ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

รักเหนือลิขิต A Lover before time

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ it530_08

  • โอมเพี้ยง - ทุกอย่างสามารถเสกได้
  • *
  • 276
  • 1
    • อีเมล์
รักเหนือลิขิต A Lover before time
« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2008, 05:46:24 PM »

ฝากผลงานเรื่อง รักเหนือลิขิต A Lover before time ไว้ด้วยนะค่ะ

http://my.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=421516

ออกแนวจีนๆ ไม่รู้ว่าจะตรงใจคนในบอร์ดนี้หรือเปล่า เป็นนิยายสอดแทรกประวัติศาสตร์ หวังว่าคงชอบกันนะค่ะ

แนะนำเรื่องแบบย่อๆ

สะพานขาดแต่ไม่ขาด ที่มาแห่งตำนานรักนางพญางูขาวอันเลื่องชื่อ จุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงสาวเดินทางมาสู่สถานที่อันแสนประทับใจแห่งนี้

ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

" ขอเพียงรักอยู่ ใยต้องครองคู่  "



ทะเลสาปซีหู




เจดีย์เหลยฟง


สะพานขาดแต่ไม่ขาด ที่มาแห่งตำนานรักนางพญางูขาวอันเลื่องชื่อ

จุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงสาวเดินทางมาสู่สถานที่อันแสนประทับใจแห่งนี้

ทะสาปซีหู สวนหลิวหยวน วัดผู่จี้

เราจะพบกับ ณ. ที่แห่งนี้ นานแค่ไหนก็จะรอ


แนะนำตัวละคร







ซินเยี่ย  - หญิงสาวนักท่องเที่ยวลูกกำพร้าแห่งโลกปัจุบันที่ถูกโชตชะตาเล่นตลก ให้ย้อนกลับมาสู่โลกอดีตสมัยราชวงศ์ชิง ยุคจักรพรรดิคังซี ต่อมาได้กลายเป็นท่านหญิงซูเคอซินเยี่ยแห่งตระกูลซูเคอ
หนึ่งในแปดตระกูลสูงศักดิ์แห่งแมนจู



ถงเจียเสวียน - ชายหนุ่มลึกลับ ผู้มีท่าทางสง่างาม น่าเกรงขาม อีกทั้งความคิดลึกล้ำ
ยากจะหาผู้ใดเปรียบในแผ่นดิน



จางจี้จง - ลูกชายขุนนางใหญ่ชาวฮั่น ผู้มีจิตใจมั่นคง และรักความยุติธรรมยิ่งชีพ



หยวนเฉิงจื้อ - ลูกชายเศรษฐีใหญ่แห่งเมืองหลวง ผู้ที่สมหวังทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความรัก



ลู่ต้าไห่ - ลูกชายขุนนางใหญ่ชาวแมนจู วรยุทธเป็นหนึ่ง แต่ไม่ประสาเรื่องความรัก



อูหย่าเสี่ยวหนีจื่อ - สาวน้อยแรกรุ่น หน้าตาอ่อนหวาน ลูกสาวขุนนางใหญ่ชาวแมนจู
แห่งตระกูลอูหย่า
หนึ่งในแปดตระกูลสูงศักดิ์แห่งแมนจู



หนิ่วฮู่ลู่หลานเอ๋อ - หญิงสาวผู้สละทุกอย่างได้เพื่อความรัก



 บัณฑิตโจวลุน - บัณฑิตผู้มากไปด้วยความสามารถ ผู้ที่มีรักมั่นคงต่อเทพธิดาซีหู
ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต



เทพธิดาซีหู - มีตัวตนจริงหรือเป็นเพียงแค่ภาพฝัน



ท่านหญิงซูเคอหลันหยู - ท่านหญิงมองโกลเชื้อสายชาวฮั่น หนึ่งในผู้คุมกฏแห่งศาลบรรพชนแมนจู
พระญาติผู้น้องผู้รู้ใจไท่หวงไทเฮาเสี้ยวจวง เป็นผู้อุปการะซูเคอซินเยี่ย


ไท่หวงไทเฮาเสี้ยวจวงเหวิน  - พระอัยยิกาแห่งจักรพรรดิคังซี ผู้มีปํญญาเฉียบแหลม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 05, 2009, 08:49:11 AM โดย it530_08 »

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: รักเหนือลิขิต A Lover before time
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2008, 03:11:45 AM »
 :-* ชอบอยู่จ้า คอหนังจีนกำลังภายในเลยล่ะ ดูเยอะกว่าละครพื้นบ้านซะอีก

ออฟไลน์ it530_08

  • โอมเพี้ยง - ทุกอย่างสามารถเสกได้
  • *
  • 276
  • 1
    • อีเมล์
Re: รักเหนือลิขิต A Lover before time
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 24, 2009, 01:30:58 PM »
ฝากประกาศจ้า ตอนนี้นิยายของเราใกล้จะจบแล้ว เดี๋ยวพอรวมเล่มพิมพ์ออกมาเมื่อไร แล้วจะมาแจ้งข่าวอีกทีนะจ๊ะ

และขอให้กำลังใจ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เขียนนิยายลงอยู่ในตอนนี้ ให้พยายามสู้ๆ เข้าน่ะ

เพราะถ้าเราได้เขียนจนจบเรื่อง และได้พิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่ม เราจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆ เลยนะจ๊ะ

 ;) ;) ;)

ออฟไลน์ it530_08

  • โอมเพี้ยง - ทุกอย่างสามารถเสกได้
  • *
  • 276
  • 1
    • อีเมล์
Re: รักเหนือลิขิต A Lover before time ตอนที่ 1
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2009, 08:47:17 AM »
ตอนที่   1
จุดเริ่มต้น

