ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อัคนีสีเพลิง

  • *
  • 549
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #195 เมื่อ: มีนาคม 22, 2013, 06:49:12 PM »
พี่อังน่ารักจัง พี่นัทเท่ห์อ่า~ :o

ออฟไลน์ ชะ

  • *
  • 673
  • 0
  • เพศ: หญิง
  • เปลี่ยนจากshahเป็นชะ จะได้เรียกกันง่ายๆ
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #196 เมื่อ: มีนาคม 25, 2013, 07:07:48 PM »
พีโบว์เบนซ์ : มหากาพย์อีกเรื่อง นางสิบสอง พระรถเมรี พระสุธนมโนห์รา งามทั้ง3เรื่องเลยแต่ชอบพระสุธนมโนห์รา ชอบบรรยากาศเหล่านางกินรีเลยน้ำ เป็นธรรมชาติ ดูเป็นธรรมชาติดี อีกอย่างชอบที่พี่เอาภาพมาต่อกันอ่ะดูเป็นเรื่องราวเดียวกัน 

โอ้วว แก้วหน้าม้า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย  พอเอาภาพมามิกซ์กันก็เป็นเรื่องราวที่ลงตัวมาก สมบูรณ์แบบจริงๆ

วี :  เจ้าหญิงอัศวิน ไม่เคยได้ยินมาก่อน เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามมาก พี่อังน่ารักเหมาะกับสีเขียวมากกก
พระสมุทโฆษ ชอบเวอร์2 มากกว่าเหมือนกันค่ะ ดูลงตัวมากกว่า เพราะยังไงๆนิศาก็ต้องคู่กะภัทรอ่ะ อิอิ
สุริยัน จันทราเป็นอีกเรื่องที่สนุกมากๆ  รีทัชภาพเนียน สวยมาก ตรีเหมาะมากหน้าเป๊ะเวอร์
น้ำใจแม่ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าสองตูนต้องสลับบทกัน แก้วปัญหาดูเรียบร้อยกว่า  ส่วนผกากรองแก่นแก้ว โผงผาง
เรื่องอื่นๆก็สวย แถมด้วยเนื้อเรื่องที่สนุก เข้มข้น

 ;D ;D ;D


ขอบคุณ ภาพองค์หญิงกำมะลอป่วนกำลัง3 จากGoogle

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #197 เมื่อ: มีนาคม 26, 2013, 02:17:02 PM »
ไม่ได้เมนต์กระทู้นี้นานมาก ส่วนใหญ่ตามไปเมนต์ใน fb ก่อนแล้ว

แต่ชอบทุกภาพนะ  กำลังตามเก็บอยู่ 
ยังมีนิทานพื้นบ้านอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้จิ้นกัน ขนมาเยอะๆ เลย
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ กันย์ณภัทร

  • *
  • 2248
  • -1
  • จงปลดโซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ด้วยคมดาบแห่งใจตน
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #198 เมื่อ: มีนาคม 27, 2013, 07:52:50 PM »
น้องวีจ๋า พี่ขอแนะนำให้ก๊อบเนื้อเรื่องย่อ เจ้าหญิงอัศวินมาแปะใหม่ เพราะพี่พิมพ์ผิดหลายจุดมากมาย=_=" พี่แก้ที่กระทู้นั้นให้แระแต่ดูท่าจะไม่ทันน้องวีก๊อบมาแปะ

ขอบใจสำหรับเรื่องนี้ อยากบอกว่า นัท กับ อังเหมาะสมกันมากมาย ดูแข็งแกร่งด้วยกันทั้งคู่ อร๊ากกกเห็นแล้วก็ชักอยากให้สองคนนี้เล่นด้วยกันเรื่องนี้จริงๆ (แต่คงยากสสส์!!) จิ้นเองก็ได้เนอะ^^

ขอบใจสำหรับภาพนี้มากจ้า สวยมากๆ ถูกใจสุดๆ! :o :o :o

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #199 เมื่อ: มีนาคม 30, 2013, 05:11:24 PM »
ชอบเจ้าหญิงอัศวินที่สุดเลยอ่ะขอบอกลงตัวมาก ๆ อยากดูเรื่องนี้ด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #200 เมื่อ: มีนาคม 30, 2013, 07:33:59 PM »
น้องวีจ๋า พี่ขอแนะนำให้ก๊อบเนื้อเรื่องย่อ เจ้าหญิงอัศวินมาแปะใหม่ เพราะพี่พิมพ์ผิดหลายจุดมากมาย=_=" พี่แก้ที่กระทู้นั้นให้แระแต่ดูท่าจะไม่ทันน้องวีก๊อบมาแปะ

