ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

นวนิยายแนวพีเรียด "แม่อิสรียวินท์"

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
นวนิยายแนวพีเรียด "แม่อิสรียวินท์"
« เมื่อ: มิถุนายน 13, 2008, 11:23:54 AM »

   แม่อิสรียวินท์... แม่น้ำอันหล่อเลี้ยงชีวิตชาวเมืองถึงสามนคร
ธัญญะปุระ... เมืองเล็กๆทางต้นน้ำ ชัยภูมิอยู่บนที่สูง ชาวเมืองมักเป็นผู้แข็งแกร่ง ใจกล้าเข้าขั้นเรียกได้ว่าป่าเถื่อน
กันทรา... เมืองปลายน้ำ ชีวิตผูกพันกับแม่น้ำอิสรียวินท์ไม่น้อย ชัยภูมิตั้งอยู่ส่วนที่ราบ มีแม่น้ำอิสรียวินท์เป็นเสมือนกำแพงกั้นศัตรูไว้ชั้นหนึ่ง ชาวเมืองมีความชำนาญทางศาสตราวุธทุกชนิด เฉลียวฉลาดเรื่องการวางแผนและเรื่องแต่งกลศึกไม่เป็นรองใครเชียว
บุระรัตนา... ชัยภูมิตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสายน้ำสองสาย สายน้ำที่ไม่มีทางบรรจบกันได้ แม่อิสรียวินท์ และ แม่น้ำโตยธร เป็นเมืองใหญ่กว่ากันทรา แต่หาได้แข็งแกร่งเท่ากันทราไม่

   แม่น้ำโตยธร... ไหลขนานกันกับแม่น้ำอิสรียวินท์ ไม่มีทางบรรจบกันได้ ไหลผ่านเมืองกาญจามาศ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ ร่ำรวยทองเป็นจำนวนมาก มีไพร่พลมากมาย มักจะยกออกไปตีเมืองรอบๆเพื่อขยายอาณาเขตอยู่เนืองๆ

แคว้นนี้เรียกรวมกันเป็นแคว้นยุคลธาร...