ณ. คอนโดแห่งหนึ่ง บนเกาะฮ่องกง ประเทศจีน

กริ้งๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวใบหน้าเรียว เครื่องหน้าสมส่วน รีบวิ่งมารับโทรศัพท์อยากรวดเร็ว " สวัสดีค่ะ ซินเยี่ย พูดสายค่ะ "
" แหมนึกว่าจะโทรมาไม่ทันซะแล้ว นึกว่าเดินทางไปสนามบินแล้วซะอีก ต้องขอโทษอีกทีน่ะ ที่วันนี้ไปส่งไม่ได้ " น้ำเสียงออดอ้อนของหญิงสาวปลายสายตอบกลับมา
" นึกว่าใครที่ไหน ชิงชิงนี่เอง ก็กำลังจะไปจ๊ะ พอดีได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เลยรีบวิ่งมารับน่ะ เรื่องที่เธอไปส่งเราที่สนามบินไม่ได้ เราไม่โกรธเธอหรอก เลิกขอโทษได้แล้ว " หญิงสาวต้นสายกล่าว 
"โอเคจ๊ะ ยังไงก็เที่ยวให้สนุกน่ะ ไม่แน่น่ะไปเที่ยวครั้งนี้ อาจจะพบรักก็ได้ อุตสาห์ไปเที่ยวยังที่ที่เป็นตำนานความรักซะขนาดนั้น " หญิงสาวปลายสายกล่าว
" ขำน่ะ ตลกแล้วล่ะ แหมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็กจนโต เธอเห็นฉันนึกรักใครบางหรือยังล่ะ แต่ไม่แน่เหมือนกันน่ะ อาจจะพบรัก อยากที่เธอว่าก็ได้ พบรักที่ซีหู แค่พูด ก็โรแมนติกซะไม่มีแล้ว อีกอย่างเขาว่า เบญจเพสนี่จะเจออะไรดีๆ ไม่ใช่เหรอ อาจจะเจออย่างที่เธอว่าก็ได้น่ะ ไปคราวนี้จะเที่ยวให้จุใจเลย เดือนที่แล้วไปประชุมที่นู่น 2 วัน ยุ่งสุดๆ มีเวลาเดินเที่ยวแค่ 3 ชั่วโมงเอง " หญิงสาวต้นสายกล่าว
" จ้า ขนาดยุ่งสุดๆ ยังมีเวลาเดินเที่ยว 3 ชั่วโมง แถมไป โพสท่าใส่ชุดนางฟ้าถ่ายรูปริมทะเลสาปเป็น 10 ใบ  ยังไงก็ขอให้ได้พบรักซะทีนะจ๊ะ แต่อย่ามัวเที่ยวจนเพลิดแล้วมาไม่ทันงานแต่งงานของฉันน่ะ ยังไงไปก็ระวังเรื่องขึ้นรถ ลงเรือ ล่ะ อย่าลืมน่ะว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น " หญิงสาวปลายสายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงอีกฝ่าย
" จ๊ะ ไม่ลืมหรอกจ๊ะ แหมอีกตั้ง 3 เดือน กว่าจะถึงวันงาน ยังไงกลับมาทันอยู่แล้วน่ะ ส่วนเรื่องนั่นไม่ต้องห่วง รับรองว่าจะระวังตัวเป็นอย่างดีจ๊ะ เดี๋ยวต้องไปแล้วน่ะ เดี๋ยวไม่ทันเวลาน่ะ จะซื้อของมาฝากเธอเยอะเลยล่ะจ๊ะ "  หญิงสาวต้นสายกล่าว
" จ๊ะ โชคดีนะจ๊ะ Have a good trip บายน่ะ" หญิงสาวปลายสายกล่าว "บาย เช่นกันจ๊ะ " หญิงสาวต้นสายกล่าวพร้อมวางหูโทรศัพท์ และรีบหยิบสัมภาระเดินทางไปสนามบินอย่างรวดเร็ว

สนามบินผู่ตง เมืองเซียงไฮ้ ประเทศจีน

หลังจากตรวจสอบเอกสารการเดินทางเรียบร้อย ซินเยี่ยก็เดินทางไปขึ้นรถที่ทางโรงแรมจัดมาให้ พอถึงโรงแรมก็เข้าเช็คอินห้องพัก  หลังจากจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อยก็ไปทานข้าวแล้วเดินเที่ยวถนนนานกิง และกลับมานอนที่โรงแรม
ตอนเช้านั่งรถที่จองไว้กับทางโรงแรมไปหังโจว นั่งชมธรรมชาติสองข้างทาง ราว 2 ชั่วโมง ก็ถึงมาโรงแรมที่พัก ช่วงบ่ายไปเดินเที่ยวสวนสาธารณะ และล่องเรือชมทะเลสาปซีหูในช่วงเย็น ผ่านเกาะใหญ่กลางน้ำ เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ในศาลากลางน้ำ ต่างสบตากัน
 
