รามเกียรติ์ รามายณะ คนละเรื่องเดียวกัน โดย ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน 29 ม.ค. 2560 05:01
ที่มา:
http://www.thairath.co.th/content/845620คนไทยเรารู้จักวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์กันเป็นอย่างดี แม้ว่าอาจจะรู้รายละเอียดเนื้อหาไม่ทั้งหมดก็ตาม แต่อย่างน้อยก็รู้เนื้อหาคร่าวๆว่าเป็นเรื่องราวของพระรามไปตามชิงตัวนางสีดาคืนจากทศกัณฐ์ ราชายักษ์ผู้มีสิบเศียรสิบกร โดยฝ่ายพระรามนั้นมีทัพลิงเป็นผู้ช่วย และที่ขาดไม่ได้ก็คือทหารเอกอย่างหนุมาน ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากรามเกียรติ์ในฉบับภาษาไทยนั้น เดิมมีบทละครหลวงของสมเด็จ พระเจ้าตากสิน แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยไม่ครบถ้วน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ซึ่งมีเนื้อเรื่องสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ และภายหลังยังมีบางส่วนที่พระราชนิพนธ์โดยรัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 โดยรัชกาลที่ 1 ทรงนำต้นเค้ามาจากเรื่องรามายณะ อันเป็นนิยายเก่าแก่ของอินเดีย ซึ่งประพันธ์โดยฤาษีวาลมีกิ เป็นร้อยแก้วแบบชาวฮินดูในภาษาสันสกฤต เรียกว่าโศลก จำนวน 24,000 โศลกด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 7 กัณฑ์ ประกอบด้วย พาลกัณฑ์ อโยธยากัณฑ์ อรัณยกัณฑ์กีษกินธกัณฑ์ สุนทรกัณฑ์ ยุทธกัณฑ์ และอุตตรกัณฑ์
พระรามยกศร. มหากาพย์รามายณะนั้นแพร่หลายไปในหลายประเทศ เนื้อเรื่องของแต่ละแห่งก็มีเปลี่ยนแปรไปบ้างตามแต่ผู้ถ่ายทอด
ทำให้แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ก็แตกต่างกันไปตามภูมิภาคและวัฒนธรรมดั้งเดิมของผู้ที่รับการถ่ายทอดวรรณคดีเรื่องนี้ไป ในอินเดียเองก็มีผู้รู้บางท่านวิเคราะห์กันว่าเรื่องนี้น่าจะมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง
ในยุคที่ชนเผ่าอารยันซึ่งเคยอยู่ทางตอนใต้ของรัสเซียอพยพเข้ามายังอินเดีย แน่นอนว่าย่อมหมายถึงฝ่ายของพระราม-พระลักษมณ์ ส่วนทศกัณฐ์และประชาชนยักษ์ก็คือชาวทมิฬ หรือทราวิฑ ชนพื้นเมืองดั้งเดิม แต่ก็มีผู้คัดค้านแนวคิดนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน
สำหรับชาวไทย เรื่องรามเกียรติ์มีอิทธิพลอย่างมาก ทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม และศาสนา ยกตัวอย่างเช่น พระนามของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ก็มีคำว่า “ราม” ซึ่งก็มาจากพระรามผู้เป็นองค์อวตารของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ผู้คอยอวตารมาปราบอสูรร้ายและช่วยเหลือมนุษย์อยู่เสมอทศกัณฐ์ ความแตกต่างของรามเกียรติ์แบบไทยๆกับรามายณะของอินเดียนั้น มีอยู่หลายจุด วันนี้จะขอยกมาเล่าให้ทราบกันบางส่วนนะครับ เพราะถ้ายกมาทั้งหมดเห็นทีจะต้องเล่ากันยาว
