ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

ทวิกาล

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
ทวิกาล
« เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 05:39:03 PM »

เรื่องใหม่ค่ะ เรื่องนี้มีความพิเศษไปกว่าเรื่องอื่นมาก แล้วก็สามารถไปพร้อมๆกับเรื่องอื่นได้ด้วยค่ะ ชื่อเรื่องทวิกาล ฟังดูแปลกๆนะคะ แต่ลองอ่านดูสิแล้วติชมด้วยแล้วกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2008, 05:39:31 PM โดย บุษบงกช กรไชย »


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: ทวิกาล
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 05:40:08 PM »
      จะกล่าวถึงดินแดนที่แคว้นสรวง      เทพทั้งปวงสถิตฟ้าอิงอาศัย
   หนึ่งวิมานม่านนภาสุราลัย         มีแสงใสรัศมีรังสีทอ
   เจิดจรัสเรืองรองยามต้องเนตร         แสงวิเศษฉายสุขทุกห้องหอ
   หนึ่งตำหนักเด็กหนึ่งซึ่งสอพลอ         คุยประจ๋อประแจ๋ด้วยแม่ตัว
   กุมารีมีเนตรพิเศษสม            เมื่ออารมณ์ขุ่นข้องหมองสลัว
   จะฉายเพลิงเริงแรงแผลงน่ากลัว         หนึ่งไฟรัวลามลาญผลาญนัยน์ตา
   อีกภูษาอาภรณ์ทั้งผมเผ้า         เกศาเจ้ายาวสยายรายเรียบหนา
   มีปิ่นทองรวบปักสมพักตรา         เทพธิดาภูษาสีสุรีย์
   นอนหนุนตักมารดาน่าเอ็นดู         ยอดพธูให้เอนกายไม่หน่ายหนี
   กุมพระหัตถ์แล้วตรัสด้วยกุมารี         ว่าแม่นี้ที่รักจริงยิ่งกว่าใคร
   ไม่ว่ากาลใดหนาจะบังเกิด         หนีไปเถิดลูกรักจำผลักไส
   ด้วยพ่อเจ้าก่อศึกพิลึกใจ            มีที่ไหนเทพพิมานมารานชน
   หากทราบถึงทิพญาณวัชรี         ก็เห็นทีจะต้องตายมลายหม่น
   สุริยะบุตรีหนีให้พ้น            อย่าทุกข์ทนรับกรรมอันนำพา
   สุริยะบุตรีเห็นทีแม่            ทุกข์ใจแท้จึงสวมกอดยอดยี่หวา
   ว่ามารดาอย่าเศร้าเหงาชีวา         พระบิดาจะปกเกล้าเหล่าชาวเรา
   องค์พระพ่อคงหายอมให้ตรอมจิต         พระทรงฤทธิ์คงมิให้ใครแผดเผา
   ผลาญพิมานบ้านเกิดภูมิลำเนา         ให้เป็นเถ้าถ่านไปไม่ใยดี


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: ทวิกาล
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2008, 10:13:22 PM »
   พลันพระอินทร์เสด็จมาสู่แคว้น      ถึงดินแดนพิมานแห่งแสงรังสี
กรีทาพลล้อมไว้ให้ถ้วนถี่            อย่าให้ลี้หนีได้เลยสักคน
พระเทวีทราบเรื่องให้ตื่นจิต         ในอกคิดหวาดใจให้สับสน
กอดลูกรักแลว่าพระทรงพล         กำลังล้นเหลือที่จะต้านทาน
สุริยะบุตรีหนีไปเถิด            แม่จะเปิดทางให้ไปตั้งถิ่นฐาน
อยู่ที่อื่นเถิดนะเจ้าดวงมาน         อย่าได้รานณรงค์ด้วยทรงชัย
กุมารีแจ้งใจในคำแม่            ก็รังแต่จะอยู่ภักดิ์จนตักษัย
หักสิ่งใดหักได้แต่หักใจ            หักอาลัยชนนีมิมีวัน
บิตุเรศมาตุรงค์ทรงคุณอยู่         ลูกก็รู้ขออยู่คู่เคียงอาสัญ
หากมารดามิหนีไปด้วยกัน         ตัวลูกนั้นจะยอมม้วยด้วยแม่คุณ
   องค์อินทราเสด็จสู่ตำหนักนั้น      ก็ยิ่งหวั่นหวาดใจให้หันหุน
พระผ่านเกล้าเจ้าสวรรค์โปรดการุณย์                      พระทรงบุญโปรดเมตตาธิดาเยาว์
สุริยะบุตรีนารีน้อย            ก็ค่อยค่อยกราบเท้าแล้วกล่าวเล่า
ชี้ให้เห็นเหตุจะตามมาเป็นเงา         หากองค์เจ้ารุกเร้ามาเข้าตี
   อัมรินทร์อินทราเทวาราช         ทรงอำนาจวาสนาพระทรงศรี
เกียรติยศพจน์ลือชาบารมี         ทั้งธาตรีศรีสรวงห้วงโลกันตร์
โปรดประทานหว่านสุขไปทุกแห่ง                      ยามแห่งแล้งได้ชุ่มหมาดหยาดสวรรค์
ทรงเมตตาสงสารอย่างผลาญกัน         บิดานั้นทำผิดไม่คิดหนี
จะลงทัณฑ์อย่างใดอย่างได้ผลาญ         เผาพิมานสุรีย์ที่แห่งนี้
ทั้งทวยเทพบริวารที่มากมี         จะไร้ที่สถิตอยู่เร่ร่อนไป
ธรนินทร์จะสิ้นแสงสุรีย์ลับ         รวิดับจะยินเพียงเสียงโหยไห้
จะมืดมนหม่นทั่วทั้งแดนไตร         โปรดเถิดไท้ทรงตรองให้ดีนา
   วัชรินทร์อินทราทรงสดับ         ก็ตอบกลับด้วยเอ็นดูอยู่หนักหนา
เราจะให้ตัวเจ้าส่องนภา            แทนบิดาจักเห็นเป็นเช่นไร
สุริยะบุตรีเห็นทีรอด            ก็สวมสอดกอดแม่ให้แน่นไว้
สองแม่ลูกลงนบบาทนาถหัสนัย         แล้วตอบไปด้วยยินดีที่จะทำ
ว่ามหากรุณาพระล้นเกล้า         สมเป็นเจ้าสามธาษตรีนี้ยิ่งล้ำ
พระเมตตาล้นฟ้าไม่พร่าดำ         ไม่มืดคล้ำดุจพยับโพยมฝน
แล้วรับความตามคำพระรับสั่ง         ฤทัยดังจะเหือดแห้งแล้งสิ้นล้น
หนึ่งหยดหยาดเย็นยับจับกมล         ให้ผ่านพ้นโศกาที่อาดูร


