• Welcome to ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์.

ละคร เรื่องไหนโดนใจบ้าง

เริ่มโดย galdewis, พฤษภาคม 08, 2008, 04:31:47 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

galdewis

อ้างจาก: อินทรายุธ เมื่อ มกราคม 08, 2009, 06:18:35 หลังเที่ยง
อ้างถึงขอถามต่อนะคะ ตกลงอังคารปีขาลนี่ ไม่ใช่วันเกิดหนุมานหรอกเหรอคะ เราจำผิดเหรอ ตกลงเป็นขุนแผนเหรอคะ

จำไม่ผิดหรอกค่ะ หนุมานก็เกิดปีขาลวันอังคาร แต่คนละเดือนกับขุนแผน หนุมานเกิดวันนี้ค่ะ "ปีขาลเดือนสามวันอังคาร เยาวมาลย์ก็ประสูติโอรส"

สังเกตดูนะคะว่า ในวรรณคดี กลุ่มตัวละครที่เป็นทหาร หรือมีฝีมือการสู้รบเนี่ย ส่วนใหญ่มักเป็นวันอังคารนำร่องมาก่อนเลย ทีนี้จะอังคารไหนค่อยมาว่ากันอีกที

อ้างถึงอ่านไปอ่านมาเกิดนึกสงสัยขึ้นมาอีกว่า การที่เราบอกว่าใครดวงแข็งนี่ จริงๆ แล้วมันมีควาหมายยังไงกันแน่

ถ้าตามความรู้สึกของเรานะ คนดวงแข็งหมายถึงตายยาก บางทีในสถานการณ์ที่ถ้าเป็นคนดวงไม่แข็งอาจจะไม่รอด แต่ถ้าเป็นคนดวงแข็งจะรอด ไม่รู้ว่าความหมายของดวงแข็งจริงๆ คืออย่างงี้ หรือแค่นี้ใช่หรือเปล่า ยังมีอะไรอื่นอีกมั้ย

แต่อ่านจากที่คุณอินทรายุธบอกมา ว่าวันเสาร์ 5 เหมาะกับการปลุกเสกหรือทำพิธีทางไสยเวท
เลยคิดว่า ที่บอกว่าคนเกิดวันเสาร์ 5 ดวงแข็งนี่ ความหมายของคำว่าดวงแข็ง อาจจะหมายรวมไปถึงว่า
ถ้าหากคนเกิดวันเสาร์ 5 เกิดริอยากจะเรียนด้านไสยเวทหรือคาถาอาคม
การที่เป็นคนดวงแข็ง คงจะทำให้วิชาที่มีฤทธิ์ร้ายแรงพวกนี้ ไม่เข้าตัว หรือเปล่า

เข้าใจถูกต้องเกือบหมดแล้วค่ะ ขาดไปนิดนึง คือว่าดวงแข็งเนี่ย ไม่ใช่ว่าเรียนอาคมแล้วของไม่เข้าตัวอย่างเดียวนะคะ พวกที่ไม่เรียน ถ้าโดนไสยเวทเสกใส่ (อย่างเสกหนังควายเข้าท้องอะไรงี้) เชื่อกันว่าคุณไสยนั้นจะสะท้อนกลับไปหาคนทำ หรือเบาะๆก็คือ โดนบ้างแบบยุงกัดเจ็บๆคันๆ ไม่หนักหนาถึงตายน่ะค่ะ
ป.ล. คำว่าดวงแข็งเนี่ย เรียกอีกแบบว่า "ขวัญแข็ง" ค่ะ



โห งี้ก็ไม่ต่างกับคงกระพันชาตรีดิ่ แต่เป็นคงกระพันแบบคุณไสยคาถาอาคมไม่ระคาย เหมาะเรียนคาถาอาคมเหาะเหินเดินอากาศจริงๆ

สรุปว่าความหมายของคำว่าดวงแข็ง 1. ตายยาก ประเภท die hard คนอึด (ไม่ใช่อืดนะ อิอิ :-X) 2. ทนทานต่อการถูกโจมตีด้วยคุณไสย แบบเดียวกับคนที่คงกระพันชาตรีไม่ระคายต่ออาวุธ 3. มีพรสวรรค์ด้านการเรียนวิชาคาถาอาคมไสยเวท มีแววรุ่งว่างั้น

ทำให้คิดเล่นๆ ต่อไปได้อีกว่า ไมอังคารกับเสาร์ถึงไม่ถูกกัน นอกจากเพราะคนนึงเป็นนักทฤษฎีกับอีกคนเป็นนักปฏิบัติ ซึ่งไม่ถูกกันโดยธรรมชาติแล้ว พระอังคารอาจนึกดูแคลนวิชาเชิงไสยเวทของพระเสาร์ด้วยรึปล่าว เพราะวิชาคาถาอาคมนี่ ดูๆ ไปมันก็เหมือนทางลัดนะ ดูเหมือนสบายกว่า ได้เปรียบคนอื่นตั้งแต่อยู่ในมุ้งนะ ในขณะที่การฝึกวิชาการต่อสู้หรือสู้รบ พิชัยสงครามแบบพระอังคาร มันต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก และเวลาสู้กันก็ต้องวัดกันด้วยฝีมือล้วนๆ  ใครฝึกฝนมาหนักกว่า มีปัญญาพลิกแพลงมากกว่า ก็เป็นฝ่ายชนะไป

แล้วราศีพิจิกล่ะ คุณอินทรายุธ ดวงแข็งด้วยมั้ย

แล้วการที่ดวงแข็งนี่ หมายถึงนิสัยจะแข็งกร้าว ยอมหักไม่ยอมงอด้วยมั้ย
maybe-the-beauty-or-the-beast head over heels in solitude

