ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #180 เมื่อ: มีนาคม 04, 2013, 08:04:23 PM »
นางผมหอม
พระเจ้ารัตนะ - เจษฎา รุ่งสาคร
นางผมหอม - ธัญธารีย์ โรจนเรืองไชย
นางลุน - นภิศา ป้อมเสน

-จิ้นนี้พี่กาฬจุดประกายครับบอกว่าพี่ต้องยังไม่เคยโดนจิ้นบทเด่นๆเลย ผมเลยจัดให้



เรื่องย่อ.....

    นานมาแล้ว ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง แต่งงานอยู่กินกันมาตั้งนาน แต่ก็ยังไม่มีลูกสักกะที จึงไปบนบานขอต่อเทวดา และในที่สุด ก็ตั้งครรภ์ และคลอดลูกเป็นเด็กหญิงน่ารักคนหนึ่ง ตั้งชื่อว่า เทวี เด็กหญิงนั้น ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ด้วยความรัก จากพ่อแม่ทั้งสอง จนเติบใหญ่เป็นสาว

อยู่มาวันหนึ่ง นางสาวเทวี ได้เข้าป่าไปหาของป่าและอาหาร วันนั้น เข้าไปในป่าลึกกว่าปกติ น้ำที่เตรียมมาได้หมดลง นางกระหายน้ำมาก ขณะที่เดินหาแหล่งน้ำอยู่ บังเอิญเหลือบไปเห็น น้ำที่ขังอยู่ในรอยเท้าโค จึงก้มลงดูดกินน้ำนั้น ก็ให้รู้สึกหอแห้งกระหายยิ่งขึ้น คือกินแล้วยิ่งไม่อิ่ม จากนั้นนางก็มองเห็นน้ำที่ขังอยู่ในรอยเท้าช้างดูใสสะอาด ก้มลงดื่มกินน้ำนั้น ก็ให้รู้สึกชุ่มฉ่ำคอยิ่งนัก จึงดื่มกินจนอิ่ม ความหิวกระหายนั้นก็หายไป

นางกลับมาถึงบ้าน จากนั้นไม่นาน ก็ตั้งครรภ์ โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กในท้อง พ่อแม่ก็พยายามถามไถ่หาความจริง นางก็เล่าให้ฟังตามที่เป็นจริง และบอกว่าสงสัยเด็กคงเป็นลูกของพญาช้างหรือไม่ก็พญาโค พ่อแม่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ขอให้ได้หลานก็พอใจแล้ว ครบเก้าเดือน นางคลอดลูกเป็นเด็กหญิงแฝดสองคน คนพี่ให้ชื่อว่า นางผมหอม เพราะผมของนางมีกลิ่นหอมตั้งแต่แรกเกิด คนน้อง ให้ชื่อว่า นางลุน เพราะเป็นน้อง นางผมหอม เป็นคนนิสัยดี โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ผิดกับนางลุนซึ่งเป็นคนขี้อิจฉา ใจร้าย ชอบรังแกคนอื่น รวมถึงชอบรังแกและแกล้งนางผมหอมอยู่เสมอ

นางผมหอมและนางลุน ค่อย ๆ เติบโต ตามวัย เมื่อยังเป็นเด็ก ไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ก็จะถูกล้ออยู่เสมอว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อ กระทั่งโตเป็นสาว ก็ยังถูกล้ออยู่ ในที่สุดทนไม่ไหว ทั้งสองจึงตัดสินใจไปถามความจริงกับแม่

นาวเทวี เล่าความจริงให้ฟัง ว่าได้ไปดื่มน้ำในรอยเท้าโคและรอยเท้าช้างในกลางป่า กลับมาก็ตั้งครรภ์ พ่อของพวกเจ้าก็คือ พญาช้าง และพญาโค แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นลูกโค ใครเป็นลูกช้าง นางผมหอมและนางลุน จึงขออนุญาตมารดาออกตามหาบิดาในป่า รบเร้าบ่อย ๆ เมื่อมารดาอนุญาต ทั้งสองจึงออกเดินทางเข้าป่าตามทางที่มารดาบอก

เดินทางมาหลายวัน ในที่สุด ทั้งสองก็ต้องเผชิญหน้ากับ พญาช้างใหญ่เชือกหนึ่ง พญาช้างเห็นทั้งสองเข้าคิดว่าเป็นพวกมนุษย์ที่บุกรุกเข้ามา จึงจะฆ่าเสีย นางผมหอมผู้เป็นพี่ จึงร้องไห้อ้อนวอนขอชีวิต พญาช้างเกิดความสงสัยว่า เหตุใดหญิงทั้งสองจึงเข้ามาในป่าผิดวิสัยหญิงยิ่งนัก

นางผมหอมจึงเล่าให้ฟังว่า พวกนางเป็นลูกของแม่เทวี กับพญาช้างและพญาโค ซึ่งนางลุนก็ชิงพูดว่า ตนเองเป็นลูกของพญาช้าง ส่วนนางผมหอมเป็นลูกของพญาโค หากจะฆ่าก็จงฆ่านางผมหอมเถิด

นางผมหอมพูดว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครเป็นลูกช้าง ใครเป็นลูกโค พวกนางเพียงแต่อยากพบพ่อจึงอุตสาห์ดั้นด้นเข้าสู่ป่าใหญ่ ก่อนจะฆ่านาง ขอให้นางได้พิสูจน์ตัวเองก่อน ถ้านางไม่ใช่ลูกช้างจริงจะฆ่าก็ยอม