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: ทวิกาล
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2008, 07:54:47 PM »
    ๑ใต้พิภพจบแดนที่แคว้นมืด                         ดูไม่จืดเทวาราศีสูญ
อดีตกาลยิ่งใหญ่ทั้งไพบูลย์         เจิดจำรูญส่องฟ้าทิวาวัน
แผ่รพีศรีส่องให้ต้องเนตร            สุดวิเศษโสภาหฤหรรษ์
บันดาลสุขทุกข์โศกวิโยคครัน         ก็กลับพลันมืดหม่นลงหมองไป
สุริยะเทวามาตกอับ            ทรงสดับเสียงอินทร์ที่หมิ่นไท้
ยิ่งประดังคั่งแค้นแน่นฤทัย         แล้วตรัสไปด้วยใจเคืองเรื่องธิดา
สุริยะบุตรีนี้ลูกสาว            ไปพร่างพราวฉายแผลงแสงเวหา
ฟ้าอัมพรมีแสงทองผ่องนภา         แสงนารารัศมีศรีสุรีย์
อยู่เป็นสุขสิ้นทุกข์มิเหมือนพ่อ         ได้หัวร่อมิเหมือนข้ามาเป็นผี
อยู่ใต้ดินสิ้นสุขทุกเดือนปี         ว่าบุตรีมิมีจิตกตัญญู
เสียแรงรักฟูมฟักเฝ้าถนอม         มีให้พร้อมตามประสงค์ขององค์หนู
หนาวให้อุ่นร้อนให้เย็นด้วยเอ็นดู         เจ้าโฉมตรูมาหักล้างได้อย่างไร
บิตุเรศมีคุณคอยหนุนเกล้า         ช่างแสนเศร้าเจ้าเห็นเป็นไฉน
ถึงสิ้นหมดทั้งลูกเมียเสียกระไร         มิเสียเท่าเสียใจในอกตรม
เนรคุณขุ่นข้องหมองใจแท้         ยอดดวงแดที่ทำไปใช่เหมาะสม
คงต้องตัดสะบัดขาดญาตินิยม         หยุดชื่นชมนับเจ้าเป็นธิดา
สุริยะเทพว่าด้วยใจแค้น            ถ้าหากแม้นเราสิ้นวาสนา
อันบุตรีรวมถึงหนึ่งชายา            อย่าอยู่เวียงเคียงฟ้าเป็นสุขเลย
ขอจองเวรจองกรรมให้นำผล         ของร่ายมนต์ปองร้ายมิได้เฉย
อันเยื่อใยไมตรีที่มีเคย            ได้ระเหยเหือดหายมลายไป
   ที่จองกรรมนำผลสู่จอมนาง      คืนอ้างว้างทรงสุบินถึงปิ่นไท้
พระชนกปกเกล้าเป่าโพยภัย         เมื่อเยาว์วัยปองผลาญระรานกัน
กุมารีศรีสวรรค์ก็พลันตื่น            สะดุ้งฟื้นขึ้นมาผวาสั่น
พระเทวีโอบกอดยอดชีวัน         ว่าจอมขวัญฝันร้ายฤๅลูกยา
เจ้านรีอาวรณ์ถอนสะอื้น            ว่าแสนหมื่นภัยร้ายมาหมายฆ่า
มิได้กลัวหวั่นใจในชีวา            แต่บิดามาปองผลาญนั้นหาควร
พระเทวีโลมเกล้าเข้าใจลูก         นั่นก็ถูกแต่องค์ท่านนั้นผันผวน
น้ำพระทัยพระองค์นั้นเรรวน         กำสรวลให้เศร้าเคล้าชลนัยน์
ชนกนาถอาจกล้าไปท้ารบ         ด้วยประสบหญิงหนึ่งซึ่งเฉิดไฉ
หมายชิงนางมาชุบเลี้ยงเคียงฤทัย         เป็นแม่ใหม่ของเจ้าโดยปริยาย
สู้ผลาญบ้านผลาญเมืองบุรีรัตน์         ที่ยอดฉัตรเป็นไฟแดงแผลงเป็นสาย
ปฐพีมีแสงเพลิงเริงประกาย         ซึ่งฉาดฉายพรายแสงแผลงฤทธี
พอร้อนไปถึงองค์พระทรงเดช         จึงนิเวศน์มาปกปักษ์ธานีนี้
แล้วจองจำพ่อเจ้าไว้ใต้ธาตรี         ให้เจ้าแผ่รพีตรงนี้แทน
อย่าโศกาอาดูรเลยอุ่นอก            แดนนรกยังอยู่ไกลกับเจ้าแสน
บิตุรงค์ทรงสู้มาดูแคลน            ว่าเหมือนแม้นเจ้าจะผิดคิดเนรคุณ
สบายใจแล้วนิทรายิหวาเอ๋ย         อย่าห่วงเลยคลายใจนี้ที่ว้าวุ่น
แม่จะกอดยอดแก้วแล้วการุณย์         วอนแม่คุณหลับตานิทราไป