ขอบใจสำหรับเรื่องนี้ อยากบอกว่า นัท กับ อังเหมาะสมกันมากมาย ดูแข็งแกร่งด้วยกันทั้งคู่ อร๊ากกกเห็นแล้วก็ชักอยากให้สองคนนี้เล่นด้วยกันเรื่องนี้จริงๆ (แต่คงยากสสส์!!) จิ้นเองก็ได้เนอะ^^

ขอบใจสำหรับภาพนี้มากจ้า สวยมากๆ ถูกใจสุดๆ! :o :o :o

แก้ใหม่แล้วครับ  :icon_idea:

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
ต้อนรับสงกรานต์กับหนึ่งเรื่องจิ้นครับ

ศรีวิชัย (ลิลิตศรีวิชัยชาดก)

ศรีวิชัย - รติพงษ์ ภู่มาลี
ศรีไวยกา - ธมลพรรณ์ ภานุชิตพุทธิวงศ์
เทพารักษ์อุ้มสม - ฆธาวุธ ปิ่นทอง
พระเจ้าอาทิตยวงศ์ - เจษฎา รุ่งสาคร
พระนางวิมาลา - ธัญธารีย์ โรจนเรืองไชย



เรื่องย่อ...

พระอาทิตยวงศ์แห่งกรุงมิถิลานคร  มีพระอัครมเหสีพระนามว่าพระนางวิมาลา
ได้โอรสมาจากการสมาทานศีลอุโบสถและให้ทานเป็นอันมาก  พระโอรสพระนามว่า
ศรีวิชัย
           เจ้าชายศรีวิชัยได้ศึกษาศิลปวิทยาและไตรเภทจนหมดสิ้น  พระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา
ได้สถาปนาเป็นมหาอุปราช  พระองค์มีนกแสนรู้ตัวหนึ่งชื่อสรุเสน  ได้ทรงเลี้ยงไว้สืบข่าวต่างๆ
วันหนึ่งนกได้ข่าวมาว่า  กษัตริย์วิรัฐนครมีพระราชธิดาพระองค์หนึ่งพระนามว่าศรีไวยกา
 ทรงงดงามมาก  จึงนำมาบอกแก่เจ้าชาย  เมืองมิถิลาจึงส่งทูตไปขอ  แต่ทางกรุงวิรัฐนคร
ไม่ยกให้  เจ้าชายศรีวิชัยจึงอธิษฐานจิตให้เทพารักษ์อุ้มสมไปยังปราสาทของพระธิดา
พระธิดาทดลองภูมิของเข้าชายศรีวิชัย  เมื่อเจ้าชายตอบได้ทุกข้อจึงยินยอมเป็นพระชายา

Cr. http://www.pasasiam.com/home/index.php/literature/li-ratanakosin/277-2008-09-19-12-42-41

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์

ออฟไลน์ bobenz

  • *
  • 5780
  • -1
Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #203 เมื่อ: เมษายน 15, 2013, 11:16:27 AM »
ภาพสวยมากเลยค่ะ  >:D

ออฟไลน์ วี

  • *
  • 3897
  • 1
  • นัยจัยน้อย
    • อีเมล์
:: ปาจิต อรพิม (ตำนานรักเมืองพิมาย) ::

ปาจิต - เลอสรรค์ คงเจริญ
อรพิม - ประถมาภรณ์ รัตนภักดี
พระเจ้าพรหมทัต - เจษฎา รุ่งสาคร
ธิดาจัมปากนคร - พัชรมัย สุขประเสริฐ



เรื่องย่อ…..

ท้าวปาจิต เป็นโอรสพระเจ้าอุทุมราช กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองนครธม เมื่อเจริญวัยเป็นหนุ่ม พระบิดาก็ให้เลือกคู่ครองโดยการให้ทหารไปประกาศเรียกหญิงสาว บรรดามีในเมืองนั้นมาให้ท้าวปาจิตเลือก สาวที่มามีทั้งลูกสาวเสนา อำมาตย์ ข้าราชการ ลูกพ่อค้า ชาวนา ชาวไร่ มากันจนหมดเมือง ท้าวปาจิตไม่สนใจเลยสักคนเดียว จึงมิได้คล้องมาลัยให้สาวคนไหน พระเจ้าอุมุมราชได้ให้โหรทำนายโชคชะตาราศีและเนื้อคู่แก่พระโอรส โหรหลวงตรวจดูดวงชะตาตามวันเดือนปีเกิดแล้ว กราบทูลว่าเนื้อคู่ของท้าวปาจิตยังไม่เกิด ขณะนี้อยู่ในครรภ์หญิงชาวนาผู้หนึ่งในเขตเมืองพิมาย ท้าวปาจิตจะต้องเดินทางไปหาหญิงผู้นั้น ที่อยู่ของหญิงผู้นี้อยู่ทางทิศพายัพของนครธม ซึ่งสังเกตได้ง่ายว่ามีครรภ์และมีเงากลดกั้นอยู่

