ไปเจอเว็บนี้มาเกี่ยวคนมีองค์ค่ะ >>>
http://group.wunjun.com/phuthanuphap/topic/508527-20468องค์พระบารมี
องค์บารมี องค์ใน องค์พระบารมี องค์ครูบาอาจารย์ ล้วนหมายถึง สิ่งเดียวกันคือครูบาอาจารย์ที่ท่านเฝ้ามองลูกหลาน ลูกศิษย์ ที่ส่งมาเกิด หรือมาเกิดตามวาระกรรมแห่งศิษย์แต่ละคน ท่านเฝ้ามองลูกหลานท่านนานนับนับหลายพัน หลายหมื่นปี ส่วนลูกหลานก็เวียนว่ายตายเกิดมาแล้วไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ อาจหลงลืมท่านไปแล้วเนื่องด้วยกรรมที่ไม่สามารถฟื้นมองหาทางมาของตนเองได้ แต่องค์พระบารมีก็ยังเมตตาเฝ้ามอง และประคับประคองดวงชะตาของลูกหลานให้อยู่ในกรอบ ของศีลในธรรม ประคับประคองไม่ให้ทำอะไร ลงไป ที่เป็นกรรมหนัก
คนที่มีองค์จึงมองดูเป็นชนกลุ่มน้อยของสังคมก็ว่าได้ เพราะชีวิตตั้งแต่เกิดยันโต มักมีผู้ที่มองไม่เห็นคอยดูแล ช่วยเหลือ แต่เรามองไม่เห็น รู้ว่ามี แต่มองไม่เห็น คนอื่นก็มองไม่เห็น พาลว่าเราบ้าก็มี
หลายคนอย่างมีองค์ เพราะเคยได้ยินได้เห็นคนมีองค์เขามีคุณวิเศษ ต่างๆ
แต่ให้รู้ว่า********องค์พระบารมี ท่านคือ มหาโพธิสัตว์ มหาเทวะ มหาเทวี ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านไม่เสพ ไม่กิน ไม่เทียว ไม่สังคม *********ดังนั้นลูกศิษย์ของท่าน ท่านก็คงไม่ปรารถนาที่จะมีลูกศิษย์ ที่ยัง เที่ยว กิน ดื่ม เสพ กามรมณ์อย่างเมามัน เช่นกัน
ทุกท่านต่างบำเพ็ญเพียร ตบะ อันแก่กล้า อยู่ในพรหมโลก บนสรวงสวรรรค์ ท่านใดมีองค์ ทั้งที่รู้และไม่รู้แน่ชัด หรือรวมทั้งท่านที่อยากมีองค์บารมีคุ้มครอง ก็ต้อง ถือศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง สร้างบารมี 10 ทัศ ท่านจึงเมตตาแผ่พระญาณมายังร่างกายสังขาร
ศิษย์ที่อ่อนน้อมถ่อมตน ย่อมมีครูบาอาจารย์ที่เมตตา ที่เอ็นดู หากได้รับวิชชา องค์ความรู้ คุณวิเศษไปแล้ว เกิดอหังการขึ้นวันใด สิ่งที่ได้รับทั้งหมดย่อมถูกถอนกลับ โดยที่ตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน แล้วกลัวจะกลับมาเหมือนเดิม มันคงไม่ง่ายเช่นกันลักษณะของคนมีองค์1. ชอบทำบุญมาแต่เกิด ชอบเข้าวัด ชอบสวดมนต์2. มีจิตใจดี เมตตา เป็นที่รักของผู้หลักผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก3. เมื่อเห็นรูปปั้น รูปภาพ สถานที่ที่เกี่ยวกับองค์ใน หรือมีคนเหล่าเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ท่านให้ฟัง แล้วจะมีความรู้สึกที่ผิดแปลกไปจากปรกติ เช่น ปิติ ร้องไห้ น้ำตาไหล หาว เกิดอาการขนลุก ใจสั่น ฯลฯ4. ฝันเห็นสถานที่นั้น ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต หรือฝันเกี่ยวกับองค์ท่าน 5. นั่งสมาธิ แล้วท่านมาปรากฏในนิมิต ข้อนี้จะมีเป็นจำนวนน้อย คนที่เห็นต้องกล่าวคำอธิฐานของให้เห็นก่อน ท่านจึงปรากฏ ในเห็นในนิมิต นิมิตนี้ สามารถเห็นได้เมือจิตสงบถึงระดับญาณแล้วถอนมาอยู่ที่อุปจารสมาธิ6. เมื่อมีคนตามดูแล อยู่เสมอ เช่น บางช่วงของชีวิต มีปัญหา แล้วอธิฐานขอกับองค์ท่าน แล้วท่านก็ประทานให้ เช่น กำลังขาดทรัพย์ ท่านก็ให้โชค เจ็บป่วย หรือ คนรัก สามี ลูก พ่อ แม่ เจ็บป่วย ไม่รู้จะทำอย่างไร อธิฐานของน้ำมนต์กับองค์ท่าน ท่านก็ช่วยให้หายป่วยโดยปาฏิหาริย์
หลายคนมีของดีแต่มัวหลงระเริงกับสังคม มัวหลงใหลกับแสงสี เที่ยว ดื่ม กิน ผิดศีล ส่วนใหญ่ที่พบบ่อย คือผิดศีลข้อที่ 5 มัวเที่ยวเพลินเพลิดกับสุรา ไม่ถือศีล ไม่สวดมนต์ ไหว้พระ ไม่นั่งสมาธิ มัวแต่กินเหล้า เที่ยวพับ เที่ยวกลางคืน พอสักระยะหนึ่ง ครูบาอาจารย์ ท่านมาตามให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ท่านไม่มัวมาเข้าในฝัน หรือในนิมิต เพราะว่าสติสตางค์ช่วงนั้น ไม่มี ท่านก็จะใช้วิธี ทำให้หลาบจำ โดยการทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วเกิดสำนึกรู้ผิดรู้ชอบ หันหน้าเข้าหาทางธรรม หรือเมื่อเข้าโรงพยาบาลแล้ว ยังไม่รู้ตัว ท่านก็จะผ่าน พวกคนทรง หมอดู เมื่อพ่อแม่ ไปถาม ท่านก็จะดลจิตดลใจให้คนทรง หมอดู บอกกล่าว ตามที่ท่านสั่ง ทุกประการ ส่วนใหญ่แล้วไม่บวชเรียนตลอดชีวิต ก็ต้องบวชจิต กลับเนื้อกลับตัวไม่เช่นนั้น ตายสถานเดียว ซึ่งหลายคนเข้าใจผิด คนว่าตนเองมีกรรมหรือโชคร้าย แต่ตรงกันข้าม กลุ่มคนเหล่านี้ เป็นคนที่โชคดี หากไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็จะให้มัวเมาอยู่ในวงสุราจนถึงอุบัติเหตุตายโหงไปในที่สุด
แล้วเมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นคนมีองค์ จะทำอย่างไร แล้วองค์นั้นท่านเป็น ใคร เราจะรู้จักท่านได้อย่างไร เราจะติดต่อสื่อสารกับท่านทางไหนได้ เราจะต้องบวชชี บวชพระ หรือบวชจิต แล้วทางไหนเป็นทางเลือกบาง ชีวิตต่อไปจะดำเนินอย่างไร จะถามใครได้ เห็นเขาเปิดองค์กัน ที่นั่นที่นี้ ใช่หรือเปล่า ต้องไปรับขันธ์ไหม แล้วจะแต่งงานมีคู่เหมือนชาวบ้านได้หรือไม่ มีคู่แล้วต้องเลิกกันหรือ หรืออยู่ด้วยกัน แต่ห้ามยุ่งกัน หรือไม่ ทำอะไรได้บ้าง มีข้อห้ามอย่างไร ทำไม อย่างไร เมือไหร่ ที่ไหน ล้วนเป็นคำถามยอดฮิตเลยที่เดียว
กลุ่มขององค์ใน