   อดีตกาลกล่าวคือ แม่น้ำสองสายไหลขนานกันมา ยังมีเมืองใหญ่ปกครองอาณาเขตทั่วทั้งสองน่านน้ำ หรือ อาณาจักรยุคลธาร คือกาญจามาศ แล้วช่วงเพลาหนึ่ง ก็มีกลุ่มคนคิดแข็งข้อ ต่อต้านกาญจามาศและก่อตั้งเมืองขึ้นมาเป็นกันทรา พระเจ้ากันทราองค์แรกผู้สถาปนาพระนครคือพระเจ้าวัชรดิลกราช มีพระอัครมเหสีนามพระนางมินตยาอัครมเหสีเทวีเจ้า พระเจ้าเมืองกาญจามาศเกิดแค้นเคืองที่พระเจ้าวัชรดิลกราชสถาปนาเมืองกันทราขึ้นจึงแต่งทัพมาตี กันทราที่พึ่งสถาปนาใหม่มิได้มั่นคงก็แตกพ่ายโดยง่ายดาย พระเจ้าวัชรดิลกราชต้องเสด็จหนีไปยังทางเหนือพร้อมกันพระอัครมเหสีที่ตามเสด็จ
   เหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นในแคว้นยุคลธาร พระเจ้าณรงค์รัตน์ ซึ่งเดิมเป็นนายบ้านต้นน้ำอิสรียวินท์จึงถือโอกาสสถาปนาธัญญะปุระขึ้น พระเจ้าวัชรดิลกราช และ พระนางมินตยามาอาศัยแผ่นดินธัญบุรีอยู่หลายปี ซึ่งโอกาสนั้นก็มีเมืองเก่าที่เสื่อมอำนาจไปนานถูกสถาปนากลับมาอีกคือ บุระรัตนา
   ฝ่ายกันทรา พระอนุชาของพระเจ้าวัชรดิลกราช คือ พระเจ้าปรมีนาถกอบกู้พระนครแล้วขึ้นครองกันทราทำนุบำรุงให้มั่นคงยิ่งขึ้น เคียงคู่พระนางวรางอัครมเหสีเทวีเจ้า กาญจามาศคับแค้นอยู่ก็พยายามจะตีกันทราให้แตก แต่ก็ไม่สำเร็จ กันทราก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปมุ่งตีธัญญะปุระจนแตกพ่ายย่อยยับสิ้นสูญ เพลานั้นมีพระราชบุตรของธัญญะปุระพึ่งประสูติการณ์ได้ไม่นาน ข้าศึกเข้าเมืองได้แล้ว ทุกชีวิตต่างต้องเอาตัวรอด ครั้งนั้นพระนางสวาทวงศ์ อัครมเหสีจึงตัดสินพระทัยนำพระราชบุตรใส่อ่างลอยน้ำอิสรียวินท์ไปแลอธิฐานให้บุญญาธิการส่งลูกไปยังเมืองปลายน้ำด้วยเทอญ
   กำเนิดเป็นเจ้าบุญรอด ที่เจ้าอาวาสวัดภพพิลาสอุปการะไว้ ภายหลังได้นามพระราชทานจากพระบิดาตนคือพระเจ้าณรงค์รัตน์ เป็น ธำรงราช
   สูญสิ้นแผ่นดินธัญญะปุระเสียแล้ว พระเจ้าข้าณรงค์รัตน์ก็รับราชการอยู่ในแผ่นดินกันทรา ตั้งรกรากเสียที่กันทรานั่น ส่วน พระเจ้าวัชรดิลกราช อดีตพ่อเมืองกันทรา ที่ยกครัวไปอยู่ธัญญะปุระก็ผู้สังหารเมื่อครั้งศึก พระนางมินตยา พาบุตรีน้อยวัยราวสองขวบเศษ นามว่า วชิรดา หนีกลับมาอยู่ที่กันทราดังเดิม แล้วก็ได้ตำแหน่งพระนม คอยเลี้ยงดูพระราชบุตร นพวุฒิพิสุทธิเทพ และ พระราชบุตรี บุษบงทรงยศักดินาราช  หรือ นพวุฒิ กับ บุษบงพระราชบุตร และ พระราชธิดาในพระเจ้าปรมีนาถเหนือหัว และ พระนางวรางอัครมเหสี
  
สายน้ำก่อเกิดทุกสิ่ง สงคราม ความรัก ความผูกพัน ชีวิต และแผ่นดิน
บุรุษหนึ่ง... กำเนิดแต่ต้นน้ำอิสรียวินท์ บุญญาธิการนำบุรุษนี้ให้ได้มาเป็นจอมทัพทแกล้วทหารแห่งกันทรานคร การต่อสู้ พิทักษ์แผ่นดิน ความรัก ความเทิดทูน เชิงรบแกล้ากล้าหากลัวใคร เชิงรักลือไปไกลทั่วแดน เล่ห์ลิ้นน้ำเสียงหนึ่งอินทร์เสกลิ้นประสาทพร ยามขับขานเพลงไพเราะเสนาะกรรณ
 
"แม่อิสรียวินท์.. หนึ่งแม่อีกผู้ที่อุ้มชูข้า กันทรา... แผ่นดินนี้มีคุณต่อข้า วชิรดาแม่หลานหลวงยอดรักเอย... แม้วันนี้ท่านมิได้รักข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็จะยังหมายมั่นคำนึงท่านอยู่เนืองๆ กันทราแผ่นดินท่านข้าขอให้สัญญาจะปกปักษ์... บุษบง... เจ้าฟ้าชั้นสูงแห่งกันทรา สู้อุตส่าห์ทำเพื่อข้า เพื่อบัลลังก์กันทรา จงอย่าได้เสียใจไปเลยบุษบงท่าน เพราะข้าก็เอ็นดูท่านอยู่มิน้อยไป สัญญาว่าจากนี้แผ่นดินกันทราจะมิมีใครรุกรานได้ แผ่นดินกันทราจะรุ่งรุจดุจเมืองฟ้า นี่คือสัตย์ต่อดวงพระวิญญาณแห่งบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งขัตติยะนารีผู้ภักดีต่อกันทรา แล ตัวข้าเป็นที่สุด"
 