พญาช้างจึงกล่าวว่า ยินยอมให้พิสูจน์ โดยหากใครปีนงวงขึ้นขี่คอได้ คนนั้นนั่นแหละคือลูก ว่าแล้วพญาช้างก็ตั้งจิตอธิษฐานตามนั้น แล้วยืนนิ่ง ๆ นางลุน มั่นใจนักว่าตัวเองเป็นลูกช้าง รีบปีนขึ้นงวง หมายจะขึ้นหลังช้างให้ได้ เพราะนางเป็นลูกโค แม้พยายามอย่างไร ก็ไม่อาจจะปีนขึ้นได้ มีแต่ลื่นตกลงมาดังเดิม พญาช้างจึงบอกให้พอก่อน

นางผมหอม กลับปีนขึ้นได้อย่างง่ายดาย และนั่งอยู่บนคอช้างได้สำเร็จ ส่วนนางลุนเห็นว่านางผมหอมปีนขึ้นได้อย่างง่ายดาย จึงอยากลองดูใหม่ แม้พญาช้างห้ามก็ไม่ฟัง นางลุนก็ยังปีนขึ้นไม่ได้ ในที่สุดพญาช้างจึงใช้เท้ากระทืบนางลุนตาย และนำนางผมหอมผู้เป็นลูกไปยังที่อยู่ของตน ให้บริวารนำหินมาสร้างปราสาทหิน ให้เป็นเรือนที่อยู่ของนางผมหอม เรียกว่าปราสาทนางผมหอม

นางผมหอม แม้จะดีใจที่ได้พบพ่อ แต่ก็สงสารนางลุนผู้น้องสาว ร้องไห้มาตลอดทาง แต่ก็ไม่กล้าต่อว่าอะไรพญาช้างผู้บิดา ได้แต่ติดตามช้างดูแลปรนนิบัตินางผมหอมเป็นอย่างดี ด้วยความรักในธิดา เมื่อนางผมหอมต้องการไปไหน ก็ให้ขี่คอไป นางผมหอม อาศัยอยู่ในป่ากับพญาช้างเป็นเวลาหลายปี นางเป็นมนุษย์อยู่คนเดียว รู้สึกเหงามาก ทั้งตนเองก็เป็นสาวแล้ว อยากมีผู้ชายใครสักคน เป็นเพื่อนใจ จึงออกอุบายเพื่อให้ได้ชายผู้เป็นเนื้อคู่ตน

วันนั้น นางผมหอม ไปอาบน้ำที่แม่น้ำเช่นเคย เตรียมผอบไปด้วย นางถอนผมตัวเองออกมา 1 เส้น บรรจงม้วนใส่ลงไปในผอบนั้น ผมของนางยาวจนถึงประมาณสะโพกทีเดียว และด้วยบุญเก่าของนาง นางจึงมีผมที่หอมอยู่เป็นนิจ เมื่อใส่ผมลงในผอบปิดฝาเรียบร้อยแล้ว นางได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า

“ผอบนี้ จงลอยน้ำไป ขอกลิ่นหอมของเส้นผมอย่าได้จางหาย ขอให้ชายที่เป็นเนื้อคู่เท่านั้นสามารถที่จะเก็บผอบนี้ได้ คนอื่น ๆ แม้พบเห็นหากไม่ใช่เนื้อคู่แล้วไซร้ ขอให้เก็บเอาไม่ได้เถิด หากชายที่เป็นเนื้อคู่เก็บได้แล้ว ขอให้มีใจมั่นที่จะออกตามหาตัวเราจนได้พบกันเถิด”

เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้ว ก็ปล่อยวางผอบลงแม่น้ำ ผอบนั้น ได้ลอยตามน้ำไปเรื่อย ๆ จนไปถึงเมืองรัตนา ก็ลอยวนเวียนไปมาอยู่แถว ๆ ท่าน้ำ ด้านหน้าพระราชวัง

เมืองรัตนา มีกษัตริย์หนุ่มรูปงามคนหนึ่งปกครองต่อจากบิดาของตน นามว่าพระเจ้ารัตนะ ยังไม่มีพระมเหสี วันนั้นพระองค์กับเหล่าบริพารเสด็จไปเล่นน้ำอยู่ท่าน้ำนั้นพอดี เมื่อผอบนั้นลอยมาถึง กลิ่นหอมแห่งผมก็กำจรขจายไปทั่วบริเวณ ทั้งพระราชาและเหล่าบริพารต่างได้กลิ่นหอมประหลาดนั้นซึ่งแตกต่างจากกลิ่น หอมที่เคยสูดดมอยู่ทุกวัน พอดีเหล่าบริพารแลเห็นผอบน้อยนั้นลอยอยู่กลางน้ำ สงสัยว่ามันคืออะไร จึงต่างว่ายน้ำเข้าไปเพื่อที่จะเก็บเอา แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะเก็บเอาได้ สร้างความประหลาดใจแก่พวกเขายิ่งนัก จึงมากราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระองค์จึงทรงใคร่ลองด้วยพระองค์เองบ้าง จึงว่ายน้ำเข้าไป และเก็บได้อย่างง่ายดาย สร้างความอัศจรรย์ใจแก่เหล่าบริพารยิ่งนัก