หลังจากนั่งเรือชมทิวทัศน์รอบทะเลสาปเสร็จ ก็เดินเที่ยวชมบรรยากาศรอบๆ ทะเลสาป ต่อมาเกิดฝนตกจึงเข้าไปหลบในศาลา แล้วเห็นภาพผู้ชายคนเดิมวิ่งเข้ามาหลบฝนในศาลา แต่เห็นหน้าไม่ชัด ต่างมองหน้ากัน แล้วภาพชายหนุ่มข้างหน้านั่นก็หายไป
“ สงสัยจะตาฝาดไป ” ซินเยี่ยพึมพำกับตัวเอง
หลังจากฝนหยุดตก ก็ไปเดินเที่ยวถ่ายรูป ผ่านร้านขายเสื้อผ้า ที่หน้าร้านทำเป็นตู้กระจก มีหุ่นใส่ชุดกี่เพ้าโชว์อยู่ ซินเยี่ยมองชุดที่โชว์อยู่ด้วยความสนใจ  จึงเดินเข้าไปในร้าน หญิงกลางคนเจ้าของร้าน พอเห็นลูกค้าเข้าร้านมา ก็รีบออกมาต้อนรับอย่างดี
“ สนใจชุดไหนค่ะ น้อง ” หญิงกลางคนเจ้าของร้านกล่าว
“ ขอดูชุดที่แบบที่โชว์อยู่ในตู้หน่อยค่ะ ” ซินเยี่ยบอกหญิงกลางคนเจ้าของร้าน
“ ได้ค่ะ สักครู่นะค่ะ ” สักพักเจ้าของร้านก็เอาชุดแบบที่โชว์มาให้ซินเยี่ย
“ ขอลองใส่ได้ไหมค่ะ ” ซินเยี่ยถามเจ้าของร้าน
“ ได้ค่ะ ห้องลองชุดอยู่ทางนี้ค่ะ ”  เจ้าของร้านบอกซินเยี่ย แล้วพาเดินมาทางห้องลองชุด
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ ซินเยี่ยก็ออกมาดูตัวเองในกระจก ก็รู้สึกชอบใจและตกลงซื้อชุดนั้น
“ พวกคุณหนูลูกผู้ดีสมัยก่อน ก็แต่งแบบนี้กันนะค่ะ ” เจ้าของร้านบอกแก่ซินเยี่ย
“ ค่ะ แล้วท่าแต่งชุดกี่เพ้าออกไปเดิน จะแปลกไหมค่ะ ” ซินเยี่ยถามเจ้าของร้าน
“ ไม่แปลกหรอกค่ะ บางคนที่มาซื้อ แล้วแต่งออกไปจากเลยก็มีตั้งเยอะค่ะ ” เจ้าของร้านบอกแก่ซินเยี่ย
“ ค่ะ ขอบคุณ ค่ะ ” ซินเยี่ยบอกเจ้าของร้าน และเดินออกจากร้านไป
“ ขอบคุณค่ะ วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะค่ะ ” เจ้าของร้านบอกซินเยี่ย

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ซินเยี่ยรีบรับสาย เมื่อเห็นว่า ชิงชิงเพื่อนรักโทรมา
“ ว่าไงจ๊ะ เที่ยวเป็นไงบ้าง ” ชิงชิงถามเพื่อนสาว
“ กำลังเพลิดเลยจ๊ะ นี่กำลังจะไปวิวที่ถ่ายรูปครั้งที่แล้วน่ะ แต่วันนี้ไม่ได้เช่าชุดนางฟ้าใส่น่ะ แบบว่าเขินน่ะ แต่ใส่ชุดกี่เพ้าแทนจ๊ะ เจอที่ร้านขายเสื้อ สวยดีน่ะ ” ซินเยี่ยบอกอีกฝ่าย
“ อ๋อ วิวเดิม ที่เมื่อเดือนก่อน เธอใส่ชุดนางฟ้าแล้วไปโพสท่าถ่ายรูปมาให้ฉันดูใช่ไหมล่ะ แหมแต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นใส่ชุดกี่เพ้าแทน ” ชิงชิงพูดกับอีกฝ่ายแต่ก็อดหัวเราะเพื่อนสาวไม่ได้
“ จ้า ก็ที่เดิมนั่นแหละ แต่เปลี่ยนชุดใส่ไง ก็ได้อารมณ์อีกแบบ ” ซินเยี่ยบอกอีกฝ่าย
“ งั้นแค่นี้ ก่อนแล้วกันน่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมงานแต่งละก็ รับรองฉันไปเที่ยวกับเธอแน่ แบบว่าความสวยไม่ยอมแพ้ ” ชิงชิงบอกเพื่อนสาว
“ จ้า หวัดดีค่ะ ” ซินเยี่ยบอกอีกฝ่ายแล้ววางสายไป

หลังจากโพสท่าถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ไปเที่ยวที่เจดีย์เหลยฟง จู่ๆ เกิดลมแรง ฟ้าร้อง เหมือนฝนจะตกหนัก ซินเยี่ยเลยเข้าไปหลบในเจดีย์  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินเที่ยวแถวนั้นก็เข้าไปหลบในเจดีย์ด้วย ซินเยี่ยเดินชมภายในเจดีย์ไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นที่เป็นจุดชมวิว ซึ่งผู้คนในชั้นนั้นก็มีมากมาย ผู้คนต่างเบียดเสียดกัน จนซินเยี่ยไปติดผนังของเจดีย์ ซึ่งขณะนั้น ลมแรง ฟ้าร้องดังลั่น ทำให้เกิดปรากฎการณ์ช่องว่างบนผนังของเจดีย์ขึ้น

เด็กเล็กๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนต่างตกใจกับเสียงฟ้าร้อง จึงเบียดเสียดไปมาจนดันซินเยี่ยเข้าไปในช่องว่างบนผนัง พอลมหยุดพัด ฟ้าหยุดร้อง สู่สภาพปกติ ช่องว่างบนผนังก็หายไป โดยไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ ว่าเมื่อครู่ได้ปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นภายใจเจดีย์แห่งนี้   