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ กันย์ณภัทร

  • *
  • 2248
  • -1
  • จงปลดโซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ด้วยคมดาบแห่งใจตน
Re: ทวิกาล
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2008, 07:26:33 PM »
แต่งเก่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...

สุดยอดเลย

สู้ต่อไปนะคะกวีเอกตัวน้อยๆ ;)

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: ทวิกาล
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2008, 12:02:16 PM »
            มาต่อค่ะ ตั้งแต่แต่งมาตอนต้นจนถึงตอนนี้ ชื่อตอนว่า : กำเนิดแก้วทวิกาล
แล้วตอนนี้ก็ยังอยู่ในตอนกำเนิดแก้วทวิกาลอยู่ เป้นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

             ๑อินทร์พิมานตระกาลงามสมศักดิ์      ถิ่นพำนักวัชราเจ้าฟ้าไท้
 ภูบดีศรีสรวงพระทรงชัย            ประทับในทิพย์วิมานสง่าครัน
สดับเสียงสุริยะบุตรีน้อย            พอยินถ้อยเทพนารีศรีสวรรค์
พระจึงตรัสให้คลายใจไปพึ่งจันทร์                      เทพเทวัญแห่งแสงโสมคงเกื้อกูล
สุริยะเทวาผูกใจแค้น            ไม่นึกแหนถึงเลือดเนื้อจะเหลือศูนย์
หมายเข่นฆ่าลูกยาแสนอาดูร         เคยเทิดทูนพูนรักต้องหักใจ
เจ้าเป็นลูกจะท้ามาสู้พ่อ            ก็บาปหนออย่าขอทำอาจมิไหว
หากได้องค์ทรงแขแผ่อำไพ         มาเกื้อไว้คงจะดีกว่านี้จริง
จะขอแนะไปปรึกษาเทวาราช         พระจันทร์นาถที่พึ่งหนึ่งอย่านิ่ง
รีบไปเถิดจงอย่ามาประวิง         วิมานสิงสถิตอยู่บูรพาฯ
   ๑เทพธิดาสดับฟังอย่างตั้งมั่น      เจ้าสวรรค์แนะนำจะทำหนา
แล้วรีบกราบบังคมก้มทูลลา         จักกลับมาพร้อมด้วยองค์พระจันทร์
แล้วเหาะเหินเดินนภตามนภา         หนึ่งปักษาโผผินขึ้นบินผัน
แล้วมุ่งสู่แคว้นเขตนิเวศน์พลัน         แสงสวรรค์ศศิที่ส่องกาย
พระโสมส่องสาดแสงแรงสลอน         ฟ้าอัมพรผ่องพลันอันแสงสาย
พระจันทร์เจ้าเฝ้าทอแสงประกาย         อันเฉิดฉายพรายภพจบโลกา
สุริยะบุตรีรี่มาถึง            นางก็จึงทำกระพุ่มที่หัตถา
แลจึงว่าพระองค์ทรงศักดา         เทพเทวาแห่งพระจันทร์อันเกรียงไกร
ตัวข้านี้เป็นบุตรีศรีสวรรค์                         พระตะวันอันรับโทษพิโรธไส
ได้ขึ้นส่องแผดแสงสำแดงไป         ทั่วแดนไตรแทนบิดาผู้ระกำ
จนเกิดเหตุอาเพศมาปองผลาญ         บิดาตามมารอนรานให้ระส่ำ
ทูลพระอินทร์ให้แจ้งแถลงคำ         ทรงแนะนำให้มาพบพระองค์
แล้วทูลเรื่องทูลเชิญพระเสด็จ         ไปถึงเขตทิพย์พิมานตามประสงค์
