ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

คีตะจันทรา

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

HpJ

คีตะจันทรา
« เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 08:32:49 PM »


....ยามเมื่อสิ้นแสง แห่งอุษา
สกุณา ร่ายทำนอง ร้องขับขาน
เสียงดังเรื่อย เจื้อยแจ้ว สู่วิมาน
จันทราฉานฉายแสงส่องต้องพสุธา....
....ในยามเก้า วันที่เก้า เดือนเก้าครั้น-
เมื่อดวงจันทร์ ทรงกลด จรดเวหา
ก่อกำเนิด เกิดดวง พวงชีวา
เจ้าชะตา พิชิตมาร อวสานอัศวิน....


บทเพลงแห่งแสงจันทร์ถูกขับขานกู่ก้องไปทั่วพิภพ............................
เป็นจุดกำเนิดความผลิกผันครั้งใหญ่ของชะตาชีวิตที่มากกว่าหนึ่ง !


แนะนำตัวละคร
บอย สพล เป็น จักราชันย์
ฝน พัชรมัย เป็น คีตะจันทรา
นัท ณัฐวุฒิ เป็น เหยี่ยวเวหา
สอง ชนิดา เป็น พลอยวารี



*หมายเหตุ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพียงแค่ความบันเทิงใจเท่านั้น มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้า หรือเรื่องจริงอันใดเลย
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ


เรื่องนี้กันย์ตั้งใจให้เป็นนวนิยายแนวแฟนตาซี แบบไทยๆค่ะ ดังนั้นเมื่ออ่านไปเรื่อยๆจะเห็นกลิ่นอายของแฟนตาซีแบบตะวันตก กับกำลังภายในแบบจีนมาเกี่ยวข้องด้วย และก็เป็นลูกผสมของนิยายวรรกรรมพื้นบ้านจักรๆวงศ์ๆเข้าไปด้วย
ยังไงก็ขอฝากเรื่อง "คีตะจันทรา" ไว้ในความพิจารณาของนักอ่านทุกๆท่านด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2008, 02:07:21 PM โดย HpJ »

HpJ

Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 08:45:20 PM »
ตอนที่1 กบฏ

“กบฏ!...ใครกัน” หญิงนางหนึ่งถาม จากการแต่งตัวของเธอดูเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ มีศิริโฉมงดงาม พระพักตร์ได้รูป ดวงพระเนตรสีน้ำตาลคู่สวยชวนมองของเธอดูแข็งกร้าวเมื่อได้ยินเรื่อง เธอกอดทารกน้อยไว้แนบอุระ

“...อำมาตย์โยธินส่งกำลังทหารเข้ามายึดเพชรรัตน์นคร พระมเหสีและพระธิดาต้องหนีไปเพคะ พระองค์จะอยู่ที่นี่มิได้อีกแล้ว เพราะอำมาตย์โยธินขายวิญญาณให้กับอัศวินปีศาจ พวกมันยกกองทัพปีศาจมาต่อตีกับเรา เร็วเข้าเถอะเพคะ หม่อมฉันจะคุ้มครองพระองค์กับพระธิดาเอง”หญิงอีกคนกล่าวอย่างร้อนใจ เธอเป็นหญิงวัยประมาณยี่สิบเจ็ดปีคนหนึ่งหน้าตาหมดจด ผมยาวของเธอรวบถักไว้ด้านหลังดูทะมัดทะแมง ดวงตาสีน้ำตาลดำของเธอมีประกายสีเขียวอยู่ภายในชั่วแว่บหนึ่ง มันเป็นลักษณะเฉพาะของผู้ใช้เวทย์

“แล้วองค์เหนือหัวล่ะ ทรงอยู่ที่ใดกัน”พระมเหสีถาม
“ทรงร่วมกับท่านวายุไฟต้านกองกำลังของอำมาตย์โยธินอยู่นอกปราสาทเพคะ”เธอตอบ

“มนตร์มายา รีบพาพระมเหสีหนีไปเร็ว พวกปีศาจมันตามมาแล้ว!”ชายคนหนึ่งท่าทางรีบร้อนสั่งมนตร์มายาหญิงสาวที่มีดวงตาสีเขียวเข้ม

“ท่านพี่! ท่านมาได้อย่างไร แล้วองค์เหนือหัวล่ะ ทำไมท่านไม่อยู่ถวายการคุ้มกัน” มนตร์มายาตำหนิเสียงเกรี้ยว
“ข้ากระหม่อมได้รับพระบัญชาองค์เหนือหัว ให้มาช่วยคุ้มกันพระมเหสีและพระธิดาไปยังที่ปลอดภัยพระเจ้าค่ะ”ชายคนนั้นกราบทูลอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลเหลืองของเขารู้สึกผิดที่มิได้อยู่ป้องกันองค์เหนือหัวของเขา คำสั่งก็ต้องเป็นคำสั่ง จะขัดมิได้

“แสดงว่าศึกครานี้ต้องเลวร้ายมากจริงๆ...เจ้าพี่ถึง...”องค์มเหสีใคร่ครวญ

“รีบไปเถอะเพคะ”มนตร์มายาอ้อนวอน
“ไม่! เราต้องไปช่วยเจ้าพี่”มุกดารา องค์อัครมเหสีแห่งเพชรรัตนคร รับสั่งพร้อมกับส่งธิดาน้อยสู่อ้อมแขนมนตร์มายา ซึ่งเธอรับไว้อย่างตกใจ
“เจ้านำบุษราจันทราไป ข้ารู้เจ้าทำได้แน่ จงใช้มนตราแห่งเจ้านำลูกรักของข้าไปสู่ที่ปลอดภัย”
“แต่...”
“อย่าขัดคำสั่งข้า! ข้าเป็นนักรบราชนารี ข้าจะทิ้งประชาชน เหล่าขุนทหาร และพระสวามีของข้าไปมิได้ อีกอย่างเจ้าต้องสูญเสียพลังมนตราของเจ้ามากมายถ้าข้าไปด้วย ดีไม่ดี ข้าไปไม่รอด ลูกของข้าก็ไปไม่รอด เราจะพากันตายหมด.....เจ้าจงดูแลธิดาของข้าแทนข้าด้วย หากบุญของข้ายังเหลืออยู่ ข้าจะกลับไปหานาง...บอกนางด้วยเมื่อนางโตขึ้น...ว่าข้า...รักนางมากที่สุด......หัวใจและเพลงดาบของข้าจะเป็นของนางตลอดไป”มุกดาราพูดพลางก้มลงจุมพิตลูกน้อยในอ้อมกอดของมนตร์มายา

“ข้ากระหม่อมจะอยู่ถวายความปลอดภัยพระองค์เองพระเจ้าค่ะ”ชายผู้นั้นบอก
“ขอบใจท่านมาก อินทรีฟ้า”มุกดาราบอก สายตาของพระนางเปี่ยมไปด้วย ความเข้มแข็ง ความมุ่งมั่น สร้างความซาบซึ้งให้แก่เขา..อินทรีฟ้าเป็นอันมาก เขากล้าสาบานได้ว่า สายพระเนตรของพระนางทำให้เขายอมที่จะถวายชีวิตสู้เคียงข้างอย่างไม่กริ่งเกรงสิ่งใดในหล้า

“ส่วนเจ้า ไปได้แล้ว...ขอโชคจงอยู่ข้างเจ้า”องค์มเหสีอวยพร
มนตร์มายาน้อมรับคำสั่งอย่างจำใจ แล้วเธอก็ตั้งสติ ร่ายมนตรา พลันแสงสีขาวก็ค่อยๆสว่างจ้าจนบาดตา...และแล้วทั้งมนต์มายาและพระธิดาน้อยก็อันตรธารหายไปจากห้อง...

ปัง!