พระเจ้ารัตนะ ทราบว่ากลิ่นหอมต้องมาจากของในผอบนี้เป็นแน่แท้ ขึ้นฝั่งมาเปิดผอบออกดู จึงพบเห็นเพียงเส้นผมยาว ๆ สีดำขลับเงางามเส้นหนึ่ง เส้นผมยิ่งส่งกรุ่นกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว พระองค์คิดว่า เส้นผมนี้ คงเป็นผมของเทพธิดากระมัง ถึงได้หอมปานนี้ หรือหากเป็นของมนุษย์ ผู้หญิงคนนั้น ต้องเป็นคนมีบุญมากเป็นแน่แท้ เอาเถิด เราจะออกตามหานางให้พบ นำมาเป็นพระมเหสีให้จงได้

พระเจ้ารัตนะ ฝากบ้านเมืองไว้กับเหล่าบริพารที่ไว้ใจ ออกเดินทางไปผู้เดียว ทวนกระแสน้ำขึ้นไปตามทางที่ผอบล่องลอยลงมา โดยไม่ลืมที่จะนำผอบเส้นผมติดตัวไปด้วย เดินทางรอนแรมมานานหลายวัน ในที่สุดก็มาถึงบริเวณที่อยู่ของนางผมหอม พระองค์สูดได้กลิ่นกรุ่นหอมแรงชัดยิ่งขึ้น จึงแน่พระทัยว่า เจ้าของเส้นผมต้องอาศัยอยู่บริเวณนี้

พอดีวันนั้น พระยาช้างพร้อมบริวาร ออกหากิน นางผมหอมอยู่คนเดียว พระเจ้ารัตนะเดินทางตามกลิ่นแห่งเส้นผมมาเรื่อย ๆ จนมาถึงท่าอาบน้ำนางผมหอม ขณะนั้น นางผมหอมกำลังอาบน้ำอยู่ เมื่อทั้งสองพบกัน ด้วยอำนาจบุญที่เคยทำร่วมกันไว้ให้เป็นเนื้อคู่กัน ทั้งคู่ก็เกิดความรักแรกพบทันทีอยู่ในใจ เมื่อพูดคุยถามไถ่จนได้ความจริงของกันและกันแล้ว นางผมหอมจึงพาพระเจ้ารัตนะไปบนปราสาทหิน ร่วมทานอาหาร และอยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นมา โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามพระเจ้ารัตนะลงจากปราสาทโดยเด็ดขาด เพราะกลัวพญาช้างจะทราบเรื่องแล้วฆ่าเสีย

แม้พระยาช้างจะได้กลิ่นมนุษย์คนอื่นที่ไม่เหมือนกลิ่นนางผมหอม แต่ด้วยเกรงใจลูกจึงไม่ได้ถามและขอค้นดูในปราสาท เป็นแต่แบกความสงสัยไว้และคอยจับจ้องดูอยู่ภายนอก

อยู่ไปอยู่มา ทั้งคู่เกรงว่า หากพญาช้างจับได้จะเกิดอันตราย จึงวางแผนหนี เพื่อจะกลับไปครองเมืองรัตนาดังเดิม และในที่สุด ก็หนีออกมาได้ ในวันที่พระยาช้างพร้อมทั้งบริวารทั้งหมดออกหากินไกล ๆ ล่องเรือ รอนแรมไพรไปจนถึงเมืองรัตนา ขณะที่กำลังเดินทางและพักแรมจนกว่าจะถึงเมือง นั้น ปรากฏว่าเส้นทางนั้นมีนางผีป่าเฝ้าอยู่และเกิดความเสน่หา ในพระเจ้ารัตนะ เมื่อนางผมหอมอาบน้ำจึงถูกนางผีป่าผลักตก น้ำไปและนางผีป่าก็แปลงตนเองเป็นนางผมหอมแทน

เมื่อถึงพระนครนางผีป่าก็เข้าอยู่ในวังด้วยในช่วง ระยะ เวลาหนึ่ง แต่เนื่องจากพฤติกรรมของนางผีป่าแปลง แตกต่างกันกับนางผมหอมจริง เมื่อพระเจ้ารัตนะทราบความ จริง จึงหาทางกำจัดนางผีป่าและไปรับนางผมหอมมาอยู่ด้วย

พระเจ้ารัตนะได้แต่งตั้งนางผมหอมเป็นพระอัครมเหสี และอยู่ครองรักกันอย่างมีความสุข

Cr. http://www.baanjomyut.com/library_2/nangpomhom/index.html

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #181 เมื่อ: มีนาคม 05, 2013, 08:55:02 AM »
สวยทุกเรื่องเลยค่ะ ชอบ แก้วหน้าม้า กับ นางผมหอมสุดเลยอ่ะ ชอบช้างในนางผมหอมมาก

ออฟไลน์ lovely

  • *
  • 292
  • 0
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #182 เมื่อ: มีนาคม 06, 2013, 04:00:49 PM »
ไม่ได้เข้ามาซะนาน ภาพสวยๆเพิ่มขึ้นเยอะมากกก หน้าที่ของเราก้อคือ ตามเก็บ555
ชอบมณีนพเก้าของพี่กันย์จัง พี่จิ้นได้เหมาะมาก โดยเฉพาะรัตนาวดี พี่กุ๊กกิ๊กเหมาะสุดกับบทนี้
นางสิบสองกับพระรถแล้วก้อพระสุธน มโนห์รา ก้องาม ชอบฟ้อนต์กับสไตล์ของนางสิบสองจัง
ของพี่วีก้อสวยทุกภาพนะ ที่ชอบสุดคือ ขวานฟ้าหน้าดำ อะ

จะติดตามเรื่อยๆค่ะ สู้ๆนะคะทุกคน :icon_neutral:

