“พระองค์!!”อินทราณีร่างจำแลงกล่าวอย่างยินดีที่ได้พบกับผู้ที่เป็นรักยิ่งชีพตนกลับมายังหอชิดดาราเพื่อเคียงข้างตนแล้ว แม้ใบหน้าของเธอจะซีดเซียวไปบ้างแต่ความสดใสกลับปรากฏในน้ำเสียงผิดกันอย่างเห็นได้ชัด
“อินทราณี ทำไมถึงไม่พักผ่อนให้ดีเสียก่อน รีบออกมาจากตำหนักอย่างนี้ถแป็นอะไรขึ้นมามากกว่าที่เป็นอยู่จะเป็นอย่างไร” เขาก็ยินดีที่ได้พบกับคนรัก แต่ก็ไม่ได้อยากให้มาหาตนเองเลย เขากะจะไปเยี่ยมในตำหนักด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ก็หม่อมฉันคะนึงหาเพียงแต่พระองค์แม้แต่ในความฝัน แต่ฝันที่พบกลับไม่ดีเท่าที่ควร การที่หม่อมฉันพบกับพระองค์จริงย่อมดีกว่าเพคะ”
“ฝันไม่ดีเท่าที่ควรงั้นหรือ”
“เพคะ ในความฝันของหม่อมฉันนั้นมีเกลียวทองอยู่ นางเข้ามาหาพวกเราทั้งสองร้องขอความเห็นใจซ้ำยังว่าพระองค์ไม่ใยดีในชีวิตนาง เห็นเช่นนั้นจึงไม่รู้สึกสบายใจ แต่หม่อมฉันก็หวังว่านางจะไม่เป็นอะไร”
“นางไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าก็รู้ว่านางเป็นคนเก่งกล้าสามารถเอาตัวรอดได้ไม่ยาก ถ้านางมีอันตรายมีหรือเราจะไม่ช่วย ยังไงเสียนางก็เป็นสหายของเจ้านะ” เขาช่างพูดได้อย่างหน้าตาเฉยเสียจริงทั้งๆที่พอเกิดเหตุการณ์ก็ไม่เห็นจะใยดีเขาเลย
“หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า เราว่าเจ้าพักผ่อนต่ออีกสักหน่อยเถิด เราจะเคียงข้างเจ้าจนกว่าเจ้าจะอาการดีขึ้นกว่าเดิม”
“เพคะ” เธอรับคำแล้วกลับเข้าสู่ตำหนักอย่างว่าง่าย ถึงแม้ทั้งสองจะเคยเป็นสวามีและชายากันมาก่อนแต่ว่าในชาตินี้แล้วงานวิวาห์ยังไม่เกิดขึ้น เทพวิษุวัตทำได้แค่คอยดูแลแต่ไม่อาจร่วมเรียงเคียงหมอนกับนางอันเป็นที่รักได้
…………………………..
“ปกีรณัมบทที่ว่าน่ะอยู่ไหนกันจั๊กแหล่น หรือว่าท่องจำมา” ปัทมาสน์ถามด้วยความสงสัย
“ท่านตาบอกปากเปล่าจั๊กน่ะจำไม่ได้หรอกเพคะ ท่านตาจึงลงอักขระชั่วคราวที่แขนจั๊กไว้แทนเพคะพระธิดา” จั๊กแหล่นพูดพลางลูบแขนซ้ายของตนจนปรากฏอักษรเป็นคาถาที่มีความยาวไม่มากเท่าไหร่
“ท่านตาให้พระโอรสกับพระธิดาจำบทนี้ให้ได้เพคะเพราะหลังจากอ่านครบสองรอบคาถานี้จะหายไปจากแขนของจั๊กแล้วล่ะเพคะ”
“ได้ พวกเราที่ดูมีตั้งสิบสี่คนไม่ต้องห่วงหรอก”
“ไม่ห่วงได้ยังไง เรื่องนี้ต้องจำได้ทุกคนสิถึงจะแยกจากกันได้ เจ้านี่ไม่ใส่ใจเอาซะเลย” บุรุษวันอังคารต่อว่าผู้ร่วมทางถึงคำพูดที่ดูไม่ใส่ใจราวกับว่าจะโยนภาระความจำไปให้ผู้อื่นอย่างเดียว
“จริงอย่างที่พระโอรสพูดนะเพคะ” แม่เสือสาวกล่าวอย่างเห็นด้วยกับอีกฝ่าย
“เรื่องนี้เรารู้อยู่แล้วหรอกน่า รีบทำพิธีกันเลยดีกว่า ชักช้าพวกนั้นจะรู้ตัวก่อน”
“ทำไมพวกนั้นถึงจะรู้ตัวก่อนได้ล่ะพระเจ้าค่ะ” หึ่งห้อยยักษ์เกิดความสงสัยในคำพูดเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
“พวกนั้นมีติณกฤตอยู่ ช้าเร็วเขาก็ต้องสืบหาจนรู้แน่ ทางนั้นเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับพวกเรา มีหรือจะคาดเดาสิ่งใดไม่ถูก”