ทั้งสองหันไปดู ประตูที่ถูกกระแทกอย่างแรง อินทรีฟ้าขยับตัวมาบังหน้าพระมเหสีไว้พร้อมดาบลมกรดคู่ใจ
ส่วนมุกดาราเองก็ปรากฏดาบแสงจันทร์คู่ใจกำอยู่ในมือมั่น แล้วทั้งสองก็ต้องแปลกใจที่เห็นร่างของชายผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง

“ท่านวายุไฟ!”อินทรีฟ้าอุทาน

ชายชราแต่ดูท่าทางแข็งแรงผิดกับอายุ นามว่า วายุไฟเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อนอะไร เขาทำท่าทางสบายๆ ช่างดูขัดกับความร้อนรุ่มในใจของทั้งสองยิ่งนักที่ปรารถนาจะฟังข่าว

“ขอทูลเชิญพระมเหสีวางอาวุธลงซะเถอะพระเจ้าค่ะ”วายุไฟกล่าว
“ท่านพูดอย่างนี้หมายความว่าไง แล้วเจ้าพี่ล่ะ เจ้าพี่อยู่ที่ไหน”มุกดาราถาม
วายุไฟยิ้มที่มุมปากก่อนตอบ

“องค์เหนือหัวตรีเพชร...ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว...”

มุกดาราตกใจมากแต่ก็ยังกำดาบแสงจันทร์ในมือไว้แน่น
เช่นเดียวกับอินทรีฟ้า ซึ่งมีสีหน้าที่กำลังขบคิดอย่างหนัก
“...เจ้าทรยศต่อองค์เหนือหัว!”อินทรีฟ้าสบถออกมา
วายุไฟยิ้มเยาะ
“เพิ่งรู้หรือ...”

“เจ้าคนทรยศ! ข้าจะให้ดาบแสงจันทร์ของข้า ลิ้มเลือดเจ้าให้ได้”  มุกดาราพูด
แล้วการต่อสู้ระหว่างสตรีนักรบ และอินทรีฟ้า จ้าวแห่งความเร็ว กับราชครูวายุไฟ ก็เกิดขึ้น!
..............................................................................................

HpJ

Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 08:51:39 PM »
ตอนที่2 เหยี่ยวเวหา-คีตะจันทรา

   เหยี่ยวเวหา ผกโผ บินอยู่กลางอากาศ บางครั้งมันก็บินร่อนถลาไปตามลม เหมือนใบไม้ ที่ล่องลอยอย่างอิสระไปตามลม บางครั้งมันก็แร่งความเร็วแซงกลุ่มนก เหยี่ยวรุ้งตัวเล็กๆแต่ทว่ามันเร็วมาก แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจเทียมทานความเร็วของเหยี่ยวเวหาไปได้

แต่แล้วลูกธนูนับสิบดอกก็กระหน่ำยิงเข้ามาจู่โจม มันบินไปมาอย่างคล่องแคล่ว มิใช่เพื่อหลบลูกธนูกลุ่มนั้น แต่กับบินเข้าหาเพื่อจับลูกธนู

แล้วเจ้าเหยี่ยวเวหาก็ร่อนถลาลงมายังพื้นดิน
เขาเป็นชายหนุ่มตัวสูงโปร่ง ผิวสีแทน ตัดกับรอยยิ้มเห็นฟันขาวของเขา ดวงตาแหลมคมสีน้ำตาลเหลืองดุจสายตาเหยี่ยวดังชื่อของเขา เหยี่ยวเวหา ในมือของเขาถือลูกธนูทั้งสิบดอกเอาไว้ แล้วยื่นคืนให้เจ้าของ
“ฝีมือธนูของเจ้าเป็นเลิศนัก”

“ถึงจะเป็นเลิศยังไงก็สู้ความไวและสายตาอันคมกริบของเหยี่ยวเวหามิได้” เธอพูด พลางรับลูกธนูทั้งสิบดอกมาใส่ไว้ในกระบอก เธอเป็นหญิงสาวแรกรุ่นที่สวยน่ารักมากคนหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลใสเป็นประกายชวนมองของเธอ ยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อเธอยิ้มให้เขา

“แต่ถ้าเจ้าพุ่งดาบแสงจันทร์มาที่พี่ พี่คงจะดับดิ้น” เหยี่ยวเวหาพูดแกมเล่น
“ใครจะพุ่งดาบได้สูงแถมไกลขนาดนั้นได้ล่ะ พูดอะไรให้มันเป็นไปได้หน่อยสิ”เธอค้อน

“ที่เป็นไปได้หรอ...อืม...ถ้าพุ่งดาบไปจริงๆ คงจะไม่พ้นยอดไม้ต้นนั้นเป็นแน่เลย”เหยี่ยวเวหาชี้ไปที่ต้นไม้ที่สูงเหนือหัวเขาเล็กน้อย

“...นี่ดูถูกกันนี่นา พี่ลองไปอยู่บนยอดไม้แล้วลองดูมั้ยล่ะ”เธอว่าพร้อมกับกางฝ่ามือออก ฉับพลันดาบสีเหลืองนวลก็ปรากฏขึ้นมา ใบหน้าของเธอดูจริงจัง อยู่ในท่าเตรียมพร้อม

“โห! แหย่เล่นแค่นี้ จะเอาจริงเลยหรอ พี่ล้อเล่นน่ะ...พี่รู้น่าว่าเพลงดาบของคีตะจันทราหาใครเปรียบยาก”เหยี่ยวเวหาทำไม้ทำมือห้ามมิให้เธอเอาจริง

สาวน้อยที่ได้ชื่อว่าคีตะจันทราวางมือลง เหยี่ยวเวหาค่อยเบาใจ แต่แล้วโดยฉับพลัน เธอก็ยกดาบขึ้นแล้วลงมือฟาดฟันคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เหยี่ยวเวหาอาศัยความไวหลบหลีกไปมา แต่เธอก็ตามประชิดไม่ลดละ เหยี่ยวเวหาจับได้ท่อนไม้อันหนึ่งมาป้องกันตัว แต่แล้วก็ถูกดาบแสงจันทร์ฟันขาดเป็นสองท่อน สี่ท่อน หกท่อน จนสั้นจู๋ เขารีบทิ้งมันไปและหลบหลีกคมดาบอย่างรวดเร็ว และแล้วปลายดาบอันแหลมคมก็มาจ่ออยู่ตรงปลายคางของเขา
เหยี่ยวเวหายิ้มแห้งๆให้เธอ

“ตกลง พี่ยอมแพ้แล้วจ้า เชื่อแล้วว่านักรบหญิงของพี่น่ะ ฝีมือดาบเป็นเลิศ”เขาพูด

คีตะจันทราลดมือลง ใบหน้าอันตึงเครียดกลับกลายเป็นรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเธอ ที่ได้แกล้งพี่ชายคนนี้   สองพี่น้องหัวเราะร่วมกันอย่างมีความสุข

“พี่หัวเราะทำไม”เธอถาม
“ก็หัวเราะตามเจ้าไง”
“หือ...พี่จะมาหัวเราะตามข้าทำไม ข้าเป็นคนแกล้งพี่นะ ข้าก็ต้องหัวเราะได้คนเดียวสิ”
“ก็พี่เห็นเจ้ามีความสุข พี่ก็มีความสุขด้วยไง ไม่ได้หรอ?”
เธอมองเขาอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง

“...ก็ได้”
แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้แก่กัน

“รีบกลับกันเถอะ ข้าหิวจะแย่แล้ว”คีตะจันทราว่า พลางเริ่มต้นเดินออกไป

“คี!...”
“หือ?”
“เรามาแข่งกันดีกว่าว่าใครจะถึงบ้านก่อนกัน ดีมั้ย?”

“โห...ใครจะไปสู้ความเร็วของเหยี่ยวเวหาได้เล่า...ไม่ต้องเลย มาให้ข้าขี่คอซะดีๆดีกว่า”คีตะจันทราย้อน พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ไหวอ่ะ ตัวโตยังกะช้าง”ว่าแล้วเขาก็วิ่งหนีกำปั้นอันเคืองค้อนของเธอ

“นี่ว่าเค้าเป็นช้างหรอ...นี่แน่ะ....เค้าออกจะตัวเล็กกว่าพี่อีก...พี่เหยี่ยวบ้า!...”
เหยี่ยวเวหาวิ่งแกมหยอกเล่นกับคีตะจันทราไปด้วยกันตลอดทางอย่างสนุกสนาน
....................................