Whosoever is delighted with solitude is either a wild beast or a god. –Bacon

กาฬฯ

#121
อ้างจาก: อินทรายุธ เมื่อ มกราคม 09, 2009, 04:35:25 หลังเที่ยง
ไม่ทราบก็ไม่น่าแปลกอะไรหรอกค่ะ คุณ (เรียกน้องได้มั้ยเอ่ย หรือเรียกพี่ดี) กาฬ  เพราะว่าข้อความที่อินยกมาเนี่ย อยู่ในบทพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ฉบับรัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นฉบับร้อยกรอง คนที่อ่านวรรณคดีส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่เนื้อเรื่องหลักๆเลยมากกว่า เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจะไม่ทันสนใจกับมันน่ะค่ะ บังเอิญที่อินอ่านจบทั้งเรื่อง (ไม่ใช่ว่าขยันนะคะ แต่เป็นเพราะว่าต้องทำรายงานวิชาวรรณคดีเอกของไทยน่ะค่ะ เลยจำได้)



เรียก กาฬว่าน้องก็ได้ค่ะ  คิดว่ากาฬน่าจะเป็นน้องนะคะ  ;D ;D

รามเกียรติ์ ฉบับบทร้อยกรองกาฬก็อ่านไม่หมดหรอกค่ะ ส่วนใหญ่อ่านเนื้อเรื่องหลักๆ อย่างที่พี่อินว่า  บทที่ได้อ่านร้อยกรองก็จะเป็นพวกบทที่มีในบทเรียนภาษาไทย  (ไม่รู้สมัยนี้ยังได้เรียนอยู่รึเปล่า ถามเด็กรุ่นน้องไม่เห็นมันตอบได้ซักคน)
อย่างเช่น ตอนสุครีพหักฉัตร  กุมภกรรณทดน้ำ  กำเนิดมัจฉานุ 
ที่บ้านก็มีแค่หนังสือที่เป็นร้อยแก้วผสมร้อยกรอง  เดี๋ยวต้องไปลองหาอ่านฉบับร้อยกรองเต็มๆ ดูบ้างแล้ว  หายากอยู่นะเนี่ย

ยังไม่เคยอ่านวรรณคดีฉบับร้อยกรองเต็มๆ ซักเรื่องเลยค่ะ

พูดถึงร้อยกรอง  รู้สึกร้อยกรองที่กาฬอ่านจบ  ก็มี ศิวาราตรี ของคุณพนมเทียนฉบับที่แปลเป็นร้อยกรอง เล่มเท่าเขียง  หอบขึ้นรถเมล์มีแต่คนมอง



อ้างจาก: galdewis เมื่อ มกราคม 09, 2009, 05:52:08 หลังเที่ยง
โห งี้ก็ไม่ต่างกับคงกระพันชาตรีดิ่ แต่เป็นคงกระพันแบบคุณไสยคาถาอาคมไม่ระคาย เหมาะเรียนคาถาอาคมเหาะเหินเดินอากาศจริงๆ

สรุปว่าความหมายของคำว่าดวงแข็ง 1. ตายยาก ประเภท die hard คนอึด (ไม่ใช่อืดนะ อิอิ :-X) 2. ทนทานต่อการถูกโจมตีด้วยคุณไสย แบบเดียวกับคนที่คงกระพันชาตรีไม่ระคายต่ออาวุธ 3. มีพรสวรรค์ด้านการเรียนวิชาคาถาอาคมไสยเวท มีแววรุ่งว่างั้น

ทำให้คิดเล่นๆ ต่อไปได้อีกว่า ไมอังคารกับเสาร์ถึงไม่ถูกกัน นอกจากเพราะคนนึงเป็นนักทฤษฎีกับอีกคนเป็นนักปฏิบัติ ซึ่งไม่ถูกกันโดยธรรมชาติแล้ว พระอังคารอาจนึกดูแคลนวิชาเชิงไสยเวทของพระเสาร์ด้วยรึปล่าว เพราะวิชาคาถาอาคมนี่ ดูๆ ไปมันก็เหมือนทางลัดนะ ดูเหมือนสบายกว่า ได้เปรียบคนอื่นตั้งแต่อยู่ในมุ้งนะ ในขณะที่การฝึกวิชาการต่อสู้หรือสู้รบ พิชัยสงครามแบบพระอังคาร มันต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก และเวลาสู้กันก็ต้องวัดกันด้วยฝีมือล้วนๆ  ใครฝึกฝนมาหนักกว่า มีปัญญาพลิกแพลงมากกว่า ก็เป็นฝ่ายชนะไป

แล้วราศีพิจิกล่ะ คุณอินทรายุธ ดวงแข็งด้วยมั้ย

แล้วการที่ดวงแข็งนี่ หมายถึงนิสัยจะแข็งกร้าว ยอมหักไม่ยอมงอด้วยมั้ย


ถ้าดวงแข็งอย่างนั้น  แล้วสามารถเรียนวิชาอาคมได้ก็ดีนะเนี่ย  กาฬก็อยากเรียน 
แต่ไม่ใช่ง่ายๆ เลย  นอกจากชะตาเกิดแล้ว  ยังต้องอยู่ที่ตัวคนเรียนเองด้วย  จิตใจต้องเข้มแข็ง แน่วแน่  มีศีล มีสัตย์  อดทน  ถ้าไม่เช่นนั้นวิชาที่เรียนก็ต้องเสื่อมไป  หรือไม่ก็กลายเป็นโทษเข้ามาทำร้ายตัวเอง
แต่สมัยนี้คงไม่มีแล้วล่ะ  เพราะคนที่มีจิตใจเป็รคุณธรรมหายากเหลือเกิน  และวัตถุวัฒนธรรมต่างๆ ก็เปลี่ยนไปแล้วด้วย