อัมรินทร์วัชรีจักรีวงศ์            พระองค์ทรงปรารถนามาพบเจอ
พระโสมฟังสั่งด้วยธิดาน้อย         เราจะลอยไปตามความเสนอ
แล้วสององค์ทรงประเสริฐที่เลิศเลอ                      ศักดิ์เสมอก็ต่างมุ่งไปทันควันฯ
   ๑หัสนัยชัยเดชเจ้าเขตสรวง      สิ่งทั้งปวงใต้อำนาจพระบาทสรรค์
ทุกสิ่งสรรพทั่วสากลล้นโลกันตร์         ต่างก็พรั่นพระเดชาบารมี
ลูกอาทิตย์แลพระจันทร์พลันมาถึง         พระไตรตรึงษ์ยิ้มสง่าในราศี
แล้วตรัสไปตามเหตุอาเพศนี้         พระสุรีย์ผูกใจให้แค้นเคือง
สุริยะบุตรีศรีสวรรค์            องค์น้อยนั้นคือธิดาที่ไท้เปลื้อง
มาตัดญาติขาดมิตรผิดประเทือง         จะกระเตื้องก็คงไม่ได้คืนเดิม
เราจักขอแรงท่านมาอาสา         สู้ฟันฝ่าขัดสุริยงทรงกระเหิม
สุริยันจันทรามาเพิ่มเติม            ต่างจะเสริมแรงบุญเกื้อหนุนกัน
แลจะส่งสองเจ้าไปกำเนิด         ให้บังเกิดแดนมนุษย์สุดเฉิดฉัน
บุรีรัตน์นคเรศพิเศษครัน            เป็นบุญบรรพ์สู่พิภพสยบมาร
พระโสมฟังยังใจเอ็นดูอยู่         มองโฉมตรูด้วยจิตคิดสงสาร
ว่าน้องเราจงอย่าหวั่นจะกันดาร         เราจะผลาญศัตรูอยู่เคียงใจ
สุริยะบุตรีว่าควรหรือ            เราได้ชื่อคือบุตรสุดพิสมัย
ต้องมาผลาญบิตุรงค์พระทรงชัย         ระกำใจชอกช้ำย้ำชีวา
พระอินทร์ว่าหากเจ้าได้บังเกิด         ได้กำเนิดเกิดเป็นเช่นยี่หวา
ของพระเจ้าบุรีรัตน์นัครา            จะสิ้นความเป็นธิดาพระสุรีย์ฯ
   ๑จะกล่าวถึงบุรีรัตน์ภัทราภพ      ศานต์สงบสิ้นทุกข์เป็นสุขี
พระผ่านเผ้าเจ้าฟ้าในธาตรี         พระภูมีไอศวรรย์อันครอบครอง
เคียงพระองค์ภูมินทร์จินดามาศ         นารีนาถผงาดศรีมิเป็นสอง
ใต้ร่มฉัตรเคียงบดินทร์เหนือถิ่นทอง                      รุจเรืองรองลือนักลักษณา
รัตติกาลพระบรรทมข่มตาหลับ         ได้สดับรับเสียงสำเนียงฟ้า
หนึ่งคนธรรพ์นิรมิตเป็นมายา         กังวานกล้าก้องกรรณหันเหใจ
จินดามาศมิ่งหล้ามเหสี            พระเทวีสดับก็หลับใหล
แล้วสุบินในนิทราเป็นเหตุไป         พระนางได้มายืนยิ้มริมบัญชร
เห็นคนธรรพ์อันร่ายคีตะเสียง         เป็นสำเนียงเพียงแผ่วจากสิงขร
ยินสำเนียงเพียงเพราะสุดสุนทร         เอกบังอรรื่นรมย์สมฤดี
แลพลันเห็นแสงหนึ่งซึ่งลอยล่อง         เห็นแสงทองระยับจับฉวี
เป็นสายสร้อยจี้จันทร์พันมณี         สุกใสศรีเลิศค่าราคาครัน
ลอยมาสู่หัตถานารีแก้ว            แล้วเห็นแววจักจากพรากให้พรั่น
กลับมาได้ธำมรงค์สีสุนันท์         แสงตะวันพลันส่องผ่องอำไพฯ