บ้านหลังหนึ่งแถวริมทะเลสาปซีหู

ซินเยี่ยค่อยๆลืมตาขึ้น มองสภาพรอบๆตัว เห็นหญิงสูงวัยผู้หนึ่งอายุราว 60 ปีเศษ นั่งมองหล่อนอยู่ข้างเตียงที่หล่อนนอน โดยมีหญิงสาววัย 30 อีกคน คอยยืนดูอยู่ข้างๆ
“ฟื้นแล้วค่ะ ท่านยาย” หญิงสาววัย 30 บอกอีกฝ่าย
ซินเยี่ยพยายามลุกขึ้นนั่ง โดยมีหญิงสาววัย 30 ช่วงพยุงลุกขึ้นนั่ง
“ที่นี้ที่ไหน” ซินเยี่ยถามอีกฝ่าย
หญิงสาววัย 30 บอกว่า “ที่นี้บ้านท่านยายหยู แม่นางตกลงมาในสระบัว สลบไป 3 วัน 3 คืน”

ท่านยายหยูหันมาทางสาวใช้ของตัวเอง “เป่าฉาย เจ้าออกไปเอายามาให้นางกินที”
“ค่ะ ท่านยาย” เป่าฉายรับคำสั่งแล้วเดินออกไป
ท่านยายหยูเห็นว่า เป่าฉายออกไปแล้ว จึงถามอาการหญิงสาว “เป็นไงบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือ สลบไป 3 วัน เต็มเลยน่ะ”
“ 3 วัน นี่ซินเยี่ยหลับไป 3 วันเลยหรือค่ะ แล้วที่นี้มันที่ไหนค่ะ ท่านยาย”  ซินเยี่ยถาม พลางมองไปรอบๆ ตัว
“ที่นี้ บ้านพักตากอากาศของยายเอง ยายชื่อหลันหยู เจ้าละชื่ออะไร ทำไมถึงตกลงมาจากบนฟ้าได้ ดีน่ะว่าตกลงมาในบึงบัว หากตกลงพื้นเจ้าคงตายไปแล้ว” ท่านยายหยูบอกซินเยี่ย
“หา !  เป็นไปได้ยังไง” ซินเยี่ยอุทาน พอตั้งสติได้ ก็บอกกับท่านหยูว่าชื่อซินเยี่ยค่ะ
และเหล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ท่านยายหยูฟัง
“ขอบคุณท่านยายหยูมากนะค่ะ ที่ช่วยดูแลซินเยี่ย เดี๋ยววันพรุ่งนี้ซินเยี่ยจะกลับไปพักที่โรงแรมแล้วล่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจากที่นี้ต้องนั่งรถอะไรไปโรงแรม The star ค่ะ ”
“โรงแรม The star ที่นี้ไม่มีโรงแรมนี้หรอก ยายเองก็ไม่เคยได้ยิน แล้วโรงแรมที่ซินเยี่ยว่า หน้าตา มันเป็นไง” ท่านยายหยูถามซินเยี่ย
“ท่านยายไม่รู้จักโรงแรม คือมันก็คือโรงเตี๊ยมนะค่ะ” ซินเยี่ยคิดว่าท่านยายเป็นคนแก่อยู่ต่างจังหวัด อาจไม่รู้จักโรงแรม
“โรงเตี๊ยม The star ชื่อเป็นต่างชาติแบบนี้ ยายไม่เคยได้ยิน ” ซินเยี่ยรู้สึกแปลกใจที่ท่านยายไม่รู้จักโรงแรม ซินเยี่ยลุกขึ้นจากเตียง สำรวจห้องนอน และเปิดประตูออกไปข้างนอกดูบรรยากาศรอบ รู้สึกแปลกใจ เดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วถามท่านยายว่า “ที่นี้ตกแต่งเหมือนบ้านเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วนะค่ะ ”
ท่านยายหยูแปลกใจในคำพูดของหญิงสาว จึงบอกกับหญิงสาวว่า “บ้านทุกทีในแผ่นดินนี้ ก็ตกแต่งแบบนี้ทั้งนั้น หากหรูหราหน่อย ก็เป็นพวกบ้านเศรษฐี ขุนนาง หรือเหล่าเชื้อพระวงศ์”
“เชื้อพระวงศ์ ประเทศจีนยังมีเชื้อพระวงศ์อยู่เหรอ ระบบมันถูกล้มเป็นร้อยปีแล้วนี่” ซินเยี่ยพูดกับตัวเอง   ท่านยายหยูได้ยินที่ซินเยี่ยพูดแล้วก็ตกใจ “ซินเยี่ยเจ้าอย่าได้พูดอย่างนี้กับใครเด็ดขาด เจ้าจะหัวหลุดออกจากบ่าได้” 
“หา ! หัวหลุดจากบ่า ที่นี้มันที่ไหนกันแน่ หรือว่าเราฝันไป” ซินเยี่ยพูดแล้วหยิกตัวเอง “โอ๊ย ก็เจ็บนี้” แล้วหันมาถามท่านยายหยูว่า “ตอนนี้ปีที่เท่าไรค่ะ ”
“ปีคังซีที่ 22 ถ้านับตามปีแบบที่ต่างชาตินับกัน ก็ปี ค.ศ. 1683 ” ท่านยายหยูบอกซินเยี่ย
“ค.ศ. 1683 นี่เรากลับมาอดีตเมื่อ 300 กว่าปีที่แล้วหรือ แล้วเราจะกลับบ้านยังไงล่ะ” ซินเยี่ยพึมพำกับตัวเอง