เรื่องดวงแข็งแล้วนิสัยจะแข็งกร้าวด้วยมั้ย  ตามความคิดของกาฬว่า  มันก็มีส่วนนะคะ  เพราะถ้าหากมีพื้นดวงที่แข็งแล้ว  มันน่าจะทำให้ธาตุและอารมณ์ต่างๆ ในร่างกายแข็งตามไปด้วย  แต่คงไม่ใช่ทุกคน  เพราะไม่มีใคร หรือไม่ก็น้อยนัก  ที่เกิดมาตรงกันทุกอย่าง
จะแข็งมากแข็งน้อย อยู่ที่สภาพแวดล้อม  ประสบการณ์ และการระงับสติอารมณ์ของตัวเอง
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

อินทรายุธ

อ้างจาก: กาฬรหัสย์ เมื่อ มกราคม 09, 2009, 06:02:32 หลังเที่ยง


เรียก กาฬว่าน้องก็ได้ค่ะ  คิดว่ากาฬน่าจะเป็นน้องนะคะ  ;D ;D

รามเกียรติ์ ฉบับบทร้อยกรองกาฬก็อ่านไม่หมดหรอกค่ะ ส่วนใหญ่อ่านเนื้อเรื่องหลักๆ อย่างที่พี่อินว่า  บทที่ได้อ่านร้อยกรองก็จะเป็นพวกบทที่มีในบทเรียนภาษาไทย  (ไม่รู้สมัยนี้ยังได้เรียนอยู่รึเปล่า ถามเด็กรุ่นน้องไม่เห็นมันตอบได้ซักคน)
อย่างเช่น ตอนสุครีพหักฉัตร  กุมภกรรณทดน้ำ  กำเนิดมัจฉานุ 
ที่บ้านก็มีแค่หนังสือที่เป็นร้อยแก้วผสมร้อยกรอง  เดี๋ยวต้องไปลองหาอ่านฉบับร้อยกรองเต็มๆ ดูบ้างแล้ว  หายากอยู่นะเนี่ย

ยังไม่เคยอ่านวรรณคดีฉบับร้อยกรองเต็มๆ ซักเรื่องเลยค่ะ

พูดถึงร้อยกรอง  รู้สึกร้อยกรองที่กาฬอ่านจบ  ก็มี ศิวาราตรี ของคุณพนมเทียนฉบับที่แปลเป็นร้อยกรอง เล่มเท่าเขียง  หอบขึ้นรถเมล์มีแต่คนมอง



อ้างจาก: galdewis เมื่อ มกราคม 09, 2009, 05:52:08 หลังเที่ยง
โห งี้ก็ไม่ต่างกับคงกระพันชาตรีดิ่ แต่เป็นคงกระพันแบบคุณไสยคาถาอาคมไม่ระคาย เหมาะเรียนคาถาอาคมเหาะเหินเดินอากาศจริงๆ

สรุปว่าความหมายของคำว่าดวงแข็ง 1. ตายยาก ประเภท die hard คนอึด (ไม่ใช่อืดนะ อิอิ :-X) 2. ทนทานต่อการถูกโจมตีด้วยคุณไสย แบบเดียวกับคนที่คงกระพันชาตรีไม่ระคายต่ออาวุธ 3. มีพรสวรรค์ด้านการเรียนวิชาคาถาอาคมไสยเวท มีแววรุ่งว่างั้น

ทำให้คิดเล่นๆ ต่อไปได้อีกว่า ไมอังคารกับเสาร์ถึงไม่ถูกกัน นอกจากเพราะคนนึงเป็นนักทฤษฎีกับอีกคนเป็นนักปฏิบัติ ซึ่งไม่ถูกกันโดยธรรมชาติแล้ว พระอังคารอาจนึกดูแคลนวิชาเชิงไสยเวทของพระเสาร์ด้วยรึปล่าว เพราะวิชาคาถาอาคมนี่ ดูๆ ไปมันก็เหมือนทางลัดนะ ดูเหมือนสบายกว่า ได้เปรียบคนอื่นตั้งแต่อยู่ในมุ้งนะ ในขณะที่การฝึกวิชาการต่อสู้หรือสู้รบ พิชัยสงครามแบบพระอังคาร มันต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก และเวลาสู้กันก็ต้องวัดกันด้วยฝีมือล้วนๆ  ใครฝึกฝนมาหนักกว่า มีปัญญาพลิกแพลงมากกว่า ก็เป็นฝ่ายชนะไป

แล้วราศีพิจิกล่ะ คุณอินทรายุธ ดวงแข็งด้วยมั้ย

แล้วการที่ดวงแข็งนี่ หมายถึงนิสัยจะแข็งกร้าว ยอมหักไม่ยอมงอด้วยมั้ย


ถ้าดวงแข็งอย่างนั้น  แล้วสามารถเรียนวิชาอาคมได้ก็ดีนะเนี่ย  กาฬก็อยากเรียน 
แต่ไม่ใช่ง่ายๆ เลย  นอกจากชะตาเกิดแล้ว  ยังต้องอยู่ที่ตัวคนเรียนเองด้วย  จิตใจต้องเข้มแข็ง แน่วแน่  มีศีล มีสัตย์  อดทน  ถ้าไม่เช่นนั้นวิชาที่เรียนก็ต้องเสื่อมไป  หรือไม่ก็กลายเป็นโทษเข้ามาทำร้ายตัวเอง
แต่สมัยนี้คงไม่มีแล้วล่ะ  เพราะคนที่มีจิตใจเป็รคุณธรรมหายากเหลือเกิน  และวัตถุวัฒนธรรมต่างๆ ก็เปลี่ยนไปแล้วด้วย