1 กลุ่มพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ และองค์เทพพรหม ฤๅษี คนกลุ่มที่มีองค์ในอยู่ทั้งที่เป็นพระสงฆ์ และองค์เทพพรหม ค่อยดูแล จะสามารถล่วงรู้ด้วยญาณของตนได้ว่า ผู้ใดมีองค์ในแบบเทพพรหม และผู้ใดมีองค์ในแบบพระสงฆ์ดูแลอยู่ สามารถบริหารจัดการคนที่มีองค์ได้ทั้งสองแบบ ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนน้อย และมีแนวทางในการบำเพ็ญภาวนาที่แตกต่างกัน
2 กลุ่มพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ คือ คนที่มีองค์เป็นพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ บำเพ็ญภาวนาจิตเพื่อพุทธะเพียงอย่างเดียวคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือสอนธรรม หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ กลุ่มนี้ หากได้รับการคุ้มครองก็จะพบปาฏิหาริย์ เช่น รอดตายหวุดหวิด หากได้รับการสอนธรรม ก็อาจได้เห็นนิมิตที่แฝงปริศนาธรรม หรือได้ยินเสียงทิพย์ หากกำลังถูกปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็จะถูกบีบเค้นอย่างหนักให้เข้าสู่ทางธรรม แต่ฝ่ายเดียว ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเลย สำหรับคนที่มีองค์ในแบบสมณะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจ คุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย ในกลุ่มนี้ มักเป็นผู้นิยมเข้าวัดประจำๆ และนับถือพระมาก เช่น องค์ในเป็นหลวงปู่ทวด
3 กลุ่มมหาเทพ มหาพรหม คือ กลุ่มที่มีเทพพรหม ประเภท มหาเทพฮินดู, มหาพรหม, เทพไทย เทพจีน เทพอียิป ฯลฯ มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่
4 กลุ่มฤๅษีคือ กลุ่มที่มีฤๅษี นักพรต มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ เช่น ปู่ฤๅษีนารอท ปู่ฤๅษีตาไฟ ปู่ฤๅษีภุชงค์ ปู่ฤๅษีนารายณ์ ฯลฯ
คนมีองค์จำเป็นต้องรับขันธ์ หรือไม่ ส่วนใหญ่ที่เห็นกันทั่วไป คนมีองค์มักต้องไปรับขันธ์ แต่ที่ผมทราบมา คนมีองค์ไม่จำเป็นที่ต้องไปรับขันธ์ที่ไหน แต่จำเป็นที่ต้องมีการเปิดองค์บารมี การเปิดองค์บารมีก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่แบบเปิดวันเดียวเสร็จ เมื่อเปิดองค์บารมีแล้ว จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของครูบาอาจารย์สักช่วงระยะหนึ่ง หากไม่มีครูบาอาจารย์ดูแลแล้วอาจมีพวกผีมาแอบอ้างเป็นองค์บารมีแทน ได้ บางท่านใช้เวลา สี่เดือน บางท่านสามเดือน บางท่าน สองเดือน หรือตามความถี่ของการฝีกสมาธิ