นารีหนึ่งงามพร้อมทั้งพักตรา กริยาร่ายรำอ่อนช้อย ชาติกำเนิดคือลูกสาวพระนมซึ่งได้ศักดิ์เป็นพระเจ้าหลานหลวงเพราะมีบิดาเป็นพระเชษฐาธิราชของเจ้าเหนือหัวกันทราในปัจจุบัน ซึ่งเคยผ่อนครัวหนีไปพึ่งบารมีเมืองทางต้นน้ำอิสรียวินทร์เมื่อครั้งสงคราม นารีผู้มีน้ำใจหนึ่งน้ำค้างชุ่มชื้นแต่ก็เยือกเย็นมิเบา ผู้กุมดวงใจทั้งดวงแห่งทแกล้วกล้าจอมทัพ จำใจจากลาด้วยความเป็นขัตติยาในกาย จากลุ่มน้ำอิสรียวินท์ สู่ โตยธร แม่น้ำสองสายที่มิมีวันจะมาบรรจบกันได้
 
"รักพี่มิได้สิ้นไปหรอก ทว่าการของบ้านเมืองสำคัญเสียยิ่งกว่า จึงจำใจต้องตัดไป พี่มิได้หมายมั่นให้ธำรงราชต้องเสียใจเลย แต่พี่สิ้นหนทางจักปลอบให้คลายใจแล้ว วานน้องบุษบงอย่าได้ซ้ำเติมธำรงราชเลย แค่เท่านี้พี่ก็รู้สึกผิดนักแล้ว ที่ทำร้ายเค้า ซึ่งเป็นยอดขุนพล ให้กลายมาเป็นแค่ไอ้คนสิ้นคิด น้องบุษบงดูแลทีเถิด พี่รู้ว่าน้องน้ำใจเมตตามีโขอยู่ ดวงใจธำรงราชที่พี่มีอยู่นั้น ฝากน้องบุษบงนำไปคืนเขาให้ทีเถิด"
 
พบเรื่องราวของขัตติยะนารีนางซึ่งยอมถอยพระเกียรติ สละพระยศ ลดพระศักดิ์ เทิดรักคู่ฟ้ากันทรานคร ชีพนี้ขอป้องปักษ์รักษาไว้ซึ่งบัลลังก์ด้วยจิตหวังให้ชายอันเป็นเสมือนยอดดวงใจได้นั่งบัลลังก์นั้นสืบไปภายหน้าและทำนุบำรุงกันทราที่บอบช้ำให้กลับรุ่งเรือง โดยมิสนใจว่าอาจจะต้องแลกด้วยชีวิต สองรักที่ใจนางนั้นเทิดไว้หนึ่งรักผืนดิน รักปฐพีกันทรานี้ยิ่งกว่าชีวิต รักที่สองหรือ ก็คือรักทแกล้วกล้าจอมทัพยอดขุนพลแห่งกันทรา สองรักนี้ขอเทิดทูนให้เคียงคู่กัน
 
"บ้านเมืองข้า... แผ่นดินข้า... ถูกพวกศัตรูพาเสนียดจัญไรมาติดมากมายนัก เลือดขัตติยะนี้ ขอชโลมล้างเสนียดจัญไรบนแผ่นดินให้สิ้นไปด้วยเทอญ แผ่นดินที่ยอดรักข้าจะได้เหยียบย่างมาเป็นเจ้าเหนือหัว จักได้บริสุทธิ์ มิมีเสนียดใดติดเบื้องบาทา"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 13, 2008, 11:33:13 AM โดย bootsabongkot »


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ กันย์ณภัทร

  • *
  • 2248
  • -1
  • จงปลดโซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ด้วยคมดาบแห่งใจตน
Re: นวนิยายแนวพีเรียด "แม่อิสรียวินท์"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2008, 02:56:04 PM »
เรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ ใช้ภาษาได้หลากลีลา&อ่อยช้อยมากกกก เก่งอ่ะ!!