เรื่องดวงแข็งแล้วนิสัยจะแข็งกร้าวด้วยมั้ย  ตามความคิดของกาฬว่า  มันก็มีส่วนนะคะ  เพราะถ้าหากมีพื้นดวงที่แข็งแล้ว  มันน่าจะทำให้ธาตุและอารมณ์ต่างๆ ในร่างกายแข็งตามไปด้วย  แต่คงไม่ใช่ทุกคน  เพราะไม่มีใคร หรือไม่ก็น้อยนัก  ที่เกิดมาตรงกันทุกอย่าง
จะแข็งมากแข็งน้อย อยู่ที่สภาพแวดล้อม  ประสบการณ์ และการระงับสติอารมณ์ของตัวเอง
[/quote]

ราศีพิจิกนี่ไม่แน่ใจนะคะ แต่ส่วนใหญ่เนี่ย การจะบอกว่าใครดวงแข็งไม่แข็ง เขาจะดูกันที่วันเกิด ปีเกิด เป็นหลักน่ะค่ะ  เรื่องราศีไม่เน้นเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องดวงแข็งเนี่ยเป็นเรื่องแบบไทยๆ ก็ได้
ที่ว่าดวงแข็งแล้ว นิสัยจะแข็งกร้าวด้วยมั้ย เป็นปัจจัยหนึ่งน่ะค่ะ อย่างที่น้องกาฬว่านั่นล่ะ

น้องกาฬจ๋า พี่เห็นแล้วล่ะ ศิวาราตรีเล่มเท่าเขียงนั่นน่ะ พี่คิดหนักเลยนะว่าจะอ่านดีหรือเปล่า เพราะแค่ที่เป็นร้อยแก้วนั่น ก็ปาไปพันกว่าหน้าแล้ว หกเล่มตอนนั้น พี่ใช้เวลา 2 วันเลยนะกว่าจะอ่านจบ
ไปถามวรรณคดีกับเด็กสมัยนี้ น้อยคนค่ะที่จะตอบได้ เคยดูยอดมนุษย์น้อย น้องมันแกวน่ะค่ะ แกเป็นยอดมนุษย์น้อยภาษาไทย  มีช่วงหนึ่งมีคอมเม้นท์ของราชบัณฑิต อาจารย์อะไรน้า นึกชื่อไม่ออก จำได้ว่าท่านเป็นผู้ดำเนินรายการภาษาไทยวันละคำ ท่านบอกว่า สำหรับเด็กในช่วงชั้นที่ 1 อย่างน้องมันแกว หากว่าเป็นเด็กที่มีความแตกฉาน มีความสามรถทางภาษาไทยล่ะก็ เด็กคนนี้ถือว่ามีแววอัจฉริยะ ต้องสนับสนุนเพิ่มเติม ฟังความเห็นท่านแล้ว ก็มานึกถึงสมัยพี่เป็นเด็กว่า สมัยนั้น เด็กที่มีความสามารถอย่างน้องมันแกว มีมากมายหลายคนเหลือเกิน ออกจะดูเป็นเรื่องธรรมดาเสียด้วยซ้ำ  แต่มาสมัยนี้ กลายเป็นว่าเป็นความแปลกใหม่เสียนี่ เฮ้อ...
     อักษรแต่งสาร   จดจารลงไว้                          มอบหื้อน้องไท้   สรรคำเลือกเฟ้น
ความฮักหนักอก   หยิบยกหื้อเห็น                         แป๋งเป็นค่าวส้อย   ส่งเถิงนุชน้อง
หวังเจ้าหันใจ   หวังให้หันพ้อง                              ส่งค่าวไขบอกเค้า
     เอื้องผึ้งหอมหวาน   พี่ขานบอกเจ้า                   เอื้องผึ้งหวังพึ่งพา
เจ้ายอดมิ่งมิตร   ดวงจิตพี่ยา                               ตึงร่างกายา   ถอดวางหื้อเจ้า
เจ้าแก้วรอมแพง   เช้าแลงคอยเฝ้า                       ถนอมฮักอย่าฮู้ร้าง
     ขอเจ้าแพงนาย   อย่าคลายปล่อยคว้าง             หื้อพี่ว้างดายเดียว
อู้แท้จากใจ   บ่ใช่เพียงเกี้ยว                               กลับเวียงครานี้   จะเตรียมแต่งผ้า
คนใหญ่เจียรจา   มาขอน้องหล้า                          เป็นจอมนาฏนางใหญ่
     เขียนสารฝากแม่ไว้                                     แทนพี่แนบเคียงใกล้ 
นิ่มน้องรอมรอมแพง                                         พี่เฮย ”    

galdewis

อ้างจาก: กาฬรหัสย์ เมื่อ มกราคม 09, 2009, 06:02:32 หลังเที่ยง


ถ้าดวงแข็งอย่างนั้น  แล้วสามารถเรียนวิชาอาคมได้ก็ดีนะเนี่ย  กาฬก็อยากเรียน 
แต่ไม่ใช่ง่ายๆ เลย  นอกจากชะตาเกิดแล้ว  ยังต้องอยู่ที่ตัวคนเรียนเองด้วย  จิตใจต้องเข้มแข็ง แน่วแน่  มีศีล มีสัตย์  อดทน  ถ้าไม่เช่นนั้นวิชาที่เรียนก็ต้องเสื่อมไป  หรือไม่ก็กลายเป็นโทษเข้ามาทำร้ายตัวเอง


อ้าว! ถ้าต้องมีศีลมีสัตย์ แล้วไมผู้ร้ายถึงมีคาถาอาคมได้อ่ะ น้องกาฬ หรือว่ามีได้ไม่นานก็ต้องเสื่อม


พูดถึงว่าถ้าไร้ศีลไร้สัตย์แล้ว วิชาจะเสื่อมนี่
ถึงไม่ใช่วิชาคาถาอาคมเวทย์มนตร์ แต่เป็นวิชาการอย่างสมัยใหม่นี่ ถ้าคนใช้ไม่มีศีลมีสัตย์แล้ว ก็อาจจะเสื่อมได้เหมือนกัน
แต่เป็นการเสื่อมความนับถือแทนน่ะ