ออฟไลน์ king

  • *
  • 12
  • 0
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #183 เมื่อ: มีนาคม 10, 2013, 01:35:00 PM »
 ;D ชอบนางผมหอมมากๆค่ะ ภาพสวยมากๆ แต่ขวานฟ้าหน้าไม่เห็นดำเลย อิอิ ขอบคุณที่ทำผลงานดีๆออกมาเชยชมค่ะ

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #184 เมื่อ: มีนาคม 12, 2013, 11:35:31 PM »
สุริยัน จันทรา
สุริยัน - เอกราช กฤตสิริทิพย์
จันทรา - สุทัศสรณ์ สัจจะภูริภูมิ
อินทิรา - วสุ ประทุมรัตน์วัฒนา
มารตี - นันทรัตน์ ชาวราษฎร์


ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #185 เมื่อ: มีนาคม 14, 2013, 06:08:24 PM »
สุริยัน จันทรา โอ้จำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว แต่เจ้าชายไพรงามเนียนสวยค่ะ ตรีแปลกๆอ่า แต่ชอบอารมณ์นี้นะ อยากดูอีก

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #186 เมื่อ: มีนาคม 14, 2013, 07:36:30 PM »
สวยมากจ้าน้องวี น้องเอนี่เนียนดี แต่คิดว่า ถ้าช่องเจ็ดทำ อาจจะทะเล ก็ได้ แต่ก็อยากให้สามเศียรทำแนวภาระตะบ้าง ช่วงหลังๆ ไม่เคยทำเลย เรื่องสุดที่ทำ มโหสถรึเปล่าหว่า

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #187 เมื่อ: มีนาคม 15, 2013, 05:42:53 PM »
น้ำใจแม่
มณี - วสุ ประทุมรัตน์วัฒนา
ผกากรอง - มินท์ธิตา งามทรัพย์มณี
แก้วปัญหา - ณัฐนิรันดร์ เศรษฐีธร
-อยากให้สองสาวการ์ตูนเจอกันซักเรื่อง ^O^
-รีทัชไม่รู่งกับมามิกรูปออริจินอลเหมือนเดิม Y^Y



-พี่กาฬแนะมาว่าสองตูนควรสลับบทกันเพราะ ผกากรองจะแก่นเซี้ยวกว่าแก้วปัญหา แล้วแต่จิ้นเลยครับ ^__^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 15, 2013, 05:46:10 PM โดย วี »

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #188 เมื่อ: มีนาคม 17, 2013, 11:49:47 AM »
ไชยสุริยา
ไชยสุริยา - วสุ ปทุมรัตน์วัฒนา
สุมาลี - กชกร ส่งแสงเติม

-ขอบคุณพี่กาฬด้วยครับที่ส่งภาพนายน๊อตให้ ไม่งั้นก็ไม่มีรูปจิ้นเพราะรูปนายน๊อตหายากมาก!!



เรื่องย่อ...
                    พระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาวัตถีมีมเหสีชื่อสุมาลี บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์
          และเป็นสุขมาช้านานจนกระทั่งเมื่อข้าราชบริพารและผู้มีอำนาจพากันลุ่มหลงในอบายมุข
          และเที่ยวข่มเหงราษฎรจนเดือดร้อนไปทั่ว ในที่สุดน้ำป่าก็ไหลบ่าท่วมเมืองจนผู้คนล้มตาย
          ผู้ที่มีชีวิตรอดก็หนีออกจากเมืองไป ทิ้งสาวัตถีกลายเป็นเมืองร้าง
                    พระไชยสุริยาพามเหสีและข้าราชบริพารหนีลงเรือสำเภาออกจากเมืองแต่ถูกพายุใหญ่
          พัดเรือแตก พระไชยสุริยากับนางสุมาลีว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งแล้วรอนแรมไปในป่า พระดาบส
          รูปหนึ่งเข้าฌานเห็นพระไชยสุริยากับนางสุมาลีต้องทนทุกข์ทรมานก็เวทนา
          เพราะเห็นว่าพระไชยสุริยาทรงเป็นกษัตริย์ที่ดี แต่ประสบเคราะห์กรรมเพราะหลงเชื่อเสนา
          อำมาตย์   จึงเทศนาโปรดจนทั้งสองศรัทธาและบำเพ็ญธรรมจนได้ไปเกิดบนสวรรค์

cr. http://www.nmk.ac.th/myweb/prachai_2.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2013, 11:53:01 AM โดย วี »

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #189 เมื่อ: มีนาคม 18, 2013, 10:59:47 AM »
พระสมุทโฆษ
สมุทโฆษ  - อติรุจ สิงหอำพล
พินทุมดี - ประถมาภรณ์ รัตนภักดี
พิทยาธรรณาภิมุข - เลอสรรค์ คงเจริญ
นางเมขลา - ปริษา ทนาวิวัฒน์



