มีคนบังคับให้เอามาลง :P
จริงๆ แต่งไว้ตั้งแต่ตอนที่เทพสามฤดูจบใหม่ๆ แล้วค่ะ ได้แรงบันดาลใจมาจากฉากหนึ่งในละคร ที่พระราหูนึกถึงอดีตชาติ แล้วเห็นสุวรรณอัมพร ตอนเป็นนางฟ้าบนสวรรค์
เนื้อเรื่องจะดำเนินมาช่วงก่อนที่ พระพิรุณ พระราหู จินดาเมลา จะลงไปเกิดเป็นเทพสามฤดู
แต่จนป่านนี้ก็ยังแต่งไม่จบ เพราะไม่ได้แต่งต่อเลยตั้งแต่ขึ้นมหาลัย
ตอนนี้ติดโปรเจ็คอื่นที่ต้องเร่งเขียนอยู่ 2-3 เรื่อง (ถ้าทำโปรเจ็ค 2-3 เรื่องพวกนี้จบ ก็จะได้หลุดพ้นจากวังวนบ่วงกรรมได้ซะที ดังนั้น จึงต้องเร่งแบบไม่สามารถแตะเรื่องนี้ได้เลย)
เอาเป็นว่า ใครยังไม่ได้อ่านก็ลองอ่านกันสนุกๆ (สนุกเปล่าหว่า??) ก่อนนะคะ
บทที่ ๑
ลำแสงสีเพลิงประภัสสรสว่างโชติช่วงประดุจอัคนีบาตพวยพุ่งเข้าปะทะกับลำแสงสีฟ้าชุ่มฉ่ำเยือกเย็น ปรากฏเสียงระเบิดกึกก้องและกระจายตกลงมาดังหยาดดอกไม้ไฟระย้ายับ ก่อนจะค่อย ๆ ร่วงหล่นลงไปยังพื้นพิภพแห่งเหล่ามนุษยชาติ
เทวบุรุษรูปงามสง่าทรงอาภรณ์สีเศวต ลดพระขรรค์แก้วในหัตถ์ลง และเสด็จดำเนินตรงเข้าไปหาเทวบุรุษรูปงามคมคายอีกองค์หนึ่ง ผู้มีวรกายล่ำสัน เกศาหยักศก และมีพระทาฐะ (เขี้ยว) แหลมเล็กที่มุมโอษฐ์รับกับวงพักตร์งดงาม ทรงอาภรณ์สีนิล ถือกระบองแก้วศัสตราวุธประจำองค์ในหัตถ์
หม่อมฉันจำเป็นต้องไปแล้วพระเจ้าค่ะ ถึงเวลาที่ฝนจะต้องตกตามฤดูกาลแล้ว
พระพิรุณ เทพแห่งฝนตรัสกับพระราหู เทพกึ่งอสูรผู้เปรียบประดุจเชษฐาร่วมอุทร
ไปเถิด วันนี้พี่ก็จะกลับไปบำเพ็ญภาวนาต่อเช่นกัน พระราหูทรงตบอังสาอนุชาผู้ร่วมสาบานกันมา พร้อมทั้งเทพแห่งฝนประณตหัตถ์อัญชลีลา
..