“ก็จริงนะ พวกนั้นคิดทำสงครามกันแล้วยิ่งจะต้องตามหาพวกทั้งหมดเพื่อนำสิ่งวิเศษทั้งสองนี้ไปครอบครองไม่ก็ทำลายทิ้ง พวกเขาต้องหาวิธีตามหาพวกเราจนพบให้ได้นั่นล่ะ” อัญญานีหลังจากฟังความของสหายก็เกิดคิดตาม ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางปล่อยพวกตนไปง่ายๆหรอก
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็อย่ามัวเสียเวลาอีกต่อไปเลย” ธิดาเมืองโกสุมพิสัยกล่าวบอกกับสหายเพราะไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว เรื่องใดที่ต้องการถามไว้ว่ากันหลังเสร็จพิธีดีกว่า
หลังจากจบประโยคของสหาย ผู้สวมใส่เกราะกายสิทธิ์และสังวาลย์มณีได้นั่งลงใต้น้ำตกที่มีสีทั้งเจ็ดด้วยท่าขัดสมาธิและตั้งจิตมั่นพนมมือ ขณะที่กำลังหลับตาอยู่นั้นดวงจิตก็ได้เริ่มท่องคาถาอันจะทำให้คนทั้งหมดแยกจากกันโดยถาวร โดยมีผู้ดูแลความปลอดภัยให้ในช่วงเจ็ดวันเจ็ดคืนนี้ไม่ห่างกาย
……………………………
“ที่ที่คาดไม่ถึงเป็นที่ที่คอยเฝ้าคะนึงหาอย่างนั้นเหรอ” บดิศรครุ่นคิดถึงคำใบ้บอกกล่าวของศิลาพยากรณ์ที่ต่างเป็นที่กล่าวขานว่าสิ่งใดในโลกย่อมทราบ แต่เสียดายถ้าไม่ถูกคำสาปคงบอกให้รู้ตามตรงแล้ว ไม่ต้องมานึกคิดให้วุ่นวายหรอก
“หรือว่าพระนางจะมีความเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้น เพราะสิ่งที่เทพวิษุวัตคอยคะนึงหานั้นมีเพียงอัญญานีกับของวิเศษสองสิ่งนั้น……อัญญานีนางได้กลิ่นของดอกปาริชาตแล้ว ถ้ารู้น่าจะบอกพระองค์ก่อนที่จะถูกถามด้วยซ้ำ”
“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะบดิศร” ธานินทร์ที่เห็นท่าทีครุ่นคิดของผู้ร่วมอุดมการณ์รับใช้พระเทวาดูนิ่งเงียบไป ดูราวกับว่ามีเรื่องคิดสับสนวุ่นวายอยู่ในใจไม่หายอย่างนั้น
“ท่านนี่เอง มาพอดีเลย…เรากำลังคิดเรื่องพระเทวีเบญจเนตรอยู่น่ะ มีหลายอย่างที่เรายังไม่รู้อีกมาก” ถึงอดีตชาติเขาจะเคยรับใช้พระอนุชาของเทวีองค์นี้ก็จริงอยู่ แต่เรื่องราวก่อนหน้าที่เขาจะเป็นหนึ่งในบริวารนั้นไม่อาจทราบได้เลย
“เรื่องนี้นี่เอง เจ้ากับอัคนีอุตส่าห์ไปหาคำทำนายมาแต่ก็ยังไม่ได้ทูลสักทีนี่นะ”
“เรื่องเกิดขึ้นหลายอย่าง ซ้ำว่าที่พระชายาอาการไม่สู้ดี เราไม่อยากให้พระองค์ต้องพะวงเรื่องนี้มากเกิน ว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้พระองค์ไปก่อน …ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าแห่งหนหรือสิ่งใดบ้างที่พระเทวาท่านคะนึงหา”
“อืม..พระองค์คะนึงหาไม่กี่อย่างหรอกนะ พระชายาอินทราณี ทิพย์อาสน์ พระเทวีเบญจเนตร แล้วก็ของวิเศษสองสิ่งที่พวกนั้นสวมใส่นั่นล่ะ…เขาใบ้มาเกี่ยวกับสิ่งพระเทวาคะนึงหาเหรอ”
“ใช่ ที่ที่คาดไม่ถึงเป็นที่ที่คอยเฝ้าคะนึงหา”
“อย่างอินทราณีน่ะตัดออกไปได้เลย ถ้านางรู้ยังไงก็ต้องบอกพระองค์ท่านอยู่แล้ว อีกอย่างพระเทวีไม่ค่อยจะโปรดนาง ไม่มีทางบอกที่ซ่อนหรืออยู่กับนางได้แน่”
“เราก็คิดเช่นนั้น ที่เหลือก็เป็นไปได้มากที่พระองค์จะสถิตยังสิ่งที่ว่านั่นทั้งทิพอาสน์ เกราะกายสิทธิ์หรือแม้แต่สังวาลย์มณี”
“เราว่าของวิเศษทั้งสองสิ่งนั่นไม่ใช่ที่ที่จะสถิตได้หรอกนะ เพราะว่าเคยถูกทำลายมาแล้วครั้งนึงหนิ” อัคนีเข้ามากล่าวหลังจากเฝ้ามองทั้งสองสนทนาหัวข้อที่ตนก็ได้รับคำทำนายมา