แต่ชื่อตัวละครกะเมืองจำยากนิดนุง^_^

สู้ๆนะคะ จะคอยติดตามตอนต่อไปค่ะ ;)

ออฟไลน์ ninda

  • *
  • 334
  • 0
Re: นวนิยายแนวพีเรียด "แม่อิสรียวินท์"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2008, 08:59:42 PM »
ถามจริงเถอะ เราเนี่ย สมองพรั่งพรูขนาดนี้ได้ยังไง
พี่นะเป็นคนคิดพล๊อตเก่ง แต่กว่าจะจับมาเขียนเป็นเรื่องราวนี่ใช้เวลานานมาก
แต่เราไม่ใช่เลยนะ ประมาณว่าพี่เขียนเรื่องที่หนึ่ง
หนูเขียนไปเรื่องที่สิบแล้ว
โห....เก่งอ่ะ
ยังเด็กอยู่เลย ทำได้และมีความตั้งใจขนาดนี้ พี่ขอซูฮกเลย
พยายามเข้านะ แล้วสิ่งที่รอคอยมันจะสมหวังเองจ้ะ

พี่เอาใจช่วยนะ ^^

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: นวนิยายแนวพีเรียด "แม่อิสรียวินท์"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2008, 05:48:30 PM »
ขอบคุณพี่ๆมากๆนะคะ จะเก็บคำพูดของพี่ๆไว้เป็นกำลังใจค่ะ สำหรับเรื่องนี้จะไม่รีบร้อน จะไปอย่างสบายๆ และจะตั้งใจกับมันเป็นพิเศษค่ะ ส่วนที่พี่HpJบอกว่าชื่อตัวละครจำยากนะคะ มันเป็นชื่อแบบเต็มยศนาค่ะ ถ้าเป็นชื่อที่เรียกกันโดยปกติก็จะใช้ย่อลงมาค่ะ

หลักๆตัวละครก็จะมีชื่อ
ธำรงราช - ลูกแม่อิสรียวินท์อย่างแท้จริง บุรุษผู้มีแก้วเสียงเป็นเอกลักษณ์ ขับเพลงใดก็พาลทำให้อิสตรีลุ่มหลง บุรุษ ผู้มีชีวิตทุกลมหายใจคืออาณาจักรยุคลธาร บุรุษผู้มีจิตใจแน่วแน่มั่นคง รักมั่นไม่ง่ายที่ลบเลือนไปได้จากใจ อุปนิสัยอยู่ที่ความกล้าหาญ ชอบท้าทาย เจ้าชู้สักนิดหน่อยเหมือนผู้เป็นบิดา เชิงรบแกล้วกล้าสมชาติชาย แต่สิ่งที่แพ้พ่ายคือความรัก

วชิรดา - สาวคนสวยผู้สืบเชื้อสายจากผู้สถาปนากันทรานคร น้ำใจนางเหมือนน้ำค้างที่ร่มพฤกษ์ยามดึกดั่งจะรองไว้ดื่มได้ อรุณรุ่งสุรีย์ฉายก็หายไป ผู้กุมดวงใจทั้งดวงแห่งธำรงราช ชีวิตลูกท่านหลานเธอในรั้วฝ่ายในนั้นใช่มีความสุข ยิ่งสูง ยิ่งต้องรับผิดชอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ขัตติยะนารีผู้ทรงโฉม ย่างพระบาทจากลุ่มน้ำอิสรียวินท์ สู่โตยธร มิมีวันได้กลับมาซบอกแม่อิสรียวินท์อีก ด้วยเหตุผลเพื่อแผ่นดิน