พระเวทย์ หรือมนตรามหาเวทย์ คือภาษาเทพชั้นสูง หรือมนตรามหาเวทย์ ไว้สำหรับทำน้ำมนต์ เสกวัตถุมงคล ส่งวิญญาณ คนที่ได้รับการเปิดองค์บารมีแล้ว สิ่งที่ตามมาคือสัมผัสที่หก และภาษาเทพ โดยในระยะแรกจะยังไม่เข้าใจความหมายของภาษาพูดออก มา แต่พอระยะหนึ่งแล้วจะเริ่มรับรู้ถึงความรู้สึก และเข้าในความหมายได้ในที่สุด
ข้อห้ามของคนมีองค์ใน (ไม่เป็นหลักการ สำหรับทุกคนจะเป็น เป็นเพียงบ้างคนเท่านั้น)1. ห้ามกินของในงานศพ เพราะงานศพ จะมีสัมภเวสี มากินอาหาร หากเราไปกินก็เหมือนกินของเหลือผี เว้นแต่อธิฐานขอกินเฉพาะน้ำ
2. ห้ามกินของเซ่นไหว้ ทุกชนิด เหตุผลเดียวกับข้อที่ 1
3. ของถวายองค์เทพ กรณีนี้จะละเอียดเข้าไปอีก หากว่าองค์บารมีเราเป็นองค์เทพชั้นล่าง ๆ ก็กินได้ หากองค์เทพเราสูงก็ไม่กินไม่ได้ สุดท้ายก็เลิกกิน
4. ให้ถือศีล 5 ศีล 8 โดยเฉพาะข้อ ห้ามผิดลูกผิดเมีย คนอื่น และข้อ 5
5. ห้ามให้คนทรงเจ้ารดน้ำมนต์ อาบน้ำมนต์ เป่ากระหม่องยิ่งองค์บารมีเป็นองค์ชั้นสูงก็ยิ่งต้องงด แต่หากเป็นองค์ผ่านญาณชั้นสูง พระอริยะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ นี้ ยิ่งเป่ากระหม่องมากเท่าไหร่ยิ่งดี
องค์บารมี คือครูบาอาจารย์ ตั้งแต่เรายังไม่รู้ไม่ทราบอะไร จนกระทั่งเราก้าวมาถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าท่านจะเป็น
ปู่ฤาษีมหาเทพมหาพรหมพระโพธิสัตว์ ฝ่ายจีน ไทย อินเดีย ฯลฯสายพระสงฆ์
ล้วนเป็นครูบาอาจารย์ทั้งสิ้น ศิษย์ที่ดี ควร- มีสัมมาคารวะต่อครูบาอาจารย์ตั้งแต่แรกเริ่มที่ท่านเมตตาสอนสั่งเรามา แม้เพียงคำเดียวก็ตาม ก็ถือว่าเป็นครู- น้อมน้อบต่อครูบาอาจารย์ ทุก ๆ ท่าน ทุกองค์- ให้เกียรติ ต่อครูบาอาจารย์ ไม่ยกตัวเสมอท่าน- ศิษย์ ต้องไม่คิดล้างครู- เคารพครูบาอาจารย์ทุกองค์- ระลึกถึงท่านเสมอ ๆ - กราบครูบาอาจารย์ ต่อจากพ่อแม่ หลังจากกราบพระ รวม กราบ 5 ครั้ง
ครั้งที่ 1 กราบพระพุทธ
ครั้งที่ 2 กราบพระธรรม
ครั้งที่ 3 กราบพระอริยะสงฆ์ และผู้ที่กำลังปฏิบัติเพื่อการเป็นพระอริยะสงฆ์
ครั้งที่ 4 กราบคุณบิดา มารดา ตั้งแต่อดีตชาติ ถึงชาติปัจจุบัน
ครั้งที่ 5 กราบครูบาอาจารย์ ที่สอนสั่งมา ตั้งแต่ ท่านแรก จนปัจจุบัน
ข้อสังเกต ลักษณะของคนมีองค์ (จากประสบการณ์)
คนที่มีองค์ สังเกตง่าย ๆ ดังนี้
1. ถ้าคนนั้นมีองค์ใน เป็นองค์ไหน นิสัยใจคอ บุคลิก ท่าทาง จะเหมือนองค์ใน ทั้งที่ตนเอง รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวว่ามีองค์ เช่น ท่าเดิน อาหารการกิน การนั่ง การพูด หน้าตา กริยา
คนทีที่มีองค์เหล่านี้เป็นองค์หลัก
- คนมีปู่ฤาษี มักเดินหลังค่อม ๆ ชอบถือไม้เท้า บางที่เด็กอยู่ 5-6 ขวบ เห็นไม้เท้า ก็เอามาทำท่าเป็นฤาษี , ชอบกินผลไม้ เห็นผลไม้ แล้วยิ่งกว่า ขนมเค้ก ชอบเคี่ยวหมาก กินหมาก