อย่างเช่นหมอ เภสัชกร หรือนักวิชาการ ที่ใช้วิชาการความรู้ของตัวเอง ไปรับใช้ธุรกิจ ทำเพื่อเงิน ไม่ใช่ประโยชน์ของส่วนรวม
คนที่เขาเห็น เขาก็คงจะเสื่อมความนิยมนับถือนักวิชาการแบบนี้ได้เหมือนกันอ่ะนะ

สรุปว่าใครจะเก่งแค่ไหน ไม่ว่าจะทางวิชาโบราณอย่างไสยเวทย์ หรือวิชาการสมัยใหม่อย่างในยุคปัจจุบัน
ก็จะต้องพบกับความเสื่อมเป็นจุดจบได้ทั้งนั้น ถ้าหากนำวิชาความรู้ที่ได้มา ไปใช้ในทางที่ผิด

maybe-the-beauty-or-the-beast head over heels in solitude

Whosoever is delighted with solitude is either a wild beast or a god. –Bacon

galdewis

อ้างจาก: อินทรายุธ เมื่อ มกราคม 09, 2009, 06:31:03 หลังเที่ยง

ราศีพิจิกนี่ไม่แน่ใจนะคะ แต่ส่วนใหญ่เนี่ย การจะบอกว่าใครดวงแข็งไม่แข็ง เขาจะดูกันที่วันเกิด ปีเกิด เป็นหลักน่ะค่ะ 


ปีเกิดที่ดวงแข็งนี่ นอกจากปีขาลแล้ว ยังมีปีอื่นอีกมั้ยคะ แล้วปีไหนแข็งสุด

คุณอินทรายุธอยากดูเสาร์ 5 เหมือนเรามั้ยอ่ะ ตอนนี้รอดูเรื่องนี้อยู่ค่ะ เสียดายเฮียภูไม่ได้เล่นอ่ะ ทำไมหลังจากทะเลใจแล้ว เฮียแกไม่ค่อยเล่นบู๊เลย เล่นบู๊เท่ห์ออก
maybe-the-beauty-or-the-beast head over heels in solitude

Whosoever is delighted with solitude is either a wild beast or a god. –Bacon

กาฬฯ

อ้างจาก: galdewis เมื่อ มกราคม 09, 2009, 06:43:20 หลังเที่ยง
อ้างจาก: กาฬรหัสย์ เมื่อ มกราคม 09, 2009, 06:02:32 หลังเที่ยง


ถ้าดวงแข็งอย่างนั้น  แล้วสามารถเรียนวิชาอาคมได้ก็ดีนะเนี่ย  กาฬก็อยากเรียน 
แต่ไม่ใช่ง่ายๆ เลย  นอกจากชะตาเกิดแล้ว  ยังต้องอยู่ที่ตัวคนเรียนเองด้วย  จิตใจต้องเข้มแข็ง แน่วแน่  มีศีล มีสัตย์  อดทน  ถ้าไม่เช่นนั้นวิชาที่เรียนก็ต้องเสื่อมไป  หรือไม่ก็กลายเป็นโทษเข้ามาทำร้ายตัวเอง


อ้าว! ถ้าต้องมีศีลมีสัตย์ แล้วไมผู้ร้ายถึงมีคาถาอาคมได้อ่ะ น้องกาฬ หรือว่ามีได้ไม่นานก็ต้องเสื่อม



พวกโจรผู้ร้ายในสมัยก่อน ไม่เหมือนในสมัยนี้ค่ะ   เพราะพวกโจรสมัยก่อนมีศีล มีสัตย์จริงๆ ถึงจะปล้น ฆ่า แต่ก็คือ  ปล้นโดยไม่ทำร้ายใคร  หรือถ้าฆ่าก็ฆ่าเฉพาะเท่าที่จำเป็นหรือป้องกันตัวเอง
ถ้าหากให้คำสัตย์แล้วว่าจะไม่ทำสิ่งใด  ก็จะไม่ทำเด็ดขาดค่ะ   เพราะไม่อย่างนั้นอาคมจะขาดเอาได้
และอีกอย่าง  สมัยก่อน  เวลาจะออกปล้น พวกโจรก็จะส่งสัญญาณมาบอกก่อน  ว่าจะเข้าปล้นคืนนี้นะ  เตรียมการณ์รับมือได้ก็แล้วไป  ไม่ได้ก็ต้องยอมเสียทรัพย์สิน

พวกผู้ร้ายที่มีอาคมแล้ว อาคมเสื่อมก็มีมาก  ส่วนพวกที่ดำรงอยู่ได้ตลอดไปก็มีอยู่เหมือนกันค่ะ  เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ แก่เฒ่าลงก็ต้องละจากอาชีพโจรผู้ร้าย

เรื่องพวกนี้กาฬได้ยินได้ฟังมาจากผู้ใหญ่ค่ะ   เคยได้ยินว่าเชื้อสายบรรพบุรุษก็เคยมีผู้มีวิชาอาคมขนาดละลายโซ่ให้กลายเป็นน้ำได้    แต่กาฬเกิดไม่ทันหรอก  มันตั้งแต่สมัยยายยังเด็กๆ อยู่เลย
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

กาฬฯ

ลืมไปอีกอย่างค่ะ 
พวกมีอาคมต้องหลีกเลี่ยงเรื่องโลกีย์ด้วย  เพราะสิ่งนี้จะทำให้อาคมเสื่อม  พวกผู้หญิง หรือของสกปรกของผู้หญิง