HpJ

Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 09:00:25 PM »
ตอนที่3 ตำหนักมรกต และบุรุษลึกลับ

   ชายหนุ่มวัยแรกรุ่นคนหนึ่งกำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินของปราสาทด้วยความเร็ว ใบหน้าอันหมดจด การแต่งกายด้วยเนื้อผ้ามีราคา บ่งบอกถึงฐานะว่าเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ในปราสาทมรกตแห่งนี้ เขาเดินไปเรื่อยๆ ไม่สนใจใครที่หยุดเดินเมื่อเขาเดินผ่านและคำนับเขา

   เมื่อถึงสุดทางเดินก็มาถึงซุ้มทางเข้าตำหนักมรกตที่มีรูปปั้นประดับด้วยหยกเขียวสีเขียวกับตัวปราสาทเป็นรูปพญานาคราชตัวใหญ่ขนาบสองข้างประตูทางเข้า ดวงตานาคประดับด้วยทับทิมแบบเดียวกับเครื่องประดับบนศีรษะของชายหนุ่ม ซึ่งเดินเลี้ยวเข้าไปในห้อง ทหารองครักษ์สองนายหน้าประตู คุกเข่าถวายการเคารพ แต่เขาก็ยังไม่ แม้แต่จะมองทหารเหล่านั้น ทว่า...สายตาของเขากลับจับจ้องไปยังบุรุษเบื้องหน้า ซึ่งเป็นชายชราผู้หนึ่ง ที่นั่งอยู่บนแท่นนั่งกลาง ภายในห้อง ซึ่งแม้เขาจะเต็มไปด้วยผมและเคราสีขาว แต่ดวงตาและของเขากลับวาววับ พลางลุกขึ้นจากแท่นนั่งด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง ประตูบานใหญ่ปิดด้วยตัวของมันเองเมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

“มาแล้วหรือ จักราชันย์” ชายชราพูด
จักราชันย์ก้มหัวไหว้ทำความเคารพ

“ท่านปู่เรียกหลานมาด้วยเหตุอันใดหรือ”จักราชันย์ถาม

“อีกเจ็ดวัน เราจะมีการคัดเลือกขุนพล  นักดาบ นักธนู นักทวน นักสู้ และนักเวทย์ เข้ามาฝึก เพื่อเตรียมเข้ามาสังกัดห้าองครักษ์ และปู่ก็เห็นว่าเจ้าร่ำเรียนเพลงดาบกับปู่มาแต่เด็ก ฝีมือของเจ้าในตอนนี้หาที่เปรียบได้ยาก ดังนั้นปู่จึงอยากให้หลานเป็นผู้สอบคัดเลือกนักดาบที่มีฝีมือแทนปู่ในอีกเจ็ดวันที่จะถึงนี้”ชายชราพูด

“ขอรับ ท่านปู่”จักราชันย์รับคำ แต่เขายังคงไม่วางสายตาไปจากดวงตาสีเข้มของชายชราเช่นกัน

ชายชรายิ้มให้เขา
“เจ้ากำลังรอฟังอยู่ใช่ไหม ว่าเหตุใดเรื่องเพียงเท่านี้ข้าถึงเรียกเจ้ามาพบถึงที่นี่”
จักราชันย์พยักหน้าเล็กน้อย

“เจ้ารู้จักดาบแสงจันทร์หรือไม่”ชายชราถาม
“...ดาบอันลือชื่อว่างดงาม และทรงอานุภาพยิ่งนัก เป็นดาบคู่กายของพระมเหสีองค์ก่อนที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...แต่หลานไม่เคยเห็นของจริงเลยสักครั้ง”

“ดูในขันด้านข้างเจ้าสิ”ชายชราแนะนำ

จักราชันย์หันไปดูพร้อมกับชะโงกหน้าก้มลงดูน้ำที่อยู่ในขันทองเหลืองนั้น เขาเห็นดาบสีเงินหนึ่งที่งดงามเปร่งรัศมีส่งประกายดุจแสงจันทร์โดยรอบ เม็ดบุษราคัมตรงด้ามจับ สุกใสราวดวงจันทร์วันเพ็ญ บ่งบอกถึงความเป็นดาบชั้นเลิศ

“แล้วมันอยู่ที่แห่งใดกัน...”จักราชันย์เปรย
“นั่นแหละที่เจ้าต้องตามหา”ชายชราบอก
จักราชันย์เงยหน้าขึ้นมามองดูชายชรา ซึ่งสายตาของผู้เฒ่าบ่งบอกถึงความจริงจังในเรื่องนี้มาก

“เจ้าจงจับตาดูผู้ที่จะเข้ามาทดสอบในปีนี้ให้ดี ถ้าเจ้าเห็นว่าใครใช้มัน ให้มาบอกปู่ทันที อย่าพูดเรื่องนี้กับใคร แม้แต่กับพ่อของเจ้า จะได้หรือไม่”ชายชราพูด
“ได้...แต่ท่านปู่  คนธรรมดา จะมีดาบของอดีตราชินีอย่างนี้ได้อย่างไรกัน แล้วถึงมี พวกเขาก็คงไม่กล้าเอามาใช้โจ่งแจ้งหรอก”

“นั่นสินะ ปู่เพียงบอกให้เจ้ารู้ไว้...ไม่หวังว่าเจ้าจะเจอหรอก เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ปู่อยากจะพักผ่อนชายชราพูดเหมือนเพิ่งนึกได้ ดูท่าทีไม่ใส่ใจขัดกับตอนแรกที่ทำท่าทางจริงจังยิ่งนัก
 อีกทั้งการให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่ จักราชันย์เก็บความสงสัยไว้ในใจ พร้อมกับกราบลาก่อนจะเดินออกไป

ปู่ของเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้ และความลับมากมายเหลือเกิน บ่อยครั้งที่ชายชรามักจะพูดอะไรที่เป็นเชิงปริศนาออกมา เขารู้ดีว่าการเงียบเป็นหนทางออกที่ดีที่สุดทั้งสองฝ่าย
เมื่อประตูปิด ผนังห้องด้านหลังที่เดิมดูราบเรียบไม่มีอะไร ก็พลันปรากฏประตูหนึ่งขึ้นมา ชายวัยกลางคนค่อนปลายรูปร่างผอมสูงเดินออกมา

“ท่านวายุไฟ ข้าได้ระแคะระคายเรื่ององค์หญิงน้อยแล้วขอรับ”ชายผู้นั้นบอก

ชายชรา ผู้มีชื่อว่า วายุไฟ พยักหน้านิดหนึ่ง แล้วชายคนนั้นก็ใช้ไม้เท้าในมือชี้ไปที่แท่นนั่ง พลันก็ปรากฏวายุไฟอีกคนนั่งที่แท่นนั้น ส่วนวายุไฟตัวจริง ก็เดินนำชายผอมเข้าไปในห้องลับด้านหลัง ก่อนที่ชายผอมจะเดินตามไปและปิดประตู และกลายเป็นพื้นผนังห้องเรียบๆธรรมดาๆอีกครั้งหนึ่ง โดยมีวายุไฟที่เป็นภาพมายานั่งอ่านตำราใบลานอยู่เงียบๆ

........................................