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: ทวิกาล
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2008, 08:37:58 PM »
   ๑ทรงสะดุ้งพุ่งพรวดผวาตื่น      พระวรองค์ทรงฟื้นขึ้นหวั่นไหว
แลสะกิดร่างพระองค์ทรงชัย         แล้วทูลไท้ถึงเรื่องในสุบิน
พระก็ว่าน้องเราเจ้าอย่าหวาด         ฝันประหลาดอาจได้ในทรัพย์สิน
อาจได้พรจากพระพรหมหรือองค์อินทร์      เสียงที่ยินอาจเป็นสิ่งที่ดีงาม
จงนิทราเถิดเนื้อทองน้องจอมขวัญ         ยอดชีวันนิทราอย่าพึ่งถาม
แล้ววันพรุ่งค่อยคิดค่อยติดตาม         แม่นงรามก็ข่มตาแล้วหลับไป
ครั้นพอถึงอรุณอุ่นสุรีย์            เจ้าธานีเหนือบัลลังก์มั่งคั่งไซร้
หลั่นลงมายอดยี่หวาเคียงหทัย         แม่ขวัญใจจินดามาศราชนารี
ลดจากนั้นบรรดาเหล่านางสนม         ให้ชื่นชมราวหกนางสว่างศรี
หมู่เสนาอำมาตย์ใต้บาทนี้            บารมีปกเกล้าเหล่าประชา
ราชครูโหราจารย์นั่งสดับ            คอยฟังศัพท์มเหสีสิเนหา
พระนางเล่าความฝันกัลยา         เยี่ยงนี้จักทายว่าอย่างไรกัน
เราสุบินยินเสียงคีตา            เพราะหนักหนาก้องเพียงเสียงสวรรค์
ก่อนจะเห็นสายสร้อยจี้จันทร์         ลอยเลื่อนพลันร่วงสู่ดนูเอย
ส่งหัตถามารับจับสร้อยแล้ว         ก็ยังแคล้วลอยห่างจางระเหย
ได้หยาดฟ้าธำมรงค์ลงมาเชย         จงเฉลยเผยความตามเหตุแล
ราชครูสู้ก้มลงขีดเขียน            ตำราเรียนเคยใช้ไม่ผิดแน่
อันว่าด้วยความฝันไม่ผันแปร         หากพระแม่ฝันเห็นสายสร้อยคอ
อันความหมายได้สดับหนึ่งเสียงอินทร์      ทรงสุบินว่าได้เช่นสายศอ
จักมีเทพเทวามาอยู่รอ            จุติหนอ ณ ครรภ์กัลยา
ว่าจี้จันทร์อันงามนามยอดแก้ว         แสงวาวแววแพรวระยับจับยี่หวา
ว่าโอรสอันเกิดแต่สรวงสุดา         คือเทวาองค์จันทร์อันเลิศเลอ
ส่วนสุบินใครฝันได้แก้วแหวน         ก็เหมือนแม้นได้ธิดาศักดิ์เสมอ
ตัวเรือนเพชรเกร็ดรัตน์จรัสนะเออ         พระลูกเธอจักเป็นหญิงยิ่งบุญญา
ยิ่งหัวแหวนอำพันสุวรรณศรี         คือสุรีย์ฉาดฉายพรายเวหา
ยิ่งพระยศพจน์เป็นเทพธิดา         สุริยาจุติที่นงคราญ
วิไลโฉมโสมนัสเป็นหนักหนา         พระผ่านฟ้าแลเหล่าหมู่ทหาร
ต่างยินดีที่รอมาแสนนาน            ก็ถึงกาลจุติรวิจันทร์
แต่แปลกอยู่สายสร้อยมาลอยหาย         หรือเหตุร้ายจักเกิดด้วยจอมขวัญ
เร่งถามไปด้วยจิตคิดไม่ทัน         ด้วยหวาดหวั่นพรั่นเกรงในชะตา
ว่าโหราทายว่าจะได้บุตร            สวาทสุดแสนรักเสน่หา
คือความหมายสายสร้อยเพชรเกร็ดรดา      โอรสาจักพรากจากไปฤๅ
ในความฝันจึงเห็นสายสร้อยหาย         แลมลายกลายไปไม่เห็นชื่อ
หรือลางร้ายได้พรากออกจากมือ         ที่ถึงถือหารั้งยอดมณี
เฝ้าสดับตามคำพระนางถาม         ก็ตอบความนางมิ่งมเหสี
อาจจะเป็นต้นร้ายที่ปลายดี         อย่างน้อยมีธำมรงค์ทรงโสภา
พระนางยินยิ่งสะดุ้งพุ่งใจพรั่น         หวิวหวาดหวั่นวังเวงวิเวกหวา
ทรุดพระองค์สติพรากจากกายา         องค์ราชารีบเร่งประคองครันฯ
   ๑ ณ ตำหนักพระมิ่งมเหสี         ยอดมณีจินดามาศนาถมิ่งขวัญ
พระมิ่งแม่แน่นิ่งยิ่งจาบัลย์         ศรีสุนันท์ทรงไสยาสน์นาฏอนงค์
พอลืมเนตรเทวษทุกข์สุดแสนเศร้า      แก้วตาเจ้าดวงใจแม่แหลกเป็นผง
กาลข้างหน้าแม่หวั่นพรั่นพะวง         วรองค์ลูกยาจะลาจร
หากคำทายเป็นจริงอย่างเขาว่า         มานยุพาคือบุหงาเคยสลอน
อันเปลี่ยวใจไร้น้ำมาอาทร         ฤทัยรอนราวจะขาดพินาศไป
ทรงร่ำไห้ในอกพระทรงเดช         ที่ปกเกศปกเกล้าเป็นเจ้าไท้
พระปลอบขวัญยอดหญิงมิ่งหทัย         ว่าขวัญใจอย่าได้ร่ำรำพันความ
อันหมอดูหรือก็คู่กับหมอเดา         หากเชื่อเขาแล้วช้ำจิตอย่าคิดถาม
อย่าคิดเชื่ออีกเลยนะคนงาม         ไว้กาลยามนั้นมาถึงอย่าพึ่งตรม
หยุดกันแสงให้แคลงใจเถิดจอมเจ้า                      อย่ามัวเศร้าไร้ชื่นเกิดขื่นขม
อันอกเอยอ่อนใจให้ระบม         อย่าระทมพี่จักปลอบให้คลายใจ
พระภูมินทร์ปิ่นเกศนเรศราช         เรืองอำนาจราชยศซึ่งสดใส
จึงสั่งคำย้ำเตือนอย่าเคลื่อนไป         มิ่งหทัยพระน้องประจงฟัง
ว่าสุบินหรือก็เป็นเพียงสุบิน         เทพทมิฬผู้ปองรานเมื่อกาลหลัง
อาจลวงเล่ห์เฉโกโอ้ชีวัง            หรือมนต์ขลังดลฝันร้ายในราตรี
ว่าลางทีสุรีย์เทพอาจลวงแสร้ง         ทรงสำแดงแผลงฤทธิ์พิสิฐศรี
จงอย่าพรั่นหวั่นแดแม่มณี         น้องนรีพักผ่อนให้สบายฯ