“มันก็ไม่แน่ พระองค์อาจจะย้ายออกไปชั่วคราวก่อนที่จะถูกทำลายก็เป็นได้ อย่าลืมสิว่าเป็นพระนางเองที่สาปศิลาพยากรณ์ไม่ให้บอกเรื่องที่สถิต ถ้าจะคาดคั้นเอาอนาคตจากศิลานั่นทำไมจะทำไม่ได้” บดิศรค้านความคิดอัคนี ถึงจะเคยถูกทำลายแล้วมันยังไงล่ะ เทวีแค่มาสถิตไม่ได้ถูกสะกดให้เป็นหนึ่งเดียวกันเสียหน่อย
“แล้วเจ้าไม่คิดว่าเป็นทิพย์อาสน์บ้างรึยังไง ที่นั่นน่ะจะว่าเป็นที่ที่อันตรายที่สุดแต่ก็เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดนะ ลองคิดดูปัจจาตามหาไปทั่วสารทิศตลอดพันปีโลกมนุษย์แต่ก็ไม่เคยพบ อีกอย่างพระอินทร์ก็ไม่ได้สนพระทัยเรื่องที่พระชายาของตนหายไปแม้แต่น้อย” ติณกฤตที่เห็นทั้งสามจับกลุ่มกันก่อนหน้าจึงเข้ามาร่วมฟัง ไม่บอกตั้งแต่ต้นแต่พอจะทราบว่าพูดเรื่องอะไรกันอยู่
“หรือจริงๆแล้วเป็นพระอินทร์ที่ซ่อนพระนางมาตั้งแต่ต้น พอพระองค์ไม่อยู่กับทิพย์อาสน์ก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากเพราะคิดว่าอย่างไรพระเทวาวิษุวัตก็ไม่ได้สงสัยอะไรในส่วนนี้อยู่แล้ว” ธานินทร์รู้สึกเห็นด้วยกับนาคาที่มาภายหลัง ข้อนี้ไม่ได้ผิดกับที่พบเจอมาเลยแม้แต่น้อย
“เราว่าเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนะ เอาอย่างนี้แล้วกัน ทางนึงไปตามหาแล้วชิงของวิเศษจากพวกนั้นก่อน อีกทางนึงไปดูที่ทิพย์อาสน์ มีไม่มียังไงค่อยไปสมทบอีกที เพราะยังไงพวกเราก็ต้องใช้ของพวกนั้นสังหารพระอินทร์องค์นี้อยู่ดี” อัคนีออกความเห็น หลังจากที่สู้กับฝั่งนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วว่าทางนั้นต้องระวังและซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งแน่จึงต้องเร่งตามหา เรื่องจะได้จบอย่างไม่ค้างคา ถึงชนะสงครามแต่พระอินทร์กลับมาไม่ยอมสิ้นชีพไป เรื่องคงต้องแดงไปถึงสามมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ฝั่งตนจะเสียเปรียบเอาน่ะสิ
“ความคิดของเจ้ากับเราตรงกัน เอาตามนี้ล่ะ ไว้วันสร้างเขตรบค่อยมารวมตัวกันอีกที” หลังจากที่บดิศรพูดจบทั้งหมดจึงแยกออกเป็นคู่ๆแล้วจึงออกไปค้นหาว่าแท้จริงแล้วพระเทวีเบญจเนตรนั้นสถิต ณ ที่แห่งใดกันแน่
………………………
วันใหม่ได้เข้ามาแล้ว คนที่นั่งสวดคาถายังคงอยู่ ณ ที่เดิมก็ไม่มีท่าทีที่จะเหนื่อยล้าหรือว่ามีอาการหนาวเหน็บจากการถูกน้ำตกถาโถมเข้าใส่แต่อย่างใด พวกที่คอยดูแลความปลอดภัยก็พอจะวางใจได้ในระดับหนึ่ง
“พี่หิ่งห้อย จั๊กแหล่นตอนที่พวกเราสูดดมกลิ่นของดอกปาริชาต ระลึกชาติแล้วได้มีความรู้สึกหรืออารมณ์อะไรร่วมมั้ย หรือว่าไม่รู้สึกอะไรแต่รับรู้เรื่องราวอย่างเดียว” คืนหนึ่งแล้วที่เฝ้ามองคนที่น้ำตก อัญญานีคิดว่าถ้ามัวแต่มองอย่างเดียวตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนอย่างนี้คงจะไม่มีประโยชน์อะไรแน่ ไม่สู้พูดคุยเรื่องที่หาจะมีประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเขาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ดีกว่า