- คนทีมีองค์ปู่ฤาษีตาไฟ ดุ ใจดี มีเมตตา แต่แฝงด้วยความดุ
- คนที่มีองค์พระพิฆเนศ ท้องจะป่อง น่ารัก ถ้าเป็นองค์เด็ก ก็จะดูเด็กอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าอายุจะมากแล้วก็ตาม
- พระแม่กาลี คนนี้ตาจะดุ มองแล้วดุทุกท่าทาง
- พระนารายณ์ จะดูหล่อ สมาร์ท มีคนมาหลงรักที่เดียวหลายคน (ต้องระวัง)
- คนมีองค์ทางเทพอินเดีย แม้เกิดในตระกูล เชื่อชาติไทย แต่หน้าตาจะออกไปทางอินเดีย
- คนมีเทพจีน หน้าจะออกจีน ๆ
- คนที่มีพระโพธิสุัตว์ กวมอิม และทางสายพระโพธิสัตว์ จะไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่ หรือต้องจำเป็นต้องกินเจ ตลอดชีวิต หรือมังสวิรัติใน วันพระ
- ถ้าคนมีหลายองค์ในตัว วันหนึ่ง อาจเห็นเป็นทั้งคนแก่ หน้าหนุ่มสาว หรือ หน้าดุ อารมณ์วันเดียว แม้ไม่ได้กำหนดอะไร ก็จะแตกต่างกัน ไปตามกระแสพระญาณที่ส่งมาจากองค์บารมี
- คนทีมีองค์บารมีเป็นพระกษัตรย์ นักรบ จะชอบดาบ ชอบหอก ชอบการสูํ่รบ ชอบดูหนังที่เดี่ยวกับอดีต ฉากรบ ดูแล้วแบบว่าใส่อารมณ์เต็มที่ ไม่อายใคร ไปที่ ๆ เป็นสมรภูมิรบ สถูป ไปแล้วก็เกิดอาการ
คนมีญาณ มีองค์ใน จะไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวให้เหมือนองค์ท่าน ส่วนใหญ่ แต่ชุดขาว ชุดธรรมดา รวมทั้งการนำรูปหล่อ รูปปั้นองค์ท่าน มาบูชา มากเจอเกินพระพุทธเจ้า เพราะแยกออกว่า องค์ท่าน อยู่บนเทวะโลก พรหมโลก เราคือกายสังขารที่ท่านส่งพระญาณมา กลุ่มนี้ไม่ค่อยสนใจพิธีกรรม
อีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มนี้เริ่ม หลง ตัวเอง ว่าข้าคือ พระแม่ลักษมี พระแม่อุมาเทวี ข้าคือหนึ่งเดียวกับท่าน เวลาท่านมาต้องแต่งตัวเป็นท่าน ใครเป็นปู่ฤษี ก็ต้องใส่ชุดฤๅษี มีเครื่อง ครบ กินหมาก มีไม้เท้า เลียนแบบให้เหมือน ไม่งันจะไม่เป็นหนึ่งเดียวกับท่าน กลุ่มนี้จะเน้นการแต่งกาย การจัดการเน้นพิธีกรรม ไหว้ครู
สุดท้ายพระญาณท่านก็ไม่มา กลายเป็นข้าคือพระแม่ลักษมี เสียเอง หรือไม่องค์บารมีไม่มา ฝีเข้าแทรกแทน หรือตั้งแต่แรก ผีแปลงมา ตั้งแต่ต้น
(ซึ่งกลุ่มนี้ขอไม่กล่าวถึงในเวลาต่อไปจากนี้ เพราะว่าไม่มีความรู้ และไม่อยากไปยุ่งเรื่องของคนอื่น)
ฉะนั้น ครูบาอาจารย์ที่ดี จะไม่บอกว่า คุณมีพระแม่ลักษมีคุ้มครองอยู่นะ ให้ไป ทำอย่างนั้นอย่างนี้ หาองค์ท่านมาบูชา แล้วจะ อย่างนั้นอย่างนี้ ครูที่ดี จะไม่บอก บอกเพียงว่ามีหรือไม่มี แล้วให้ไปสร้างบารมี ให้พอที่จะรองรับพระญาณของท่าน เมื่อท่านส่งพระญาณมาหาเรา ต้องหมั่นฝึกสมาธิ สวดมนต์ เพื่อให้จิต บริสุทธิ์ รวมไปถึงการกรวดน้ำอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้เขาปล่อยเรา เมื่อเงาดำแห่งกรรมจางไป พระญาณท่านก็ส่องมากระทบจิตเรา