“สวัสดีจ๊ะ แม่เฒ่า”  คีตะจันทราทักทายด้วยรอยยิ้มละไม
หญิงผู้ถูกเรียกว่าแม่เฒ่าเงยหน้าขึ้นมาดู พร้อมกับยิ้มตอบ
คีตะจันทรารีบเดินเข้าไปสวมกอดแม่เฒ่าอย่างกระหายในความคิดถึง แม่เฒ่าก็กอดเธอตอบด้วยความรักเช่นกัน

“หิวจัง คิดถึงอาหารอร่อยๆฝีมือแม่เฒ่าจัง”เธออ้อน
แม่เฒ่าหัวเราะเบาๆพร้อมลูบหัวเธออย่าเอ็นดู

“อะไรกัน บำเพ็ญสมาธิที่ถ้ำปักษาสามสิบวันนี่ไม่ได้กินอะไรเชียวหรือ”แม่เฒ่าถาม
“แหม ก็อาหารเจมันไม่อร่อยนี่จ๊ะ แถมไม่อิ่มท้องเลย”เธอบ่น

“นี่เจ้าเหยี่ยวเวหา เสียแรงบินได้เร็ว ทำไมไม่ไปหาผลไม้อร่อยๆให้น้อยกินเยอะๆล่ะนี่”แม่เฒ่าหันมาพูดเล่นงานเหยี่ยวเวหาที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากเจอกับมนต์มายาที่หน้าประตู จึงหยุดไหว้ก่อนที่จะตามคีตะจันทราเข้าไปในบ้าน

“โธ่ท่านย่า ก็หลานรักของท่านย่าน่ะ กินน้อยเสียที่ไหน ผลไม้แถวนั้นเกือบเกลี้ยงป่า”ว่าแล้วเหยี่ยวเวหาก็หลบรัศมีค้อนของคีตะจันทราที่ตวัดมือมาทางเขา พร้อมกับยิ้มขันที่ได้แกล้งเธอ

“บ้าหรอ ใครจะกินผลไม้หมดป่ากัน”คีตะจันทรามองค้อน

“อ้าว...ยังไงล่ะพี่น้องคู่นี้ไปฝึกสมาธิ เอาแต่แกล้งกันจนไม่เป็นอันฝึกรึเปล่าเนี่ย”มนตร์มายาเดินเข้ามาด้วยที่ทีจริงจัง
คีตะจันทราเมื่อเห็นก็รีบยกมือไหว้

“เปล่าจ๊ะ”คีตะจันทราตอบพร้อมกับส่งสายตายิ้มที่มีความหมายไปให้เธอ มนตร์มายายิ้มให้เธอเป็นเชิงอนุญาต คีตะจันทราก็โผเข้าไปกอดหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง

คีตะจันทราอาศัยอยู่กับครอบครัวนี้มานานมาก นับตั้งแต่เธอจำความได้เธอก็อยู่กับพวกเขามาตลอด นอกจากเหยี่ยวเวหาที่เป็นเหมือนทั้งพี่ชายและเพื่อนแล้ว ก็มีแม่เฒ่า ผู้เป็นย่า   มนตร์มายา ผู้เป็นอา ของเหยี่ยวเวหา ท่านทั้งสองสอนให้เธอและเหยี่ยวเวหาได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้ และป้องกันตัวเอง 

คีตะจันทรานั้นมีพรสวรรค์เชี่ยวชาญด้านการใช้ดาบอย่างมาก เพียงอายุ13 เธอก็เอาชนะขุนพลดาบจตุรทิศ ภาพมายาที่มนตร์มายาเสกขึ้นเพื่อเป็นคู่ประลองของเธอได้ และเมื่ออายุ16 เธอก็ได้เอาชนะเจ็ดขุนพลแห่งยอดเขาคิรินทร์นคร

แม่เฒ่าเป็นหญิงชราผู้รอบรู้เรื่องต่างๆมากมาย จนตอนเด็กๆ คีตะจันทราเคยคิดสงสัยว่าแม่เฒ่าทานตำราเป็นอาหารหรือเปล่า เพราะแม่เฒ่ารู้ไปหมดเกือบทุกเรื่อง ในห้องแม่เฒ่าเต็มไปด้วยใบลาน สาร และตำราต่างๆเต็มไปหมด ส่วนมนตร์มายา เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจัง และเข้มงวด แม้เธอจะไม่ค่อยแสดงออกเท่าใดนัก แต่คีตะจันทราก็รับรู้ถึงความรักที่ผู้หญิงคนนี้มีให้เธอ 
 
.....................................
จักราชันย์เดินเรียบทางเดินไปยังปีกซ้ายของปราสาทมรกต ลัดเลาะไปสู่ตำหนักขาวซึ่งเป็นแหล่งความรู้ที่เก็บตำรับตำราต่างๆเอาไว้มากมาย ปู่ของเขาเป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่ครั้งเมื่อราชาองค์ก่อน จักราชันย์ตั้งใจแน่วแน่เพื่อค้นหาข้อมูลของราชาองค์ก่อนให้ได้มากที่สุด

เขาเดินผ่านกลุ่มทหารปีศาจสองสามคนที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูเข้าไป เขาไม่ชอบพวกนี้เลย พวกนี้เป็นเหมือนผีดิบ มีร่างกายเหมือนมนุษย์ธรรมดาทุกอย่าง เพียงแต่ไร้ซึ่งวิญญาณความเป็นตัวเอง มันทำตามคำสั่งของพ่อเขาราชาวาโยและอัศวินปีศาจเท่านั้น เมืองเพชรรัตน์นครถูกอำนาจของอัศวินปีศาจควบคุมนับตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้แล้ว เขาจึงเกิดมาท่ามกลางเหล่ามนุษย์และปีศาจ ภายในพระนครมีเพียงสองแห่งเท่านั้นที่ไม่มีกองทหารปีศาจคอยควบคุมอยู่ นั่นก็คือปราสาทมรกตของปู่วายุไฟ และตำหนักบุษราคัมของเขา

ภายในตำหนักขาว ไร้ซึ่งผู้คน จักราชันย์ชอบที่นี่มาก นอกจากเขาและท่านปู่วายุไฟแล้ว ไม่ค่อยมีใครใช้สถานที่นี้เลย ซึ่งเป็นข้อดีที่เขาจะหมกตัวอยู่ที่นี่เป็นวันๆ นอกจากลานของตำหนักทับทิม ที่เขาใช้ฝึกเพลงดาบเป็นประจำอยู่แล้ว เขาก็ชอบอยู่ที่นี่เพื่ออ่านตำหรับตำรา ศึกษายุทธพิชัย และหาข้อมูลที่เขาอยากรู้ ดังเรื่องที่เขาตั้งใจมาหาในวันนี้นั่นเอง
..................................

HpJ

Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 09:06:18 PM »
ตอนที่4 องค์หญิงผู้สาบสูญ

“แม่เฒ่า”
คีตะจันทราเดินเข้ามาหา พร้อมกับมองไปรอบๆห้องเก็บของต้องห้าม ที่แม่เฒ่าและมนตร์มายาห้ามนักหนาไม่ให้เธอและเหยี่ยวเวหาเข้ามา มีครั้งหนึ่งที่เธอกับเหยี่ยวเวหาเคยแอบเข้ามาในนี้และถูกจับได้ จนโดนแม่เฒ่าตี(เหยี่ยวเวหาคนเดียวโทษฐานไม่ห้ามแถมยังเห็นดีเห็นงามไปกับน้องอีก)และดุเอา หนำซ้ำเธอยังถูกสั่งให้งดฝึกเพลงดาบที่เธอชอบ และให้ทำงานเย็บปักถักร้อยที่เธอแสนจะเบื่อถึงเจ็ดวัน ทำให้เธอไม่คิดสนใจว่าอะไรจะอยู่ในนั้นอีกต่อไป อีกทั้ง แม่เฒ่าบอกกับเธอว่าเมื่อถึงเวลาเธอก็จะรู้เอง และวันนี้แม่เฒ่าก็อนุญาตให้เธอเข้ามาในนี้แล้ว....

