ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

ขอโทษน้าค้า เรื่องของเราเองอ่าจ้า เข้ามาอ่านกันเลยน้า

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์

คืนนี้พระจันทร์ดวงโต ลอยเด่นอยู่บนฟ้า พร้อมกับดวงดาวต่างๆมากมาย กลุ่มดาวหลายๆกลุ่ม รวมตัวกัน แสงสว่างจากกลุ่มดาวเหล่านั้น พร้อมใจกันส่องประกายทำให้ในคืนนี้ดูเหมือนจะสว่างมากกว่าปกติ

ลมเย็นๆพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน ทำให้ "ณัฐชา" สาวน้อยวัย 18 ปีที่ตอนนี้กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่คนเดียวอดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมองที่หน้าต่าง แล้วจึงหันไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องก่อนจะพึมพำออกมา
" ห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ย"

ณัฐชาจึงเริ่มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะหันไปเซฟงานในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันงานที่ทำมาทั้งหมดจะหายไป แล้วปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทันทีที่เซฟงานทุกอย่างหมดแล้ว

ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนณัฐชาเริ่มรู้สึกหนาว เธอจึงเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะเอื้อมมือไปปิดหน้าต่าง สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองพระจันทร์
"วันนี้พระจันทร์สวยจัง"
แล้วเธอก็เอามือมากุมประสานไว้ที่หน้าอก หลับตาแล้วอมยิ้มก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
"ขอให้คืนนี้ ณัฐหลับฝันดีด้วยนะคะ"

จากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปปิดหน้าต่าง แล้วเดินไปปิดไฟในห้องนอน จนเหลือแต่ไฟหัวเตียงจากนั้นเธอก็ล้มตัวนอน
หลังจากหลับตาได้ไม่นาน เธอก็ตกสู่ห้วงภวังค์แห่งความฝันในทันที

ณัฐชาเดินเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง ลึกเข้าไป ลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในป่าแห่งนี้มีดอกไม้นานาพรรณ ต้นไม้นานาชนิด แต่ละต้นมีความอุดมสมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด สังเกตุได้จากโคนต้นไม้แต่ละชนิดในป่าแห่งนี้ลำต้นใหญ่มาก พื้นดินก็มีความอุดมสมบูรณ์ถึงจะชื้นไปนิด แต่สำหรับเธอ เธอรู้สึกว่าพื้นดินที่นี่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเหมือนได้เหยียบอยู่บนพื้นดินของบ้านเกิดตัวเองยังไงยังงั้น ดอกไม้บางชนิดส่งกลิ่นหอม ชวนหลงไหล แต่เธอก็รู้สึกได้อีกอย่างนึงว่าเหมือนเธอไม่ได้อยู่ในป่านั้นเพียงคนเดียว เธอรู้สึกเหมือนมีใครมองเธออยู่ แต่เธอก็ไม่พบใครเลย พลันสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับดอกไม้ป่าสีฟ้า สีของมันเหมือนจะดึงดูดให้เธอเข้าไปหามันให้ได้และกลิ่นของมันก็ลอยมาเย้ายวนจมูกเธอในทันที เท้าทั้งสองของเธอไม่รอช้ารีบก้าวเข้าไปหาต้นไม้ดอกสีฟ้านั่น

"อย่า นั่นมันต้นกุหลาบพิษ" เสียงๆหนึ่งดังขึ้นในหัวของเธอ

ณัฐชาหยุดเดินเข้าไปหาต้น "กุหลาบพิษ" ต้นนั้นและมองหาต้นเสียงที่เธอได้ยิน แต่เธอก็ไม่พบใครนอกจากตัวเธอ และความว่างเปล่ารอบๆกาย เธอจึงทำท่าจะเดินเข้าไปอีกครั้ง มือของเธอก็เอื้อมจะเข้าไปเด็ดดอกไม้ดอกนั้นแต่คราวนี้มีมือ มือหนึ่งเอื้อมมาจับมือเธอไว้
ณัฐชาตกใจมาก จึงหันหน้ามาตามมือที่จับเธอไว้ เธอก็ได้พบกับใครคนหนึ่งที่หน้าคล้ายคนที่เธอรู้จัก หากแต่ชายคนนี้แต่งกายแปลกๆ ชุดที่ใส่นั้นจะออกแนวสีเขียวน้ำทะเล นุ่งโจงกระเบนเหมือนคนสมัยก่อน แต่ตามร่างกายมีเกล็ดเหมือนงู สายตาที่ดุดันนั้นเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเธอ ก่อนที่เธอจะนึกได้ว่าคนนั้นคือใคร ก็เหมือนถูกผลักออกมาจากความฝันเสียแล้ว

"พี่เตชิต"

ณัฐชาลืมตาขึ้น พร้อมสีหน้าตกใจ เพราะคนที่อยู่ในความฝันของเธอเป็นคนที่เธอรู้จักดียิ่งกว่าใคร 
"เตชิต" ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปด้วยชาติตระกูลดี การศึกษาพร้อม และที่สำคัญ เขายังเป็นคู่หมั้นของเธอด้วย แต่ในความฝันที่เธอเห็นนั้น เหมือนเขาแค้นเธอ หรือเธอจะไปทำอะไรให้เขา โดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอคิดทบทวนซ้ำๆไปมา จนแน่ใจกับความฝันของตัวเอง
"เราไม่ได้ตาฝาดในฝันเราเห็นพี่เตชิตจริงๆนี่นา" ณัฐชาบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะส่ายหัวเบาๆเพื่อไล่ความคิดนี้ออกไป
"นอนต่อดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เรียนไม่รู้เรื่อง"

ณัฐชาหลับตาลงและคราวนี้ความฝันก็พาเธอมาสถานที่เดิมๆเหมือนในทุกๆวันที่เธอเคยฝันถึง
สถานที่ดูแปลกตา ผ้าม่านปลิวสะบัดราวกับกำลังเต้นรำอยู่กับสายลม ผู้คนมากมายรอบกายดูเปล่งปลั่งไปด้วยรัศมีที่สะดุดตา บ้างก็สีมรกต บ้างก็สีเพลิง บ้างก็สีนิล เมื่อมองเลยไปที่หน้าตาของคนกลุ่มนั้น ราวกับถูกปั้นด้วยช่างผู้มีฝีมือ บรรจงสร้างสรรค์ผู้คนกลุ่มนั้นขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นเกิดความหลงไหล เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในอ้อมกอดใครคนหนึ่งแต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเหมือนเป็นตัวเธอเองที่รู้สึกร้อนกายและทรมานจะเป็นจะตาย
"ลักษณารีย์ เจ้าจะตายไม่ได้นะ เราไม่ให้เจ้าตาย ไม่ให้เจ้าตาย" เสียงของชายหนุ่มตรงหน้าเธอประคองเธอไว้ในอ้อมแขนราวกับจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย
"พระเสาร์ หม่อมฉันทำผิดกับพระองค์ หากหม่อมฉันได้ตายแทนพระองค์ หม่อมฉันก็ยินดีเพคะ" น้ำเสียงของเธอกระท่อนกระแท่นเต็มที ณัฐชาเองรู้สึกเหมือนเธอจะขาดใจตายให้ได้เสียเดี๋ยวนั้น แต่เธอก็ยังฝืนที่จะหันไปพูดกับชายอีกคนที่อยู่อีกด้านนึงของเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปหาชายคนนั้น
ชายคนนั้นคว้ามือของเธอมากอดและจูบไว้ด้วยความรักอย่างทะนุถนอม มือเจ้ากรรมของเธอก็ยอมให้เขาได้จับไว้ราวกับโหยหาความรู้สึกที่แสนอบอุ่นนี้มาตลอด
"พระศุกร์ เกิดมาชาติหน้าฉันใด ขอให้เราอย่าได้แยกจากกันอย่างนี้เลยนะเพคะ"
"ลักษณรีย์ เกิดมาชาติหน้า เราจะรักเจ้า รักเจ้าก่อนที่พระเสาร์จะเอาเจ้าไปจากเรา" พระศุกร์ กอดและจูบมือนี้ไว้ไม่คลาย ราวกับมือของเธอจะหลุดไปเสียเดี๋ยวนั้น
"อย่าโทษพระเสาร์เลยเพคะ หม่อมฉันผิดเอง ผิดที่ไม่บอกพระเสาร์ว่าหม่อมฉันรักพระองค์..." พูดได้เท่านั้นเธอก็เงียบไป ตาค่อยๆหลับลงอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงร้องไห้อย่างโหยหวนของเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์

