เห็นว่าถามหากัน ก็เลยไปรื้อมาให้ค่ะ แต่อย่าหวังอะไรมากเลยน้า กาฬก็อยากแต่งต่อเหมือนกันแหละ แต่ว่าติดอะไรหลายๆ อย่าง
แล้วพอกลับไปอ่านๆ ดู "นี่ฉันเขียนอะไรเนี่ย....แล้วทำไมภาษายากอย่างนี้...ฉันรู้จักคำนี้ด้วยเหรอ ทำไมปัจจุบันคำศัพท์พวกนี้มันหายไปไหนหมด"
บทที่ ๔
ราชธิดาทรงมุ่นพระขนงด้วยความประหลาดพระทัย
หมายความว่าอย่างไร
แทนคำตอบ... ขุนพลหนุ่มยื่นกริชที่เหน็บอยู่ข้างเข็มขัดหนังของตนให้แก่นางผู้มีดวงพักตร์ประดุจจันทรา หากนางอนงค์รีบคว้าไปก่อนจะถึงองค์พระธิดา
ขุนพลศรุตชะงักอย่างขัดใจ แต่จำต้องเก็บอาการนั้นไว้ หันหลับมากราบทูลความแก่สตรีสูงศักดิ์ตรงหน้าต่อไป
ปลงพระชนม์โอรสหัศดินทร์เสีย เมื่อทรงเข้าเฝ้าในวันพรุ่งนี้ แล้วพระธิดาจักเป็นฝ่าย มีชัย
ราชธิดาแห่งศิลามาศกระพริบเนตรงามราวกับมิแน่พระทัยในสิ่งที่เพิ่งได้ทรงสดับฟัง
หากสิ่งที่นางทรงแน่พระทัยนั้นคือ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นแววเจ้าเล่ห์แฝงเลศนัยในดวงตาคมคู่นั้นของนายทหารหนุ่มแห่งมันทราอย่างแน่แท้ นางสบเนตรกับพระพี่เลี้ยงที่นั่งคุมเชิงอยู่ไม่ห่างอย่างสงกา
ท่านต้องการอะไรกันแน่ จึงมายุแหย่ให้เราก่อการกบฏต่อกษัตริย์ของท่านเอง
ศรุตเหยียดยิ้ม ทูลตอบปุจฉาของราชธิดาอย่างกำแหงหาญอาจเอื้อมเป็นที่สุด
ขอเพียงพระธิดาสุวรรณอัมพรทรงเห็นพระทัยหม่อมฉันก็เพียงพอพระเจ้าค่ะ!
สุวรรณอัมพรทรงเหยียดมุมโอษฐ์เช่นกัน... หากแต่เป็นการแย้มสรวลที่บ่งชัดถึงความเดียดฉันท์!
แล้วหม่อมฉันจะคอยช่วยเหลือพระองค์ โปรดทรงวางพระทัย! แทนคำกราบทูลลา ขุนพลหนุ่มเคลื่อนกายออกไปจากพลับพลาอย่างรวดเร็ว
ขุนพลศรุตผู้นี้ช่างบังอาจนัก ใฝ่สูงเกินศักดิ์ พูดจาเกี้ยวพาณพระธิดาของหม่อมฉัน นางอนงค์พูดน้ำเสียงชิงชัง แล้วพระธิดาจะทรงทำประการใดเพคะ ทรงเชื่อเขาหรือไม่เพคะ
พระธิดาสุวรรณอัมพรทรงปรายเนตรไปยังผู้ถาม ก่อนจะทอดแลไปเบื้องหน้า
หน้าพลับพลา กองกูณฑ์ลุกโชนภายนอก นัยนามาดมั่นทระนง
เราจะลองดู แม้จะต้องตาย... เราก็จะเสี่ยง!!
..
.