ท้าว ปาจิตไม่รอช้า รีบเร่งออกเดินทางไปตามคำทำนายของโหรจนกระทั่งมาถึงเขตเมืองพิมาย ท้าวปาจิตไม่แน่ใจจึงกางแผนที่ออกดูที่ตรงนั้นเรียกในภายหลังว่า บ้านกางตำรา และเพี้ยนเป็น บ้านจารตำรา ท้าวปาจิตข้ามถนนเพื่อเข้าเขตเมือง บริเวณนั้นเรียกว่า บ้านถนนแล้วเดินมาตามทางถึงหมู่บ้านหนึ่งมีต้นสนุ่นมาก ได้ชื่อว่า บ้านสนุ่น เลยบ้านสนุ่นก็มาถึงท่าน้ำใหญ่ ปัจจุบันเรียก บ้านท่าหลวง แต่ปรากฎว่าเป็นทางผิด จึงไปอีกทางหนึ่งถึง บ้านสำริด พบหญิงครรภ์แก่ชื่อ ยายบัว กำลังดำนาอยู่ เหนือหัวของนางมีเงาคล้ายกลดกั้นอยู่ ก็แน่ใจว่าใช่ตามคำทำนาย จึงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นใคร มีความประสงค์อะไร และแสดงความตั้งใจว่าจะอยู่ช่วยทำนาให้จนกว่าจะคลอดลูก หากลูกเป็นชายจะยกย่องให้เป็นน้องชาย แต่ถ้าเป็นหญิงจะขอนำไปเป็นมเหสี ยายบัวก็ตกลง

ท้าวปาจิตอาศัย อยู่กับยายบัวเรื่อยมา ช่วยทำงานทุกอย่างทั้งดำนา เลี้ยงโคกระบือ เกี่ยวข้าว ตีข้าว จนยายบัวครบกำหนดคลอด จึงไปตามหมอตำแยมาทำคลอด (หมู่บ้านนั้นจึงได้ชื่อว่าบ้านตำแย) ทารกในครรภ์ยายบัวเป็นเพศหญิงตรงตามคำทำนายของโหร ยายบัวตั้งชื่อให้ว่า อรพิน แต่ในภาษาท้องถิ่นจะเรียกว่า อรพิม มีหน้าตาสวยงาม ผิวพรรณผ่องใส เป็นที่พอใจแก่ท้าวปาจิตยิ่งนัก ครั้นนางเจริญวัยเป็นสาวสวยก็ได้ผูกสมัครรักใคร่กับท้าวปาจิต วันหนึ่งท้าวปาจิตได้บอกให้นางทราบว่าตนจะกลับไปบ้านเมืองเพื่อยกขันหมากจาก นครธมมารับนางไปอภิเษกสมรสที่นครธม แล้วก็ลานางไป