"ณัฐชา ลูก! ณัฐ! ตื่นลูก!"
เสียงของแม่ ปลุกณัฐชาให้ตื่นจากความฝัน เธอลืมตาขึ้นมาก็พบกับแม่ที่มองหน้าเธอด้วยความประหลาดใจ
"ลูกร้องไห้ทำไม? ณัฐแม่นึกว่าลูกเป็นอะไร ลูกร้องไห้เสียงดังจนแม่ตกใจมากเลยนะ"
แม่กอดณัฐชาไว้ ณัฐชารู้สึกแปลกๆที่แม่ทำแบบนี้กับเธอ จึงถามแม่ออกไป
"แม่ ณัฐร้องไห้อย่างเดียวใช่มั้ยคะ"
แม่ได้ยินคำถามของณัฐชาจึงมองหน้าเธอก่อนจะลูบหัวเบาๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง
"ณัฐ หนูหายใจแผ่วมากเลย จนแม่กลัว...กลัวว่าลูกจะไม่ตื่น"
แม่คลายกอดลูกสาวแล้วจึงถามลูกต่อไปว่า
"ณัฐ ลูกฝันเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอ"
แม่มองหน้าณัฐชาสายตาของแม่มองอย่างคาดคั้นให้เธอตอบให้ได้ เธอจึงได้แต่พยักหน้า ก่อนจะจับมือแม่ของเธอไว้
"แม่คะ ณัฐไปอาบน้ำก่อนนะ สายแล้ว"
แล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นในทันที



แทรกรูปที่ทำเองนิดนึงนะคะ แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องน้ะ
กรี๊ด ใส่ไม่เป็นจ้า สอนด้วยจิ่

ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
http://writer.dek-d.com/no_name14/story/view.php?id=694085

เอ่อ ลืมให้ลิ้งค์อ่าค่ะ จะพยายามเอามาลงที่นี่ด้วยเพราะว่า
เผื่อบางคนที่ไม่อยากไปตามดูที่เด็กดีอ่ะค่ะ


ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
ตอนที่ 2

ณ ดินแดนอันไกลโพ้น โลกอีกโลกหนึ่งที่แทรกตัวอยู่ระหว่างโลกปัจจุบันและอดีต
"ป่าหิมพานต์" ที่ผู้คนในยุคปัจจุบันคิดว่ามีเพียงแค่ในนิยาย หรือเกิดจากจินตนาการของนักวรรณกรรมทั้งหลาย หมู่มวลธรรมชาติที่ไม่สามารถจะหาชมที่ไหนได้อีก เหล่าสิงสาราสัตว์ที่เราคิดเพียงว่าเป็นแค่ภาพในฝันของใครหลายๆคนจนเป็นจุดเริ่มต้นของนิยายสนุกๆเรื่องหนึ่ง

บัดนี้แสงสีทองจับกับริมขอบฟ้าส่องประกายระยิบระยับ รัศมีสีเพลิงของพระอาทิตย์ข้ามผ่านยอดเขาไกรลาสมาเรื่อยๆ ทุกชีวิตในป่าหิมพานต์ ดำเนินต่อไป เมื่อมองไปไกลๆจะมองเห็นบ้านเมืองของเหล่ามนุษย์กึ่งเทพ ตั้งเรียงรายอยู่เป็นหย่อมๆ มองไกลออกไป  ไกลออกไป ทางทิศเหนือจะเห็นยอดเขาพระสุเมรุ บนยอดเขาพระสุเมรุแห่งนี้ปรากฎวิมานที่สวยงาม ใช้สีฟ้าน้ำทะเลเป็นส่วนประกอบหลัก เหล่าอัญมณีไพลินแข่งกันส่องแสงประกาย เมื่อได้กระทบกับแสงพระอาทิตย์แล้ว ส่องสว่างไปทั่วบริเวณเขาพระสุเมรุแห่งนี้ ชวนให้ผู้พบเห็นตะลึงในความงาม นอกจากการประดับด้วยไพลินแล้ว วิมานสีไพลินนี้ยังมีลักษณะที่เงียบสงบ ดูเรียบๆ ศิลปะที่ใช้ตกแต่งวิมานนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว ผ้าม่านสีขาวปลิวสะบัดเรื่อยๆราวกับกำลังมีความสขกับการที่ได้อยู่บนวิมานสีไพลิน เสียงคุยกันของเทพผู้ยิ่งใหญ่สององค์ดังแว่วๆขึ้นมาจากในวิมานที่เงียบสงบแห่งนี้

"พระศุกร์ ท่านเฝ้าดูนางจากในความฝันแบบนี้ ไม่เบื่อบ้างหรือไงกัน" เสียงเทพหนุ่มผู้เป็นเทพแห่งสงคราม พระอังคาร ถามสหายสนิท ด้วยความเหนื่อยหน่ายกับการกระทำของพระสหายสนิท ที่ทรงทำแบบนี้มาเป็นเวลาถึง 18 ปีเต็มๆ

"พระอังคาร ท่านไม่เข้าใจหรอก ท่านคงไม่รู้ว่าเรารัก...ลักษณารีย์มากแค่ไหน" "พระศุกร์" พระสหายสนิทของพระอังคารตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่สบายพระทัยอย่างยิ่ง

พระอังคารทอดพระเนตรพระพักตร์ของพระศุกร์ก็ได้ส่ายพระพักตร์ไปมาก่อนจะตอบเพื่อคลายความสบายพระทัยให้แก่พระสหาย

"เรารู้ว่าท่านรักลักษณารีย์มาก แต่นางก็ไปอยู่อีกภพหนึ่งแล้ว ถึงท่านจะทำให้นางมองเห็นภาพของนางก่อนตาย แต่นางก็จำท่านไม่ได้หรอก นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านเป็นใคร"

พระศุกร์ทอดพระเนตรพระพักตร์พระสหายก่อนจะตรัสตอบไป
"นี่พระอังคาร ท่านจะช่วยพูดให้เราสบายใจ หรือจะช่วยพูดให้เราหนักใจกันแน่ ท่านคงไม่เศร้าเท่าไหร่หรอก เพราะท่านน่ะมีนางอัปสรอยู่ในวิมานตั้งมากมาย" ในตอนท้ายพระศุกร์จึงแกล้งแซวพระสหายกลับบ้าง ด้วยรู้ว่าพระสหายของตนนั้นสนใจแต่เพียงเรื่องการสงครามมากกว่าเรื่องหญิงงาม

"โอย พระศุกร์ เราเป็นห่วงท่านนะเนี่ย ถึงได้มาไกลจากวิมานของเราขนาดเนี้ย เอาเถอะ เลิกพูดถึงเรื่องความรักเถอะ มาพูดถึงพระเสาร์กันดีกว่า ว่าตอนนี้ไปจุติอยู่แห่งใดกัน"
พลันก็เกิดความเงียบขึ้นในทันที สีพระพักตร์ของพระศุกร์เปลี่ยนไป พระขมงขมวดเข้าหากันราวกับมีใครมาผูกไว้เป็นปม ทรงกอดอกแล้วทอดพระเนตรออกไปนอกวิมานของพระองค์ พระอังคารเห็นอากัปกริยาของพระสหายแล้วก็ทรงเย้าต่อไป

"พระศุกร์ ท่านคงกลัวว่าพระเสาร์จะทรงไปจุติใกล้ๆลักษณารีย์สินะ"