เรื่องย่อ...
เริ่มต้นกล่าวนมัสการพระพุทธเจ้า พระพรหม พระวิษณุ พระนารายณ์ เทพยดาและการกล่าวยอพระเกียรติพระมหากษัตริย์  จากนั้นจึงเล่าเรื่องย่อ  สาเหตุการแต่งเพื่อใช้พากย์หนังในงานพระราชพิธีฉลองพระชนมายุครบเบญจเพสของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  จากนั้นจึงดำเนินเรื่องในสมุทรโฆษคำฉันท์โดยมีความย่อว่า พระสมุทรโฆษเป็นโอรสของพระเจ้าพินทุทัตและนางเทพธิดาแห่งเมืองพรหมบุรี  มีชายาชื่อนางสุรสุดา  ทางทิศใต้ของเมืองพรหมบุรีมีเมืองรมยนคร  เจ้าเมืองชื่อพระเจ้าสีหนรคุปต์  มีมเหสีชื่อนางกนกพดี  พระธิดาชื่อนางพินทุมดี
         ต่อมาพระสมุทรโฆษออกประพาสป่าเพื่อจับช้างป่า  คืนวันนั้นเทพารักษ์ได้อุ้มพระสมุทรโฆษไปยังปราสาทนางพินทุมดี  พอจวนรุ่งเทพารักษ์ก็อุ้มคืนยังพลับพลาในป่า  พระสมุทรโฆษจึงเที่ยวติดตามค้นหานางพินทุมดี  เมื่อไม่พบก็กลับไปบ้านเมือง  ส่วนนางพินทุมดีก็โศกเศร้าถึงบุรุษผู้มาเป็นคู่ในคืนนั้น นางรัตนธารีพี่เลี้ยงได้วาดรูปเทวดา ครุฑ พญานาคและกษัตริย์ให้นางพินทุมดีดู  จนถึงพระสมุทรโฆษ นางพินทุมดีจึงรับว่าเป็นชายที่มาร่วมบรรทมกับนาง  นางรัตนธารีจึงรับอาสาจะพาพระสมุทรโฆษมาให้  พระเจ้าสีหนรคุปต์จัดให้มีพิธียกโลหธนูเพื่อเสี่ยงหาคู่ให้นางพินทุมดี  ด้วยความช่วยเหลือของพระอินทร์พระสมุทรโฆษยกโลหธนูได้จึงได้อภิเษกกับนางพินทุมดี  เมื่อปราบกษัตริย์ทั้งหลายที่มายกธนูและจะมาแย่งนางพินทุมดีแล้ว  พระสมุทรโฆษและนางพินทุมดีไปใช้บนแก่พระเทพคณบุตร  วันหนึ่งขณะเสด็จอุทยานได้พบพิทยาธรตนหนึ่งชื่อรณาภิมุข  ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับพิทยาธรชื่อรณบุตร  ซึ่งจะแย่งชิงนางนารีผลผู้เป็นชายา  พระสมุทรโฆษช่วยพยาบาลรณาภิมุข  รณาภิมุขจึงถวายพระขรรค์อันมีฤทธิ์ทำให้เหาะได้แก่พระสมุทรโฆษ  พระสมุทรโฆษจึงพานางพินทุมดีเหาะไปประพาสป่าหิมพานต์
        ขณะที่พระสมุทรโฆษบรรทมหลับในป่าหิมพานต์ถูกพิทยาธรตนหนึ่งลักพระขรรค์ไป  ทั้งสองพระองค์จึงเสด็จมาถึงฝั่งน้ำที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวและเกาะขอนไม้ข้ามฟาก  เกิดพายุพัดขอนไม้ขาดเป็นสองท่อน  พระสมุทรโฆษต้องพลัดพรากจากนางพินทุมดี  ฝ่ายนางพินทุมดีขึ้นฝั่งได้และเดินทางมาถึงเมืองมัทราช  ไปอาศัยอยู่กับหญิงชราและนำแหวนออกขายนำเงินมาสร้างโรงทาน พร้อมกับให้ช่างวาดภาพของตนไว้ที่โรงทาน
       ส่วนพระสมุทรโฆษนั้นพระอินทร์ให้นางเมขลามาช่วยและบังคับให้พิทยาธรคืนพระขรรค์  เมื่อพระสมุทรโฆษได้พระขรรค์คืนก็ออกติดตามนางพินทุมดีจนมาถึงโรงทานที่เมืองมัทราช  ได้เห็นภาพวาดก็เกิดความโศกเศร้า  ผู้รักษาโรงทานจึงนำความไปทูลนางพินทุมดี  ทั้งสองจึงได้พบกันและกลับคืนสู่รมยนคร ครองเมืองด้วยความผาสุกจนสิ้นพระชนม์แล้วไปบังเกิดในสวรรค์

[c] http://www.gotoknow.org/posts/318849


พระสมุทโฆษ (ver.2)
สมุทโฆษ - เจษฎา รุ่งสาคร
พินทุมดี - ประถมาภรณ์ รัตนภักดี
พิทยาธรรณาภิมุข - เลอสรรค์ คงเจริญ
นางเมขลา - ปริษา ทนาวิวัฒน์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2013, 12:16:51 PM โดย วี »


ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #191 เมื่อ: มีนาคม 19, 2013, 07:29:56 AM »
พระสมุทรโฆษของวีเวอร์ 2 สวยกว่านะ เราว่า  :icon_smile:

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #192 เมื่อ: มีนาคม 20, 2013, 11:40:45 AM »
จุดบอดของผมอยู่ที่การรีทัชนี่ล่ะครับ จริงๆจิ้น นัทอ้อม เพราะชอบบท เพลิงนิศา จากแก้วฯมาก แต่นายนัทมีแต่ชุดแฟนซี Y^Y สุดท้ายต้องยอมให้ นิศากลับมาคู่ภัทรของนาง ^^"

ออฟไลน์ king

  • *
  • 12
  • 0
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #193 เมื่อ: มีนาคม 20, 2013, 03:01:11 PM »
 ;D ชอบภาพสมุทรโฆษเวอร์ชั่นที่ 2 มากๆค่ะ เวอร์ชั่นที่ 1 หน้าพระเอกไม่เข้ากับการแต่งกายแนวไทยๆเลยจ้ะ และก็ชอบเรื่องไชยสุริยามากๆ โดยเฉพาะฉากหลัง ส่วนเรื่องน้ำใจแม่ รู้สึกว่านางเอกสองคนจะหน้าตาแบบเดียวกันค่ะ คนหนึ่งต้องดูสวยหวาน คนหนึ่งต้องดูเปรี้ยวๆ แบบหยาดทิพย์ ราชปาล หรือไม่ก็แบบสวยร้ายแบบพลอยนะค่ะ แต่เราชอบหมดทุกรูปค่ะ