เมื่อ มาถึงนครธม ท้าวปาจิตได้นำความขึ้นบังคมทูลต่อพระเจ้าอุทุมราชพระบิดาจึงให้จัดขบวนขัน หมากมีจำนวนรี้พลมากมาย เดินทางไปเมืองพิมาย โดยที่หารู้ไม่ว่า บัดนี้ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางอรพิม นั่นคือ พระเจ้าพรหมทัต ผู้ครองเมืองได้ทราบข่าวความงามของนางจึงได้ให้พระยารามไปนำตัวนางมาไว้ใน พระราชวัง นางอรพิม สุดจะขัดขืนได้จำต้องมา และตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้ามิใช่ท้าวปาจิตแล้ว ผู้ใดแตะต้องนางก็ขอให้กายนางร้อนเหมือนไฟ พระเจ้าพรหมทัตจึงแตะต้องนางมิได้ กระบวนขันหมากของท้าวปาจิตยกออกจากนครธมมาหลายคืนหลายวัน จนมาถึงลำน้ำแห่งหนึ่ง (อยู่ในตำบลงิ้ว ปัจจุบันนี้) ท้าวปาจิตให้ทหารหยุดกระบวนขันหมาก เพื่อให้ทหารและสัตว์พาหนะได้พักและบริโภคน้ำ ชาวบ้านเห็นผู้คนมากันมากมายจึงเข้ามาไต่ถามว่ามาทำไมและจะไปไหน พวกทหารตอบว่าจะไปบ้านสำริด เพราะพระโอรสกษัตริย์เมืองขอมจะแต่งงานกับสาวบ้านนี้ ชาวบ้านถามชื่อหญิงนั้น ทหารบอกว่าชื่อนางอรพิม ชาวบ้านจึงเล่าให้ฟังว่า พระเจ้าพรหมทัตได้นำตัวเข้าไปไว้ในปราสาทเสียแล้วทั้งพระเจ้าอุทุมราชและ ท้าวปาจิตตกพระทัยยิ่งนัก โดยเฉพาะท้าวปาจิตโกรธมากถึงกับโยนข้าวของเครื่องใช้ขันหมากทิ้งแม่น้ำหมด (ที่ตรงนั้นเรียกว่าลำมาศหรือลำปลายมาศที่ไหลไปสู่ลำน้ำมูลจนทุกวันนี้) ส่วนรถทรงก็ตีล้อดุมรถและกงรถจนหักทำลายหมด ชาวบ้านนำมากองรวมกันไว้จนที่เรียกว่า บ้านกงรถ จากนั้นท้าวปาจิตได้ขออนุญาตไปตามนางตามลำพัง พระเจ้าอุทุมราชและข้าทหารจึงเดินทางกลับนครธม ท้าวปาจิตไปพบยายบัว ปลอบโยนนางว่าจะใช้ปัญญานำนางอรพิมออกมาให้ได้ แล้วปลอมตัวเป็นลูกชายยายบัวเข้าไปตามหาน้องสาวชื่อ อรพิมไปบอกนายประตูว่าจะขอเข้าเยี่ยมน้องสาว นายประตูถามว่าใคร ท้าวปาจิตตอบว่า นางอรพิม ซึ่งจะเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตในไม่ช้านี้ นายประตูพาไปพบนางอรพิม นางร้องว่า อ้อ พี่มา... (คำนี้เพี้ยนเป็นพิมายในปัจจุบันนี้) พระเจ้าพรหมทัตมาพบนางอรพิม เห็นท้าวปาจิตจึงถามว่าใคร นางตอบว่าเป็นพี่ชายของนาง พระเจ้าพรหมทัตถามว่าทำมาหากินอะไร ทำไร่ทำนา หรือค้าขายอะไร ท้าวปาจิตตอบว่าค้าขายทางไกล ทราบว่าน้องจะอภิเษกเป็นพระมเหสีจึงมาอวยพรให้ และอยากรู้จักพระองค์ให้พระองค์รู้จักตนด้วย พระเจ้าพรหมทัตดีใจ เพราะนางอรพิม จะได้ยอมเป็นพระมเหสีอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้ จึงให้หาเหล้ายาอาหารมาเลี้ยงดู ท้าวปาจิตดื่มเล็กน้อยแต่พระเจ้าพรหมทัตถูกนางอรพิมมอมเหล้าเสียจนเมามาย เสียสติ ท้าวปาจิตจึงใช้พระขรรค์ฟันคอขาดอยู่ ณ ที่นั้น แล้วอุ้มนางอรพิมหนีออกมา