พระศุกร์หันพระพักตร์มาทางพระอังคารก่อนจะส่ายพระเศียรเบาๆ

"เราห่วงเรื่องนาคราชมากกว่า เราไม่รู้ว่าจิตของนาคราชก่อนจะสิ้น ตั้งจิตแน่วแน่อยู่ที่สิ่งใด หากอยู่ลักษณารีย์แล้วล่ะก็...เรากลัวว่านางจะเป็นอันตราย"

"ใช่สิ เราลืมไปเลย ว่าลักษณารีย์ ทำให้เทพธิดาเบญจรัตน์คนรักของนาคราช ต้องคำสาปให้หลับใหลไม่มีวันตื่น นอกเสียจากลักษณารีย์จะต้องมาแก้คำสาปด้วยตนเอง"

"นอกจากนั้น นาคราชก็แค้นลักษณารีย์ที่ทำให้นางเป็นอย่างนี้ ถึงขนาดเอาแหวนแก้วมรกต อาวุธประจำกายของเบญจรัตน์ติดตัวไปก่อนจะสิ้นชีพ แล้วฝากนาคินี ญาติผู้น้องให้ดูแลร่างของเบญจรัตน์ รอวันที่ตนจะนำลักษณารีย์มาแก้คำสาป"

พระศุกร์ตรัสได้เท่านั้นก็สบพระเนตรพระอังคารอย่างเทพที่ไม่สบายพระทัย

"เราคิดว่าตอนนี้ท่านควรห่วงเรื่องของนาคราชมากกว่าเรื่องของพระเสาร์เสียอีกนะเนี่ย" พระอังคารตรัสได้แค่นั้นก็ยกพระหัตถ์เกาพระเศียรเบาๆก่อนจะมองพระพักตร์ของพระสหายอย่างหนักใจ

"หรือเราควรจะเรียกนางกลับมาที่นี่เพื่อแก้คำสาปให้เบญจรัตน์ดีล่ะ พระอังคารท่านคิดว่าอย่างไรดี"
พระศุกร์ออกความเห็นกับพระอังคาร ด้วยหวังว่าความคิดของตนจะทำให้พระอังคารร่วมมือด้วยแน่นอน

"มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เรียกกลับมาแก้คำสาปอย่างเดียวคงไม่ได้ คราวนี้ต้องให้นางเลือกจริงๆเสียทีว่าจะอยู่กับใคร พระเสาร์จะได้ตัดใจจากนาง หรือจะเป็นท่าน..." พระอังคารตรัสแล้วหันมาทอดพระเนตรพระพักตร์ของพระศุกร์ แต่ก็เจอสายพระเนตรดุๆของพระศุกร์มองกลับมา

"องค์อัมรินทร์และพระแม่อุมาเทวีทรงเลือกนางอัปสรนางหนึ่งไว้ให้พระเสาร์แล้ว แต่พระเสาร์กลับไม่สนใจนางเอง เราเคยได้ยินมาจากลักษณารีย์ว่า นางเป็นสหายของลักษณารีย์ชื่ออะไรนะ เนตร....เนตรอัปสร ใช่ เนตรอัปสร" พระศุกร์หันมาตอบพระอังคารให้คลายความสงสัย

"พระศุกร์ท่านจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก หากวันนั้นพระเสาร์อภิเษกกับนางไป ท่านก็คงไม่มีสิทธิ์ในตัวนางและคนที่จะเป็นคู่ครองของเนตรอัปสรก็อาจจะเป็นท่าน" พระอังคารยังกล่าวต่อไปโดยไม่ได้ทอดพระเนตรสีพระพักตร์ของพระสหายเลยแม้แต่น้อย

"เอาล่ะ พระอังคารเราว่าวันนี้ท่านกับเราคงพูดกันไม่รู้เรื่อง เราว่าท่านกลับไปเถอะ เราจะหาวิธีช่วยลักษณารีย์ให้กลับที่นี่อีกครั้งเพื่อแก้ไขสิ่งที่นางก่อไว้" พระศุกร์กล่าวกับพระสหายด้วยความไม่พอพระทัย ที่พระสหายไม่ได้เข้าพระทัยในความรู้สึกของตนเองเลย

"โอย เราขอโทษพระศุกร์ เอาอย่างนี้เราจะช่วยท่าน เราจะไปลองสืบดูว่าก่อนที่นางจะมาเป็นนางอัปสรในสวนปาริชาตขององค์อัมรินทร์นั้น นางเคยเป็นใครมาก่อนดีไหม แล้วใครที่จะช่วยเราได้ อย่างนี้เราว่าท่านคงพอใจนะ" พระอังคารยังคงแกล้งเย้าพระสหายต่อไป แต่คราวนี้พระศุกร์กลับไม่ได้มีท่าทีไม่พอพระทัยเลย ด้วยรู้ว่านิสัยของพระอังคารที่ใครๆเอาแต่กลัวนั้นแท้จริงแล้วออกจะขี้เล่นด้วยซ้ำไป พระศุกร์ได้แต่ทรวงสรวล ก่อนจะหันไปตบพระพาหาเบาๆ เป็นการบ่งบอกถึงความเชื่อพระทัยในพระสหาย

"เราเชื่อว่าท่านทำให้เราได้แน่" พระศุกร์รับสั่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่รัศมีสีโกเมนจะพุ่งออกจากวิมานของพระศุกร์พร้อมกับเสียงของพระอังคารลอยมาไกลๆ
"ท่านจะไม่ผิดหวังแน่ๆ พระศุกร์"




ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
ตอนที่ 3

เสียงรถยนต์บนท้องถนนดังแข่งขึ้นมากับเสียงนกหวีดของจราจร รถมินิบัสขนาดกะทัดรัดกำลังขนส่งผู้โดยสาร ไปตามถนนสายหนึ่ง ป้ายบอกชื่อถนนสายนี้คือ ถนนพหลโยธิน พร้อมกับป้ายบอกสถานที่ต่อมาคือ "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์"

"จริงๆแล้ว พ่อว่าถ้าลูกเรียนมหาวิทยาลัยแถวบ้านมันก็น่าจะดีกว่าที่มาเรียนไกลๆแบบนี้นะ" เสียงของผู้เป็นพ่อพูดออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจกับการที่จะต้องมาเจอกับรถติดแบบนี้ทุกวัน

ณัฐชาหันมามองหน้าพ่ออย่างช้าๆ เธอยิ้มที่มุมปากแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือ ก่อนจะตอบคำถามของผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า

"พ่อคะ ถึงเรียนที่ไหนก็เหมือนกันแหละนะ ถึงจะเรียนมหาวิทยาลัยแถวบ้าน พ่อก็ต้องขับรถมาส่งณัฐอยู่ดี สู้เรียนแถวนี้ พอพ่อส่งณัฐเสร็จก็เลยไปทำงานที่โรงพยาบาลได้พอดี"

ผู้เป็นพ่อหันมายิ้มให้กับลูกสาวกับคำตอบที่ดูจะดีไม่เสียหมด แล้วหันหน้ามองไปหน้ารถ ในระหว่างที่ขับรถอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถามลูกสาวต่อไป

"พ่อไม่เข้าใจอย่างนึง ลูกสามารถที่จะสอบเข้าคณะอื่นได้สบายๆ แต่ทำไมถึงอยากเข้าคณะวรรณดคีอะไรเนี่ยนักล่ะ พ่อยังไม่เห็นเลยว่าลูกจะไปทำอาชีพอะไร"

ณัฐชามองหน้าผู้เป็นพ่อ เธอไม่สามารถจะให้คำตอบของพ่อได้ในทันที จะบอกว่าเธอเบื่อที่จะต้องเรียนตามที่พ่อเป็นคนสั่ง ก็อาจจะเป็นได้ ถ้าจะให้เรียนตามที่แม่ต้องการ เธอก็คิดว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เธอรัก เธอรักที่จะทำอะไรให้แตกต่างจากคนอื่นๆในครอบครัวที่เป็นอยู่