วรองค์เพรียวระหงในอาภรณ์โกไสยพัสตร์ทองเฉิดฉาย ขับพระฉวีพรรณให้ผุดผาดยิ่ง และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ครบครันสมศักดิ์ราชธิดา เสด็จดำเนินเชิดตรงดั่งนางพญาเข้ามายังพระตำหนักแห่งพระโอรสหัศดินทร์แห่งมันทรา สร้างความยำเกรงให้แก่เหล่าข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิดในที่นั้น
ดวงพักตร์นิ่งเฉย ไร้ความหวาดกลัวหรือสรวลสันต์ใด ๆ หากหัตถาเรียวเล็กที่ประคอง พานมาลาบีบแน่น!
ราวรู้งาน เหล่าข้าราชบริพารรีบก้มกราบทูลลาและหลบออกมาโดยเร็ว สุวรรณอัมพรลอบแย้มสรวล... นี่ล่ะ... คือสิ่งที่นางต้องการ
ราชโอรสรูปงามแห่งมันทราแย้มโอษฐ์อย่างสมปรารถนากับของบรรณาการที่ยากนักกว่าจักได้มา หัตถ์หนาหนักยกขึ้นเชยหนุนาง ราวจะชมโฉมโสภาให้ชัดเจน ราชธิดาทรงขบพระทนต์แน่นอย่างอดกลั้นเพียงชั่วแวบเดียว หากก็มิพ้นสายพระเนตรจอมทัพแห่งมันทราได้
หัศดินทร์ทรงเหยียดพระโอษฐ์ราวเยาะหยัน
สุวรรณอัมพร... ในที่สุดเจ้าก็หนีเราไม่พ้น พร้อมกับโน้มพักตร์ลงมาใกล้กับนวลปรางหอมกรุ่น
สุวรรณอัมพรรีบขยับองค์ออกห่าง และยกมาลัยบุปผาที่ทรงถืออยู่ในหัตถ์ขึ้นป้องกันมิให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาใกล้ พยายามฝืนแย้มพระโอษฐ์ออดอ้อน
พวงมาลัยเพคะ หม่อมฉันร้อยมาถวายพระองค์
มาลัยดอกไม้น่ะหรือสู้นารีงามนางนี้ได้ ราชโอรสแห่งมันทราทรงปัดมาลาในหัตถ์นางให้พ้นทาง
ทันทีที่มาลาน้อยตกลงแทบพระบาท นัยเนตรกลมโตอันเคยสดใสอยู่เป็นนิจ ทอประกายลุกวาวขึ้นวูบหนึ่ง พร้อมพระหัตถ์ เล็กบางตวัดจับด้ามพระแสงกริชที่ซ่อนอยู่ในสายรัดพระองค์ออกมา ปลายศัสตราวุธคมแหลมกดอยู่ที่พระศอโอรสรูปงาม!
พระหัตถ์กำแน่นสามารถที่จะกดพระแสงศัสตราวุธให้ดื่มลึกลงไปได้ทุกเมื่อ!...
อากัปกิริยาบุรุษหนุ่มชะงักงัน หากเพียงครู่เดียว แววเนตรยังเปล่งประกายหยอกเย้าก็ทอขึ้น มิหวั่นเกรงต่อศัสตราวุธที่หยุดอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ ต่างจากอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง
ฮ่า... ฮ่า... สุวรรณอัมพร! เจ้าคิดว่าอาวุธเพียงเท่านี้จะสามารถทำร้ายเราได้กระนั้นหรือ
สุวรรณอัมพรเม้มพระโอษฐ์แน่น
สุวรรณอัมพรเม้มพระโอษฐ์แน่น เริ่มไม่มั่นพระทัยขึ้นมาลางๆ หากพระหัตถ์ยิ่งกำด้ามพระแสงกริชแน่นยิ่งขึ้น
เจ้าไม่กล้าฆ่าเราหรอก! ราชโอรสหัศดินทร์ตรัสด้วยสุรเสียงเยือกเย็น มิรู้สึกระคายอันใดต่อคมอาวุธที่รออยู่ที่พระศอสักนิดเดียว
พร้อมกันนั้น หัตถ์แข็งแรงก็จับข้อพระกรบอบบางที่หมายประทุษร้ายให้เบี่ยงออกจากเป้าหมาย!!