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #194 เมื่อ: มีนาคม 22, 2013, 01:08:17 PM »
เจ้าหญิงอัศวิน
เจ้าชายวัชระ - อติรุจ สิงหอำพล
เจ้าหญิงอัศวินี /อัศวิน - พัชราวดี อยู่ภิรมย์



เรื่องย่อ... by กันย์

"เจ้าหญิงอัศวิน"

เรื่องนี้แม้จะดูเก่าไปหน่อย แต่เนื้อหาน่าติดตามมากๆ และสอนใจสะท้อนนิสัยอันหลากหลายของชายหญิงและความโลภของมนุษย์ รู้สึกเสียงของนักแสดงที่ใช้จะเป็นเสียงพากษ์ด้วยแฮะ

เริ่มจากนครโรมสุรีย์ องค์ราชาอมรรัตน์ และพระมเหสีวิไลวัลย์ อยากมีพระโอรสไว้สืบทอดราชสมบัติ จึงทำพิธีขอลูกกับองค์อมรินทร์ ทำให้องค์อมรินทร์ ต้องส่งอัปสรสุฑาสินี ลงไปจุติยังโลกมนุษย์ แต่เนื่องด้วยอัปสรสุฑาสินียังเหลือบุญอีกถึง10ทิวาราตรี ซึ่งซึ่งเป็นเวลาถึง10กว่าปีโลกมนุษย์ ทำให้อัปสรมีข้อต่อรองกับองค์อมรินทร์ว่าถ้าพระองค์มอบธรรมรงค์ให้นางนำติดตัวไปจุติยังโลกมนุษย์นางก็จะยอมสละบุญบนสวรรค์ของนางไปจุติยังโลกมนุษย์โดยทันที องค์อมรินทร์จึงประทานแหวนให้นางไปด้วยความเอ็นดูในความแก่นแก้วแสนซนของนางสุฑาสินีอัปสร


ทางมเหสีวิไลวัลย์ก็ได้มีนิมิตว่าได้แก้วดวงหนึ่งมาไว้ในครอบครอง จึงให้โหรหลวงทำนาย โหรทำนายว่าทั้งสองพระองค์จะทรงมีพระโอรส ทั้งสองพระองค์ดีใจมาก แต่ครั้นเมื่อพระมเหสีมีประสูติกาล กลับได้พระธิดามาแทน ราชาอมรรัตน์จึงทรงผิดหวังมากเนื่องจากอยากได้ลูกชายสืบทอดราชสมบัติ ด้วยเมืองของตนเป็นเมืองหญ่ มีอำนาจไปทั่วดินแดนใหญ่น้อย จึงต้องการพระโอรสมาสืบทอดราชสมบัติเพื่อให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นปกติสุขสืบไป

ดังนั้นราชาอมรรัตน์จึงโกหกทุกคนว่าลูกของตนเป็นชาย โดยมีเพียง ราชาอมรรัตน์ พระมเหสี และหมอหลวงเท่านั้นที่รู้ว่าพระโอรสเป็นพระธิดา! มีนามว่า "อัศวิน" ทั้งสองพระองค์ปิดบังลูกของตนว่าเป็นหญิงจนเติบใหญ่ อัศวินตอนเด็กถูกปลูกฝังสั่งสอนจากผู้เป็นพ่อให้ฝึกซ้อมศาสตราวุธและศิลปศาสตร์การเมืองการปกครอง ฝึกซ้อมตนเองให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ แม้ธรรมชาติของผู้หญิงจะสนใจในสิ่งสวยงามอย่างเรื่องเย็บปักถักร้อยและการทำอาหาร อัศวินก็ถูกสั่งห้ามทั้งนั้น และตอน9ขวบอัศวินก็ได้ร่ำเรียนไสยเวทย์วิทยาจากชีปะขาวผู้หนึ่งซึ่งเป็นองค์อมรินทร์จำแลงกายลงมา ทำให้มีวิชาอาคมแกร่งกล้าสามารถมาก

ตรงข้ามกับพระโอรสแห่งเมืองวิเชียรบุรีซึ่งเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับโรมสุรีย์ ราชาชัยสิทธิ์ มีพระโอรสพระนามว่า "วัชระ" พระโอรสวัชระทรงเสียพระมารดาไปตั้งแต่วัยเยาว์ จึงมีพระนมคอยเลี้ยงดูเสมอมา และผู้เป็นพ่อก็ตามใจลูกเลี้ยงดูดุจไข่ในหิน ทำให้โอรสวัชระนั้นอ่อนแอ ไร้ฝีมือในด้านศาสตราวุธ จะเก่งก็แต่ในทางการบ้านการเมืองเท่านั้น ตอนเด็กเคยถูกอัศวินช่วยเหลือไว้ ทำให้ตอนโตไม่เคยมองหญิงงามนางใดเลย คิดถึงแต่ผู้เป็นอนุชาซึ่งก็คืออัศวิน จนราชาชัยสิทธิ์กลุ้มใจคิดว่าลุกของตนนั้นวิปริตผิดเพศชอบคนเพศเดียวกัน จนเมื่อโอรสวัชระได้ฝันถึงอัศวินในร่างของหญิง จึงเกิดความลุ่มหลงและเสน่หานางในฝันคนนี้ยิ่งนัก ทั้งตนเองและราชาชัยสิทธิ์จึงเบาใจที่วัชระไม่ได้ชอบชายด้วยกัน