เมื่อลูกสาวไม่สามารถให้คำตอบได้ ผู้เป็นพ่อจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้ลูกสาวไม่เครียดจนเกินไป

"เอ้อ อาทิตย์หน้าก็สอบเสร็จหมดแล้วใช่ไหม พ่อว่าเราไปเที่ยวที่โฮมสเตย์ของคุณยายกันดีไหม"

ณัฐชาหันมามองหน้าผู้เป็นพ่อ รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกได้ว่าดีใจที่สุดกับคำชวนของผู้เป็นพ่อ

"ไปสิคะ ณัฐคิดถึงกับข้าวฝีมือยายมากๆเลย"

"แต่พ่อจะชวนพี่เตชิตกับครอบครัวเขาไปด้วยนะ" ผู้เป็นพ่อยังกล่าวต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันได้มองหน้าลูกสาว

"พ่ออยากให้ลูกและเตชิต ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ถึงลูกทั้งสองจะเป็นคู่หมั้นกัน เพราะพ่อและพ่อของเตชิตตกลงกันไว้ก็ตาม แต่ลูกก็ควรจะรู้จักกันมากกว่านี้ เผื่อว่าถึงเวลานั้น ลูกกับเตชิตจะได้ไม่รู้สึกเป็นคนอื่นต่อกัน"

ผู้เป็นพ่อกล่าวได้แค่นั้นก็จอดรถเข้าเทียบกับขอบฟุตบาท ณัฐชาหันมาสวัสดีผู้เป็นพ่อก่อนจะเปิดประตูรถออกแล้วเดินลงไปโดยที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรกับพ่อเธอเลยสักนิดเดียว

เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงในมหาวิทยาลัยแล้วก็ตรงไปที่ซุ้มประจำที่เธอและกลุ่มเพื่อนๆของเธอจะมานั่งเป็นประจำ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะมาสายไป เพราะซุ้มที่นั่งของเธอนั้น เหมือนจะมีคนอื่นมานั่งจับจองเสียแล้ว

"ณัฐชา ณัฐชา" เสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอ เมื่อเธอหันกลับไปก็พบเพื่อนสาวสุดซี้กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเธอทันที
"ลูกหยี ค่อยๆสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก" ณัฐชาร้องบอกเพื่อนของเธอ ก่อนจะยืนรอให้เพื่อนสาว "ลูกหยี"  วิ่งเข้ามาหา
"นี่ณัฐชา เรามีเรื่องจะเม้าท์" ลูกหยีกล่าวขึ้นเมื่อหายเหนื่อยจากการวิ่งกระหืดกระหอบตามณัฐชามา ก่อนจะคว้าขวดน้ำที่ถือมาด้วยขึ้นมาดื่ม อึกใหญ่ๆแล้วก็พูดต่อ
"ณัฐชา แกทำงานที่อาจารย์สั่งให้เสร็จหมดยังอ่ะ"
ณัฐชามองหน้าเพื่อนสนิท เธอระบายยิ้มอ่อนๆให้เพื่อนสาวก่อนจะตอบกลับไปว่า
"เสร็จแล้ว เนี่ยเหรือเรื่องที่แกจะเม้าท์อ่ะ"
ลูกหยีพยักหน้ายิ้มก่อนจะเอ่ยปาก
"พรุ่งนี้ก็สอบวันสุดท้ายเสร็จแล้วเนอะ ค่อยส่งวันพรุ่งนี้ก็ได้ ณัฐชางั้นฉันขอยืมหน่อยสิ งานแกอ่ะ"
ณัฐชามองหน้าเพื่อนแล้วอมยิ้ม
"นี่แกจะลอกงานฉันเหรอ"
ลูกหยีรีบส่ายหน้า ด้วยรู้กฎของอาจารย์คนนี้เป็นอย่างดี
"เฮ้ย!! ไม่ ไม่ คือเอาไปดูเป็นตัวอย่างอ่ะ"ลูกหยีรีบตอบเพราะกลัวว่าณัฐชาจะไม่ให้ยืม
"เอาไปสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย"ณัฐชาส่งงานที่ทำมาให้เพื่อนซี้ก่อนจะยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา
"แก ไปเหอะ เดี๋ยวสาย" สองสาวจึงรีบเดินไปขึ้นอาคารเพื่อทำการสอบในทันที

บ่ายสามโมงเย็น

สองสาวเดินคู่กันลงมาจากอาคารบทสนทนาของสั้งสองดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นไป

"แก หรือว่าคนที่แกฝันถึงจะเป็นเนื้อคู่แก"ลูกหยีเย้าเพื่อนสาวเล่นๆ แต่คำพูดนี้ทำให้ณัฐชาเกิดความคิดขึ้นมาอีก
"แก แล้วคนไหนอ่ะ คนชุดเขียว หรือชุดม่วง หรือชุดฟ้า เยอะแยะอ่ะ" ณัฐชาส่ายหน้าเบาๆ กับความต๋องของตนและเพื่อนซี้ ลูกหยีเห็นหน้าของณัฐชาแล้วก็ยังล้อเล่นต่อไปโดยไม่ได้คิดอะไร
"หรือชาติที่แล้วแกหนีเขามาเกิดป่าว เขาก็เลยจะมาตามแกกลับไปอ่ะ หรือไม่ก็แกอาจจะไปทำเวรทำกรรมไว้กับคนชุดเขียว แล้วคนชุดม่วงกับชุดฟ้าก็คือคนที่ฆ่าแก ทำให้เวลาแกฝันเรื่องนี้ทีไร แกถึงรู้สึกเหมือนเจ็บปวดทรมาน..."เสียงลูกหยีเงียบไปเมื่อหันไปมองหน้าเพื่อนแล้ว เห็นเป็นภาพซ้อนของใครอีกคนในชุดไทยโบราณสีชมพูอ่อนๆ สร้อยคอเป็นประกายอัญมณีสีทองส่องสว่าง ใบหน้าแต้มด้วยเครื่องสำอางสีอ่อนๆ และดูเศร้าเสียเหลือเกิน ลูกหยีมองตะลึงกับใบหน้าของเพื่อนซี้ตรงหน้า เธอเอามือขยี้สายตาหลายครั้งจนณัฐชาแปลกใจ
"แกเป็นอะไร แกเห็นอะไรเหรอ" ณัฐชาเขย่าตัวเพื่อนซี้เบาๆ แล้วหันซ้ายหนัขวาเพื่อดูว่าลูกหยีมองเห็นอะไร
ลูกหยีส่ายหน้าเบาๆกับสายตาของตนและตอบเพื่อนเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
"อ่อ ฝุ่นเข้าตาน่ะ เออๆ ปิดเทอมนี้ไปบ้านยายแกป่าวอะ ฉันอยากไปด้วยอ่ะ" ลูกหยีเปลี่ยนเรื่อง เพราะเธอไม่อยากให้ณัฐชาหมกมุ่นอยู่กับความฝันนี้อีกต่อไป
"ไปสิ แกไปด้วยกันไหมล่ะ เดี๋ยวฉันขอพ่อให้"ณัฐชาพูดเรื่อยๆโดยไม่ทันได้นึกว่าการไปบ้านยายครั้งนี้เตชิตก็จะไปด้วยเหมือนกัน
"อ้าว วันนี้พ่อมารับฉันเร็วจัง แกกลับด้วยกันนะ" ณัฐชาหันมาชวนลูกหยีให้กลับไปด้วยกันก่อนที่ตนจะเปิดประตูรถ ลูกหยีส่ายหัวช้าๆ ก่อนจะบอกว่า
"ไม่ดีกว่า วันนี้แฟนฉันมารับ" ลูกหยียิ้มอย่างมีความสุขเมื่อพูดถึงแฟนตัวเอง
ณัฐชามองหน้าเพื่อนซี้ยิ้มๆ ก่อนจะขึ้นรถไปกับพ่อของตนเอง แต่ก่อนที่พ่อจะออกรถไป ณัฐชาลดกระจกรถลงมาก่อนจะโบกมือลาเพื่อนซี้

ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
ตอนที่ 4

เมื่อรถของณัฐชาแล่นออกไป ก็สวนกับรถสปอร์ตสีดำคันงามบ่งบอกถึงความมีระดับของเจ้าของรถ ว่าเป็นผู้มีฐานะดีเพียงใดตรงเข้ามาในมหาวิทยาลัย สายตาณัฐชามองเห็นทะเบียนรถแล้วนึกขึ้นได้ว่าเป็นทะเบียนรถของเตชิตจึงมองตาม
"รถพี่เตชิตนี่นา" เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันมาก้มหน้านิ่งคิดว่ารถของเตชิตมาทำอะไรที่นี่
"มีอะไรเหรอลูก" พ่อเห็นกิริยาของลูกสาวแปลกไป จึงพยายามจะมองตามว่าลูกสาวนั้นมองอะไร แต่ณัฐชาก็พูดขัดมาเสียก่อน
"ไม่มีอะไรค่ะพ่อ พ่อคะณัฐอยากแวะร้านหนังสือก่อนกลับได้ไหมคะ" เธอทำสายตาอ้อนวอนผู้เป็นพ่อ เมื่อเห็นอาการของลูกสาวแล้ว พ่อก็ได้แต่ยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าตกลง

รถสปอร์ตสีดำสวนกับรถของณัฐชาแล้วเลยเข้าไปในมหาวิทยาลัยตรงเข้าไปในตรงซุ้มที่ลูกหยีกำลังนั่งคอยอยู่ คนในรถสำรวจตัวเองในกระจก เหมือนกับลูกหยีที่สำรวจตัวเองว่าเรียบร้อยดีหรือยัง เตชิตเปิดประตูรถก้าวลงมา พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะกวาดใจสาวๆแถวนั้นไปทั้งหมด
"รอพี่นานไหม ลูกหยี" เตชิตถามลูกหยีพร้อมกับเดินเข้าไปหาก่อนจะเอามือโอบเอวบางๆของเธอ
"ไม่นานค่ะพี่เตชิต" ลูกหยีตอบเตชิตก่อนจะยิ้มหวานให้เตชิต แล้วเอามือของตนเอื้อมไปจับมือเตชิตที่โอบเอวเธอออก
"วันนี้พี่เตชิตจะพาลูกหยีไปไหนเอ่ย" เธอเอ่ยถามเตชิตด้วยน้ำเสียงสดใส หลังจากที่เดินขึ้นมานั่งในรถแล้ว
"ลูกหยีจะไปไหนพี่ก็จะพาไปทั้งนั้นแหละคร้าบ" น้ำเสียงตอนท้ายของเตชิตบ่งบอกว่าเอาใจลูกหยีสุดๆ เธอได้แต่เขินอายก่อนจะตอบจุดหมายปลายทางของเธอ
"หยีอยากไปหาที่คุยเงียบๆกับพี่สองคนค่ะ" รอยยิ้มของเธอนั้นเหมือนจะเชิญชวน ความใสซื่อเมื่อตอนที่อยู่ต่อหน้าณัฐชาหายไปหมดสิ้น ในสมองของเธอคิดแค่เพียงรักเตชิตคนเดียวเท่านั้น
เตชิตยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะขับรถออกไปตามถนน รถติดเหมือนอย่างเคยหากแต่ในรถตอนนี้ไม่ค่อยร้อนเหมือนตอนขามาเพราะสาวสวยที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่นั้นคอยชวนเขาคุยตลอด ความจริงแล้วเขาเองก็รู้อยู่ตลอดว่าลูกหยีเป็นเพื่อนของณัฐชาคู่หมั้นของเขาเอง แต่ความสนุกของเขานั้นมีมากเหลือเกิน ในเมื่อพ่อบังคับให้เขาหมั้นกับณัฐชาได้ เขาก็จะทำตามความสุขของตัวเองด้วยการทำให้ณัฐชาเจ็บปวดทรมานกับการตัดสินใจของพ่อตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถทำร้ายเธอได้ลง เขาไม่สามารถมาปรากฎตัวให้ณัฐชาเห็นได้ว่าเขาเป็นแฟนของเพื่อนเธอ เขาไม่สามารถทำร้ายเธอไปได้มากกว่านี้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำร้ายผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาได้เช่นกัน

เวลาผ่านไปจนถึงสามทุ่มครึ่ง
รถสปอร์ตสีดำแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง รั้วบ้านเป็นไม้ระแนงสีขาวดอกราตรีส่งกลิ่นเย้ายวนให้คนหลงใหลในความหอมของมัน ต้นมะม่วงขนาดกลางกำลังออกผลเต็มต้นห้อยระโยงระยางรอวันที่คนจะมาเก็บผลมันไปกิน ภายในรถสปอร์ตสีดำชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเอ่ยคำลา
"พี่เตชิตคะ ปิดเทอมนี้ ลูกหยีจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนนะคะ" ลูกหยีบอกแฟนหนุ่มด้วยท่าทีที่มีความสุขที่สุด
"ทำไมล่ะ แค่นี้เราก็แทบจะไม่ได้เจอกันอีก แล้วหยียังจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนอีกเหรอ" เตชิตพูดด้วยน้ำเสียงเง้างอน เขาไม่อยากให้ลูกหยีสนิทกับณัฐชามากเกินไป เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งตนจะต้องเผชิญหน้ากับเธอจริงๆ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้แค่ได้อยู่คุยกับพี่เตชิตนานๆหยีก็มีความสุขแล้ว"ลูกหยีพูดจบแก้มก็กลายเป็นสีแดงระเรื่อราวกับมีคนเอาสีมาระบายไว้
"งั้นก็ตามใจหยีแล้วกันนะ พรุ่งนี้พี่คงมารับไม่ได้นะ เพราะต้องไปทำธุระให้พ่อ หยีไม่โกรธพี่นะ" เตชิตกล่าวในตอนท้ายก่อนที่ลูกหยีจะลงจากรถไป ลูกหยีหันมามองหน้าเตชิต ก่อนจะยิ้มและพยักหน้า แล้วเดินลงจากรถไป

หลังจากไปส่งลูกหยีเสร็จแล้วในสมองของเตชิตก็นึกไปถึงณัฐชา เขาไม่กล้าที่จะสู้หน้าณัฐชาแต่ก็อดไม่ได้ที่จะขับรถไปมองเธออยู่ที่หน้าบ้าน รถสปอร์ตสีดำขับมาจอดเงียบๆอยู่ใต้เงาต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านของณัฐชาในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ริมระเบียงหน้าบ้านคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เตชิตกดกระจกลง แล้วมองใบหน้าที่แสนเศร้าของเธอ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะห้ามตัวเองไม่ให้กดโทรศัพท์ไปหาเธอ แต่มือของเขาก็อยู่ไม่สุข คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรเข้าเบอร์บ้านของเธอทันที