ช่วงที่ซินเยี่ยยังไม่ฟื้น ท่านยายมาเฝ้าดูอาการทุกวันและนึกถึงคำทำนายของนักพรตว่าจะได้อุปการะผู้ที่มาจากแดนไกล   พอท่านยายหยูได้ยินว่าซินเยี่ยพูดว่าจะกลับบ้านยังไงดี เลยบอกกับซินเยี่ยว่า “ยายไม่รู้ว่า ซินเยี่ยตกลงมาจากฟ้าได้ยังไง แต่เมื่อไม่รู้ว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร ก็ขอให้อยู่กับยายก่อน มาเป็นหลานสาวของยาย”

ซินเยี่ยไม่รู้ว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร และไม่รู้จะไปไหนดี จึงตกกระไดพลอยโจน รับปากเป็นหลานสาวท่านหยู”

ท่านยายหยูเล่าความเป็นมาของนางให้ซินเยี่ยฟัง “ยายชื่อ ท่านหญิงซูเคอหลันหยู เป็นลูกสาวท่านอ๋องซูเคอลุน ซึ่งเป็นญาติทางเสด็จแม่ของไท่หวงไทเฮาเสี้ยวจวง เป็นชาวเผ่าเค่อเอ่อชิน เป็นชาวมองโกล สามีของยายคือแม่ทัพน่าหล่าลู่เค่อเป็นชาวเผ่าหนี่เจิน เป็นชาวแมนจู ลูกชายคือลู่เซียะ เป็นรองแม่ทัพ สามีและลูกชายของยายตายในสนามรบ ส่วนลูกสะใภ้ของยายชื่อหวี่เหอเป็นชาวฮั่น พอรู้ว่าสามีตายที่สนามรบก็เสียใจมาก   ส่งผลทำให้เด็กในท้องแท้งไปก่อน และต่อมาก็ป่วยตาย
ยายก็เลยอยู่ตัวคนเดียว มีแต่พวกสาวใช้ที่คอยดูแล ยายมาพักตากอากาศที่นี้ทุกปี อีก 3 วัน ก็จะครบกำหนดกลับ จากความดีที่เคยทำมาแต่ครั้งก่อน องค์หวงไท่จี้ จึงได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ ว่าถ้ามีลูกหลานก็ให้ได้รับตำแหน่งท่านหญิง ท่านชาย สืบทอดชั่วลูกหลาน แต่เสียดายที่ลูกชายยายมาตายก่อน แถมลูกสะใภ้ก็มาแท้งอีก เลยยังไม่มีลูกหลานให้สืบทอด เมื่อเจ้ามาเป็นหลานสาวของยายก็ต้องได้รับบรรดาศักดิ์เป็นท่านหญิงด้วย ต่อไปนี้เจ้าก็คือท่านหญิงซูเคอซินเยี่ย พอกลับไปที่จวนแล้ว ยายจะแจ้งไปทางราชสำนักให้แต่งตั้งเจ้าอย่างเป็นทางการ และขอให้เรียกยายว่าท่านยายหยูเหมือนเดิม ไม่ต้องเรียกว่าท่านหญิง ยายชอบให้ซินเยี่ยเรียกยายว่าแบบนี้มากกว่า มันดูใกล้ชิดดี”

ซินเยี่ยรู้สึกสงสารท่านยายหยูจึงกอดนาง เพื่อคลายความเศร้าในใจท่านยาย   3 วันต่อมา ก็ถึงวันเดินทาง เป่าฉายสาวใช้ และอาหวัง อาลุน คนติดตามหรืออีกนัยหนึ่งก็คือเหล่าองครักษ์นั้น ช่วยกันขนของขึ้นรถม้า หลังจากซินเยี่ยและท่านยายขึ้นรถม้าแล้ว รถม้าค่อยๆ แล่นออกจากตัวบ้านอย่างช้าๆ ซินเยี่ยเปิดผ้าม่านมองดูทะเลสาปซีหู   “ลาก่อนซีหู บ้านใหม่ กับที่แห่งใหม่ กับคนใหม่ๆ” เฮ้อ ซินเยี่ยถอดหายใจยาว ไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นเช่นไร ต่อจากนี้

ออฟไลน์ it530_08

  • โอมเพี้ยง - ทุกอย่างสามารถเสกได้
  • *
  • 276
  • 1
    • อีเมล์
Re: รักเหนือลิขิต A Lover before time ตอนที่ 1
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2009, 08:48:53 AM »
ตอนที่   2
ซูเคอซินเยี่ย ท่านหญิงคนใหม่