ท้าว ปาจิตและนางอรพิม เดินทางมาถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่ง พอดีเป็นเวลารุ่งสว่างพบนายพรานคนหนึ่งชื่อ พรานนกเอี้ยง ออกมาเที่ยวล่าเนื้ออยู่ พรานนกเอี้ยงเห็นนางอรพิมสวยก็นึกรักนาง จึงใช้หน้าไม้ยิงท้าวปาจิตตายแล้วพานางไป นางทำเลห์กลว่ามีกำลังน้อยเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยมากจะเดินทางไม่ไหว ถ้ามีรถหรือเกวียนหรือช้างม้าให้นางนั่งไป นางก็ยินดีจะไปด้วย พรานหลงเชื่อไปหากระบือมาให้นางขี่ ตัวนายพรานนั่งข้างหน้าคอยบังคับกระบือ นางอรพิมนั่งข้างหลังพอได้โอกาสก็ใช้พระขรรค์ท้าวปาจิตแทงนายพรานตาย นางกลับมาที่ศพท้าวปาจิต ร่ำไห้คร่ำครวญอยู่จนพระอินทร์เกิดความสงสารชวนพระเวสสุกรรม แปลงกายเป็นงูกับพังพอนสู้กัน เมื่อพังพอนตาย งูก็ไปกัดเปลือกไม้ชนิดหนึ่งมาเคี้ยวพ่นใส่บาดแผลพังพอน พังพอนจึงฟื้นขึ้นต่อสู้กันต่อไป ครั้นงูตายพังพอนก็ทำเช่นเดียวกัน สัตว์ทั้งสองผลัดกันตายผลัดกันฟื้นเช่นนี้เป็นเวลาพอสมควรแล้วหายไป นางอรพิม เฝ้าสังเกตอยู่ เห็นหนทางที่จะทำให้ท้าวปาจิตฟื้นจึงไปเอาเปลือกไม้มาเคี้ยวพ่นใส่บาดแผล ท้าวปาจิตเช่นกัน ท้าวปาจิตฟื้นขึ้นได้ช่วยกันเก็บเปลือกไม้ติดตัวไปเท่าที่จะนำไปได้แล้วออก เดินทางต่อไปยังนครธม

หลัง จากรอนแรมกันมาเป็นเวลาพอประมาณ ก็มาถึงฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งซึ่งกว้างมากไม่มีเรือแพหรือขอนไม้จะข้ามไปยัง ฝั่งตรงข้ามได้ จึงนั่งปรึกษาหาหนทางอยู่ ขณะนั้นมีเถนคนหนึ่ง ชาวบ้านเรียก เถนเรือลอย เพราะเถนลงเรือไปบิณฑบาตตามแม่น้ำเป็นประจำ เถนพายเรือผ่านมา ท้าวปาจิตขอร้องให้ช่วยส่งข้ามฟากให้ด้วย เถนเห็นนางอรพิมสวยมาก็คิดจะพานางไปกับตน จึงบอกว่าเรือลำนี้ขึ้นได้ครั้งละ 2 คนเท่านั้นมิฉะนั้นเรือจะล่ม ท้าวปาจิตจำต้องให้นางอรพิมไปกับเถนก่อน เถนพานางลอยน้ำไปเรื่อย ๆ ท้าวปาจิตจะเรียกอย่างไรก็มิได้หยุด จึงต้องพลัดพรากกันอีกครั้งหนึ่ง นางอรพิมต้องคิดอุบายหนีจากเถนจนกระทั่งมาพบต้นมะเดื่อต้นหนึ่งสูงมาก ลูกดกเต็มต้นผลงาม ๆ น่ากินทั้งนั้น นางบอกเถนว่าอยากกินมะเดื่อ ให้เถนปีนขึ้นไปเก็บมาให้ เอาลูกที่งามที่สุดอร่อยที่สุดสุกที่สุดซึ่งจะอยู่บนยอดสูง เถนหลงเชื่อปีนต้นไม้ไปหาลูกมะเดื่อที่นางต้องการนางรีบเอาหนามมาสะไว้โคน ต้น แล้วลงเรือพายหนีไป ก่อนไปได้สั่งไว้เป็นวาจาสิทธิ์ว่าให้เถนอยู่บนต้นมะเดื่ออย่าไปไหน เถนจึงตายอยู่บนต้นมะเดื่อนั่นเอง ก่อนตายได้แช่งให้มีแมลงหวี่มาเกิดในลูกมะเดื่อทุกลูกไป