"สวัสดีค่ะ บ้านวัฒนภูมิค่ะ" เสียงใสๆกรอกมาตามสาย ทำเอาคนโทรมาไม่อยากจะพูดต่อกันเลยทีเดียว
"น้องณัฐชาใช่ไหมเอ่ย นี่พี่เตชิตนะพี่มีเรื่องอยากคุยกับน้องณัฐชานะ อยู่คนเดียวหรือเปล่า" เตชิตพูดไปแบบสบายๆ ณัฐชามองซ้ายมองขวาแล้วเอาโทรศัพท์ออกไปโทรที่ระเบียงหน้าบ้าน
"พี่เตชิตมีอะไรหรือเปล่าคะ" ณัฐชาถามลงไปตามสายเมื่อออกมานั่งที่ระเบียงหน้าบ้านแล้ว
"ปิดเทอมนี้น้องณัฐชาจะไปบ้านยายเมื่อไหร่เหรอคะ" เตชิตถามไปเรื่อยๆ สายตาก็จับจ้องไปที่ณัฐชา
ณัฐชาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอทำหน้าแปลกใจที่เตชิตไม่รู้เรื่องการไปบ้านยาย ถึงตัวเธอเองจะลืมๆมันไปบ้างว่าเตชิตจะไปด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าเตชิตจะจำมันไม่ได้เลย เพราะพ่อมักจะชอบพูดเสมอๆว่า เตชิตชอบอากาศดีๆและบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ยิ่งอยู่ใกล้น้ำด้วยแล้ว เขาชอบยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
"พี่เตชิตไม่รู้เหรอคะ สอบเสร็จวันสุดท้ายณัฐก็จะไปเลยค่ะ" เธอกรอกคำพูดลงไปตามสายโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าทุกกิริยาบทของเธอถูกถ่ายทอดไปสู่สายตาของเตชิต
"ณัฐมีเรื่องจะบอกพี่เตชิตไว้ก่อนเรื่องนึงนะคะ ณัฐเอาเพื่อนณัฐไปด้วยหวังว่าพี่เตชิตคงไม่ว่าอะไรนะคะ"ณัฐชากรอกเสียงไปตามสาย เพราะคิดว่าเตชิตคงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
เตชิตมีสีหน้างุนงงกับคำพูดของณัฐชา ในสมองคิดแค่เพียงว่า ณัฐชาพูดแปลกๆ อย่างกับว่าตัวเองจะไปด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายนอกจาก
"พี่จะว่าอะไรน้องณัฐได้ล่ะจ๊ะ ตามสบายเถอะค่ะ ถ้างั้นแค่นี้นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" ทุกคำของเตชิตทำเอาณัฐชาเกิดความเลี่ยนอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอก็ทำได้เพียง
"ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" ก่อนจะวางสายลงแล้วรีบขึ้นห้องนอนไปในทันที
หลังจากได้คุยกับณัฐชาเสร็จ จนกระทั่งณัฐชาเดินขึ้นห้องนอนไป รถสปอร์ตสีดำก็เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าบ้านของเธอช้าๆ

ลมเย็นๆพัดเข้ามาทางหน้าต่างอีกแล้ว แต่ต่างออกไปที่คืนนี้ท้องฟ้าไม่มีแสงดาว มีแต่เพียงพระจันทร์ดวงโต ที่บัดนี้ทำหน้าที่ส่องสว่างในยามค่ำคืนแต่เพียงผู้เดียว ทำเอาคนที่กำลังมองออกไปที่หน้าต่างตอนนี้ก็เกิดความรู้สึกเหงาได้เหมือนกัน ณัฐชาเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างก่อนจะเดินไปปิดไฟที่ห้องแล้วมาล้มตัวนอนบนเตียง สายตาเธอจับจ้องไปบนเพดานก่อนจะทบทวนถึงเรื่องของเธอและเตชิต

พ่อของเธอพูดไว้เมื่อตอนที่เธอกำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งว่าถ้าหากขึ้นปีสองแล้ว เตชิตจะเอาแหวนมาหมั้นตน แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกอะไรกับเตชิตเลย ถึงแม้บางครั้งที่เขาจะทำดีกับเธอแต่เมื่อมองลึกลงไปในตาของเขาแล้วณัฐชาก็รู้ว่าเขาเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง สายตาที่เตชิตมองเธอเป็นสายตาที่พี่ชายมองน้องสาว เหมือนสายตาที่เธอมองเขาก็เป็นเพียงสายตาที่น้องสาวมองพี่ชายเท่านั้น บรรยากาศในห้องเย็นขึ้นเพราะแอร์ เธอกระชับผ้าห่มให้แนบตัวมากขึ้นก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด

ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
เอาลงหมดทุกตอนแล้ว แต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเลย  :icon_twisted:

ออฟไลน์ popcorn

  • *
  • 32
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อ่านหนังสือเรียนซักทีเหอะ !ขอร้อง
    • อีเมล์
เอาลงหมดทุกตอนแล้ว แต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเลย  :icon_twisted:
อยากให้น้องแนะนำตัวละครและก็เกริ่นเรื่องด้วยได้ป่าว จะได้รู้ที่มาที่ไปของเรื่อง
ไว้พี่อ่านจบจะมาแสดงความเห็นนะคะ
 >:D >:Dสู้ๆค่ะ อย่าลืมแต่งต่อนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 20, 2011, 10:57:15 PM โดย popcorn »

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
ที่ยังไม่ได้ comment เพราะยังไม่มีเวลาอ่านเลยค่ะ
แล้อีกอย่างพี่ว่าน้อง edit หัวข้อ เป็นชื่อ นิยายน้องดีกว่าไหม คะ

edit ที่หัวข้อแรกอ่ะค่ะ เพราะ
พี่ยังไม่รู้เลยว่านิยายที่น้องเอามาลง ชื่อ เรื่องว่าอะไร
เดี๋ยวอานจบแล้ว จะ มาบอก
เห็นด้วยกับน้อง popcorn นะ พี่ว่าน่าจะมีการแนะนำตัวละครหรือที่มาที่ไปด้วยก็ดีจะได้ช่วยสร้างความน่าสนใจให้นิยาย

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
เอาลงหมดทุกตอนแล้ว แต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเลย  :icon_twisted:

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนนะคะ ว่าไม่ใช่คนทุกคนจะมีเวลามาอ่านได้ทันทีหลังจากที่คุณไอริณลง
ทุกคนมีเวลาและมีงานของตัวเองที่ต้องทำ   การอ่านนิยายก็ต้องใช้อารมณ์ ไม่ใช่เข้ามารีบอ่านให้เมนต์ให้ตามที่คุณต้องการเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ได้
เท่าที่เคยเปิดเข้ามาดูครั้งแรก  ผ่านตาคร่าวๆ  ยังไม่ได้อ่านโดยละเอียด  คุณเพิ่งจะลงไปแค่ตอนเดียว 
และเพิ่งจะไล่ลงเมื่อคืน  แล้วจะให้มีคอมเมนต์เดี๋ยวนั้นเลยได้ยังไงคะ
และก็  อันนี้ขอชี้แจงไว้ก่อนว่าคอมเมนต์ติชมมีความหมาย  ต้องการคำวิจารณ์จากใจจริงหรือแค่คอมเมนต์ชมว่าสนุก มันแตกต่างกันนะคะ
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
อ่านจบละ  ภาษาที่ใช้ก็โอเคอยู่ นะ แต่ยังรู้สึกขัดๆอยู่หลายจุด  เช่น
พระศุกร์ตรัสได้เท่านั้นก็สบพระเนตรพระอังคารอย่างเทพที่ไม่สบายพระทัย
"อย่างเทพที่ไม่สบายใจ" มันแปลกมาก เลยอ่ะ

