม่มีวันเข้าใจ
เพราะมันเป็นสิ่งที่สูงค่า  เป็นความสุขและความดีงามเกินกว่ามนุษย์จะได้สัมผัส
โดยไม่ได้มีเรื่องคาวโลกีย์หรือน้ำกามเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างที่พวกมนุษย์คุ้นเคยกัน

ใช่ๆ แต่ละชั้นมันก็แตกต่างกันไปที่ดูในรายการเขาบอกคร่าวๆ มีสังวาสแบบมนุษย์เลยก็มีนะ จำไม่ได้ว่าชั้นไหนอ่ะ
ชั้นอื่นๆ แค่มองตากันก็เป็นเรื่องและ แต่ลืมรายละเอียดจริงๆ คุณปัญญาบอกไปหาอ่านในหนังสือได้ จนบัดนี้ก็ยังหาอ่านไม่เจอ 555+  :icon_smile:

แค่มองตากัน นี่ก็เป็นเรื่องเลยเหรอ เทพนะพี่ไม่ใช่ปลากัด มนุษย์เข้าใจและตีความได้แบบมนุษย์นั่นแหละ
เอาเป็นว่าถ้าเป็นภพภูมิของเทวดานางฟ้าจะไม่มีการ สมสู่ แบบ มนุษย์
ปล. ไม่ต้องถามนะคะว่ารู้มาจากไหน บอกไม่ได้จริงๆ เหมือนๆกับไม่สามารถบอกน้อง sk ได้ว่า
"ปทุมวดีนิมมานอรพินท์แห่งสากล" ได้มาได้อย่างไรนั่นแหละ เหอะๆ

ออฟไลน์ กันย์ณภัทร

  • *
  • 2248
  • -1
  • จงปลดโซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ด้วยคมดาบแห่งใจตน
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 10:58:30 AM »
ว้าววว
เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากๆจ้า
พี่เองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องสวรรค์แต่ละชั้นเท่าไหร่ ขี้เกียจหาเองด้วย มาอ่านในนี้แล้วได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย

ขอบใจมากๆนะจ๊ะ :D


ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
Re: สวรรค์
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 02:28:44 PM »
ขอบคุณพี่ๆมากมายค่ะ
เออ พี่bobenz เริ่มประเด็นเรื่องการสังวาสของเทพ หนูชักอยากจะรู้เหมือนกัน เดี๋ยวจะลองหาดูจากหนังสือว่ามีหรือเปล่านะค่ะ ถ้าพี่ๆหาได้ช่วยลงให้หน่อยนะค่ะ หนูอยากรู้มากกกก