องค์บารมี ไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ใช่องค์บารมี
พลังที่ท่านให้มา ไม่ใช่ของเรา
เรารับพลังมา เพื่อให้เกิดประโยชน์
ต่อหมู่มวลมนุษย์ ต่อชาติ ต่อพระศาสนา
ถ้าเราหลง ในพลังวิเศษนั้น ท่านก็จะเรียกคืน
ถ้าผ่านการทดสอบ ก็จะได้ผลที่เป็นบวก
ถ้าสอบตก ก็ได้รับผลทางลบ
บททดสอบ มีมาทดสอบจิตอย่ตลอดเวลา
จำไว้ ตอนนี้ เราอยู่ในสนามสอบ ต้องฝึกปรีกจิต
ให้ลด ละ เลิก กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ถ้าคุณผ่าน คุณก็ยกระดับจิตสูงขึ้นอีกขั้น
องค์บารมี เป็นครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยลำเอียงเข้าข้างศิษย์คนใด ไม่ว่ายากจน หรือร่ำรวย คุณได้รับสิทธิ์ นี้เหมือน ๆ กัน ทุกคน
ท่่านสามารถใช้บุคคลใดเป็นสื่อ เพื่อสอน เพื่อเตือนคุณได้ทุกขนาด
แม้เวลาที่คุณไปดูหมอดู ณ ขณะนั้น องค์บารมีท่านสามารถสวมทับหมอดูคนนั้น ได้อย่างแนบเนียบให้หมอดู บอกที่เป็นไปตามที่องค์บารมีท่านบอก แต่ล้วนเป็นทางที่ดีต่อตัวคุณ
พิจารณาอย่างคนฉลาด อย่าพลาดแบบคนหลง
ทุกเชื่้อชาติศาสนา สามารถมีองค์บารมีได้หมด อยู่ที่สายสัญญาต่อกัน อยู่ที่กรรม เปิดทางแล้วหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นศาสนา
พุทธ ส่วนใหญ่จะมีมากที่สุด พรหมณ์อินดู คริสต์ อิสลาม ซิกซ์ เซน เต๋า ฯลฯ
จะเห็นคนมีองค์ มีทั้งคนไทย มีองค์อินเดีย จีน
บางคนมีองค์ ทางยุโรป อียิปต์ โซนยุโรป
บางคนเป็นคนฝรั่ง อเมริกัน อังกฤษ พูดภาษาแขก ไม่ได้ แต่พอเปิดญาณแล้ว พูดเสียงทางอินเดีย ภาษาแขกได้ชัดเจน , บางคนไม่เคยเรียนภาษาจีน มาก่อน ตั้งแต่เกิด พอพระญาณทางจีนมา ก็พูดเสียงภาษาจีน ได้ชัดเจน
การเตรียมตัวสำหรับรับพระญาณองค์พระบารมี
1. ถือศีล 5 ศีล 8 ประจำ
2. ถืออกุศลกรรมบถ 10 ประการ
3. สร้างบารมี 10 ทัศ
4. อุทิศบุญ อุทิศกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเป็นประจำ เพื่อให้กรรมเบาบาง พระญาณท่านจะได้ส่องมาถึง
5. ปล่อยวางเรื่องทางโลก ศึกษาธรรมะให้เข้าใจที่ไปที่มาของดวงจิตแต่ละดวงที่โคจรมาเจอกัน ตามวาระ ตามแรงกรรม
คนที่ไม่ค่อยได้ฝึกสมาธิ ฝึกสติ ฝึกสร้างบารมี 10 ทัศ หากพระญาณแห่งองค์พระบารมี ท่านส่งมา เสมือนเด็กตัวน้อย ๆ แล้วมีผู้ใหญ่ส่งพระขรรค์เล็มหนักสัก 50 กิโล เป็นพระขรรค์วิเศษ สามารถพาดได้ไกล นับพันกิโล พอนึกภาพออกนะครับ ว่าเด็กตัวน้อย คนนี้จะรับไหวไหม กระดุกคงหัก ร่างกายคงอักเสบเพราะหนัก