การเริ่มต้นของเรื่อง ก็ใช้ได้อยู่ แต่ถ้าดูตามวิธีการดำเนินเรื่อง
ทั้งสี่ตอนที่ลง นานะจังว่าแทบจะไม่มีอะไรแตกต่าง จากเรื่อง
มิติมหัศจรรย์เลยอ่ะ แค่ปรับเปลี่ยนชื่อตัวละครเท่านั้นเอง
แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี นะ แต่พี่ว่าน้องควรจะแต่ง
ให้ออกมาเป็นตัวของตัวเองมากกว่าที่จะยึดเอาเรื่องของเค้ามาทั้งหมด
ไม่งั้นมันจะแตกต่างอะไร ใช่ไหม สำหรับพี่ เนื้อเรื่อง หรือพล็อตแบบนี้
อย่างที่เคยบอกไว้ ว่าตั้งแต่ดูมิติมหัศจรรย์แล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าเบื่อ
การดำเนินเรื่องมันเนิบไป  มันไม่มีจุดที่ให้น่าติดตามซักเท่าไร
แต่ก็ได้อารมณ์คลาสสิคดี เหมือนดูได้เรื่อยๆอ่านได้เรื่อยๆ
แต่การที่ะทำให้เรื่อง ของเราสนุก น่าติดตาม มันก็มีวิธี
ที่หลากหลาย แต่สิ่งสำคัญ ก็คือการ ทำให้คนอ่านเกิดอารมณ์
ความรู้สึก ร่วมกับไปกับตัวละครหรือ เรียกง่ย ว่าอิน ไปกลับเรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำง่ายๆ ดังนั้นการจะแต่งอะไรหรือถ่ายทอดอะไรออกมา
ให้คนอ่านรู้สึกอินไปกับเรื่อง เราต้องคิดว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้น
ว่าเราจะคิดหรือทำยังไงถ้าเป็นตัวละครตัวนั้น อ่านหนังสือเยอะๆ
แล้วลองสังเกตุดูว่า เรื่องไหนที่เราอ่านแล้ว ไม่สนุกไม่น่าติดตาม
แล้วเรื่องไหนที่เรารู้สึกว่า เฮ้ย สนุก อ่านแล้วอยากอ่านต่อ
คือพี่ว่าวรรณกรรมไทย จะติดตรงพยายามจะประดิษฐ์ภาษาให้สละสลวย
แต่บกพร่องตรงเรื่อง ที่จะยังไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนอ่านได้
พี่ว่าแนวหรือ พล็อตเรื่องในโลกนี้ มันก็มีไม่กี่แบบหรอกแต่ว่า
อยู่ที่ว่าเราจะสามารถ ถ่ายทอดความเป็นเรา ออกมาได้มากแค่ไหน
ไม่รู้ว่า น้องเคยอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือเปล่า ถ้ายังไม่เคยแนะนำ
ให้ลองอ่าน แต่ถ้าเคยอ่านแล้วลอง ดูว่าผู้เขียน เค้าทำยังไง
ที่สามารถ สร้างบุคลิก ของตัวละคร หรือการวางปม ปัญหา
ในแต่ละตอนออกมา ได้อย่างละเมียดละไม มีจุดพลิกผลัน
ที่จุดที่ทำให้ คนอ่านต้องเอาใจช่วยพระเอก ลองดูว่าเค้าทำยังไง
เชื่อไหม นวนิยายไทยที่ทำให้พี่อ่าน แล้วเกิดอารมณ์ร่วมไปกับเรื่อง
มีไม่ถึงสิบเรื่อง เลยด้วยซ้ำ เพราะเปิดมา ก็บรรยายได้โคตรน่าเบื่อแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
เอากลอนมาฝากค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ต่อหลายๆคนที่อยากเป็นนักเขียน


จงสู้กับความต่าง
อยู่อย่างทรนง
ชอบชังใช่ลุ่มหลง
มั่นคงในแนวคิด

เขียนคำพร่ำอักษร
ยอกย้อนอย่ายึดติด
ตรองดูรู้สักนิด
" เราพิชิต...ตัวเราเอง ? ? ? "


credit : http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10380611/K10380611.html

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
ตอนแรกคิดว่าจะแต่งแก้วฯตอนล่าสุดให้เสร็จก่อน   แต่เห็นว่าอยากได้คอมเมนต์ (ใครจะอยากได้คอมเมนต์จากเธอกัน กาฬรหัสย์ :'( ) ก็เลยมาอ่านบิวท์อารมณ์ตอนตัน
เอ่อ แต่ขอออกตัวก่อนว่า  ที่เมนต์นี้มาจากความตั้งใจและมีเหตุผล  ติเพื่อให้เกิดนิยายที่ดีๆ ต่อไปนะคะ

ก่อนอื่น เห็นด้วยกับพี่นานะว่า  ไม่มีชื่อเรื่องอ่ะ

ภาษาสำนวนใช้ได้เลยค่ะ  แต่ว่าบางประโยคเยิ่นเย้อจนเกินไป  คือบางทีมันละเอียดโดยไม่จำเป็น  สามารถรวบเป็นประโยคเดียวกันได้ แต่มันยาวขนาด 2-3 ประโยค
บางเหตุการณ์ไม่จำเป็นต้องละเอียด   แต่บางเหตุการณ์อ่านแล้วรู้สึกว่า น่าจะบรรยายเป็นฉากให้คนอ่านเห็นภาพจะดีกว่า 
อย่างเช่นตอนที่พระศุกร์กับพระอังคารเอ่ยถึงเทพธิดาเบญจรัตน์  น่าจะลองเขียนเป็นฉากบรรยายถึงสถานที่ และร่างที่อยู่ที่นั่น ในบทต่อไป จะเห็นภาพมากกว่า

มีคำสรรพนามที่เยอะเกินไป อ่านแล้วสะดุด

ณัฐชาเดินเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง ลึกเข้าไป ลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในป่าแห่งนี้มีดอกไม้นานาพรรณ ต้นไม้นานาชนิด แต่ละต้นมีความอุดมสมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด สังเกตุได้จากโคนต้นไม้แต่ละชนิดในป่าแห่งนี้ลำต้นใหญ่มาก พื้นดินก็มีความอุดมสมบูรณ์ถึงจะชื้นไปนิด แต่สำหรับเธอ เธอรู้สึกว่าพื้นดินที่นี่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเหมือนได้เหยียบอยู่บนพื้นดินของบ้านเกิดตัวเองยังไงยังงั้น ดอกไม้บางชนิดส่งกลิ่นหอม ชวนหลงไหล แต่เธอก็รู้สึกได้อีกอย่างนึงว่าเหมือนเธอไม่ได้อยู่ในป่านั้นเพียงคนเดียว เธอรู้สึกเหมือนมีใครมองเธออยู่ แต่เธอก็ไม่พบใครเลย พลันสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับดอกไม้ป่าสีฟ้า สีของมันเหมือนจะดึงดูดให้เธอเข้าไปหามันให้ได้และกลิ่นของมันก็ลอยมาเย้ายวนจมูกเธอในทันที เท้าทั้งสองของเธอไม่รอช้ารีบก้าวเข้าไปหาต้นไม้ดอกสีฟ้านั่น


ลองสังเกตดูค่ะว่ามีคำว่า "เธอ" กี่คำในย่อหน้านี้



ไม่ค่อยเข้าใจประโยคนี้น่ะค่ะ

เหล่าสิงสาราสัตว์ที่เราคิดเพียงว่าเป็นแค่ภาพในฝันของใครหลายๆคนจนเป็นจุดเริ่มต้นของนิยายสนุกๆเรื่องหนึ่ง


นิยายสนุกๆ เรื่องนึงนี่คือเรื่องนี้รึเปล่าคะ  โดยรูปประโยคและความหมาย มันขัดแย้งกันมากว่า  ใครหลายๆ คน แต่ตอนท้ายกลับเป็นแค่เรื่องเดียว   ถ้าหากเป็น ....

เหล่าสิงสาราสัตว์ที่เราคิดเพียงว่าเป็นแค่ภาพในฝันของใครหลายๆคนจนเป็นจุดเริ่มต้นของนิยายสนุกๆ มากมาย   จะตรงมากกว่านะ





พระอังคารตรัสได้แค่นั้นก็ยกพระหัตถ์เกาพระเศียรเบาๆก่อนจะมองพระพักตร์ของพระสหายอย่างหนักใจ

เอาหัวโขกกับโต๊ะคอม  ไม่รู้จะขำหรือจะอะไรดี    :icon_mrgreen:
พระอังคารยกพระหัตถ์เกาพระเศียร    เอ่อ  ดูเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสำหรับเป็นเทพเลยนะคะ  กิริยาไม่สง่าเลย   ถึงแม้บทจะรองกว่าพระเอก  แต่ตำแหน่งของพระศุกร์กับพระอังคารก็เทพระดับเดียวกัน  ควรมีกริยาท่าทางที่สมกับความเป็นเทพ
แล้วก็อีกอย่างคือ คำว่า "พระ" เยอะมาก  เข้าใจค่ะว่ามันเป็นคำราชาศัพท์  ซึ่งตรงนี้แหละที่ยาก ว่าจะใส่ราชาศัพท์ยังไงให้มันไม่เกร่อในรูปประโยค  และถึงแม้จะจำเป็นต้องใช้คำราชาศัพท์  ก็ควรจะหลีกเลี่ยงคำซ้ำให้มากที่สุด
เพิ่งจะเห็นว่า มาตกม้าตอนจบประโยค ทั้งที่ใช้ราชาศัพท์มาตลอด  แต่ทำไม มันถึงจบด้วย หนักใจ แทนที่จะเป็น หนักพระทัย ??