พิรุณเทพทอดพระเนตรลงไปเบื้องล่าง ก่อนโปรยสายฝนเป็นรางวัลแก่ความอดทน อุตสาหะของชาวโลกและธัญพืช
ฝนตกแล้วหรือเพคะ
เทพธิดาจินดาเมขลาทรงแย้มโอษฐ์สดชื่นอย่างยินดียิ่งนักเมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นสายฝนแรก นางทรงโฉมงดงามหาสตรีใดเทียบได้ยากทั้งสามโลก ทรงอาภรณ์สีเหลืองนวลภูษาเขียวแก่ดุจใบพฤกษา อุษณีษ์ จุมพฏ กรองศอ และพาหุรัดเรืองรองบอกศักดิ์แห่งเทวี (ชุดที่จินดาใส่ตอนอยู่บนสวรรค์ครั้งแรกค่ะ
นางฟ้าที่สังเกตดูเค้าไม่ค่อยเปลี่ยนชุดกันเลย)
ใช่! ฝนแรกแห่งฤดูกาล พิรุณเทพทรงเอื้อนเอ่ยตรัสบอกแก่นาง ผู้เปรียบประดุจขนิษฐาองค์เล็กแห่งเทพราหูแลเทพพิรุณ
จินดาเมขลาเทวีถลาร่อนออกจากวิมาน เหาะเริงเล่นสายฝนที่ซัดสาดกระหน่ำ พร้อมชูดวงจินดาแวววาวล้ำค่าขึ้นโยนเล่น แสงแก้วทอประกายวาววับดั่งแสงวัชรชวาลา (ฟ้าแลบ)
อย่าเพลินนักนะ
จินดา ประเดี๋ยวจะถูกสายวิชชุดาขององค์อัมรินทร์เข้า
เทพธิดาโฉมงามทรงเหาะเหิน โยนดวงจินดาขึ้นรำร่ายท่ามกลางม่านพิรุณ เวียนวนไปมาอย่างระเริงหทัย
เปรี้ยง !!
เสียงกัมปนาทหวั่นไหวดังสะเทือนเลื่อนลั่นประดุจว่านภาลัยจักถล่มทลาย พร้อมสายอสุนีบาตฟาดเฉียดองค์นาง จินดาเมขลาก้มลงหลบเข้ากลีบเมฆาแล้วเหลียวไปทอดเนตรที่มาของอสุนีบาตและเสียงที่กึกก้องยิ่งกว่าฟ้าคำรณอันผิดแปลกปรากฎการณ์ธรรมชาติ
รามสูร!
อสุราร่างมหึมาสูงใหญ่ดำทะมึนตระหง่านง้ำควงขวานในมือไปมาพร้อมฟาดฟันสายวิชชุดา หมายให้ต้ององค์นาง
จินดาเมขลา! เจ้าจงมอบดวงจินดาให้แก่ข้าแต่โดยดี รามสูรคำรามกึกก้องลำพอง
หากแน่จริงเจ้าก็เข้ามาช่วงชิงไปเองสิ เทพธิดาเมขลาทรงท้าทายหาเกรงกลัวไม่ แล้วโยนดวงจินดาขึ้นเล่นเยาะหยัน อสุราโกรธเกรี้ยวใหญ่ เขวี้ยงขวานอันเป็นศัสตราวุธเข้าใส่นางเทวี
เทวธิดาทรงเหาะซ่อนหลีกหลบแต่มิหนีไปไหน หากคอยเย้ายั่วให้อสุรายิ่งเกรี้ยวกราดฮึกเหิมมากขึ้นทุกขณะ
จินดาเมขลา
เจ้าอย่าบังคับให้ข้าต้องทำร้ายเจ้าเลย จงเลิกท้าทายข้า และมอบดวงจินดามาแต่โดยดี!