ณ. จวนแม่ทัพน่าหล่าลู่เค่อ ชานเมืองปักกิ่ง

ซินเยี่ยและท่านยายหยูลงมาจากรถม้า ซินเยี่ยยืนมองที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ความรู้สึกอบอุ่นที่แล่นเข้ามาสู่หัวใจ ในโลกปัจจุบันซินเยี่ยเป็นเพียงเด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์ ไม่รู้ว่าใครคือพ่อ แม่ที่แท้จริง อาศัยว่าเป็นคนหัวดี จึงสอบได้ทุนเรียนฟรีมาตลอดเนื่องจากหล่อนเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก พอเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยจึงเลือกเรียนทางด้านบรรณารักษ์ และด้วยต้องรักษาเกรดให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทมากนัก
เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูหนังสือ ทำให้มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคือเสี่ยวชิงชิง แต่พอมาในวันนี้ หล่อนมีท่านยายหยูที่รักหล่อนราวกับหลานสาวในไส้ ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่เคยเห็นหน้าแม่ทัพลู่เค่อ รองแม่ทัพลู่เซีย ฮูหยินน้อยหวี่เหอ ที่ตอนนี้ได้เป็น ท่านตา ท่านพ่อ ท่านแม่ ของหล่อนเรียบร้อยตั้งแต่วันที่หล่อนรับปากว่าจะมาเป็นหลานสาวของท่านยายหยู
“เป็นไงบ้าง ซินเยี่ย ชอบไหมกับบ้านใหม่ ” ท่านยายหยูหันมาถามซินเยี่ย “ชอบค่ะ” ซินเยี่ยหันมาตอบท่านหยูแล้วเดินเข้าจวนไปพร้อมท่านยาย บรรดาคนรับใช้ที่อยู่ในจวนรู้สึกแปลกใจที่มีหญิงสาวนางหนึ่งตามนายของตนมา
ระหว่างเดินทางเข้าไปในจวน ซินเยี่ยก็สำรวจสภาพของจวนไปด้วย ถึงแม้ว่าจวนนี้จะไม่โออ่า เนื่องจากผู้เป็นแม่ทัพ และรองแม่ทัพได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และในจวนก็ไม่ได้มีใครรับราชการอีกทั้งท่านยายหยูถึงแม้จะเป็นท่านหญิงและเป็นพระญาติแต่ก็ชอบความสงบ จึงเน้นการแต่งจวนที่แสดงความเรียบง่าย แต่ก็ดูดี ซินเยี่ยเดินมาพร้อมกับท่านยายหยูจนถึงห้องโถงของจวน
ที่ห้องโถงของจวน ท่านยายหยูใช้ให้เป่าฉาย สาวใช้ ไปตามทุกคนในบ้านมา เพื่อแจ้งเรื่องสำคัญ หลังจากที่ทุกคนมาพร้อมหน้า ท่านยายหยูจึงประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่าได้ไปพบลูกสาวของรองแม่ทัพลู่เซีย และฮูหยินน้อยหวี่เหอ ที่หายตัวไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่เดินทางมาปักกิ่ง
โดยก่อนหน้าที่จะเดินทางมาจากซูโจว ท่านยายหยูได้เรียกเป่าฉาย อาหวัง อาลุน มากำชับไม่ให้บอกใครเรื่องที่ซินเยี่ยตกลงมาจากฟ้า
   และท่านยายหยูได้มีจดหมายแจ้งไปยังไทห่วงไทเฮาเสี้ยวจวง บอกความเป็นมาที่แท้จริงของซินเยี่ยให้ได้รู้ และบอกกับไทห่วงไทเฮาเสี้ยวจวงอีกว่า คำทำนายของนักพรตที่บอกว่าจะได้รับอุปการะผู้มาจากแดนไกลนั้นเป็นจริง แม้จะต้องรอผู้นั้นนาน 20 กว่าปี ไม่นานเท่าไรนักก็มีพระราชเสาวนีย์ของไทห่วงไทเฮา โดยอ้างถึงพระบรมราชโองการขององค์หวงไท่จี้ แต่งตั้งซินเยี่ยเป็นท่านหญิงซูเคอซินเยี่ย
“ไว้ให้ซินเยี่ยเรียนรู้มารยาทให้ดีกว่านี้ก่อน แล้วข้าจะพานางไปถวายพระพร ไทห่วงไทเฮา รบกวนกงกง ทูลไทห่วงไทเฮาด้วย ” ท่านยายหยูแจ้งแก่กงกง ที่อัญเชิญพระราชเสาวนีย์ของไทห่วงไทเฮามา
“ท่านหญิงหลันหยูมิต้องเกรงใจ หม่อมฉันจะเรียนให้ไทห่วงไทเฮาทราบ หม่อมฉันต้องขอตัวกลับก่อน ” ขันทีที่เชิญพระราชเสาวนีย์ของไทห่วงไทเฮา บอกด้วยความนอบน้อม
   “เป่าเป่า ส่งกงกงด้วย” ท่านยายหยูหันไปบอกสาวใช้
“นึกว่าพวก ขันทีจะต้องกระตุงกระติ๋งเหมือนผู้หญิงเสียอีก” ซินเยี่ยพูดกับตัวเองเมื่อเห็นว่าพวกขันที เดินคล้อยหลังไปแล้ว พอดีท่านยายหยูได้ยินจึงหัวเราะซินเยี่ย “ใครบอกเจ้าว่าพวกขันทีต้องกระตุงกระติ๋งเหมือนผู้หญิง” “คือว่าซินเยี่ยคิดว่าเขาไม่มี เอ่อ ตรงนั้นก็เลยจะต้องกระตุงกระติ๋งเหมือนผู้หญิงนะค่ะ แต่พอมาเห็นวันนี้ถึงได้เข้าใจผิด” “อันทีจริงขันทีที่กระตุงกระติ๋งเหมือนผู้หญิงก็มีหรอก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน บางคนองอาจยิ่งกว่าผู้ชายก็มี บางคนแต่งงานมีภรรยาก็มากอยู่ ของแบบนี้มันอยู่ที่จิตใจน่ะ บางคนถึงกายจะเป็นชายไม่สมบูรณ์ แต่จิตใจก็เป็นชายสมบูรณ์ บางคนกายเป็นชายสมบูรณ์ แต่จิตใจเป็นหญิงก็เยอะ” ท่านยายหยูอธิบายให้ซินเยี่ยฟัง และบอกแก่ซินเยี่ยว่า
ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปซินเยี่ยจะต้องเรียนหนังสือ ฝึกขี่ม้า ยิงธนู ฝึกวรยุทธ ฝึกร่ายรำ ฝึกมารยาท “ฝึกวรยุทธ !  วรยุทธอะไรค่ะ” ซินเยี่ยถามด้วยความแปลกใจ
“กระบี่นางฟ้า แปลกใจละสิ ว่าทำไมชาวมองโกลอย่างยายถึงมีวรยุทธแบบชาวฮั่นได้ แม่ของยายเป็นชาวฮั่นนางชื่อหลีหยู กระบี่นางฟ้า เป็นวิชาตกทอดของตระกูลหลี จะถ่ายทอดให้กับลูกหลานผู้หญิงเท่านั้น ความพิเศษของวิชานี้มีอยู่ตรงที่ว่า สามารถเอามาต่อสู้ก็ได้หรือจะพลิกแพลงมาเป็นท่ารำอันอ่อนช้อยก็ได้ วิชานี้มีทั้งหมด 10 กระบวนท่า แต่สามารถพลิกแพลงได้ไม่รู้จบ แต่มันก็ขึ้นกับปัญญาของเจ้า ว่าจะสามารถพลิกแพลงได้แค่ไหน”
   “กระบี่นางฟ้า ชื่อเพราะจัง แล้วต้องใช้กระบี่แบบไหนฝึกค่ะ กระบี่อ่อนหรือกระบี่แข็ง”ซินเยี่ยถามท่านยายหยู ท่านยายหยูหัวเราะ แล้วดีดนิ้วไปที่ดอกไม้ที่ใส่ไว้ในแจกัน พลันก็มีแสงสีเหลืองนวลตาออกมา ตัดดอกไม้จนกระเด็นหลุดออกจากก้าน “กระบี่นางฟ้า หาใช่ต้องใช้กระบี่ไม่ แม้เพียงนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว ก็ใช้แทนกระบี่ได้แล้ว แต่หากจำเป็นต้องใช้กระบี่ก็ย่อมได้ นี่แหละคือความพิเศษของมัน ” ซินเยี่ยตกใจและรู้สึกทึ่งในความสามารถของท่านยายหยู