คีตะจันทรามองดูไปทั่วห้องเล็กๆ ที่ไม่เห็นจะมีอะไรสำคัญ นอกจากอาวุธเก่าๆ ตั้งหนังสือตำรา และใยแมงมุมที่ทำรังอยู่เต็มไปหมด

แม่เฒ่าหันมายิ้มให้คีตะจันทรา ก่อนที่จะเดินไปที่สุดมุมห้องพร้อมกับคว้าแมงมุมสีดำตัวเขื่องมาไว้ในมือ และเดินกลับมาหาคีตะจันทราที่ยืนมองอย่างแปลกใจในอากัปกิริยาของแม่เฒ่า

“คีตะจันทรา....ถึงเวลาแล้วสินะ ที่เจ้าจะได้รู้ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของเจ้าเสียที...”แม่เฒ่าพูดก่อนที่จะยื่นมือที่จับแมงมุมที่ผนังห้องให้คีตะจันทรา แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจที่ในมือของแม่เฒ่า แทนที่จะเป็นแมงมุมตัวใหญ่ แต่กลับกลายเป็นกล่องกลมๆสีดำแทน เธอรับไว้อย่างแปลกใจ

“เปิดดูสิ”แม่เฒ่าพูดอย่างอ่อนโยน
คีตะจันทรามองหน้าแม่เฒ่าแล้ว ก่อนจะก้มลงเปิดฝากล่องสีดำออก

แหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยอัญมณีทั้งแปด ส่องสว่างเปล่งประกายออกมา สร้างความตื่นตาตื่นใจกัยเธอยิ่งนัก คีตะจันทรารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อเห็นแหวนวงนี้

“นี่เป็นแหวนประจำราชนิกูลของกษัตริย์แห่งเพชรรัตน์นคร เป็นแหวนที่แม่ของเจ้า ฝากไว้ให้เจ้าก่อนที่นางจะจากไป”แม่เฒ่าพูดขึ้น

คีตะจันทราเงยหน้าขึ้นมองตาแม่เฒ่าอย่างตกใจ

“แหวนของแม่....หมายความว่า...”

 “เจ้าคือองค์หญิงบุษราจันทรา พระราชธิดาขององค์เหนือหัวตรีเพชรกับพระมเหสีมุกดารา หรือก็คือ องค์หญิงน้อยผู้สาปสูญที่อัศวินปีศาจความหาตัวไปทั่ว...”แม่เฒ่ากล่าว

คีตะจันทรารู้สึกเย็นวูบไปทั่วทั้งร่าง และร้อนรุ่มอยู่ในคราวเดียวกัน เธอยืนอึ้ง แน่นิ่ง เมื่อได้รับรู้ชาติกำเนิดของตนที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นนี้
..................................................

“อะไรนะ!...คีตะจันทราเป็นองค์หญิงผู้สาปสูญ!!!”เหยี่ยวเวหาอุทานเสียงดัง ก่อนจะถูกตำราใบลานที่มัดกองอยู่บนโต๊ะลอยลิ่วมากระแทกหัว

“โอ๊ย! เจ็บนะท่านอา”เหยี่ยวเวหาโวยพร้อมกับคลำศีรษะที่ถูกกระแทกแบบงอนๆ

“แล้วเจ้าจะแหกปากให้อัศวินปีศาจมาลากคอเจ้าไปหรือไง คนอย่างเจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยยังจะดีซะกว่า”มนตร์มายาบ่น

“ก็มันตกใจนี่นา....แล้ว...ทำไมอัศวินปีศาจถึงอยากฆ่าคี เฮ้ยองค์หญิงคี เอ๊ยองค์หญิง...เอ่อองค์ยิ...”

“พอเลยๆ ฟังข้าอย่างเดียวแล้วกัน อย่าถามมาก เพราะข้ากำลังจะบอกเจ้าในสิ่งที่เจ้าควรรู้”มนตร์มายาพูดเสียงอืมระอา แต่สีหน้าและแววตาของเธอกลับมองหลานชายอย่างเอ็นดูมากกว่า

“แหะๆ...งั้น ท่านอาก็พูดเลย...พูดเลย”เหยี่ยวเวหาเก้อ

“อัศวินปีศาจต้องการฆ่าใครก็ตามที่เกิดยาม9วันที่9 เดือน9และต้องเป็นในคืนพระจันทร์ทรงกลดเต็มดวง เพราะผู้ที่เกิดในวันนี้ จะมีชะตาเหนืออัศวินปีศาจ ปั่นทอนอำนาจของมัน และสามารถล้มล้างมันได้ มันจึงเริ่มส่งสมุนควาญหาเด็กที่เกิดในวันดังกล่าว และฆ่าทิ้งเสีย เพื่อมิให้เป็นพิษภัยต่อมัน”

“แล้วมันจะรู้ได้ไงว่าจะมีเด็กคลอดในวันนั้น ผู้คนมีตั้งมากมาย เด็กเกิดในวันนั้นก็มีไม่รู้สักกี่คน”เหยี่ยวเวหาตั้งข้อสังเกต

“ไม่หรอก คนที่เกิดในยาม9 วันที่9 เดือน9 ในคืนพระจันทร์ทรงกลดเต็มดวงนั้น เกิดกับเด็กเพียงสองคนเท่านั้นในรอบร้อยปีมานี้  คนหนึ่งข้าได้ข่าวว่าถูกฆ่าตายไปแล้ว ส่วนอีกคน...ก็คือ องค์หญิงบุษราจันทรา หรือคีตะจันทราเนี่ยแหละ แต่การจะฆ่าองค์หญิงไม่ใช่เรื่องง่าย   แต่ก็ไม่ยากเสมอไป เมื่อมันรู้ว่ามีอำมาตย์ที่มักใหญ่ใฝ่สูงต้องการบัลลังก์ขององค์เหนือหัวตรีเพชร พวกมันจึงร่วมมือกัน เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์และฆ่ารัชทายาทซะ และสิ่งที่ข้าไม่คาดคิดที่สุดก็คือ...วายุไฟกลับทรยศหักหลังเราไปเป็นพวกของมัน และ...”มนตร์มายาน้ำตาไหล เธอเบือนหน้าหลบเยี่ยวเวหาไปทางอื่น

“ทำไมหรือท่านอา วายุไฟจอมดาบผู้ลือชื่อน่ะหรือ”

“ใช่ วายุไฟ จอมดาบผู้เก่งกาจมากที่สุดในปฐพี และเคยเป็น...อาจารย์ขององค์มเหสีมุกดารามาก่อน”มนตร์มายาพูดกัดฟันด้วยอาการระงับความโกรธ

“เป็นอาจารย์ของพระมเหสี!...แล้วทำไม...”เหยี่ยวเวหาครุ่นคิด
.........................................................................


“ในเมื่อเสด็จแม่ให้ความเคารพไว้วางใจวายุไฟมากถึงเพียงนี้ แล้วทำไม...เค้าถึงทรยศเราได้ ไม่มีความผูกพันฉันท์ศิษย์อาจารย์กันเลยหรือไง”คีตะจันทราพูดด้วยความโกรธ งุนงง  สับสน

“อำนาจ และความรักเปลี่ยนให้คนๆหนึ่งกลายเป็นอีกคนในพริบตา.....ลูกชายคนโตของวายุไฟแต่งงานกับลูกสาวของอำมาตย์วาโย คนที่ขายวิญญาณให้กับอัศวินปีศาจเพื่อแลกกับการกุมอำนาจของเพชรรัตน์นคร...ข้าสงสัยเพียงแต่ว่า...”

“สงสัยเรื่องอะไรหรือแม่เฒ่า”คีตะจันทราซัก

“...สงสัยว่า...ทำไม...ด้วยฝีมือและความรู้ของวายุไฟถึงไม่กุมอำนาจของประมุขไว้เอง หรือไม่ก็ให้ลูกชายกุมอำนาจ แต่กลับมอบตำแหน่งนี้ให้กับอำมาตย์วาโย...”แม่เฒ่ากล่าว

“มันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ว่า คนพวกนั้นหักหลังทรยศพ่อแม่ของข้า ข้าจะต้องให้พวกมันชดใช้อย่างสาสม!!!”คีตะจันทรากล่าวด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน
...................................................................


“ท่านพ่ออินทรีฟ้าก็ตายด้วยฝีมือพวกมันหรอกหรือ...”เหยี่ยวเวหาพูด

“พี่อินทรีฟ้าใช้ความไว และวิชาบินสายฟ้า พาพระมเหสีมาที่นี่ด้วยอาการบอบช้ำแสนสาหัสทั้งคู่......ด้วยเหตุนี้พี่อินทรีฟ้าที่ใช้พลังเกินตัวจึงสิ้นใจก่อนจะได้เห็นหน้าเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย...ส่วนพระมเหสี ได้ทันมอบดาบแสงจันทร์ และแหวนเพชรรัตน์ฝากข้าให้กับองค์หญิงน้อย....ข้าทั้งโกรธทั้งเกลียดตัวเองที่ช่วยอะไรองค์มเหสีไม่ได้....ข้าเกือบจะออกไปสู้กับพวกมันเพียงลำพัง เคราะห์ดีที่แม่เฒ่าห้ามไว้ก่อน...”มนตร์มายาหยุดครู่หนึ่งแล้วหันมามองหน้าเหยี่ยวเวหาด้วยสายตาที่จริงจัง

“เหยี่ยวเวหา ตอนนี้แม่เฒ่าก็คงพูดเรื่องเกี่ยวกับองค์หญิงให้คีตะจันทราฟังหมดแล้ว ข้าแน่ใจว่านางจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไปแก้แค้นแทนพ่อแม่แน่ๆ เจ้าจะให้สัญญากับข้าได้หรือไม่ว่าจะ..”