ทำไมเราจะไม่กล้า! นางยังคงอวดดี ทว่าพระกรนั้นถูกยื้อยุดไปตามกำลังของอีกฝ่ายอย่างมิอาจต้านทานได้!
งั้นจักช้าอยู่ไยเล่า เจ้ามีโอกาสแล้วนี่ คำตรัสท้าทายนั้นเจือสุรเสียงสรวลเยาะหยันไว้ ยั่วให้ราชธิดาแห่งศิลามาศมิอาจละซึ่งทิฐิแห่งศักดิ์ศรีได้
เพียงออกพระกำลังตวัดปลายพระแสงกริชแค่ชั่วฝ่าพระหัตถ์เท่านั้น ก็สามารถปึกตรึงอุราโอรสผู้หยิ่งยโสได้มิยาก!
หากจะกระทำได้อย่างไรเล่า... ในเมื่อตรงหน้านี้คือ บุคคลผู้หนึ่ง
มีเลือดเนื้อ
.ชีวิตจิตใจ
.มิต่างจากนางเอง ต่อให้มากด้วยทิฐิเพียงเท่าใดก็คงมิอาจฤทัยแข็งสังขารได้ลงคอ!
นางอาจจะไม่อาจหาญพอที่จะสังหารพระองค์ได้ แต่หม่อมฉันคงจักทำได้!
ขุนพลศรุต!!
หัศดินทร์เพียงเหลือบสายพระเนตรมองเท่านั้น
คิดไม่ถึงว่าสตรีเพียงนางเดียวจักสามารถทำให้เจ้าทรยศต่อบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้าได้! โอรสแห่งมันทราทรงเอ่ยหยามหยัน มิได้หวั่นพระทัยสักนิดแม้ว่าจะมีอีกผู้หนึ่งลอบกัดทางเบื้องหลัง คมศาสตราวุธกดแนบพระปฤษฎางค์!!
พลันโดยมิทันได้มีผู้ใดตั้งตัวได้ โอรสหัศดินทร์กลับพระองค์เผชิญหน้า กับผู้ทรยศและชักพระแสงดาบที่ติดอยู่ข้างพระองค์ออกมาฟาดฟันเข้าใส่ขุนพลหนุ่ม
สุวรรณอัมพรตะลึงถอยห่างออกมาโดยเร็วด้วยสัญชาตญาณระแวงระวัง ในขณะเดียวกันเสียงปะทะกันระหว่างศัสตราวุธต่างฐานันดรก็เล็ดลอดออกไปยังด้านนอกพระตำหนัก เหล่าทหารเริ่มกรูกันเข้ามาเพื่อถวายการอารักขาแก่จอมกษัตริย์แห่งมันทรา
พระธิดา! สังหารพระโอรสหัศดินทร์เสียพระเจ้าค่ะ เพื่อพระองค์จะได้เป็นอิศระ ขุนพลศรุตร้องบอกเมื่อรู้แน่ว่าตนเองกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ หากราชธิดายังทรงรีรอ
ท่านทำอย่างนี้เพื่ออะไร
ขุนพลศรุตล้มลงตามแรงฟาดฟัน คมดาบกรีดลึกลงไปในผิวหนังอันกำยำ โลหิตสีแดงทะลักรินออกมาจากรอยแยกของเนื้อหนัง มีเพียงแววตาที่บ่งบอกความปรารถนาชัดเจน แม้จักมิต้องเอ่ยออกมาเป็นพจนา!
สุวรรณอัมพรสูดอัสสาสะตัดสินพระทัยมั่น... สิ่งใดจักเกิด ก็มิมีทางหลีกหนีพ้น จักกลัวไปไย...!
แล้วตรงรี่เข้าไปเสียบอุระอริราชด้วยพระแสงกริชที่ทรงกำแน่นอยู่ในหัตถ์ วรกายสั่นระริก น้ำพระเนตรไหลรินด้วยความหวาดกลัว... นางกล้าสังหารเขา!!
