ขอคัดลอกบางส่วนจาก เกราะแก้วกายสิทธิ์ มานะคะ
เนื่องจากเป็นหนังสือที่เก่ามากกกกกกกกกกก และตัวอักษรที่พิมพ์ในสมัยนั้นค่อนข้างอ่านยาก
หมายเหตุ : ตัวสะกดทุกตัวนั้น พิมพ์ตามอย่างต้นฉบับ ซึ่งเป็นวิธีการเขียนในสมัยนั้นค่ะเกราะแก้วกายสิทธิ์ เล่ม ๑
ยี่สิบหน้าสตางค์ต่างรู้ท่านผู้ซื้อ
ร้านหนังสือหน้าวัดเกาะเพราะนักหนา
ราษฎร์เจริญโรงพิมพ์ริมมรรคา
เชิญท่านมาซื้อดูคงรู้ดี
ได้ลงพิมพ์คราวแรกแปลกๆ เรื่อง
อ่านแล้วเปลื้องความทุกข์เปนสุกขี
ท่านซื้อไปอ่านฟังให้มั่งมี
เจริญศรีศิริสวัสดิ์พิพัฒน์ เอย
วัดเกาะ
พุทธศักราช ๒๔๖๗
(●) ตั้งแต่ นารายน์ แบ่ง ภาค มาเกิดในตระกูลท้าวอุดมวงศ์ ประสูตร์ แล้วให้ นามว่า เกราะแก้ว กายสิทธิ์ จนถึง ยักษ์ ทะเลลั่น ยกพลมา ล้อมเมือง พรหมประสาสน์ แล้วท้าวอุดมวงศ์ พาลูก เมีย หนีไปกลางป่า แล้วผี ตุ้ย ตุ่ย ลักเอาเกราะ แก้วไป(ผีตุ้ย ตุ่ย ชื่อน่ารักจัง กาฬยังอ่านไม่ถึงผีตุ้ยตุ่ยเลย แต่เนื้อความทำให้นึกถึง ตุ๊บเท่ง ในเกราะเพชรเจ็ดสี หรือ สุดหล่อ ในเกราะกายสิทธิ์)
(●) นายเจริญริร่ำทำอักษร
สมมุติ์เริ่มเติมต่อตามข้อกลอน มีนครหนึ่งใหญ่วิไลตา
นามนิคมพรหมประสาสน์ราชถาน ป้อมทวารกำแพงทั้งแข็งหน้า
พร้อมพหลพลไกรในพารา มีนาๆ เครื่องใช้ในบูรี
นามภูเบศเขตร์นิคมอุดมวงศ์ มีเอกองค์อรรคเรศมะเหษี
นามอำไพรัตนาสุมาลี พระภูมีรักใคร่ดังนัยนา
แต่ยังไร้ขาดราชโอรส พระทรงยศทุกข์นักเป็นหนักหนา
ไม่มีผู้รับรองครองพารา จอมสุธาปลกเปลี้ยเสียพระทัย
แต่บุตรีบุตราไม่มาเกิด ก่อกำเหนิดสืบเนื้อเช่นเชื้อไข
มิรู้ที่ทรงฤทธิ์คิดอย่างไร ต้องนิ่งไว้ตามเวรายะถากรรม
ครองเวียงไชยไม่สุขเปนทุกข์ทับ ขาดผู้รับช่วยชุบอุปถัมภ์
รันทดท้อก่อเกณฑ์ด้วยเวรทำ จึงไม่นำมาเกิดเลิศบุตรา
(●) จะกล่าวเนื่องเรื่องมารชาญฉกาจ มีอำนาจทั่วทสทิศา
ตั้งนิเวศน์อาศัยใต้ธารา นามชื่อว่าเมืองสมุทอยู่สุดไกล
นามท่านท้าวเจ้าบูเรทะเลลั่น โหดโมหันต์อำมะหิตผิดวิสัย
เพราะได้พรพรหมมานอันชาญไชย ฤทธิไกรลือเลื่องกระเดื่องดิน
ทางบูรีมีปล่องช่องสมุท ทางหนึ่งผุดขึ้นได้ที่ไพรสิณฑ์
มีเขาปิดปากช่องปล่องบูริน แต่หุบหินกลวงตลอดยอดคีรี
ปล่องทางน้ำจำเภาะมีเกาะใหญ่ ยอดไสลทางมุ่งลงกรุงศรี
แต่ผู้ใดไม่กระจ่างทางธานี อสุรีฤทธิไกรใครจะปาน
มีพหลพลทัพนับสมุท ฤทธิรุตม์แรงนักเชิงหักหาญ
ทะเลลั่นอสุรรินทมิฬมาร คิดก่อการเที่ยวตีบูรีรมย์
ได้เมืองขึ้นใหญ่น้อยร้อยประเทศ อสุเรศหมายจำนงองค์สยม
จึงตระเตรียมเกณฑ์หัดจัตุดม ขึ้นตีพรหมธาดาไม่ช้าที