“ไม่เคยพระเจ้าค่ะ แต่ว่าพี่หิ่งห้อยเคยได้ยินบรรพบุรุษบอกว่าบางรอบที่ดอกปาริชาตเบ่งบานนั้น กลิ่นของมันก็ไม่ได้ให้มีความรู้สึกร่วมด้วยเหมือนที่เป็นส่วนใหญ่น่ะพระเจ้าค่ะ”
“จั๊กก็เหมือนกันเพคะ เหมือนย้อนไปในอดีตแต่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยสักนิด”
“มิน่าล่ะ ทำไมตอนที่เราได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆนั้นแต่ก็ไม่อาจจะจะรู้สึกอะไรได้ ตอนนั้นเหมือนว่าเรากับเทพวิษุวัตจะรักผูกพันกันมาก แต่เรากลับไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลย”
“อย่างนั้นก็ดีแล้วเพคะ เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากันจะได้ไม่เอาความรู้สึกมาปน เรื่องจะวุ่นวายไปกันใหญ่”
“เราพอจะรู้เหตุผลที่เทพวิษุวัตทำอยู่เหมือนกันนะ ที่ต้องการตำแหน่งเทวราชาจนต้องทำเรื่องพวกนี้ล้วนเกิดเพราะเราน่ะสิ” จะว่าไปเธอก็รู้สึกผิดที่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ส่งเสริมการกระทำอันออกจะเป็นฝ่ายอธรรมเสียขนาดนั้น
“พระธิดาจะทรงบอกว่าเป็นคนที่ขอให้เทพองค์นั้นทำเรื่องวุ่นวายพวกนี้น่ะหรือเพคะ” เธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ย่อมถามด้วยความสงสัยเป็นธรรมดา
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก แต่เป็นเพราะว่าเราเป็นเพียงแม่มด คนธรรมดาที่หยิบยืมพลังจากธรรมชาติมาได้ก็เพียงเท่านั้น ไม่คู่ควรที่จะเป็นชายาของพระองค์ ใครๆต่างติฉินนินทาทั้งตัวเราและพระองค์ในทุกๆวัน ที่พระองค์ยังไม่ลงมือเพราะเราห้ามไว้ พอนับวันเข้าเราเจ็บป่วยจนหาทางรักษาแทบไม่ได้ พระองค์ก็ยิ่งคิดทวงเอาอำนาจกลับมาเพื่อที่จะได้ทำทุกวิถีทางให้ยื้อชีวิตเราไว้และเริ่มต้นกับตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่นั่น ตำแหน่งที่เขาคิดไว้ว่าคู่ควรตั้งแต่แรก” เธอกล่าวจบจึงถอนหายใจครู่หนึ่ง
“แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว พระองค์ไม่ควรยึดติดขนาดนั้นเลย เราห่วงก็แต่สหายปัจจุบันของเราที่มาต้องมาพัวพันปัญหากับพระองค์นี่ล่ะ”
“เรื่องบางเรื่องก็ยากจะทำใจได้จริงๆพระเจ้าค่ะ ความรู้สึกนึกเป็นสิ่งซับซ้อน บางคนปล่อยวางได้ บางคนก็ไม่”
“เมื่อตอนวันจันทร์เราได้ขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อตบตาพวกฝั่งนั้น พอได้รู้มาบ้างว่าจะมีการสร้างเขตรบขึ้นมาเพื่อทำสงครามระหว่างฝั่งส่งเสริมเทพวิษุวัตกับฝั่งที่ภักดีต่อพระอินทร์องค์ปัจจุบัน คาดว่าพอสร้างเสร็จจะมีการกำหนดข้อตกลงกันในสนามรบนั้นเอง แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเริ่มทำสงครามกันเมื่อใด เราว่าจะไปสืบเพิ่มสักหน่อย วันนี้พวกเราทั้งสามมาช่วยกันสร้างด่านป้องกันทั้งในและนอกมิติกระจกเพิ่มสักหน่อยดีกว่า พรุ่งนี้ที่ระหว่างไปสืบเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาจะได้แก้ไขรับมือได้เบื้องต้น พอจะยื้อเวลาจนกว่าจะทำพิธีเสร็จ” เมื่อตกลงกันแล้วจึงสร้างด่านป้องกันเพิ่มเพื่อความปลอดภัย เพราะไม่ว่าอย่างไรช้าเร็วอีกฝั่งต้องรู้ที่อยู่เข้าสักวันแน่
……..