ในช่วง 1 ปี แรกที่ซินเยี่ยอยู่กับท่านยายหยู กิจวัตรประจำวันของซินเยี่ยคือ เรียนหนังสือ ฝึกมารยาท ฝึกร่ายรำ ฝึกขี่ม้า ยิงธนู ฝึกวรยุทธ ในศาลากลางสวน ระหว่างที่ท่านยายหยูกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่กับซินเยี่ย โดยมีเป่าฉายยืนอยู่ด้านข้าง ซินเยี่ยก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปด้านหลังของท่านยายหยู “ท่านยายค่ะ ซินเยี่ยนวดหัวไหล่ให้นะค่ะ ” ซินเยี่ยพูด แล้วก็ลงมือบีบนวดให้ท่านยาย
“สบายไหมค่ะ ” “กำลังดีทีเดียว” คนถูกบีบรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง  ซินเยี่ยหันมายิ้มกับเป่าฉาย
“ท่านยายค่ะ เผลอแป็บเดียว ซินเยี่ยมาอยู่กับท่านยายก็ปี 1 แล้วนะค่ะ หนังสือในห้องหนังสือก็อ่านจนจะหมดอยู่แล้ว ” ซินเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“พูดแบบนี้ มาเอาใจแบบนี้ อยากได้อะไรล่ะ” ท่านยายหยูตอบกลับอย่างรู้ทัน
“ซินเยี่ยอยากจะขอท่านยายไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนของบัณฑิตเฉิน ได้ยินว่าโรงเรียนสอนหนังสือดีนะค่ะ จากบ้านท่านยายไปโรงเรียนใช้เวลาเดินทางไม่ถึงวัน อีกอย่างก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองปักกิ่งมากนัก ”

“จริงอยู่ว่าใช้เวลาเดินทางไม่ถึงวัน แต่หากเดินทางไป-กลับ เจ้าคงเหนื่อยแย่ ยายว่าเจ้าไปพักบ้านที่ในเมืองดีกว่า” ท่านยายหยูบอกแก่ซินเยี่ย

“ตกลง ท่านยายให้ซินเยี่ยไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแล้วนะค่ะ” ซินเยี่ยพูดออกมาด้วยความดีใจ และนึกไม่ถึงว่าท่านยายจะอนุญาตง่ายขนาดนี้

“ยายเอง ก็ไม่ใช่พวกยายแก่คร่ำครึ ที่จะให้หลานสาวอยู่แต่บ้านไม่ให้ออกไปไหน แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องแต่งตัวเป็นชายและไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นผู้หญิง ถ้ารู้เมื่อใด เจ้าต้องกลับมาอยู่บ้าน ส่วนที่พัก หากพักที่โรงเรียนดูจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร เพราะต้องนอนรวมกัน ยายจะให้เจ้าไปพักที่บ้านในเมือง ที่นั่นมีคนดูแลบ้านอยู่ 2 คน ชื่อลุงเว่ย กับป้าเสีย ยายจะให้เป่าฉาย อาหวัง อาลุน ตามไปดูแลเจ้าด้วย ว่าแต่ใครบอกเรื่องโรงเรียนแก่เจ้าล่ะ” ท่านยายหยูพูดจบก็ปรายตาไปที่เป่าฉาย