“ไม่ต้องห่วงหรอกท่านอา ข้าให้สัญญา ว่าจะดูแลปกป้องคีตะจันทรา ด้วยชีวิตของข้าเอง!”เหยี่ยวเวหาบอกด้วยน้ำเสียงและแววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุด
...........................................................................

“คีตะจันทรา!!...เดี๋ยวก่อนคี!!!”เสียงแม่เฒ่าตะโกนเรียก

คีตะจันทราเดินผลุนผลันออกมาจากห้องเก็บของ ด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยวก่อนที่เธอจะผ่านมนตร์มายาและเหยี่ยวเวหาอย่างรวดเร็วไปที่ประตู แต่แล้วเธอก็เหมือนเดินชนกับสิ่งที่มองไม่เห็น ตรงทางออก คีตะจันทราหันมาทางมนตร์มายาอย่างรวดเร็ว

“ปล่อยข้าไปนะมนตร์มายา!”คีตะจันทราสั่ง

แต่มนตร์มายายังคงเงียบ นิ่ง ยิ่งทำให้ฝ่ายที่รุ่มร้อนรู้สึกเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ

“มนตร์มายา ข้าสั่งให้ท่านปล่อยข้าไปไงล่ะ! ข้าจะไปแก้แค้นแทนพ่อแม่ข้า”คีตะจันทราพูดพร้อมกับทุบกำปั้นไปที่ประตูที่มองไม่เห็น

มนตร์มายายังคงเงียบ ไม่เคลื่อนไหวใดๆ ยิ่งทำให้คีตะจันทรายิ่งทั้งทุบทั้งแตะ จนเธอทนไม่ไหว เดินตรงรี่เข้าไปหามนตร์มายา

“ปล่อยข้าออกไป....ได้โปรด....”คีตะจันทราพูดพร้อมพยายามสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้

“...เจ้าได้ไปแน่ คีตะจันทรา แต่เจ้าไม่ฉุกคิดหน่อยหรือ ว่าทำไมข้ากับแม่เฒ่าถึงรอมาจนถึง 18 ปี...18ปีถึงเพิ่งมาบอกเจ้า  ด้วยฝีมือและเวทมนตร์ของข้าซึ่งเจ้าก็เห็น เจ้าไม่สงสัยเลยหรือว่าทำไมข้าถึงไม่ไปแก้แค้นแทนเจ้า แทนแม่ของเจ้าตั้งแต่18ปีก่อน ทำไมข้าถึงรอมาจนถึงทุกวันนี้...”มนตร์มายาพูดอย่างสงบ ส่งผลให้คนเดือดพล่านเริ่มสงบจิตใจ และไตร่ตรองหาคำตอบ

“นั่งลงก่อนเถอะคีตะจันทรา ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้ามากมายเหลือเกิน ทั้งคำสารภาพ และคำบอกเล่า...ได้โปรดเชื่อข้าอีกสักครั้ง”มนตร์มายากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลดังเจือด้วยเวทมนตร์แห่งเสียงดนตรีอันเยือกเย็น สงบ และผ่อนคลาย ทำให้คีตะจันทราสงบอารมณ์ความรุ่มร้อนลงได้ เธอค่อยๆเดินกลับมาหามนตร์มายา แล้วทันใดนั้นเอง คีตะจันทราก็ปล่อยโฮโผเข้ากอดมนตร์มายาอย่างคับแค้นใจ

มนตร์มายาลูบหัวเธออย่างเอ็นดู และสงสารจับใจ
..........................................................

HpJ

Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 09:09:01 PM »
ตอนที่ 5 คัมภีร์ ตะวันดับฟ้าจันทราฉาย

“...องค์หญิงน้อยของข้า...ข้าเสียใจ...เสียใจจริงๆ คนที่ตายน่าจะเป็นข้า...ข้ายอมตายเสียยังจะดีกว่าที่ต้องเห็นเพื่อนรักของข้าจากไปต่อหน้าต่อตา....”มนตร์มายาพร่ำรำพัน

“....แม่ของข้า เป็นเพื่อนกับมนตร์มายากระนั้นหรือ...มนตร์มายารู้จักกับแม่ของข้า?...”คีตะจันทราผละออกจากมนตร์มายา พลางมองหน้าหญิงตรงหน้าอย่างสงสัยทั้งคราบน้ำตา

“...ใช่...ข้า กับแม่ของเจ้า...เราเป็นเพื่อนกันแต่เด็ก นางเป็นหญิงที่เชี่ยวชาญการใช้ดาบมาก ผิดแผกจากผู้หญิงที่มีความสามารถพิเศษหลายคนที่มักจะถนัดวิชาเวทย์มากกว่าวิชาการรบ นางเป็นเพื่อนที่วิเศษมาก...”มนตร์มายาเชยคางของคีตะจันทราเงยขึ้น ใบหน้าได้รูปสวยนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา คีตะจันทรารู้สึกทั้งดีใจและเศร้าหดหู่ในคราวเดียวกันเมื่อมนตร์มายาเล่าเรื่องของแม่ของเธอ

“ใบหน้าของเจ้า ทำให้ข้าคิดถึงนางเหลือเกิน ตลอด18ปีมานี้   การได้เลี้ยงดูเจ้า  ได้คอยมองเห็นการเจริญเติบโตของเจ้า  ทำให้ข้าเป็นสุขมาก...และทุกข์ใจมากในคราเดียวกัน...เจ้าเปรียบดั่งบุตรสาวของข้า...”เธอกลืนน้ำลายลงคอ เริ่มพูดไม่ออก

“ข้าก็รักมนตร์มายาเหมือนแม่ของข้าคนหนึ่ง”คีตะจันทราบอกเธอเช็ดน้ำตาให้หญิงตรงหน้า
มนตร์มายาคว้ามือเธอมากุมไว้

มนตร์มายายิ้มให้เธอน้ำตาแห่งความปีติไหลรินอาบแก้ม
“ข้ารับไม่ได้หรอกองค์หญิงของข้า  เจ้ายิ่งทำให้ข้ารู้สึกผิด ที่ส่งมอบภาระอันใหญ่หลวงนี้ให้เจ้า...”มนตร์มายากล่าว

“ไม่หรอก ข้ารู้...แต่มันเป็นชะตาของข้า มิใช่ท่านกำหนดให้ข้าแต่อย่างใด” คีตะจันทรากล่าวปลอบใจมนตร์มายา

“คีตะจันทรา...เป็นชะตาของเจ้า...ที่ต้องเป็นคนกำจัดอัศวินปีศาจ”

“ข้าจะฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง รวมทั้งวายุไฟด้วย”คีตะจันทราพูดอย่ามุ่งมั่น

“เจ้ารู้หรือไม่ ที่ข้าเป็นทุกข์นั้น คือหนทางที่จะให้องค์หญิงน้อยของข้า...หลานรักของข้า...และลูกสาวของข้า...ซึ่งก็คือเจ้า...ไปเสี่ยงชีวิต...... มันช่างทรมานจิตใจของข้ายิ่งนัก”

“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”คีตะจันทราบอก

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก นั่นทำให้ข้าหนักใจและเป็นทุกข์ยิ่งนัก   วายุไฟขึ้นชื่อว่าเป็นนักดาบที่เก่งที่สุด ฝีมือของเขา ข้ารู้ดี และฝีมือของเจ้า ข้ายิ่งรู้ดี....”