“หนีไปแล้ว หนีไปแล้วเหรอพระเจ้าคะ!!” บดิศรทวนคำที่ได้ยินจากมารดาอย่างร้อนใจนัก เดิมทีตนคิดว่าจะใช้ครอบครัวของฝั่งทางนั้นมาเป็นตัวประกัน พวกนั้นจะได้มาหาเอง เพราะถ้ามัวหาอย่างไม่มีหลักแหล่งก็อาจเสียเวลากว่าเดิมได้
“ใช่ แต่เกลียวทองไปตามล่าพวกนั้นแล้วแม่เชื่อว่า นางจะสามารถนำกลับมาได้แน่”
“เสด็จแม่ ท่านน้าเกลียวทองนางสิ้นแล้วนะพระเจ้าค่ะ”
“ว่ายังไงนะลูก!! ไม่จริงน่า เสด็จพ่อของลูกยังอยู่ที่นี่กับแม่ ไม่ได้มีท่าทีต่างจากเดิมเท่าไหร่เลยนี่” เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ในเมื่อสวามียังรักตนเสียขนาดนั้นแท้ๆ ถ้าไร้ซึ่งมนตราแล้วเขาก็ควรจะมีท่าทีต่อต้านตนบ้างแล้วสิ
“แสดงว่าเสด็จพ่อของลูกหลอกแม่อย่างนั้นหรอกเหรอ”
“เสด็จพ่อประทับอยู่ที่ไหนพระเจ้าค่ะ” เกิดเรื่องเข้าให้แล้ว เดิมทีเขาคิดว่าแค่จะหาคนมาเป็นตัวประกันไม่จำเป็นจะต้องเข้าเฝ้าพระบิดาของตนได้แท้ๆ
“พระองค์ประทับยังท้องพระโรงน่ะสิ เพลานี้ควรที่จะเลิกออกว่าราชการได้แล้วนะ”
“เสด็จแม่อย่าเป็นกังวลเลยนะพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจะตามเสด็จพ่อกลับมาให้ได้พระเจ้าค่ะ” เรื่องนี้เขาพลาดเองจริงๆที่ไม่ได้นึกให้ดี ตั้งแต่แม่มดเกลียวทองตายไป อันตรายก็จะเข้ามารดาตนได้ง่ายๆอยู่แล้ว ยังดีที่ผู้เป็นพ่อไม่ลงโทษอะไร แต่ว่าการที่หายหน้าไปแบบนี้โอกาสที่จะได้คืนดีก็แทบเป็นศูนย์ เห็นทีคราวนี้ต้องตามหาให้เจอแล้วเอามาเป็นตัวประกันไปก่อน เรื่องหลังจากนี้ไว้ว่ากันอีกที
_-------------------------------------------------------------------------------------ทุกวันอาทิตย์ประมาณ20.30น.
จักรกรดต้องขอภัยที่ไม่ได้อัพเดตในสัปดาห์ที่แล้วด้วยนะคะ เพราะเข้าในเว็บขึ้นว่าฐานข้อมูลผิดพลาดจึงเปลี่ยนมาลงวันนี้แทนค่ะ วันนี้ต้องขอลงเร็วกว่าเวลาด้วยนะคะเพราะต้องไปงานสวดอภิธรรมญาติด้วยค่ะ สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังนะคะ O0