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006

ออฟไลน์ ไชยกร

  • *
  • 158
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • อีเมล์
Re: ทวิกาล
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2008, 06:38:40 PM »
   ๑ครั้นล่วงพ้นผ่านตรีทิวาวาร      นารีกานต์จิตท้อมิขอหมาย
หมายมณีศรีสง่าอาภรณ์กาย         นางขวาซ้ายรับใช้เห็นใจองค์
มิมุ่งหมายสิ่งใดในพิภพ            นิ่งสงบไม่สบสิ่งซึ่งประสงค์
จะกินนอนวอนถึงซึ่งเชื้อวงศ์         เลือดอนงค์จะเป็นเช่นไรกัน
นางกำนัลพลันยกสำรับให้         โฉมวิไลไพจิตรยิ่งคิดพรั่น
แล้วสั่งว่าด่าไปใส่ข้าพลัน         อย่าหมายมั่นเอาใดมาให้ดู
จักเป็นข้าวเป็นปลาหรืออาหาร         จัดใส่พานใครเห็นเป็นยิ้มสู้
จักเป็นเป็ดเป็นไก่ไข่หมากพลู         จักเป็นหมูเป็นแกงแหนงมิยล
ทั้งแพรวาผ้าไหมสไบบ่า            สุดโสภาราศีสิหาสน
เป็นดิ้นเงินดิ้นทองทอล่อกมล         ห่มสกนธ์ก็มิปองหาต้องตา
มิมุ่งหมายเป็นแก้วหรือเป็นแหวน         มิหวงแหนสิ่งใดเท่าใจข้า
สายสร้อยร้อยรัดกะรัตเพชรา         ศรีทรงค่าก็ดูหมองลงทันใด
กาจนาราศีรูจีส่อง            ระยับทองแจ่มจ้าราศีใส
ราศีเพชรเกร็ดรดามิอาลัย         ราศีใดต่างยังทรงซึ่งความงาม
แต่ราศีดวงพักตร์เหมือนหักสิ้น         มาแตกบิ่นราศีมิต้องถาม
ราศียศพจนาประภาวาม            ดั่งสิ้นตามความเคยสง่าครัน
พระพักตร์ผ่องทองแขคือเทียบได้         โสภาไซร้คู่ภูมินทร์หนึ่งอินทร์สรรค์
หนึ่งเทพไท้เทวดาบันดาลพลัน         สิ้นจาบัลย์ครองรักสมัครจินต์
ทว่าเข้ากาลนี้เห็นทีหมอง         อันพักตร์ทองหมองหนึ่งซึ่งงามสิ้น
เนตรประเสริฐเพริศพรายประกายนิล                      เหมือนพังภินท์สิ้นไปในพริบตา
นางข้าไทได้เห็นเป็นสงสาร         เยาวมาลย์สูงส่งทรงสง่า
มาสิ้นสุขทุกข์เศร้าเคล้าน้ำตา         เพียงโหราทำนายข้างร้ายเอย
ประนมกรวอนว่าแม่ฟ้าท่าน         อันอาหารโปรดองค์ทรงเสวย
วรกายจะซูบไปไม่งามเลย         กำลังเคยมีอยู่ดูสิ้นตาม
เสวยเพื่อพระกำลังเพื่อยังชีพ         เป็นประทีปส่องใจอย่าได้ห้าม
อันสตรีมีเนื้อหนังยังดูงาม         ใช่พิศลามแลกระดูกดูถูกไป
นางกำนัลเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมอยู่                      ยอดพธูบุรีรัตน์ไม่ขัดให้
จึงตรัสว่ายอมแล้วแหละมาลัย         เจ้าหมายใจให้กินจะกินดู
แต่กินน้อยก็อย่าได้มาต่อว่า         อันชิวหาสัมผัสอันรับรู้
กระดากด้านไปสิ้นลิ้นดนู            แต่จะสู้กินตามความโอดครวญ
นางมาลัยใกล้ชิดพิศจอมขวัญ         แล้วก็พลันพานถวายไม่ผายผวน
เสวยเสร็จว่าจะเก็บกลีบลำดวน         ให้นางนวลร้อยไม้ให้รื่นรมย์
พระมิ่งหล้าเสยิ้มทั้งยังเศร้า         แลว่าเจ้ารู้ว่าเรานี้ขื่นขม