“แล้วฝีมือของข้าพอจะต่อกรกับวายุไฟได้มั้ยจ๊ะ”

มนตร์มายาไม่ตอบ เพียงแต่หลบสายตาไปทางอื่น คีตะจันทราพอจะเข้าใจในคำตอบ

“แต่ถึงยังไง ข้าก็ขอยืนยันว่าข้าจะสู้ให้ถึงที่สุด แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม!”คีตะจันทรากล่าว อย่างมุ่งมั่น

“เจ้ายังมีพี่อีกคนนะอย่าลืม ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายง่ายๆหรอก อย่างน้อยใครที่จะมาทำร้ายเจ้า ต้องข้ามศพพี่ไปก่อน”เหยี่ยวเวหาพูดขึ้นมา

คีตะจันทรายิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ
“ข้าดีใจที่ได้ยินประโยคนี้ของเจ้า เหยี่ยวเวหา เจ้าสมเป็นลูกชายของอินทรีฟ้าจริงๆ”แม่เฒ่าพูด แล้วหันไปมองคีตะจันทรา

“แม้ว่าเจ้าจะมีชะตาเหนืออัศวินปีศาจ แต่ถ้าไร้ฝีมือ ก็เท่ากับไปให้มันฆ่า ขนาดวายุไฟผู้ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านเพลงดาบ ฝีมือร้ายกาจหามีผู้ใดต่อกรได้ไม่ แต่ก็ยอมศิโรราบให้อัศวินปีศาจอย่างหมดรูป...ส่วนเจ้า คีตะจันทรา ฝีมือเพลงดาบเจ้าแม้ตอนนี้เจ้าจะคิดว่าเก่งกาจหาผู้เสมอเหมือนได้ยาก แต่...ตอนนี้ฝีมือของเจ้ายังห่างชั้นวายุไฟมาก”แม่เฒ่าสาธยาย

“มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นความหวังของเราก็คือคัมภีร์ตะวันดับฟ้าจันทราฉาย ที่พอจะต่อกรกับวายุไฟได้”มนตร์มายาพูด พลางหันมาเผชิญหน้าคีตะจันทราอีกครั้ง

“คัมภีร์ตะวันดับฟ้าจันทราฉาย...เป็นคัมภีร์ที่ว่าด้วยกระบวนเพลงดาบที่ไร้เทียมทาน นักดาบที่รู้เรื่องของมันต่างดิ้นรนไขว่คว้า  แย่งชิง เพื่อที่จะได้ฝึกส่วนเสี้ยวของเพลงดาบ  แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถฝึกมันได้สำเร็จ นักดาบชั้นปลายแถว ฝีมือไม่ถึงขั้น เมื่อฝึกคัมภีร์นี้แล้วต่างก็จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ  ไม่ก็ธาตุไฟเข้าแทรกตายไปนักต่อนัก แม่ของเจ้าก็เคยฝึก แต่ถึงขั้นที่สามเท่านั้น มีเพียงผู้เดียวที่ฝึกถึงขั้นห้าได้ ก็คือวายุไฟคนเดียวเท่านั้น”

“แล้วคัมภีร์ทั้งหมดมีกี่ขั้นกันล่ะ”เหยี่ยวเวหาถาม

“เก้าขั้น”แม่เฒ่าตอบ

“จะเกี่ยวกับคนที่เกิดวันที่เก้าเดือนเก้ายามเก้าด้วยรึเปล่านะ”คีตะจันทราตั้งข้อสังเกต

“มันเป็นความหวังของเราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่จะโค่นล้มทั้งวายุไฟ และอัศวินปีศาจลงได้ ก็คือเจ้า และคัมภีร์ตะวันดับฟ้าจันทราฉาย...ที่เจ้าจะต้องตามหามาให้ได้”

“แล้วตอนนี้คัมภีร์นี้อยู่ที่ไหนกันล่ะอย่าบอกนะว่าอยู่ที่...”

“ข้ากับแม่เฒ่าใช้เวลา18ปี เพื่อดูแลเจ้าและตามหาข่าวของคัมภีร์นี้ ใช่ มันยังอยู่ในความคุ้มกันของวายุไฟ”

“ทำไมอัศวินปีศาจไม่ทำลายคัมภีร์นี้ล่ะ”

“อัศวินปีศาจรู้เพียงแต่ว่า คนที่เกิดยามเก้า วันที่เก้า เดือนเก้า จะเป็นผู้โค่นล้มอำนาจบัลลังก์ของมัน แต่มันไม่รู้นี่ว่าผู้ที่จะโค่นล้มมันนั้น อยู่ในสายสรรพาวุธไหน โดยความเห็นของข้า อัศวินปีศาจเป็นผู้ใช้เวทย์สายปีศาจ มันอาจจะคิดว่าผู้โค่นล้มมันจะเป็นนักเวทย์ก็เป็นได้...ถ้าโชคเข้าข้างเรา พวกมันจะต้องคิดว่า ทายาทขององค์เหนือหัวตรีเพชรผู้ใช้เวทย์น่าจะมีความสามารถตามแบบพ่อมากกว่าตามแบบแม่ โดยเฉพาะผู้หญิงมักจะเชี่ยวชาญทางด้านนี้มากกว่าชาย แต่ก็นั่นแหละ อาจจะเป็นข้อยกเว้นสำหรับบางคน....พ่อของเจ้าเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจมากเลยทีเดียว”มนตร์มายาพูดพร้อมแสดงสายตาแห่งความชื่นชมออกมาเมื่อพูดถึงเหนือหัวตรีเพชร

“สิ่งสำคัญที่เจ้าต้องทำคือ หาทางเอาคัมภีร์มาให้ได้ แล้วฝึกมัน ข้าเชื่อว่าผู้มีชะตาเหนืออัศวินปีศาจจะต้องฝึกเพลงดาบในคัมภีร์ตะวันดับฟ้าจันทราฉายได้”

“แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าวายุไฟมันเอาคัมภีร์ซ่อนไว้ที่ไหน”เหยี่ยวเวหาถาม

“อันนี้ ทั้งข้าและแม่เฒ่าก็มิอาจรู้ได้ แต่ข้ามีแผน...แผนการที่ทั้งเจ้าทั้งสองคนจะต้องเสี่ยง โดยเฉพาะเจ้า คีตะจันทรา...ข้าไม่มีทางเลือกอื่นเลยจริงๆ”มนตร์มายามองเธอสีหน้าเศร้า

“ข้ายินดี และเต็มใจ บอกข้ามาเถอะว่าท่านมีแผนว่าอะไร”

“วายุไฟมีศิษย์เอกคนหนึ่ง ซึ่งเขาไว้ใจมาก และเป็นคนสอนเพลงดาบให้ ซึ่งคนนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า พวกเจ้าจะต้องเข้าทางเขาเท่านั้น”

“แล้วศิษย์เอกของวายุไฟคือใครหรือ”

“องค์ชายจักราชันย์ หลานชายคนเดียวของอำมาตย์วาโยและวายุไฟ”

“หมายความว่าไง จะให้เราสองคนไปตีสนิทกับองค์ชายเลยหรอเนี่ยท่านอา”

“ภาระนี้คงต้องลำบากเจ้าแล้ว คีตะจันทรา”มนตร์มายาพูดสายตาของนางบ่งบอกถึงความหนักใจและรู้สึกผิด

คีตะจันทราสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะถามตอบ
“แล้วเราจะเข้าไปได้ยังไง ที่นั่นเป็นราชวังใหญ่ คนของอัศวินปีศาจก็เต็มไปหมด”

“ข้อนี้ไม่ต้องห่วง อีกสามวันจะมีการคัดเลือกตัวสี่ขุนพลนักรบสายต่างๆ ผู้มีฝีมือจากแคว้นต่างๆจะไปรวมตัวกันที่นั่นเพื่อทดสอบ เราจะใช้โอกาสนี้เข้าไปอย่างไม่มีใครสงสัย”

“คงมีแต่คนมีฝีมือ แต่ไม่มีสมองน่ะสิ ถึงจะไปรับการคัดเลือกไปเป็นทาสของเจ้าอัศวินปีศาจ”เหยี่ยวเวหาว่า