นาง อรพิมพายเรือกลับมาหาท้าวปาจิตแต่ไม่พบ จึงจอดเรือแล้วขึ้นฝั่งเที่ยวตามหาจนพระอินทร์เกิดความสงสารลงมาประทานแหวน ให้วงหนึ่งบอกนางว่า ถ้าสวมไว้ที่นิ้วชี้จะกลายร่างเป็นชายแต่ถ้าถอดออกสวมนิ้วอื่นจะกลายเป็น หญิงดังเดิม นางอรพิมจึง ควักนมทั้งสองข้างออกมา ปาเข้าป่า กลายเป็นต้น "นมนาง" จากนั้นนางจิกแก้มอวบอิ่มจิ้มลิ้มเป็นพวง เหวี่ยงทิ้งไปกลายเป็นต้น "แก้มอ้น" และควักโยนีขึ้นปาเข้าป่ากลายเป็นต้น "โยนีปีศาจ" นางจึงสวมแหวนที่นิ้วชี้จึงกลายร่างเป็นชาย เดินติดตามท้าวปาจิตต่อไป พบใครที่ไหนก็สอบถามว่าเห็นใครรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ไหม รู้จักคนชื่อท้าวปาจิตไหม สอบถามจนทั่วแล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้จักหรือเห็นเลย นางจึงร่อนเร่ไปโดยอยู่ในเพศชายตามลำพังจนกระทั่งมาถึงเมืองหนึ่ง ชื่อ จัมปากนคร เมืองจัมปากนครที่นางอรพิมมาถึงนี้ พระมหากษัตริย์ผู้ปกครองเมืองมีพระราชธิดาสวยงามมากแต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ตาย หมอคนใดก็ช่วยไว้ไม่ได้ ชาวเมืองพากันร้องไห้อาลัยรักนางอยู่ นางอรพิมรู้เข้าก็อยากจะลองช่วยนางดู ให้คนพาไปเฝ้าพระมหากษัตริย์ทูลขออนุญาตรักษา เมื่อพระองค์อนุญาต นางอรพิมได้ใช้เปลือกไม้ที่ได้จากป่าคราวรักษาท้าวปาจิตมาเคี้ยวพ่นใส่พระ ราชธิดาจนฟื้นขึ้น พระมหากษัตริย์และพระญาติดีใจมาก ปรึกษากันว่าจะให้นางอรพิมอภิเษกกับพระธิดา แต่นางอรพิมบ่ายเบี่ยงว่าขอเวลาสักปีหรือสองปีให้ได้บวชเรียนและศึกษา ศิลปศาสตร์ให้จบก่อน พระมหากษัตริย์จำต้องยอมตามใจ หลังจากนั้นไม่นานนัก นางอรพิมจึงขอลาไปตามหาท้าวปาจิตด้วยความรู้สึกสิ้นหวังว่า คงจะไม่พบกันเป็นแน่แล้ว นางไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งศึกษาพระธรรมวินัยจนมีความรู้แตกฉานมากพระในวัดและ ศิษย์ตลอดจนชาวบ้านก็ยกให้เป็นพระสังฆราช นางอรพิมให้สร้างโบสถ์ขึ้นหลังหนึ่งเขียนภาพเล่าเรื่องนางกับท้าวปาจิตที่ฝา ผนัง ตั้งแต่ท้าวปาจิตได้อาศัยอยู่กับยายบัวจนถึงตอนนางมาบวชอยู่แต่ละตอนละเอียด ครบถ้วนกระบวนความ นางสั่งไว้ว่า หากมีผู้ใดที่มาดูภาพเขียนฝาผนังแล้วร้องไห้ให้คนเฝ้าโบสถ์รีบไปบอกให้รู้ ทันที วันหนึ่งท้าวปาจิตเดินทางมาถึงเมืองนี้ ได้เข้าพักอาศัยในโบสถ์ และนอนหลับไป ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ครั้นตื่นขึ้นมองไปรอบ ๆ เห็นภาพเขียนบนฝาผนังโบสถ์ ได้ลุกไปเดินดูโดยรอบ รู้ว่าเป็นเรื่องราวของตนกับนางอรพิม จึงทรุดลงร่ำไห้อยู่ตรงนั้น คนเฝ้าโบสถ์เห็นรีบนำความไปเล่าให้พระสังฆราชรู้ พระสังฆราชให้นำท้าวปาจิตไปพบ ท้าวปาจิตสอบถามความเป็นมาของรูปเขียน พระได้เล่าให้ฟังและบอกว่าตนคือนางอรพิม จากนั้นก็ถอดแหวนออกสวมที่นิ้วนาง กลายรูปเป็นหญิงตามเดิม ทั้งสองสวมกอดกันร่ำไห้ด้วยความยินดีเป็นที่สุด แล้วนางอรพิมก็บอกลาชาววัดและชาวบ้านเดินทางกลับนครธม พระเจ้าอุทุมราชมีความยินดีมาก อภิเษกให้ท้าวปาจิตเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ ทั้งสองครองเมืองกันอย่างมีความสุขสืบมา

Cr http://tinytarn.blogspot.com/2008/08/blog-post_07.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2013, 12:17:25 PM โดย วี »

Re: ภาพ คู่จิ้นพระนาง จักรๆวงศ์ๆ ในวรรณคดีไทย
« ตอบกลับ #205 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 03:26:45 PM »
 ;)โหลดภาพ1-3หน้าแรกไม่ได้กำเลย