" พุทธรัตน์หนีไปลูก ไม่ต้องห่วงแม่ " สไบทองพูดให้ดวงใจหนีไปด้วยกลัวว่าจะเป็นอันตราย
" นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมสไบทองถึงมาอยู่ที่นี่ได้ " ท้าวพีรเชษฐ์กังขากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
" คือว่า..." สไบแก้วไม่อาจจะสรรหาคำพูดใดมาตอบองค์ภัสดา
"กระหม่อมจับมาเองพระเจ้าค่ะ " ชายชราที่จับตัวสไบทองทูลต่อเจ้าแผ่นดิน
" ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนี้ เราขอให้ท่านปล่อยสไบทองเถอะ อย่าได้ทำร้ายนางเลยนะท่านปุโรหิต " ท้าวเธอยังรู้สึกห่วงอดีตพระมเหสีอยู่บ้างจึงได้ออกคำสั่งกับคนที่จับพระนางไว้
"ไม่พระเจ้าค่ะ กว่าเกราะนี่จะมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะพระเจ้าค่ะ " ปุโรหิตยืนกราน
" ท่านปุโรหิต ปล่อยเสด็จแม่เราเถอะนะ ท่านอยากได้อะไรเราจะให้ท่านทุกอย่าง พุทธรัตน์อ้อนวอนต่อบิดาของสไบแก้ว
" ได้พระเจ้าค่ะ แต่พระธิดาจะต้องยกเกราะกายสิทธิ์ให้กับกระหม่อม" ผู้เฒ่าเสนอข้อต่อรอง
" เรายอมแล้ว ขอเพียงปล่อยเสด็จแม่ของเราก็พอ"
" อย่านะลูก!! " พระมารดาได้ค้านความคิดของพระบุตรี
หิ่งห้อยยักษ์เห็นท่าไม่ดีจึงคิดเข้าไปช่วยแต่มิอาจทำได้ด้วยเหตุเพราะมีมนต์ดำคุ้มกันไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้
" ทหารมาเร็วเข้า ทหาร!! " เจ้าเมืองเรียกทหารอย่างร้อนรน ในขณะที่เจ้าเมืองเรียกอยู่นั้นพระธิดาได้ถอดเกราะกายสิทธิ์ออกปรากฏร่างอันพิการน่าสงสารของพระโอรสสุริยะมาแทนที่
" ปล่อยเสด็จแม่เราเถอะนะ แล้วเราจะให้เกราะกายสิทธิ์แก่ท่าน " พระโอรสพูดอย่างทุลักทุเล
"ไม่ได้พระเจ้าค่ะ พระโอรสต้องส่งเกราะมาให้กระหม่อมก่อนแล้วกระหม่อมจะปล่อย"
ท้าวพีรเชษฐ์ร้อนใจนัก เรียกหาทหารสักเท่าใดไม่เห็นใครมา ใครเล่าจะมา ในเมื่อมีคนของปุโรหิตขัดขวางอยู่ ท้าวเธอจึงตัดสินใจลงมาห้ามภอีกครั้ง
"หยุดนะ !!จะทำอะไรไม่สนเราเลยเหรอ ท่านไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ ปุโรหิต "
" สนพระเจ้าค่ะแต่เกราะนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน " ชายชรากล่าวตอบพลางจับสไบทองไว้แน่นกว่าเดิม
" รับเกราะของเราไปเถอะ " พระโอรสส่งเกราะกายสิทธิ์ให้กับเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นั้นอย่างมีหวังให้ปล่อยพระมารดา แต่ทว่าเมื่อปุโรหิตได้เกราะวิเศษมาก็มิได้ปล่อยสไบทองแต่อย่างใดกลับมีจิตคิดสังหารเจ้าของเกราะด้วยซ้ำไป
"ฮ่าๆ เจ้ามันหน้าโง่ไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายซะ" พูดจบทันใดเฒ่าปุโรหิตก็ใช้เกราะกายสิทธิ์ทำร้ายพระโอรสในทันที พระบิดามิอาจทนเห็นพระโอรสวายชนม์จึงนำตนเองมากำบังทำให้สิ้นพระชนม์อย่างรวดเร็ว