“ขอโทษค่ะ ท่านหญิง เป่าฉายผิดไปเลย” เป่าฉายพูดด้วยความกลัวพลางคุกเข่า ขออภัย
“ท่านยายค่ะ อย่าลงโทษพี่เป่าฉายเลยนะค่ะ ซินเยี่ยถามพี่เป่าฉายเอง” ซินเยี่ยพูดขอร้องแทนเป่าฉายพลางคุกเข่าขอโทษ ด้วยกลัวว่าหญิงสาวอีกนางจะมีความผิด
“ยายยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย แค่พูดเฉยๆ ทำเป็นกินปูนร้อนท้องไปได้” ท่านยายหยูกล่าวพลางหัวเราะ
การไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนในครั้งนี้ของซินเยี่ย ท่านยายหยูได้มีจดหมายแจ้งไปยังบัณฑิตเฉินเจ้าของโรงเรียนและภรรยาเจ้าของโรงเรียนเป็นการส่วนตัว โดยไหว้วานให้ดูแลซินเยี่ยให้ดี  โดยอยู่ที่โรงเรียนซินเยี่ยจะใช้ชื่อว่าซูเคอซิน  ตอนเช้าซินเยี่ยจะนั่งรถม้าจากบ้านในตัวเมืองมายังโรงเรียน โดยมีอาหวัง อาลุน เป็นคนขับ และเป่าฉายเป็นคนนั่งรถมาเป็นเพื่อน พอตอนเย็นเลิกเรียนเป่าฉายก็จะมายืนรอรับซินเยี่ยที่หน้าประตูโรงเรียนทุกวัน
ที่โรงเรียนบัณฑิต ซินเยี่ยหรือที่ทุกคนรู้จักในนาม “ซูเคอซิน” นั่น ได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย โดยนางมีเพื่อนสนิทที่คุยแล้วถูกคอกันอยู่ 3 คน คือ
คนแรกคือลู่ต้าไห่ รูปร่างสูงใหญ่ เรียนหนังสือปานกลาง แต่เก่งด้านการต่อสู้ เป็นลูกชายไต้เท้าลู่เจิ้นหัว
คนที่สองคือจางจี้จง เป็นหนุ่มรูปงาม เรียนหนังสือเก่ง ลูกชายไต้เท้าจางจิง
คนที่สามคือหยวนเฉิงจื้อ แม้หน้าตาจะไม่หล่อเหลาเช่นจี้จง แต่ด้วยเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย เรียนหนังสือเก่ง ทำให้ครั้งแรกที่ซินเยี่ยได้พบ ก็อดรู้สึกชื่นชอบไม่ได้ เป็นลูกชายของเศรษฐีหยวนซื่อ พ่อค้ารายใหญ่รายหนึ่งในเมืองหลวง

“ ทุกคนพรุ่งนี้วันหยุดเราไปร้านหนังสือกันไหม” ซูเคอซินพูดขึ้นระหว่างเดินไปหน้าโรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถมาที่มารอรับ
“ข้าก็ว่าดีเหมือนกัน เพื่อจะได้หนังสือใหม่ๆ กลับมา แล้ว เฉิงจื้อกับต้าไห้ ว่ายังไงล่ะ” จี้จงหันไปถามเพื่อนทั้งสอง
“ข้าก็ว่าดีเหมือนกันไม่ได้ไปร้านหนังสือมานานแล้ว” ต้าไห้พูด
“ข้าเองก็คิดจะชวนพวกเจ้าอยู่เหมือนกัน พอดีอาซินพูดขึ้นมาก่อน ว่าแต่นัดพบกันที่ไหนดีล่ะ” เฉิงจื้อถามเพื่อนในกลุ่ม
“งั้นเจอกันที่ร้านหนังสือซินหัวเลยแล้วกัน พอได้หนังสือแล้ว ก็ไปหาอะไรกินที่โรงเตี๊ยมแถวนั้นแล้วกัน พวกเจ้าว่าไง” จี้จงถามเพื่อนในกลุ่ม
“ตกลง เจอกันที่ร้านหนังสือ” ทุกคนในกลุ่มตอบเป็นเสียงเดียว
หลังจากทุกคนนัดกันถึงการไปร้านหนังสือเสร็จ ก็เดินมาถึงหน้าโรงเรียนพอดี
“อาซิน หวานใจเจ้ามารับแล้ว” ต้าไห้พูดหยอกล้ออาซิน “เจ้าก็พูดไป ก็รู้อยู่ว่าพี่เป่าฉายเป็นพี่เลี้ยงข้า ยังมาพูดแซวอีก งั้นข้าไปก่อน พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” ซูเคอซินพูดแล้วรีบเดินไปหาเป่าฉายที่ยืนรออยู่ที่รถม้า
“อาซิน นี่ก็แปลก ยอมนั่งรถเช้าไปเย็นกลับยังงี้ทุกวัน แทนที่อาทิตย์หนึ่งจะกลับบ้านครั้งหนึ่งเหมือนพวกเรา ” ต้าไห้พูดขึ้นโดยไม่ได้คิดอะไร คงมีแต่จี้จงและเฉิงจื้อเท่านั้นที่รู้สึกแปลกๆ กับพฤติกรรมของอาซินและรูปร่างหน้าตาที่ไม่ค่อยเหมือนผู้ชายของอาซิน สักพักก็มีรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามา “รถที่บ้านข้ามาพอดีข้าไปก่อนน่ะ” ต้าไห้บอกกับเพื่อนทั้งสอง และวิ่งไปขึ้นรถม้าที่บ้านส่งมารับ

ออฟไลน์ it530_08

  • โอมเพี้ยง - ทุกอย่างสามารถเสกได้
  • *
  • 276
  • 1
    • อีเมล์
Re: รักเหนือลิขิต A Lover before time
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2009, 08:51:50 AM »
อ่านเรื่องเต็มๆ ได้ที่

http://writer.dek-d.com/it53008/story/view.php?id=421516

เข้ามาอ่านกันแล้ว  ช่วยโหวตในโครงการ วอยซ์  Voiz Top Writer Award ด้วยนะค่ะ

เป็นแบนเนอร์ อยู่ติดข้อความที่เขียนว่า แนะนำเรื่องแบบย่อๆ

ขอบคุณค่ะ