องค์อัมรินทร์และพระแม่อุมาเทวีทรงเลือกนางอัปสรนางหนึ่งไว้ให้พระเสาร์แล้ว
 ::)  :-X   O0   :icon_frown:   :icon_lol:
ตรงนี้กาฬกรี๊ดจริงๆ นะ   องค์อมรินทร์ กับ พระแม่อุมาเทวี !!!   โอ๊ย พระแม่เจ้า   ทั้งสององค์นี้มาจับคู่กันได้อย่างไร  และที่สำคัญ  เอานามองค์อมรินทร์ขึ้นก่อนพระแม่เจ้า!!!!!!



ขัดๆ แปลกๆ งงๆ ตกลงรัศมีพระศุกร์สีอะไรกันแน่คะ  เดี๋ยวก็ไพลิน เดี๋ยวก็โกเมน  มันปนกันมั่วหมดเลย  และที่สำคัญเทพแต่ละองค์มีสีรัศมีเป็นเอกลักษณ์  รัศมีสีโกเมนมีเจ้าของนะคะ ลองไปหาข้อมูลดู




ลองอ่านทั้งหมดที่ลงแล้วนะคะ   อ่านแล้วทำให้นึกถึง...

พระศุกร์   -  พระเสาร์  ศนิที่เฝ้ารอทิพย์อัปสร
พระเสาร์  -  พระอังคาร  จุติมาเป็น ราชาจักรเพชร
พระอังคาร  -  พระราหู  เพื่อนที่คอยให้คำปรึกษากับพระเสาร์
ลักษณารีย์  -  นางฟ้าทิพย์อัปสร
ณัฐชา  -  ทิพย์มณี
เตชิต  -  วิรุณ วิทยาธรที่เป็นคนรักของนางกินรีเกศกัลยาและมาเกิดใหม่เป็นคู่หมั้นทิพย์มณี
เบญจรัตน์  -  นางกินรีเกศกัลยา ที่ต้องคำสาป
เนตรอัปสร  -  นางฟ้าสุลักษณา
แหวนแก้วมรกต  -  สร้อยมรกตของพระแม่อุมาเทวี

ฉากความฝันของณัฐชาก็เหมือน ตอนที่นางฟ้าทิพย์อัปสรตาย


เอาเป็นว่า ถ้าหากทำให้คนอ่าน อ่านแล้วนึกไปถึงนิยายเรื่องอื่นมากขนาดนี้ มันจะขาดอรรถรส ขาดความน่าติดตามไปมากเลยค่ะ
ถึงแม้มิติมหัศจรรย์จะเป็นแรงบันดาลใจ  แต่เวลาเขียนเป็นเรื่องของเราเองแล้ว  เราก็จะต้องพยายามคิดพล็อตและบทบรรยาย หรือเหตุการณ์ให้แตกต่างออกไปนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2011, 11:51:55 PM โดย กาฬรหัสย์ »
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
น้องกาฬ comment ได้ละเอียดยิบ จริงๆนะเนี่ย
สำหรับ ตรงพระแม่เจ้าอุมาเทวี กับ องค์อมรินทร์
นี่น้องลองไป ศึกษาตำนานให้ดีนะคะ ว่าทำไมน้องกาฬถึง
อึ้ง ที่เอาองค์อมริทร์ขึ้นแม่เจ้า แล้ว ยังเอาพระแม่เจ้ามาจับคู่
กับองค์อมรินทร์ที่เลือกคู่ให้ใครอีก ซึ่งพี่จะบอกว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง
ไม่สมควรยังไงน้องลองไปหาข้อมูลมาแล้วกัน
แล้วยิ่งบทของพระอังคาร นี่เห็นด้วยกับน้องกาฬมาก พี่อ่าน
แล้วไม่ได้ อารมณ์ ถึง ความเทพแม้แต่น้อย แล้วเทพนพเคราะห์
แต่ละองค์ ทรงมีศักติเท่าเทียมกันทุกองค์นะคะแม้ว่า น้องจะเลือก
ใครมาเป็นตัวเอกก็ตามก็ควรจะบรรยายให้สมฐานะที่เท่าเทียมกันหน่อย

เอาเป็นว่าถือว่าเป็นการ ติ เพื่อก่อแล้วกัน และสิ่งสำคัญ
พี่อยากให้ น้อง แยกแยะ คำว่าแรงบันดาลใจ   ให้ออก ว่ามันคืออะไร
เพราะการดำเนินเรื่อง  ตัวละครคาแร็กเตอร์ มันไปเหมือนกัน
นิยายเรื่องมิติมหัศจรรย์มากจนแทบไม่เห็นความแตกต่างเลย
แล้วถ้าน้องเอาไปลงบอร์ดสาธารณะที่มีผู้ใหญ่โตๆอ่าน บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการลอก
นิยายเค้าทั้งดุ้นเลยนะเพราะถ้างานของเราเป็นแรงบันดาล วิธีการดำเนิน
เรื่อง หรือ เหตุกาณ์ในเรื่อง จะไปพร้องต้องกันหมดมันเป็นไปไม่ได้

ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
ขอบคุณที่เข้ามา Comment นะคะ รู้สึกดีมากๆเลยที่มีคนแสดงความคิดเห็นแบบ ตรงใจเรามากเลยอ่ะค่ะ
อย่างที่ พี่นานะ และพี่กาฬ บอก เป็นการติเพื่อก่ออ่ะค่ะ

ทำให้ได้ความคิดใหม่(อีกแล้ว)จาว่ามั้ยอ่าคะ ถ้าไม่แต่งเรื่องนี้ต่อ อย่างที่นี่กาฬบอก
เพราะตัวเราเองไม่ศึกษาให้ดี แล้วจับโยงกันมั่วซั่วอ่ะค่ะ(จริงๆพี่ก็ไม่ได้เขียนตรงมากมายอะไร แต่เราคิดว่าเป็นอย่างนี้อ่ะค่ะ)
แต่ไม่ได้โกรธนะคะ เพราะอยากให้มีคนมาวิจารณ์แรงๆอยู่แล้วค่ะ

จากนี้ไปคงไปแอบอ่านของคนอื่นก่อน คงไม่ว่านะคะ

ตัวของเราเองอยากได้ภาษาสวยๆ และคำราชาศัพท์ที่บางครั้งเราก็ใช้ไม่ค่อยเป้นอ่ะค่ะ

หวังว่าคงไม่ว่ากันเนอะคะ :icon_sad:

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
ดีค่ะ  พยายามต่อไปนะคะ  :icon_idea:
แอบอ่านไม่ว่า  แต่อย่ายึดเป็นหลักทุกอย่างนะคะ 
เพราะแต่ละเรื่องอย่างเช่นของกาฬก็ยังมีจุดที่บกพร่อง คำราชาศัพท์ผิดยังไม่ได้ก็มี
ต้องศึกษาจากหนังสือแบบเรียนหรือวิชาการเพิ่มเติมด้วย
ส่วนเรื่องตำนานเกี่ยวเทพ  ในบอร์ดมีอยู่หลายกระทู้  ลองอ่านๆ ดูค่ะ
ลองแก้ไขปรับเปลี่ยนให้เป็นเรื่องของตัวเอง  ก็จะเป็นนิยายที่สนุกได้ค่ะ
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**