“คนที่ได้รับเลือก จะได้ทั้งเงินทอง และพลัง อำนาจ ชื่อเสียง ถ้าทำงานจนเป็นที่ถูกใจ อัศวินปีศาจก็จะยกตำแหน่งเจ้าเมืองใดสักเมืองภายใต้อาณานิคมให้ปกครอง”

มนตร์มายายื่นแหวนทองคำขาวเกลี้ยงวงหนึ่งให้เธอ

“คีตะจันทรา  แหวนวงนี้สามารถเชื่อมต่อจากตัวเจ้าถึงตัวข้าได้จงสวมไว้กับกายตลอดเวลา  เมื่อเกิดอันตรายจวนตัว  เพียงแค่เจ้าหมุนสามรอบ ข้าก็จะรับรู้ถึงอันตรายของเจ้า และรีบไปช่วยเจ้าในทันที”มนตร์มายาบอก

“ขอบใจมนตร์มายา ข้าจะสวมมันไว้ตลอด เหมือนมีแม่ของข้าคอยปกป้องข้าถึงสองคน แค่นี้ ต่อให้ต้องทุกข์ยากลำบากแค่ไหนข้าจะต้องทำให้สำเร็จ”

“แต่แหวนเพชรรัตน์เจ้าต้องเก็บไว้ให้ดี อย่าให้ใครเห็นเป็นอันขาดล่ะ มิเช่นนั้นตัวตนของเจ้าอาจถูกเปิดเผยได้”

“ได้ข้าจะเก็บไว้ให้มิดชิดที่สุด”คีตะจันทรากล่าว

“เอาอย่างงี้สิ”แม่เฒ่าพูดก่อนจะจับมือข้างที่สวมแหวนเพชรรัตน์ขึ้นมา หล่อนจับที่แหวนนั้นพลัน แหวนเพชรประดับพลอยทั้ง7 ก็กลายเป็นแค่แหวนผ้าธรรมดาๆวงหนึ่งเท่านั้น

“อย่างงี้คงจะปลอดภัยกว่า และไม่มีใครดักปล้นด้วย”แม่เฒ่ากล่าว

“โธ่แม่เฒ่า โจรที่ไหนจะมากล้าขโมยของคีได้ล่ะ มีหวังโดนเจี๋ยนก่อนแน่ แหงมๆ”เหยี่ยวเวหาพูดกึ่งขบขัน ทำให้บรรยากาศที่เคร่งเครียดนั้นกลับมาเป็นบรรยากาศที่ครื้นแครง และผ่อนคลายมากขึ้น
.............................................

ออฟไลน์ saung

  • *
  • 22
  • 0
    • อีเมล์
Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2009, 09:21:04 PM »
มาต่อเร็วๆนะพี่HpJรออ่านอยู่ค่ะ
ชอบมากมาย

ออฟไลน์ กันย์ณภัทร

  • *
  • 2248
  • -1
  • จงปลดโซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ด้วยคมดาบแห่งใจตน
Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2009, 09:52:33 PM »
อ่า...พี่จำไม่ได้ว่าเคยเอาเรื่องนี้ลงในนี้แฮะ-*-

ต้องขอโทษทีน๊า คือแบบว่าเรื่องนี้ตอนนี้พี่หยุดอัพไปชั่วคราวอ่า อาจจะจนกว่าแก้วนพเก้าจบ

แบบว่าเคยแต่ตอนหลังจากนี้แล้วลืมเซฟที่แต่งมาหายไปเยอะเลย(วั้นนั้นดันขยัน) แล้วมันก็เลยเกิดอาการช็อค และไม่มีอารมณ์แต่งต่อ
แล้วก็มาติดฟิกY และติดแต่ง แก้วนพเก้า เลยงดแต่งเรื่องนี้ไปอ่ะค่ะ

ขอบคุณที่ชอบนะคะ แต่ว่า..กันย์ยังไม่มีเวลา+ไอเดียแต่งเรื่องนี้เลยค่ะ แม้จะวางพล็อตไว้หมดแล้ว แต่มันต่อไม่ได้อ่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2009, 09:53:07 PM โดย HpJ »

ออฟไลน์ sk

  • อดีตก็คือวันวานที่ผ่านไป
  • *
  • 839
  • 1
  • เพศ: หญิง
  • ทางเดินย่อมไม่มีวันสิ้นสุด
Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 11:33:15 AM »
ไม่เป็นไรค่ะพี่กันย์คนเก่ง ค่อยๆแต่งไปนะค่ะ น้องเห็นด้วยว่าให้แก้วจบก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาเริ่มต้นกันใหม่ ยังไงน้องคนนี้จะรออ่านคีตะของพี่กันย์คนสวยอยู่เสมอนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆๆ +555+  :icon_sad:

ออฟไลน์ saung

  • *
  • 22
  • 0
    • อีเมล์
Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2009, 10:02:31 PM »
เรื่องนี้พี่กันย์เคยแต่งไว้ในเว็บเด้กดีป่ะคะ
ถ้ามีขอลิ้งค์เว็บหน่อยสิคะ
คือแบบว่าอยากอ่านอ่ะ อ่านแบบนี้มันแปลกๆอ่ะ   ตัวเล็ก
แต่พี่กันย์แต่งสนุกนะคะ   จะเป้นกำลังใจให้น้าค้า :(

ออฟไลน์ กันย์ณภัทร

  • *
  • 2248
  • -1
  • จงปลดโซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ด้วยคมดาบแห่งใจตน
Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2009, 10:12:51 PM »
เรื่องนี้พี่กันย์เคยแต่งไว้ในเว็บเด้กดีป่ะคะ
ถ้ามีขอลิ้งค์เว็บหน่อยสิคะ
คือแบบว่าอยากอ่านอ่ะ อ่านแบบนี้มันแปลกๆอ่ะ   ตัวเล็ก
แต่พี่กันย์แต่งสนุกนะคะ   จะเป็นกำลังใจให้น้าค้า :(


อ่าใช่จ้า แต่ในนี้และในเว็บเด็กดีมันก็มีตอนเท่าๆกับในนี้อ่ะจ่ะนู๋ แบบพี่ไม่ได้อัพเลยแม้แต่น้อยในเว็บ (นอกจากในเวิร์ดอ่ะนะที่มีครึ่งตอนใหม่55+)
ลิ้งค์ในเด็กดี>>> http://writer.dek-d.com/hp_kun/story/view.php?id=317765   ***ขอเตือนนะว่ามันมีแค่นี้จริงๆ

เอางี๊ไว้พี่หาเวลาว่างได้ (น่าจะช่วงธันวา52เป็นอย่างเร็ว และมกรา53เป็นอย่างช้า?)    พี่จะมาแต่งต่อนะจ๊ะ^^ ความจริงพี่ก็ไม่ค่อยอยากทิ้งเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะคิดพล็อตเรื่องนานมากกว่าจะออกมาเป็นรูปร่าง และก็ กลัวว่าตัวเองจะลืมโครงเรื่องต่างๆไปหมด (แค่นี้ก็ชักจะเลือนๆ-*-)

สัญญาว่าไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนค่ะ แต่ รอนานหน่อยนะจ๊ะ^^ โทษน๊า~

พี่มีเรื่องแนะนำด้วย คนนี้เค้าแต่งได้ดีนะ ภาษาสวย(กว่าพี่เยอะ)แต่เป็นแนวแฟนตาซีไทยๆเหมือนกันสนใจลองไปอ่านดูนะจ๊ะ ชื่อเรื่องอดีตภพ
http://writer.dek-d.com/karabuningnarak/writer/view.php?id=216828

ออฟไลน์ saung

  • *
  • 22
  • 0
    • อีเมล์
Re: คีตะจันทรา
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2009, 09:22:09 PM »
พี่กันย์รีบมาแต่งต่อนร๊ะ
จะรออ่ะ  สนุกอ่ะชอบบบบ :P
แล้วอีกเรื่องที่พี่กันย์แนะนำอ่ะ
ชื่อเรื่องไรอ่ะ  หาชื่อเรื่องไม่เจอง่ะ