จินดาเมขลาเทวีหยุดนิ่ง ลอยองค์อยู่เหนือท้องนภากาศและหันกลับมาเผชิญพักตร์ต่ออสูรร่างทะมึนอย่างมิหวาดหวั่นแม้แต่เพียงน้อยนิด
เจ้ามิต้องมาขู่เราหรอก ดวงจินดานี้เป็นของเรา เราหรือจักยอมมอบดวงจินดาล้ำค่านี้นี้ให้แก่เจ้าผู้เป็นอสูรเจ้าเล่ห์ หากเจ้าจักทำร้ายเราก็เชิญ อย่ามัวแต่ขู่อยู่เช่นนี้เลย
รามสูรชะงักงันกับคำตรัสจากเทพธิดาโฉมงาม แผดเสียงร้องก้องอย่างคั่งแค้นใจราวฟ้าพิโรธ เขวี้ยงขวานเข้าใส่นางเป็นพัลวัน
จินดาเมขลา
ระวัง! สุรเสียงจากพิรุณเทพร้องเตือนนางอย่างหนักพระทัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก เพียงแค่ซัดสายพิรุณให้กระหน่ำหนักยิ่งขึ้นเป็นม่านพลาหกคอยบังตามิให้รามสูรเห็นจินดาเมขลาได้ถนัดเท่านั้น
จินดา! ลงมาเถิด พระพิรุณทรงเตือนอีกครั้ง หากเทวธิดาหาได้ฟังไม่ ยังคงเชิดดวงจินดาร่อนร่ายหลอกล่อรามสูรให้ไล่ตามไม่หยุดยั้ง
กระแสวายุพัดหมุนวนรุนแรงผ่านม่านหมอกพิรุณพุ่งตรงเข้าหาเทพแห่งสายฝน ปรากฏร่างเทวบุรุษรูปงามสง่าประทับยืนเคียงข้างกัน
พระพาย!
พระพิรุณ
ไยท่านจึงไม่คิดช่วยนาง เทพแห่งวาโยโบกพัดพายุใหญ่หมายขับไล่อสุรา หากถูกเทพแห่งฝนปรามไว้ทัน
อย่า
พระพาย พวกเราทำอย่างนั้นไม่ได้ พระพายทอดพระเนตรวงพักตร์อีกฝ่ายเป็นเชิงถาม หากเราทำร้ายรามสูรหรืออสูรตนใดตนหนึ่ง ก็เท่ากับว่าเราเปิดสงครามระหว่างเทพและอสูรโดยตรง
พระพายลดหัตถ์ลงอย่างขัดพระทัย
แล้วจะช่วยจินดาเมขลาได้อย่างไร
มิทันที่พระพิรุณจะได้ทรงตอบ ประกายอสุนีบาตจากขวานแห่งรามสูรก็ตกลงมาระเบิดยังที่ ๆ เทวบุรุษทั้งสองประทับยืนอยู่ สนั่นกึกก้องพร้อมขวานที่พุ่งตรงเข้าหาจินดาเมขลาอย่างที่มิอาจหลีกหลบได้
จินดาเมขลา!!
สุรเสียงจากพระพิรุณและพระพระพายสะท้านก้องด้วยความตระหนก
หากยังมิทันที่ขวานอันทรงฤทธาแห่งรามสูรจะได้สัมผัสต้ององค์นาง ลำแสงร้อนแรงเพลิงก็พวยพุ่งเข้าแทรกสกัดกั้นกลาง และผลักดันขวานอสุราให้กระเด็นออกไปไกล
เจ้าพี่ราหู!
จินดาเมขลาเทวีและพิรุณเทพทรงอุทานอย่างดีพระทัย
เทพราหูคงจะเป็นเทวาเพียงผู้เดียวที่จักสามารถต่อกรกับอสุราทั้งหลายได้โดยมิต้องเกรงให้เกิดสงคราม
รามสูรเหลียวมองเจ้าของพลังอานุภาพที่เข้ามาสกัดอำนาจขวานแห่งตนไว้อย่างเจ็บแค้น ก่อนจะย่อกายให้เล็กลงเท่าเทียมเหล่าเทพเป็นบุรุษหนุ่มกำยำ เข้ามาประจันพักตร์กับเทวบุรุษกึ่งเทพกึ่งอสูรที่ประทับสง่าเหนืออากาศธาตุ