บุษบง - ขัตติยะนารีผู้ฉกาจ กิตติศักดิ์ลือกระฉ่อนทั่วทั้งกันทรา ว่ากันว่านางคือเจ้าของกลศึกอันแกล้วกล้าที่ใช้บั่นทลายศัตรูมานักต่อนัก อีกทั้งยังเป็นทูตลิ้นทองเจรจาน่าฟังอีกต่างหาก ทว่าต้องเล่ห์ลวงนัยน์ลุ่มหลงยกใจให้ใครคนหนึ่ง แม้นรู้ว่าตนมิได้สำคัญกับเขาอย่างใดเลย ทูตลิ้นทอง สิ้นลิ้นมิอาจหาญกล้าเจรจาความในอกตัวให้ใครยิน

ฐปนนท์ – บุรุษหนึ่งซึ่งเป็นรักครั้งแรกของพระเจ้าลูกยาเธอบุษบง คนแรกที่ทำร้ายให้นางผิดหวัง บอบช้ำกับความรักโดยที่ไม่รู้ตัว ฐปนนท์คือผู้ที่ลุ่มหลงในเสน่ห์ลูกพระเจ้าบุระรัตนา สู้ยอมเสียงชีวีเพื่อให้ได้มาซึ่งนางอันเป็นที่รัก แต่การเสี่ยงชีวิตครั้งนั้น สิ่งที่ได้มา กลับเป็นรักที่แท้จริง จากหญิงสาวชาวเมืองศัตรู ลูกพระเจ้ากาญจามาศ นามว่า เจ้ามาศเมือง

มาศเมือง – พระราชธิดาองค์เล็กแห่งเมืองกาญจามาศ กำเนิด ณ ลุ่มน้ำโตยธร นางผู้ทรงสิริโฉม เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา มักติดตามพวกพี่ชายไปออกทัพ ซ้อมรบ และที่ต่างๆเพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของพระเจ้ากาญจามาศ ครั้งหนึ่งตามพี่ชายไปกับสำเภาใหญ่เพื่อชิงนางราชธิดาเมืองบุระรัตนามา ได้พบกับฐปนนท์เป็นครั้งแรก

นพวุฒิ - ยุวกษัตริย์เลือดร้อน เจ้าชู้ คารมว่าอย่าง จิตจริงเป็นอีกอย่าง ผู้กระหายสงครามและแผ่อาณาจักรแห่งกันทราผงาดฟ้าได้ยิ่งใหญ่เป็นที่สุด ด้วยมีขุนพลแก้วคือธำรงราชเป็นหัตถ์ขวาสำคัญ

วิไลกาญจน์ – อัครมเหสีแห่งนพวุฒิเหนือหัว นางผู้ธำรงราชเคยมีใจนิยมอยู่เล็กน้อย นางผู้มั่นรักผูกพันต่อพระสวามีแต่ต้องทนทุกข์ใจเพราะคำลวงของพระราชสามีไม่รู้จบ จนสิ้นความภักดี

จักษุนาถ – แข็งกร้าว พระองค์คือราชบุตรแห่งกาญจามาศ พระทัยนั้นรุ่มร้อนดุจเปลวเพลิง ทั้งชีวิตมีแต่รบ และรบ สงคราม และการช่วงชิง รวมทั้งช่วงชิงคนที่ตนรัก นั่นก็คือธิดาพระเจ้าบุระรัตนา