เข้าตีรันชั้นต้นลงป่นหัก เทพารักษ์หลบหน้าพากันหนี
ทุกเทวันชั้นสุดดุสดี เกรงฤทธีร้อนตัวทั่ววิมาน
(●)ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าสยมอุดมเดช ได้แจ้งเหตุขุนยักษ์มาหักหาญ
ฝูงเทเวศเกรงมันกุมภัณฑ์พาล ทิ้งไว้นานเทวันจะอันตราย
จะได้ใครไปผลาญมารโมหันต์ ทะเลลั่นให้ชีพลงฉิบหาย
จะต้องให้พระพงศ์องค์นารายน์ แบ่งภาคกายลงไปผลาญมารทมิฬ
คิดแล้วพลางทางเชิญนารายน์ราช มาเคียงบาทอิศโรจอมโกสินทร์
บอกว่ายักษ์ศักดาใต้วาริน มันดูหมิ่นเทวาทั่วธาตรี
พระนารายน์จงรับไปดับยุค ให้เปนสุขททั่วหล้าในราศี
แบ่งภาคไปในตระกูลเจ้าธานี มะเหษีเจ้านิคมอุดมวงศ์
เพราะท่านท้าวอุดมบรมนารถ เธอยังขาดโอรสเรืองระหงส์
จงไปเกิดเปนโอรสยศยง รณรงค์ล้างผลาญมารทมิฬ
อันเกราะแก้วเราจะให้ใส่ไปด้วย บังรูปสรวยศักดิ์สิทธิ์เปนนิจสิน
จะล่องฟ้าดำน้ำหรือดำดิน นึกได้สิ้นตามประสงค์จำนงปอง
จะให้ทวนเพ็ชร์พรายแต่ภายหลัง ให้หอยสังข์ฤทธีไม่มีสอง
แต่เกราะแก้วสรวมใส่กายลำพอง ใครแลมองเห็นตัวว่าชั่วทราม
แม้นถอดเกราะเหมาะใจวิไลลักษณ์ ทั่วไกรจักร์โสภีไม่มีสาม
ทรงพระนามตามเกราะเห็นเหมาะงาม ขนานนามเกราะแก้วสุริกาญจน์
หรือจะเรียกเกราะแก้วกายสิทธิ์ ตามแต่จิตต์เรียกนามตามบรรหาร
หรือเกราะแก้วกาญจนาปรีชาชาญ สามสถานเรียกได้ไม่ไพล่แพลง
เกิดเป็นบุตรสุดสมอุดมวงศ์ จะสมทรงยศใหญ่อย่าได้แหนง
จะปราชญ์เปรื่องเรืองอิทธิ์ฤทธิแรง ใครฟันแทงตัวเจ้าไม่เข้ากาย
เวทคาถาแล้วคงมีฤๅษีสอน จงรีบจรลงไปด้วยใจหมาย
เมื่อจวนแจ้งแสงทองขึ้นส่องพราย เชิญนารายน์แบ่งภาคจากวิมาน
แล้วยื่นให้เกราะแก้วกายสิทธิ์ สำหรับปิดกายาด้วยกล้าหาญ
นารายน์รับเกราะแก้วสุริกาญจน์ จากสถานพระสยมบรมวงศ์
ครั้นได้ฤกษ์จวนอรุณจะรุ่งราง แสงสว่างขอบฟ้าป่าระหง
พระนารายน์สรวมเกราะดูเหมาะทรง แบ่งภาคองค์จากสถานวิมานพลัน
จุติสู่ครรภาหาช้าไม่ นางอำไพยุพเยาว์สาวสวรรค์
เมื่อนารายน์จุติเข้าในครรภ์ นิมิตร์ฝันเกราะน้อยลอยลงมา
มีสีขาวราวสังข์เปล่งปลั่งใส นางคว้าได้เกราะแก้วแววเวหา
ตกใจตื่นฟื้นกายสายสุดา สุริยาก็สว่างกระจ่างพราย
นางนึกถึงความนิมิตร์ผิดประหลาด จึงทูลราชสามีไปโดยหมาย
เมื่อจวนแจ้งสุริยันพรรณราย หลับลืมกายนิ่งสนิทนิมิตร์ไป
เห็นเกราะแก้วลอยมาแต่อากาศ เข้าสู่อาศน์เอี่ยมละอองผุดผ่องใส
น้องยื่นกรช้อนเกราะได้เหมาะใจ ในทันใดน้องฟื้นขึ้นตื่นตา
อันเรื่องรายนิมิตร์ผิดแต่ก่อน พยากรณ์ให้หายคลายกังขา
จะดีร้ายใคร่แจ้งแห่งกิจจา ให้โหราครูคร่ำช่วยทำนาย