จึงสู้หาทุกสิ่งหมายให้หายตรม         เราชื่นชมขอบใจในไมตรี
พอตรัสแล้วแก้วนารีทรงศรีศักดิ์         ประจงตักมัสมั่นอันแสบสี
ดูร้อนแรงในรสนักจานนี้            นาถนารีได้กลิ่นแทบสิ้นลม
จึงวางช้อนร่อนหันหากระโถน         นางกระโจนอาเจียนเลี่ยนมิสม
หรือใส่มันมากไปพอได้ดม         เกินจะข่มท่าทีนี้ไว้แล
สะอิดสะเอียนจริงเจียวเคี่ยวอย่างใด                      จงนำไปให้ไกลไม่แยแส
นางมาลัยนางกำนัลหวั่นกันแจ         พระมิ่งแม่มเหสีเทวีวงศ์
ทรงคิดตรองหมองหม่นจนได้ไข้         กาลก่อนไกลเมื่อยามย่างร่างระหง
สง่างามนามลือชื่ออนงค์            กลับซูบองค์ทรงเสวยมิได้ดี
แม่มาลัยก้มกราบทาบบาทเจ้า         ว่ายามเช้าทรงอาเจียนเวียนเกศี
เห็นท่าทางอย่างว่าเหล่านารี         เป็นเช่นนี้มิผิดว่าจะทรงครรภ์
พระองค์เจ้ายิ่งวิตกอกผวา         กัลยาแน่นิ่งยิ่งโศกศัลย์
ห่วงแต่ลูกในท้องต้องจาบัลย์         พรากจากกันตามฝันอันเป็นมูลฯ
   ๑ครั้นพระองค์ภูบดีศรีพารา      ได้ทราบว่าพระนางเจ้าโทรมเสื่อมสูญ
มิหมายปองรัตนามาเทิดทูน         ไว้เกื้อกูลก่อเกื้อเป็นเชื้อวงศ์
ก็หนักใจไร้สุขเป็นทุกข์ด้วย         ก็หมายช่วยด้วยใจไม่ไสส่ง
ก็รักนักรักแท้แม่อนงค์            ก็เฝ้าหลงนวลนางสำอางนัก
พระหัตถ์ทรงคัมภีร์ศรีอักษร         ใจอาวรณ์ห่อนตรึงซึ้งสลัก
ล่องลอยถึงรอยกอดของยอดรัก         ให้อาลัยในใจภักดิ์แห่งนงคราญ
พลันหนึ่งนางมาลัยข้าไทเจ้า         ผู้เหนือเกล้าเจ้านางสว่างหวาน
ขอเข้าเฝ้าเอาอย่างบางประการ         ให้ภูบาลทรงสดับได้รับฟัง
พระนางเจ้าเช้านี้มิเสวย            พระองค์เอยนางสิ้นภินท์ความหวัง
กลิ่นอาหารรานเศียรเวียนกำลัง         อาเจียนดังพลังม้วยด้วยโรคา
พระผ่านเกล้าเจ้าฟังยังใจตื่น         คัมภีร์ลื่นหลุดพรากจากหัตถา
อันดวงมานพาลพรากจากกายา         เฝ้าห่วงหานางจะพรากจากดวงใจ
แล้วรุดยืนย้อนถามความที่เกิด         อันกำเนิดวิปริตผิดวิสัย
เรียกหมอหลวงมาดูรู้ว่าใด         แถลงไขแจ้งเอ่ยเฉลยคำ
กระทืบบาทพิโรธเป็นโกรธจัด         เกรงจะพลัดนงรามแม่งามขำ
หากพระน้องต้องเจ็บใจระกำ         ว่าใครทำใครเห็นเป็นต้องตาย
จักเอาโทษหมู่นางอันรับใช้         ซึ่งอยู่ใกล้ให้สิ้นภินท์สลาย
ด้วยเห็นเหตุเภทภัยอันตราย         กลับมุ่งหมายปิดเรื่องให้เคืองใจ
มาลัยว่าพระองค์อย่างทรงแค้น         เรื่องเหมือนแม้นจูงจิตพิสมัย
พระจักได้โอรสายาใจ            อรทัยทรงครรภ์กัลยา
เรียกหมอหลวงดูพระอาการแล้ว         ก็ไม่แคล้วจักได้กอดยอดยี่หวา
พระสดับรับด้วยยิ้มพิมพ์อุรา         ชื่นชีวายุรยาตรถึงนาถนางฯ
   ๑เอกอนงค์นั่งกุมพวงมาลา      นัยนาลอยล่องมองรอบข้าง
พระหนักรจนามาจัดวาง            ทุกสิ่งต่างทรงค่าราคาครอง
สองพระเนตรเห็นชุดสุธารส         เครื่องโอสถน่านิยมสมสอง