ส่วนพวกโจรเลวๆ ที่ยังมีอาคม   อันนั้นคงเป็นทางมนต์ดำแล้วค่ะ  ถูกมนต์ดำเข้าครอบงำแล้ว อาคมที่ใช้ก็จะไปในทางที่ชั่วร้าย
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

อินทรายุธ

เกี่ยวกับราศีนั้น ถ้าจะเอาจริงๆว่าราศีไหนแข็งสุดแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นราศีเมษนะ เพราะว่าเห็นดวงเมืองตอนสร้างกรุงศรี กับกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราศีเมษ แล้วที่เห็นชัดอีกที่ เป็นตอนกำเนิดพระราม (น่าจะมีที่เดียวนะ เพราะไม่เห็นวรรณคดีเรื่องไหนอีกที่มีฤกษ์เกิดเป็นราศี ถ้ามีใครอ่านเจอที่อื่น ช่วยบอกด้วยละกันนะคะ)
       
" ครั้นมัชฌิมยามเงียบสงัด       ศศิธรจำรัสรัศมี
ทรงกลดหมดเมฆไม่ราคี                  เทวาราศีประชุมลัคน์
สถิตพร้อมกันในเมษ                      อุดมเดชดั่งชะตาพญาจักร
เป็นมหาศุภฤกษ์ประเสริฐนัก
             ..............."

อ้างจาก: galdewis เมื่อ มกราคม 09, 2009, 06:46:20 หลังเที่ยง
อ้างจาก: อินทรายุธ เมื่อ มกราคม 09, 2009, 06:31:03 หลังเที่ยง

ราศีพิจิกนี่ไม่แน่ใจนะคะ แต่ส่วนใหญ่เนี่ย การจะบอกว่าใครดวงแข็งไม่แข็ง เขาจะดูกันที่วันเกิด ปีเกิด เป็นหลักน่ะค่ะ 


ปีเกิดที่ดวงแข็งนี่ นอกจากปีขาลแล้ว ยังมีปีอื่นอีกมั้ยคะ แล้วปีไหนแข็งสุด

คุณอินทรายุธอยากดูเสาร์ 5 เหมือนเรามั้ยอ่ะ ตอนนี้รอดูเรื่องนี้อยู่ค่ะ เสียดายเฮียภูไม่ได้เล่นอ่ะ ทำไมหลังจากทะเลใจแล้ว เฮียแกไม่ค่อยเล่นบู๊เลย เล่นบู๊เท่ห์ออก

ส่วนปีเกิดไหนแข็งสุด ปีขาลค่ะ 
ละครอาหลองแน่เลย อยากดูสิคะ เรื่องบู๊อาหลองนี่มันสุดๆ
     อักษรแต่งสาร   จดจารลงไว้                          มอบหื้อน้องไท้   สรรคำเลือกเฟ้น
ความฮักหนักอก   หยิบยกหื้อเห็น                         แป๋งเป็นค่าวส้อย   ส่งเถิงนุชน้อง
หวังเจ้าหันใจ   หวังให้หันพ้อง                              ส่งค่าวไขบอกเค้า
     เอื้องผึ้งหอมหวาน   พี่ขานบอกเจ้า                   เอื้องผึ้งหวังพึ่งพา
เจ้ายอดมิ่งมิตร   ดวงจิตพี่ยา                               ตึงร่างกายา   ถอดวางหื้อเจ้า
เจ้าแก้วรอมแพง   เช้าแลงคอยเฝ้า                       ถนอมฮักอย่าฮู้ร้าง
     ขอเจ้าแพงนาย   อย่าคลายปล่อยคว้าง             หื้อพี่ว้างดายเดียว
อู้แท้จากใจ   บ่ใช่เพียงเกี้ยว                               กลับเวียงครานี้   จะเตรียมแต่งผ้า
คนใหญ่เจียรจา   มาขอน้องหล้า                          เป็นจอมนาฏนางใหญ่
     เขียนสารฝากแม่ไว้                                     แทนพี่แนบเคียงใกล้ 
นิ่มน้องรอมรอมแพง                                         พี่เฮย ”    

กาฬฯ

วันนี้ แก้วล้อมเพชร ตอนจบใช่มั้ยคะ 

มีใครดูกันอยู่รึเปล่า    กาฬดูอยู่แหละ  ที่บ้านเปิด   :-X

ปกติไม่ได้สนใจดูหรอก   แต่เรื่องนี้เพื่อนที่มหาลัยติดกันมากเลย  ใครๆ ก็ดูเรื่องนี้กัน  กาฬดูบ้างไม่ดูบ้าง 

แต่วันนี้ตอนจบแม่เปิดดู 

คนที่แสดงเป็นแก้วเก้า  ใส่อารมณ์ได้ดีนะ 


ซีนที่แม่เกลี้ยกล่อมลูกเมื่อกี้  กินอารมณ์ใช้ได้อยู่    ช่อง 5 เขียนบทดีอ่ะ  เห็นหลายเรื่องแล้ว  ถึงจะเป็นละครน้ำเน่าสูตรสำเร็จ  แต่ก็ทำให้คนติดทั้งนั้น  อย่างเรื่องใหม่ก็น่าดู

ทำให้กาฬแคปเทพศิลป์ต่อไม่ได้เลย  ต้องดูไม่กระพริบตา  ไม่ได้ดูละครที่กินอารมณ์แบบนี้มานานแล้ว  โดยเฉพาะของช่อง 7
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

พยัคฆ์มาร

ขัดใจตอนจบนิดหน่อยจ้า น้องกาฬรหัสย์  บังเอิญพี่ยังติดตาจาก "เลือดหงส์" อยู่ ตอนสุดท้ายตัวร้ายไม่ตายอ่ะ แต่ติดคุก แต่เรื่องนี้ตัวร้ายอาจจะแรงไปหน่อยก็ได้ ก็เลยต้องเขียนบทแบบสำนึกผิดยิงตัวตาย ;) ;)