หัศดินทร์สะอึกอึ้ง เจ็บปวดเคืองแค้น พระโลหิตหลั่งรินออกมาอาบด้ามพระแสงกริช โอรสแห่งมันทราก้มลงทอดพระเนตรขุนพลทรยศที่กำลังจะสิ้นลมหายใจ ก่อนจะหันมาตรัสแก่ผู้ที่ฝังคมอาวุธไว้ในดวงฤทัยของพระองค์ สุรเสียงเย็นชา
ในเมื่อเราไม่ได้เจ้า
ก็อย่าหวังเลยว่าเจ้าจักได้จากไปแต่โดยดี
สุวรรณอัมพร!
สิ้นคำตรัส
พระแสงดาบก็ถูกเงื้อขึ้นสูง และจ้วงลงมาเต็มแรงด้วยพระกำลังสุดท้าย!!
วรองค์น้อยต้องคมศัตราวุธทรุดลง พร้อมกับโอรสหัศดินทร์ที่สิ้นพระกำลัง
สิ้นลมปราณสุดท้ายไปพร้อมกับขุนพลผู้ทรยศล้มเกลือกอยู่ไม่ห่างกันนัก
มโนสำนึกสุดท้ายปรีดิ์เปรม
ก็ยังดีกว่าที่จักต้องเป็นเพียงบรรณาการอันไร้ค่า
ฤๅตกเป็นของขุนพลศรุตผู้ทรยศผู้นั้น!
นางเป็นอิศระ แล้ว!
ภาพอดีตสมัย ที่ผ่านมาหมุนวนลอยคว้างดั่งกระแสมหานทีอยู่ภายในห้วงสำนึก!
พิธียัญญะบูชาอสุรเทพ
วันที่ศิลามาศสิ้นอิศรภาพ
วันที่นางต้องสูญสิ้นพระราชบิดา
แหละ
ภาพนิมิตอสุรินทราหูในร่างอสูรร้ายประทานความพินาศย่อยยับให้แก่นาง!
..
เทพธิดาสุวรรณอัมพรทรงสะอื้นรำพันด้วยมิอาจอดกลั้นได้ ภาพจากภพอดีตที่เจ็บช้ำย้อนกลับมาทำร้ายพระราชหฤทัย หยาดอัสสุชลใสรินออกมาจากดวงมณีนิลราวอัญมณีมุกตาหลุดจากสาย
บัดนี้ นางประทับอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์องค์พระสยมภูวญาณ จอมเทพผู้เป็นใหญ่เหนือไตรภพ ณ ไกรลาศคีรี
เรื่องราวในภพนั้น จบลงแล้ว!
นางเงยพักตร์อันอาบไปด้วยอัสสุธาราหากยังคงงดงามมิแปรเปลี่ยนขึ้นทูลตอบปุจฉาขององค์อิศรา (ไม่รู้จำคำถามกันได้รึเปล่า ที่ถามเอาไว้ตอนต้นบทที่ 2 แล้วน้องอัมพรยังไม่ได้ตอบนั่นแหละค่ะ)
หม่อมฉันจำได้แล้วเพคะ
หม่อมฉันตายแล้ว ประโยคหลังราวกับทรงตรัสย้ำกับตนเอง พลันระลึกได้ถึงบุรุษอันเป็นผู้ให้กำเนิด
แล้วเสด็จพ่อของหม่อมฉันเล่าเพคะ?
องค์อิศราบดีแย้มพรโอษฐ์ปรานี รับสั่งสุรเสียงอ่อนโยน แลพระเมตตาการุณ
บิดาของเจ้าได้จุติไปในชั้นพรหมแล้ว อย่าได้กังวลต่อสิ่งใดอีกเลย
เมื่อได้สดับดังนั้น รอยแย้มสรวลชื่นบานก็จุดกระจ่างบนดวงพักตร์อันงดงามปานดวงจันทราได้อีกครา (คือ
เห็นหน้าแยมบนดวงจันทร์บ่อยน่ะค่ะ
)
..