ดูเลิศค่าราศีเป็นสีทอง            รุจรองรองยิ่งนักลักษณา
มิ่งอนงค์ทรงปรายสายตาแล         ก็พิศแน่แจกันทองรองบุปผา
อีกแจกันอันประกอบด้วยศิลา         สุดโสภาหาใดได้เทียบทาน
พอยิ่งเห็นเป็นต้องพ้อด้วยท้อนัก         โอ้ลูกรักเจ้าจักได้สะท้าน
มิได้อยู่ในเวียงทุกข์ครั้งกาล         นวลนงคราญยิ่งเศร้าเหงาใจแทน
อันหัตถาวางที่พระครรภ์เจ้า         แล้วกล่าวเล่าลูกรักจักหวงแหน
แม่หายอมให้พรากไปจากแดน         ให้ข้ามแคลนได้ยากไปตรากตรำ
น้ำตาไหลเกรงใจในคำท่าน         โหราจารย์ราชครูผู้รู้ล้ำ
กลัวแต่เจ้าลูกมาจะระกำ            แม่จักช้ำใจด้วยแทบม้วยมรณ์
พระทรงพลผ่านเกล้าเป็นเจ้าฟ้า         ในพาราแสนสุขสโมสร
รุดมาพบสบตาเอกบังอร            มากุมกรนั่งเรียงเคียงฤทัย
แล้วโอบกอดยอดขวัญอันแสนรัก         สุดจะหักห้ามจิตคิดหวั่นไหว
สีพระพักตร์ประจักษ์ว่าเริงพระทัย         ที่จักได้มีบุตรสุดนิยม
ว่าจอมขวัญเจ้าหาดีใจหรือ         ในท้องคือราชบุตรพิสุทธิ์สม
ทำสีหน้าประหนึ่งซึ่งตรอมตรม         หนึ่งจะจมกองทุกข์สิ้นสุขใจ
ว่าจอมเจ้ายิ้มเถิดเกิดความงาม         ภพทั้งสามธาตรีนี้ตรึงไว้
ตรึงจิตตรึงตราตรึงฤทัย            ตรึงในรอยแย้มแม่งามงอน
ตัวพี่นี้เป็นชายก็สมชาติ            มีอำนาจมียอดหญิงมิ่งสมร
ให้ถึงครบเจ็ดรัตน์ภัทราภรณ์         ประภัสสรอรองค์ทรงพร่างพราย
พี่จักได้จอมบุตรสุดสวาท         จินดามาศให้พี่นี้สมหมาย
พี่จะรักเอ็นดูชุบชูกาย            จวบจนตายวายชนม์ไม่สนใคร
ขอน้องท่านทำใจให้รื่นเถิด         จะบังเกิดสุขแผลงแสงแขไข
อันเฉิดฉายพรายพร่างกลางเวียงชัย                      มิ่งหทัยโปรดให้ยิ้มพี่ใคร่เห็น
มเหสีจินดามาศนาฏอนงค์                ว่าเอกองค์ทรงพิศได้ไม่ว่างเว้น
แต่ครั้งก่อนองค์พบสบชื่นเย็น         อันกระเซ็นจากกระแสนัยน์ดนู
พระองค์ลืมหรือไรจึงใคร่เห็น         ให้ใจเย็นข้าพเจ้าจักยิ้มสู้
ให้พระองค์ทรงฤทธิ์ได้พิศดู         แต่ทรงรู้เถิดใจยามนี้ตรม
ห่วงแต่ลูกห่วงรักเป็นหนักหนา         หวั่นชีวาพาใจให้ขื่นขม
เกรงผู้พรากลากใจไปกับลม         อดชื่นชมยศศักดิ์ลูกรักเรา
พระทรงชัยได้ฟังดังคำว่า         สรวงสุดาจอมจิตยังคิดเศร้า
ยังเชื่อคำทำนายแต่นานเนา         พี่ว่าเจ้างมงายจงคลายใจ
ว่าจักเกณฑ์สืบเสาะทุกเกาะแห่ง         ค้นทุกแหล่งควานหาหารใหม่
อารักขาโฉมยงองค์อำไพ         ช่ำชองชัยชิงเชิงชั้นชาตรี
จักเลือกสรรเสาะแสวงทั่วแหล่งหล้า                     จะเสาะหาที่ฉกาจเป็นนาถศรี
ให้รักษาพระองค์ราชินี            ดวงฤดีโปรดจงทรงทุกข์คลายฯ


"ยุคลเดช"
  “ถึงเพลิงผลาญไป่ล้าง ชีวัน ถึงนทีบ่บั่น ชีพด้วย ถึงดาบสักร้อยพัน ฉีกร่าง รานฤๅ ถึงบ่ถึงคราวม้วย ดับได้มีฤๅ”
http://my.dek-d.com/07_70407/writer/view.php?id=564006