ต่อมาเมื่อเติบใหญ่อัศวินก็ได้เดินทางมาเที่ยวเมืองวิเชียรบุรีเพื่อมาเยี่ยมพระเชษฐาวัชระด้วยความคิดถึง ก็มีเหตุให้นางต้องช่วยเหลือวัชระและชาววิเชียรบุรีไว้อีกครั้งหลังจากครั้งแรกเคยช่วยไว้ตอนเด็กๆ และก็ทำให้นางได้รู้ว่านางในฝันของวัชระก็คือตัวนางเองในคราบของเจ้าหญิงอัศวินี (ลืมบอกไป!) ก่อนเดินทางมาเมืองวิเชียรบุรี ราชาอมรรัตน์และมเหสีวิไลวัลย์ก็ได้ตัดสินใจบอกความจริงกับอัศวินีเพื่อให้นางป้องกันตัวเองจากชายหนุ่มสองคนที่ติดตามไปด้วย (1)หนึ่งคือสุรชัยซึ่งเป็นลูกชาย)ของอำมาตย์สุระเดชที่มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงและสงสัยว่าอัศวินเป็นหญิงจึงได้ส่งสุรชัยไปเป็นมหาดเล็กติดตามพระโอรส และถ้าลูกตนสามารถพิสูจน์ได้ว่าอัศวินเป็นหญิงก็จะได้จัดการรวบหัวรวบหางนางซะเพื่อจะได้เป็นใหญ่ในภายภาคหน้า (2)ส่วนผู้ติดตามอีกคน(?)เป็นมนุษย์ลิงชื่อกบิลพัตน์เคยเป็นหัวขโมยมาก่อนแต่ถูกอัศวินปราบได้ และกบิลพัตน์ก็เต็มใจรับใช้อัศวินอย่างจริงใจแต่ก็มิวายแอบสงสัยว่าอัศวินน่าจะเป็นหญิงมากกว่า

หลังจากอัศวินกลับมาจากนครวิเชียรบุรี ราชาอมรรัตน์ก็ให้อัศวินทำภารกิจบริหารงานบ้านเมืองช่วยเหลือดูแลทุกข์สุขของประชาราษฏร์จนชาวเมืองมีความปีติชื่นชมในพระบารมีและความสามารถของพระโอรสอัศวินมาก ทำให้ราชาอมรรัตน์พอใจและเห็นว่าพร้อมจะเปิดตัวอัศวินในฐานะพระธิดาเสียที ซึ่งเป็นการเฉลยว่าที่ให้ลูกสาวปลอมตัวเป็นลูกชายเพราะเกิดจากความคิดอันแยบยลของราชาอมรรัตน์ที่ต้องการซื้อใจและให้ชาวเมืองยอมรับในตัวลูกสาวของตนนั่นเอง!!
เพราะด้วยค่านิยมในเรื่องของความเป็นหญิงอาจจะทำให้ชาวเมืองปิดใจไม่ยอมรับในควาสามารถของลูกสาว


สุดท้ายเมื่อชาวเมืองเปิดใจยอมรับเจ้าชายอัศวินว่าเปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถเมื่อนั้นจึงเปิดเผยฐานะของอัศวินว่าเป็นผู้หญิง ชื่อว่า "เจ้าหญิงอัศวินี"และนั่นก็ทำให้ชาวเมืองยิ่งประทับใจในความสามารถของเจ้าหญิงที่ขนาดเป็นหญิงยังสามารถบริหารบ้านเมืองดูแลทุกข์สุขชองประชาราษฎรได้ขนาดนี้ จึงไม่มีข้อกังขาในความเป็นผู้นำของอัศวินได้อีก ราชาอมรรัตน์ช่างเป็นกษัตริย์ที่ฉลาดล้ำลึกจริงๆ!!!

แต่แม้ราชาอมรรัตน์จะเก่งกาจฉลาดล้ำลึกเพียงใด แต่ก็ต้องยอมพ่ายให้กับอิสตรี เมื่อทรงหลงใหลในนางกำนัลวิมาลาซึ่งเป็นหลานของอำมาตย์สุรเดชที่ตอนแรกส่งนางมาเป็นนางกำนัลของพระโอรสอัศวินเพื่อให้ท่าพระโอรส แต่เมื่อพระโอรสกลายเป็นหญิงนางจึงแห้ว-*- (มาลาตีกับสุรชัยลอบมีสัมพันธ์กันก่อนด้วย) ครั้นเมื่ออัศวินกลับไปช่วยวัชระที่เมืองวิเชียรบุรี ราชาอมรรัตน์ก็ลอบมีสัมพันธ์สวาทกับวิมาลาและทำให้พระมเหสีที่มาเห็นช็อตเด็ด!ทรงหัวใจวายตายไปในทันที