เทพราหู! ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจดีแล้ว ยังจะต้องให้เราอธิบายอีกหรือ รามสูร อสุรเทพทรงย้อนกลับ เจ้าเบียดเบียนต้องการของ ๆ ผู้อื่น หนำซ้ำยังเป็นอันธพาลคอยระรานเหล่าเทวดานางฟ้าไปทั่ว
รามสูรแค่นหัวเราะเยาะเย้ยเพราะความคั่งแค้น
ฮะ
ฮะ
ถือดีว่าท่านเป็นผู้เดียวที่ได้ดื่มน้ำอมฤตกระนั้นหรือ จึงไปเข้ากับพวกเทพ ข่มเหงอสูรด้วยกันเช่นนี้
เราก็คือเรา
อสูรหรือเทพก็ไม่ต่างกัน
ไม่มีอนใดจะต้องเปลี่ยน เจ้าเป็นฝ่ายผิดไล่ชิงดวงจินดาจากจินดาเมขลา แล้วเจ้าจะให้เราช่วยเจ้างั้นหรือ
รามสูรสุดปัญญาจะหาข้ออ้างใด ๆ นอกจากจะเอ่ยหยาบหยามในเชื้อสายกึ่งเทพกึ่งอสูรของอีกฝ่ายได้เท่านั้น
ราหู! ท่านคิดหรือว่าพวกเทพจะยอมรับท่านโดยง่ายเช่นนี้ ถึงอย่างไรเชื้อสายอสูรในกายของท่านก็ทำให้ท่านหนีความเป็นอสูรไม่พ้นหรอก
ฮ่า
ฮ่า
ฮ่า
เทพราหูมิอาจเย็นพระทัยกับคำถากถางของอสุราได้อีก จึงเอ่ยโอษฐ์ขับไล่อสูรต่อหน้าเหล่าเทวดานางฟ้าทั้งหลาย
หยุดดูหมิ่นเราและกลับไปเสียเถิดรามสูร อย่าให้เราต้องใช้กำลังกับเจ้าเลย
ท่านขู่ข้ารึ รามสูรเกรี้ยวกราดอับอาย
เรามิได้ขู่ เทพราหูทรงย้ำชัดพร้อมแบหัตถ์เปล่งรัศมีสีขาวเจิดจ้าพุ่งเข้าปะทะร่างทะมึน อสุรายกขวานขึ้นยั้งไว้ แต่ก็มิอาจทานกำลังของอีกฝ่ายได้ สุดท้ายก็ผงะเซไป
กลับไปซะเถอะ รามสูร เรามิอยากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เปิดสงครามระหว่างฝ่ายเทพและฝ่ายอสูรขึ้นมา
รามสูรนิ่งงัน มองเหล่าเทพเทวีที่รายล้อมอยู่อย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมล่าถอยจากไป
จินดาเมขลาประณตหัตถ์กราบเชษฐาองค์ใหญ่ ด้วยซาบซึ้งพระราชหฤทัย
ขอบพระทัยเพคะ ที่เข้ามาช่วยน้องไว้ทัน
ไม่เป็นไรหรอกจินดา
แต่ต่อไปนี้เจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะ รามสูรคงอาฆาตเจ้ามากพอดู นางเทวีพยักพักตร์รับ
และท่ามกลางม่านหมอกที่เริ่มสร่างซา เทวบุตรองค์หนึ่งเหินถลาลงมาหยุดตรงหน้าเทวบุรุษและเทวธิดาทั้งสี่
มีอะไรเหรอ ท่านมาตุลี พระพิรุณทรงตรัสถามมาตุลีเทพบุตร เทพผู้รองบาทองค์อิศเรศ ผู้มีอารมณ์ขำขันได้ตลอดเพลา
แหะ ๆ
เมื่อกี้ข้าได้เห็นการต่อสู้ของเทพราหูและรามสูร ช่างดุเดือดเผ็ดมันมาก มาตุลีเทพบุตรสาธยาย เป็นที่ขบขันแก่เหล่าเทวดานางฟ้าทั้งหลาย
อ้าว เช่นนั้นแล้วทำไมท่านไม่เข้ามาร่วมวงกับพวกเราด้วยเล่า พระพายทรงสัพยอก ด้วยคุ้นเคยกันดี