กาฬฯ

กาฬจำได้ว่า  เคยดูละครพล็อตอย่างนี้มาประมาณ 3 เรื่องได้  รู้สึกเลือดหงส์ไม่ได้ดูอ่ะ  แต่พอรู้เรื่อง 

เรื่องแรกที่ดู  ตัวร้ายเป็นบ้า  เรื่องที่ 2 ตายทั้งแม่ทั้งลูก 

แล้วมาเรื่องแก้วล้อมเพชร  อันนี้กตายคนนึง 

แต่ตอนสำนึกผิดฆ่าตัวตาย  รับได้ค่ะ  เพราะทำดีกว่าละครช่อง 7 โดยเฉพาะฉากตายของนางพันธุรัต  ยังเคืองไม่หาย
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

พยัคฆ์มาร

#131
อ้างจาก: กาฬรหัสย์ เมื่อ มกราคม 22, 2009, 09:55:39 หลังเที่ยง
กาฬจำได้ว่า  เคยดูละครพล็อตอย่างนี้มาประมาณ 3 เรื่องได้  รู้สึกเลือดหงส์ไม่ได้ดูอ่ะ  แต่พอรู้เรื่อง 

เรื่องแรกที่ดู  ตัวร้ายเป็นบ้า  เรื่องที่ 2 ตายทั้งแม่ทั้งลูก 

แล้วมาเรื่องแก้วล้อมเพชร  อันนี้กตายคนนึง 

แต่ตอนสำนึกผิดฆ่าตัวตาย  รับได้ค่ะ  เพราะทำดีกว่าละครช่อง 7 โดยเฉพาะฉากตายของนางพันธุรัต  ยังเคืองไม่หาย

งั้นเลยหรือน้องกาฬฯ  :-X :-X :-X


;) ;) ;)
   มาเอยมาถึง      ซึ่งเนินบรรพตภูเขาใหญ่
แลไปเห็นคนบนต้นไทร      งามวิไลผิวผ่องดังทองทา
ยืนพินิจพิศเพ่งอยู่เป็นครู่      ลูกรักของกูแล้วสิหน่า
ตบมือหัวเราะทั้งน้ำตา         ร้องเรียกลูกยาด้วยยินดี

   นั่งอยู่ไยนั่นพ่อขวัญข้าว   ขัดเคืองอะไรเล่าเจ้าจึงหนี
มาเถิดทูนหัวอย่ากลัวตี      ดูเอาเถิดซียังมิมา
นางร้องไห้ร่ำแล้วซ้ำเรียก      ปีนตะกายตะเกียกขึ้นไปหา
ด้วยเดชะอำนาจสัตยา      เผอิญให้เลื่อยล้าสิ้นกำลัง
พลัดตกหกล้มนอนตะแคง      ขาแข้งสีข้างขัดขึ้นดัดหลัง
โศกีตีอกเพียงจะพัง         ทรุดนั่งกระแทกก้นจนใจ
ลูกน้อยกลอยสวาทของมารดา      แม่บำรุงเลี้ยงมาจนใหญ่
มิให้ระคายเคืองสิ่งใด         เจ้าหนีแม่มาได้ช่างไม่คิด
แม่อุตส่าห์มาตามด้วยความรัก      เจ้าไม่พูดไม่ทักแต่สักหนิด
อกแม่จะแตกตายวายชีวิต      สุดคิดอยู่แล้วนะลูกยา

   เมื่อนั้น         พระสังข์ฟังคำที่ร่ำว่า
ให้คิดสงสารมารดา         นบนิ้ววันทาแล้วตอบไป
   แม่เอยแม่เจ้า      เลี้ยงข้ามาแต่เยาว์จนใหญ่
พระคุณล้ำลบภพไตร         จะเปรียบด้วยสิ่งใดนั้นไม่มี
ใช่ลูกจะเคืองแค้นแสนเข็ญ      ด้วยจำเป็นดอกจึงต้องหนี
ด้วยเหตุมารดาของข้านี้      ทุกข์ร้อนไร้ที่พึ่งพา
จะยากเย็นเป็นตายก็ไม่แจ้ง      จะไปสืบเสาะแสวงทุกแห่งหา
ครั้นจะบอกออกอรรถตามสัจจา      ก็คิดกลัวเกลือกว่ามิให้ไป
ลูกจึงลักรูปเงาะเหาะหนี      โทษผิดทั้งนี้เป็นข้อใหญ่
อย่าพิโรธโกรธขึ้งขัดใจ      ถึงไปไม่ช้าจะมาพลัน

   เมื่อนั้น         พันธุรัตฟังว่าเพียงอาสัญ
ฟูมฟายน้ำตาจาบัลย์         เจ้าไปแล้วไหนนั่นจะกลับมา
คิดอ่านอุบายจะหน่ายหนี      เอาเหตุชนนีนั่นมาว่า
ถึงไปก็ไม่ขัดอัธยา         เชิญลงมาหาแม่สักน้อย
พอแม่ได้ชมโฉมเจ้า         ให้สบายบรรเทาที่เศร้าสร้อย
แต่ร่ำร้องไห้หาเลือดตาย้อย      อุตส่าห์สู้ติดต้อยห้อยตาม
อย่านึกแหนงแคลงเลยว่าเป็นยักษ์   มาเถิดลูกรักอย่าเกรงขาม
ถึงจะอยู่จะไปก็ให้งาม      เจ้าผู้ทรามรักร่วมชีวา