หรือมองให้เห็นภาพอีกที่ ตัวเราเหมือนฐานอิฐ ที่จะรองรับของศักดิ์สิทธิ์นำหนัก 100 กิโล หรือหลายร้อยกิโล ถ้าฐานของอิฐไม่แน่นพอ เมื่อนำของศักดิ์สิทธิ์นี้วาง ฐานย่อมพังลงทันที่ แต่ถ้าเราก่ออิฐอย่างแน่นหนา ของศักดิ์สิทธิ์ หรือพลังที่ส่งให้มา เราย่อมรับไหว
มีหลาย ๆ ท่าน ที่องค์บารมี ไปเปิดจิตให้ แต่เนื่องจากกายสังขาร ไม่ค่อยได้ทำสมาธิ ไม่ฝึกกรรมฐาน เดินจงกลม ภาวนา ได้แต่ทำบุญใส่บาตร เพียงอย่างเดียว เมื่อพระญาณส่งไปถึง กายนี้ปวดร้าว แสนสาหัส ไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย ความดันขึ้น 180 แต่ไม่เป็นอะไร นอนไม่หลับ 4-5 วัน ไม่เพลีย แต่โหย ปวดหัว อาเจียร ปวดแขน ปวดขา ซึ่งบางที่เจ้ากรรมนายเวรรีบรุมเพราะอีกหน่อยพระญาณส่งมามากกว่านี้จะทำอะไรไม่ได้ ความทุกข์นี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นเพียงวันสองวัน แต่บางคนเป็นหลายเดือน เป็นปี
การเฝ้าติดตามของเหล่ามหาโพธิสัตว์ มหาเทวะ มหาเทวี ที่ท่านค่อยส่องพระญาณมายังลูกหลานที่ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ แม้ลูกหลานไม่คิดถึงพระองค์ท่าน แต่ท่านก็เฝ้ามอง อยูเสมอมา แม้เราเวียนว่ายตายเกิดแล้วกี่ภพกี่ชาติ ท่านก็ยัง ติดตามเราเหมือนเช่นเคย จนกว่ากรรมที่บัง เรา จะเบาบาง แสงแห่งพระญาณท่านก็จะส่องมาถึงดวงจิตน้อย ๆ ของเรา เราจึงได้รับพระญาณจากองค์มหาโพธิสัตว์ มหาเทวะ มหาเทวี
เช่น่เดียวกันนี้ นี้เป็นเวลา สำหรับทุกท่านที่จะได้บรรเทากรรม โดยการนั่งสมาธิกรรมฐาน แล้วอุทิศบญให้เจ้ากรรมนายเวร เพือให้กรรมเบาบาง แล้วรับพระญาณจากองค์พระบารมี ซึ่งก็แล้วแต่สายสัมพันธ์ของแต่ละท่าน ต่อองค์พระบารมีพระองค์ไหน
เมื่อได้รับพระญาณและสัมผัสกับพระญาณนั้นแล้ว เราจึงซาบซึมต่อพระมหากรุณาธิคุณต่อองค์มหาโพธิสัตว์ มหาเทวะ มหาเทวี ที่ท่านไม่เคยลืมลูกหลานแม้แต่คนเดียว ที่ท่านคอยประคับประคองไม่ให้ลูกหลานที่กำลังตกระกำลำบากเนื่องจากกำลังเผชิญกับทุกข์เข็บเวรกรรมที่กระหน่ำมาอย่างหนัก ท่านคอยเฝ้ามอง ให้สติ เตือนจิต ไม่ให้ลูกหลานของพระองค์ท่านคิดสั้น บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่เหล่าบรรดาลูกหลานของเหล่ามหาโพธิสัตว์ มหาเทวะ มหาเทวี จะได้มาร่วมกันฝึกสมาธิ อุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วรับบุญกุศลที่สั่งสมมาให้เกิดผล พร้อมรับพระญาณจากองค์พระบารมี เพื่อไปช่วยผู้คน ตามสัญญาที่ได้ลั่นไว้ก่อนลงมายังโลกมนุษย์