ขอเล่าแค่ตัวละครหลักบางท่านก็แล้วกันทศกัณฐ์ (แปลว่าผู้มีสิบคอ ซึ่งก็คือมีสิบหัว) นั้น ทางอินเดียเรียกว่า ราพณ์, ราวัณ หรือราวณะ นางสีดา ก็คือ สิตา, พระลักษมณ์ ท่านชื่อลักษมัณ, โหรเอกพิเภกนั้น มีนามว่า พิภิษณ์, นางมณโฑมเหสีพญายักษ์ มีชื่อไพเราะว่า มณโฑธารี ฯลฯ เห็นได้ว่าถึงชื่อจะไม่ตรงกันเป๊ะๆ แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นใคร
ในรามายณะ ราพณ์ เป็นบุตรของวิศราพ เป็นพราหมณ์ที่สืบเชื้อสายมาจากพระพรหมกับนางไกยเกษี ธิดากษัตริย์กรุงลงกา ตรงนี้ก็แตกต่างแล้วครับ เพราะตามฉบับไทยนั้น ทศกัณฐ์เป็นอสูรบุตรของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา เจ้ากรุงลงกา แต่ฉบับอินเดียพ่อของพญายักษ์หาได้เป็นยักษ์ไม่ แต่เป็นพราหมณ์ผู้ทรงฤทธิ์ซึ่งได้รับมาจากพระพรหม เหตุที่ให้กำเนิดลูกเป็นยักษ์หรืออสูรก็เพราะว่า สุมาลีอสูรเจ้ากรุงลงกา ยกลูกสาวให้กับวิศราพ เพราะอยากให้หลานตาของตนในอนาคตนั้นได้รับพลังที่ถ่ายทอดจากพระพรหมมาสู่วงศ์วานของตน
ซึ่งหลานตาคนที่ว่านี้ก็คือราพณ์ หรือทศกัณฐ์นั่นเองครับ
ตรงกำเนิดพญายักษ์นี้ ในรามายณะ ชาติก่อนทศกัณฐ์กับกุมภกรรณทำหน้าที่เฝ้าวิมานของพระวิษณุ วันหนึ่งมีฤๅษีมาขอเข้าพบพระวิษณุ ทั้งสองไม่ยอมให้เข้าพบตามที่ พระวิษณุสั่งว่าห้ามใครรบกวน ฤๅษีจึงสาปให้ทั้งสองต้องไปรับความทรมานในโลกมนุษย์ พระวิษณุไม่อาจถอนคำสาปได้ แต่เมื่อทั้งสองไปเกิดเป็นอสูร พระองค์จะอวตารช่วยสังหารให้พ้นทุกข์เอง ส่วนฉบับไทยเขียนว่า ยักษ์นนทกมีหน้าที่ล้างเท้าเทวดาอยู่เชิงบันไดเขาไกรลาส แต่ถูกเหล่าเทวดาแกล้งถอนผมเล่นจนหัวล้าน นนทกจึงไปขอพรพระอิศวรให้ตนมีนิ้วเพชร ชี้ไปที่ผู้ใดผู้นั้นต้องตาย ครั้นได้พรมาแล้วนนทกก็อาละวาดเที่ยวไล่ชี้เทวดาตายเกลื่อน ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องแปลงองค์เป็นนางฟ้ามายั่วให้นนทกร่ายรำตาม จนนนทกเผลอเอานิ้วเพชรจิ้มตัวเองตาย ก่อนตายนนทกได้เห็นพระนารายณ์คืนร่างมีสี่กร จึงเย้ยหยันว่ามีถึงสี่กรจึงมารังแกได้ พระนารายณ์จึงบัญชาให้นนทกไปเกิดใหม่โดยมีสิบเศียร ยี่สิบกร และพระองค์จะเป็นมนุษย์สองกรตามไปพิฆาตให้จงได้
ด้วยเหตุนี้นนทกจึงไปเกิดเป็นทศกัณฐ์ และพระนารายณ์ก็อวตารลงมาเป็นพระราม โดยพระลักษมี ชายาของพระนารายณ์ก็อวตารตามลงมาเป็นนางสีดาคู่ครองของพระราม บ่อยครั้งที่รูปราวัณของอินเดียมีเพียงเก้าศีรษะ เพราะราวัณนับถือพระศิวะ และถวายศีรษะหนึ่งให้พระศิวะไป.