ส่วนทางด้านอัศวินีที่ไปช่วยองค์ชายวัชระที่เมืองวิเชียรบุรีถูกยักษ์รังควาญฆ่าชาวเมืองทุกวันจนสุดท้ายราชาชัยสิทธิ์ก็สิ้นพระชนม์เมืองวิเชียรบุรีล่มสลายพระโอรสวัชระและนายทหารหลายคนถูกจับไว้ในถ้ำยักษ์เพื่อเป็นอาหาร จนอัศวินีมาช่วยและฆ่ายักษ์ตนนั้นตาย จึงได้พาวัชระกลับไปเมืองของตน วัชระโดนดูถูกและน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่มีความสามารถสู้ผู้หญิงก็ไม่ได้ หลังจากนั้นเราไม่ได้ดูแล้ว รู้แต่ว่ามีการประลองอะไรสักอย่างเกิดขึ้นและโอรสวัชระก็หายสาบสูญไปจนทุกคนคิดว่าวัชระตายแล้ว และน่าจะรู้แล้วว่าอัศวินคือผู้หญิงและคือนางในฝันของตน ส่วนทางด้านราชาอมรรัตน์ที่หลงมาลาตีหัวปักหัวปำก็รู้ตัวว่าถูกหลอกเมื่ออำมาตย์สุรเดชยึดอำนาจทหารไว้หมดแล้ว จึงได้ตาสว่าง แต่อัศวินีก็ถูกหลอกเอาธรรมรงค์ไปทำให้ฤทธิ์เดชที่มีถดถอยถูกจับได้ทั้งพ่อลูก

อำมาตย์สุรเดชจึงครองอำนาจของโรมสุรีย์พร้อมกับสุรชัยลูกชายและมาลาตีที่ผันตัวเป็นมเหสีของสุรชัย แต่กระนั้นชาวเมืองส่วนใหญ่ก็ต่างยังไม่ยอมรับราชาคนใหม่ทำให้สุรเดชคิดจะให้สุรชัยแต่งงานกับเจ้าหญิงอัศวินีเพื่อให้ประชาชนยอมรับในอำนาจของตน  จึงไปบังคับอัศวินีโดยขู่จะเอาชีวิตพ่อของนางหากนางไม่ทำตาม

ด้านโอรสวัชระที่รอดตายได้หวุดหวิดโดยการช่วยเหลือของดาบสตนหนึ่งและ ท่านฤๅษีตนนั้นก็ฝึกวิชาให้วัชระแข็งแกร่งขึ้น อันนี้มีตอนสอนใจอีกแล้วต้องไปดูกันเอาเองแบบวัชระถ้าฝึกกับฤษีนานกว่านี้อีกหน่อยจะไร้เทียมทานแต่ตอนนั้นอัศวินีกำลังตกอยู่ในอันตรายทำให้เขากลับไปช่วยอัศวินีและราชาอมรรัตน์รอดจากเงื้อมมือของสุรเดช และยึดบัลลังก์มาจากสองพ่อลูกและหนึ่งนางแพสยาจอมโลภนั่น ทำให้ทั้งสามต้องหนีระหกระเหินออกจากเมืองไป และอัศวินีก็ได้แหวนคืนเพราะองค์อมรินทร์เก็บไว้ให้

ราชาอมรรัตน์อยากขอบใจที่วัชระช่วยตนและลูกสาว และช่วยยึดเมืองมาให้จึงบอกจะให้อะไรก็ได้ตามที่ขอ แต่แทนที่วัชระจะขออัศวินี แต่เขากลับขอกลับบ้านเมืองเพื่อกอบกู้บ้านเมืองและมีฐานะที่เท่าเทียมอัศวินีอีกครั้งเพื่อจะได้มาสู่ขอนางด้วยตนเองเมื่อพร้อม ทำให้อัศวินีและวัชระต้องจากกันอีกครั้ง

ทางด้านเมืองวิเชียรบุรีเมื่อไร้ซึ่งผู้นำชาวเมืองจึงยากจนค่นแค้น ทหารหลวงที่รอดตายจากยักษ์ผันตัวเองเป็นโจรเข้าปล้นสะดมชาวบ้านบ่อยๆ จนวัชระมาปราบได้และให้อภัยร่วมกับทหารและชาวเมืองที่เหลือในการก่อตั้งนครวิเชียรบุรีขึ้นมาอีกครั้ง

และในระหว่างทางเมืองวิเชียรบุรีและโรมสุรีย์ มียักษ์ผู้เป็นแฝดพี่กับยักษ์ที่เคยถูกอัศวินฆ่าเดินทางมาตามหาน้องชาย และได้เจอกับดวงวิญญาณน้องชายบอกว่าให้แก้แค้นอัศวินแทนตนด้วย เจ้ายักษ์ตนนั้นจึงออกตามหานครโรมสุรีย์และเจ้าหญิงอัศวินเพื่อล้างแค้นแทนน้องชาย  และสุดท้ายถ้าเราเดาไม่ผิด วัชระก็มาช่วยอัศวินปราบยักษ์ตนนั้นลงได้ (คือแบบพอมีวิชาแล้ววัชระอย่างเท่ห์อ่ะขอบอก!><)

ทางด้านอำมาตย์สุรเดช สุรชัย และมาลาตี ได้ดั้นด้นมาจนถึงเขตเมืองของราชาจักราซึ่งเคยเป็นอริศัตรูกับอัศวิน ก็ได้เข้าร่วมกันเพื่อกำจัดอัศวิน โดยวิมาลาก็ได้เป็นสนมของจักราอีกด้วย
สุดท้ายก็คงพ่ายต่ออัศวินและวัชระอยู่ดีล่ะ^^ (แบบเรายังดูไม่จบ อิอิ)

**โอ๊ะ! แอบไปดูตอนจบมา พระเอกมีสามตาด้วยแฮะ แล้วสุรเดชกับสุรชัยก็หักหลังราชาจักราและฆ่าจักราทิ้ง แต่สุดท้ายทั้งสองพ่อลูกก็ถูกวัชระฆ่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2013, 07:33:15 PM โดย วี »