มณีฉาย – ธิดาพระเจ้าบุระรัตนาผู้แสนหวาน เสียงหวาน เป็นที่ต้องใจต่อผู้พบเห็นก็รักใคร่เอ็นดู ครั้งหนึ่งยอดขุนพลเมืองกันทรา สหายหนึ่งของธำรงราช อันมีนามว่า ฐปนนท์ ไปสืบราชการลับ ได้ตำแหน่งราชองครักษ์ อยู่ใกล้ชิดก็รู้สึกหวั่นไหวต่อนาง แล้วจำต้องกลับกันทราด่วนด้วยราชการแผ่นดิน ไปรบทัพจับศึกกลับมาทราบข่าวว่านางถูกชิงตัวไปในสำเภาพระราชบุตรเมืองกาญจามาศก็สู้อุตส่าห์ติดตามไปชิงกลับมา แต่ไม่สำเร็จ


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: นวนิยายแนวพีเรียด "แม่อิสรียวินท์"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 19, 2008, 10:16:31 PM »
วันนี้เอากลอนมาฝาก สื่อถึงความรู้สึกตัดพ้อของบุษบงลูกหลวงเมืองกันทรา นางผู้มีจิตใจหนักแน่น แต่อ่อนไหวทว่าธำรงราชผู้นั้นกลับหามีจิตเอ็นดูไม่แม้แต่น้อย

   ลิขิตฟ้าอนิจจาว่าฟ้าเบี่ยง      อินทร์ลำเอียงเสกสั่งสู่ตัวข้า
เอ๋ยตัวเราศักดิ์ศรีเคยมีมา         ประหนึ่งว่าสูญสิ้นมลายไป
จะเอื้อนเอ่ยบอกไปให้ใครรู้         อดสูในดวงจิตคิดหวั่นไหว
อยู่เคียงข้างใยเลยเหมือนห่างใจ         ทำไฉนจักให้ได้มองเห็น
เกิดเป็นหญิงมีวจีมิควรเอ่ย         มิอาจเผยทนใจได้ยากเข็ญ
อันยามใดตัวท่านทุกข์ลำเค็ญ         เสมือนเป็นโอสถคอยเยียวยา
ครั้นพอหายปีกกล้าขาแข็ง         ก็กลับแว้งหวนกลับมาฉกข้า
เลื่องระบิลสืบเล่ากันเรื่อยมา         อันชาวนากับงูเห่าที่เปรียบปาน
ยามใดทุกข์เห็นเราเป็นพลอยแก้ว         พอดีแล้วเราธุลีที่มองผ่าน
เพียงเศษดินด้อยค่าหาประมาณ         มิได้ชาญเชิงรักจึงคิดทัน
ว่านางนั้นอ่อนช้อยแลแช่มช้า         รำร่ายมาหนึ่งนางหงส์ที่ผินผัน
อัชฌาศัยแก่นแก้วเกินกล่าวกัน         จอมขวัญมิ่งมณีที่ท่านปอง
เราหรือจักมีสิทธิ์คิดได้            ถึงใกล้แต่มีศักดิ์เพียงเป็นสอง
เพชรนิลบนฉัตราค่าเรืองรอง         ต้องหม่นหมองลอยร่วงลงสู่ดิน
จะเหลือเป็นเศษพลอยอันด้อยค่า         ก็น้อยกว่าวาสนาต้องสูญสิ้น
ดุจดาวเดือนลอยเลื่อนลงเปื้อนดิน         ต้องปล่อยให้คนติฉินนินทา
ถอยพระเกียรติละพระยศลดพระศักดิ์         ความรักของหญิงที่ไร้ค่า
จะเหลือเป็นลมปากชาวกันทรา         เก็บกลืนไว้อีกกี่คราจะได้ยิน
โอ้ว่าใจใยเลยมิเคยรู้            เก็บอยู่ชี้ด้วยกวีศิลป์
รสน้ำคำที่ประพันธ์โปรดยิน         แล้วสงสารเทวินทร์แห่งกันทรา
เกิดร่มฉัตรขัตติยะนารี            มิ่งมณียอมละยศจนหมดค่า
เป็นเบี้ยล่างชายต่างนครา         แม้นมิใช่ก็เหมือนข้าจนวันตาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 19, 2008, 10:24:03 PM โดย บุษบงกช กรไชย »


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006