โอย
ยังไม่ถึงเวลาที่ข้าจะต้องลงมือเองหรอก
ท่านมาตุลีมีเรื่องอะไรรึ พระราหูตรัสถามเมื่อชักเห็นว่าเทพมาตุลีออกนอกเรื่องไปเยอะแล้ว
เออ ข้าลืมไป องค์อิศราทรงมีรับสั่งให้เทพธิดาจินดาเมขลาเข้าเฝ้า มาตุลีตรัสพร้อมอัญชลีเหนือเกศถึงองค์พระสยมภูวญาณผู้เป็นใหญ่เหนือไตรภพ
ทรงมีพระประสงค์สิ่งใด ท่านพอจะทราบบ้างไหม จินดาเมขลารำพัน เทพมาตุลีได้แต่เพียงสั่นเศียรเร่งให้นางรีบไปเฝ้าเท่านั้น
จินดาเมขลาเทวีระยอบหมอบองค์ลงกราบแทบพระบาทองค์พระสยมภูวนาทที่ประทับสถิตเหนืออาสน์บัลลังก์ทอง
ณ ไกรลาสคีรี
ได้ยินว่าเจ้ามีเรื่องกับรามสูรอีกแล้วหรือ พระองค์ตรัสด้วยกระแสปรานี มิได้ทรงพิโรธโกรธาแต่อย่างใด อาจจะด้วยชินชาต่อพฤติกรรฒนี้เสียแล้ว
นางแย้มสรวลน้อย ๆ แหงนเงยพักตร์ทอดเนตรเจ้าผู้เป็นใหญ่เป็นการยอมรับโดยดุษฎี องค์พระสยมภูวญาณทรงสบเนตรกับดวงนัยนาดำขลับสดใสดุจดาราด้วยเอ็นดูยิ่งนัก
เจ้าน่ะ คะนองนัก มิกลัวเกรงสิ่งใดเลย รู้มิใช่หรือ... รามสูรมิได้หมายปองเพียงดวงจินดาของเจ้าเท่านั้น พระกระแสรับสั่งปุจฉานั้น มิได้ต้องการวิสัชณา หากคือ ความห่วงหา!
รามสูรไม่กล้าทำอะไรหม่อมฉันหรอกเพคะ นางกราบทูลหนักแน่น ให้คลายพระทัย
ยังไงก็อย่าประมาท... ทรงนิ่งไปสักครู่ก่อนจะตรัสออกมา ด้วยความที่ทรงศักดาเหนือสามโลก ทำให้มิอาจแสดงความในพระทัยได้อย่างชัดเจน พระราหูและพระพิรุณเป็นห่วงเจ้ามากนะ
เทพธิดาโฉมงามหลุบเนตรลง ก้มพักตร์รับอย่างมิอาจเอื้อม ก่อนจกตรัสถามการณ์สำคัญ (จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องย่อ องค์อิศรารักจินดาตั้งแต่อยู่บนสวรรค์แล้ว)
พระองค์ทรงเรียกหม่อมฉันมา มีอันใดหรือเพคะ
ดวงจิตบริสุทธิ์สีขาวเรืองระยิบระยับดุจหมู่ดาราสองกลุ่มค่อย ๆ ล่องลอยขึ้นมายังพิมานที่ประทับแห่งองค์พระสยมภูวญาณ หมุนวนลอยไปมาก่อนจะลงสู่พื้นสีทองคำอร่าม กลับกลายเป็นสตรีงามโสภาผ่องพรรณสองนางเคียงคู่กัน หมอบราบประณตหัตถ์ถวายอัญชลีแด่ผู้เป็นใหญ่เหนือสามโลก ดุจดั่งรูปสลักประติมากรรมแห่งพระวิศวกรรม ที่บรรจงสรรค์สร้างขึ้น งดงามหาที่ติไม่ได้
..................................................
ขอย้ำอีกครั้งค่ะ ว่าเรื่องนี้ ยังดองอยู่ แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ การที่ยังมีคนอ่านอยู่ เป็นกำลังใจให้กาฬคิดอยู่เสมอว่า กาฬจะต้องแต่งให้จบให้ได้