อันรูปเงาะไม้เท้าเกือกแก้ว      แม่ประสิทธิ์ให้แล้วดังปรารถนา
ยังมนตร์บทหนึ่งของมารดา      ชื่อว่ามหาจินดามนตร์
ถึงจะเรียกเต่าปลามัจฉาชาติ      ฝูงสัตว์จัตุบาทในไพรสณฑ์
ครุฑาเทวัญชั้นบน         อ่านมนตร์ขึ้นแล้วก็มาพลัน
เจ้าเรียนไว้สำหรับเมื่ออับจน      จะได้แก้กันตนที่คับขัน
แม่ก็คงจะตายวายชีวัน      จงลงมาให้ทันท่วงที

   เมื่อนั้น         พระสังข์ฟังคำยักษี
ยิ่งพะวงสงสารแสนทวี      แต่รีรอท้อฤทัยรันทด
จะลงไปก็ให้เกรงกริ่ง         เกลือกว่าไม่จริงจะแกล้งปด
คิดพลางทางกล่าวมธุรส      อย่ากำสรดโศกาอาวรณ์
ลูกนี้เหนื่อยยากลำบากกาย      จะนั่งเล่นให้สบายบนนี้ก่อน
ตะวันเที่ยงอยู่ยังกำลังร้อน      พอให้แดดอ่อนอ่อนจะลงไป
ซึ่งมนตร์ของชนนีว่าดีนัก      ลูกรักก็อยากจะใคร่ได้
เมตตาลูกแล้วจงเขียนไว้      ที่ในแผ่นพื้นพสุธา

   เมื่อนั้น         พันธุรัตขัดสนเป็นหนักหนา
แหงนดูลูกพลางทางโศกา      ดั่งหนึ่งว่าชีวันจะบรรลัย
โอ้ลูกน้อยหอยสังข์ของแม่เอ๋ย      กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
จะร่ำร้องเรียกเจ้าสักเท่าไร      ก็ช่างเฉยเสียได้ไม่ดูดี
สิ้นวาสนาแม่นี้แน่แล้ว      เผอิญให้ลูกแก้วเอาตัวหนี
จะขอลาอาสัญเสียวันนี้      เจ้าช่วยเผาผีมารดา
อันพระเวทวิเศษของแม่ไซร้      ก็จะเขียนลงให้ที่แผ่นผา
จงเรียนร่ำจำไว้เถิดขวัญตา      รู้แล้วอย่าว่าให้ใครฟัง
เขียนพลางทางเรียกลูกน้อย      มาหาแม่สักหน่อยพ่อหอยสังข์
แต่พอให้ได้ชมเสียสักครั้ง      ขอสั่งสักคำจะอำลา

แม่อ้อนวอนว่านักหนาแล้ว      น้อยหรือลูกแก้วไม่มาหา
ทุ่มทอดตัวลงทรงโศกา      สองตาแดงเดือดดังเลือดนก
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นจิต         ยิ่งคิดเคืองขุ่นมุ่นหมก
กลิ้งกลับสับส่ายเพ้อพก      นางร่ำร้องจนอกแตกตาย
   บัดนั้น         พวกยักษ์ข้าไททั้งหลาย
เห็นนางมารม้วยมอดวอดวาย      ต่างร่ำรักนายไม่สมประดี
   เมื่อนั้น         พระสังข์ทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นมารดาล้มดิ้นสิ้นชีวี      ตกใจแล่นตะลีตะลานมา
เข้าไปนั่งใกล้ดังใจจง         กราบลงแทบเท้าทั้งซ้ายขวา
ชลเนตรคลอคลองนัยนา      โศการ่ำรักชนนี

   โอ้ว่ามารดาของลูกเอ๋ย   พระคุณเคยปกเกล้าเกศี
รักลูกผูกพันแสนทวี         เลี้ยงมาไม่มีให้เคืองใจ
จะหาไหนได้เหมือนพระแม่เจ้า      ดังมารดาเกิดเกล้าก็ว่าได้
สู้ติดตามมาด้วยอาลัย      จนจำตายอยู่ในพนาวัน
โทษลูกนี้ผิดเป็นนักหนา      ดังแกล้งผลาญมารดาให้อาสัญ
ทั้งนี้เพราะกรรมมาตามทัน      จึงสุดสิ้นชีวันบรรลัย
พระคุณล้ำลบจบดินแดน      ยังไม่ทันทดแทนสนองได้
ร่ำพลางโศกีพิรี้พิไร         ซบพักตร์สะอื้นไห้ไปมา

   ครั้นคลายวายโศกเศร้าหมอง   พระจึงร้องสั่งเหล่ายักษา
ท่านจงเชิญศพพระมารดา      คืนไปพาราของเรา
แล้วตระเตรียมการไว้ให้เสร็จสรรพ   คอยท่าข้ากลับมาจึงเผา
การพระเมรุใหญ่อยู่อย่าดูเบา      ท่านจงเอาใจใส่ไตรตรา
   บั้ดนั้น         เสนีตัวนายซ้ายขวา
จึงเชิญศพใส่วอช่อฟ้า      กลับไปพาราทันที

   เมื่อนั้น         พระโฉมยงทรงสวัสด์รัศมี
ครั้นพวกพลยักษาไปธานี      จึงเรียนเอามนตร์ที่เขียนไว้
เวียนเฝ้าสาธยายอยู่หลายตรลบ      แต่ต้นจนจบก็จำได้
ครั้นเสร็จเสด็จขึ้นไป         บนยอดเขาใหญ่มิได้ช้า
เอารูปเงาะสวมองค์ทรงเกือกแก้ว   ถือไม้เท้าเข้าแล้วก็ป้องหน้า
เหาะระเห็จเตร็ดทะยานด้วยฤทธา   เลื่อนล่องลอยฟ้ามาไวไว


>:D >:D >:D >:D



กาฬฯ

กาฬเรียน สังข์ทอง ตอนพระสังข์หนีนางพันธุรัต ตอนป.4 ค่ะ
จำติดใจเลย  เลยค่อนข้างคาดหวัง  O0
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**