ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

"ดาบมังกรหยก 2019" ซับไทย ตอนที่ 1 - 50

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้




ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: "ดาบมังกรหยก 2019" ซับไทย ตอนที่ 1 - 50
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: เมษายน 21, 2019, 07:34:17 PM »
รับจากแบกทั่วราชอาณาจักร โดยบริษัทกีกี้จำกัด



บอกี้ หีบศพ รับฝังศพทั่วราชอาณาจักร... ตายไม่ตาย กี้ไม่สน ฝั่งโลด ชำนาญงานตั้งแต่เด็ก โปรโมชั่น แถมป้ายฟรีทุกหลุม



ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: "ดาบมังกรหยก 2019" ซับไทย ตอนที่ 1 - 50
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: เมษายน 21, 2019, 07:42:10 PM »
ราชสีห์ขนทอง ดูดีสุดก็ 2019 นี่แหละ 555


ข้อสันนิษฐานที่ตูยี้ไม่ได้บ้าตั้งแต่แรก หลังกลับจากเกาะงูศักดิ์​สิทธิ์​จุดสังเกต
1. นางสามารถตามอู๋จี้ มาถึงบู๊ตึง จากเกาะงูศักดิ์สิทธิ์
2. นางแกล้งโยนแหวนให้กระทบพื้น เพื่อให้หมิ่นหมิ่น ระลึกได้ ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนร้าย
3. ฉากสุดท้ายนางร้องไห้ มองตามอู๋จี้และหมิ่นหมิ่นที่เดินออกไป และมองดูขนม สีหน้ายอมรับ ว่าควรปล่อยอู๋จีไปกับคนที่พระเอกรักจริงๆ เลยแกล้งบ้าต่อไป

บางท่านดูอาจจะคิดว่าความจำนางกลับมาตอนหัวโขก แต่เราว่าไม่น่าจะใช่ แต่ตอนหัวโขก ทำให้ไปกระตุ้นความรู้สึกที่พ่อเคยทำร้ายนาง และทำร้่ายแม่ของนางอีกครั้งนางเลยโมโห วิ่งออกไป
และบางท่านอาจจะมีข้อโต้ว่า ถ้าไม่ได้ย้าตั้งแต่แรก น่าจะเปิดโปงไปเลยว่า จื่อรั่วเป็นคนแทงนาง แต่เรากลับมองว่า มันแปลกมากที่คนบ้าจะออกจากเกาะงูศักดิ์ แล้วตรงดิ่งมาที่บู๊ตึง ได้แบบนั้น และสันนิษฐานได้ว่าเหตุผลที่นางแกล้งบ้าตั้งแต่แรก นางรับรู้ว่า พระเอกชอบจื่อรั่ว ค่ะ สังเกตตอนที่นางขอร้องให้จื่อรั่วบอกมิกจ้อ ให้ไว้ชีวิตบ่อกี้ ตอนอยู่ที่ดอยโชติช่วง นางบอกชัดเจนว่าบ่อกี้ชอบจื่อรั่ว แต่ที่เกาะงูนางป่วยและเพ้อไข้ตลอด ไม่ได้สติ นางเลยยังไม่รู้ว่า บ่อกี้รักมินมิน นางเลย ไม่แฉ จื่อรั่ว แต่อยากกลับมาเพื่อเจอหน้าบ่อกี้ นางคงซาบซึ้งใจมากกับป้ายหลุมศพที่บ่อกี้ทำให้ และนางก็ได้รู้ว่าอาหนิว คือ เตียบ่อกี้คนใจร้ายอายุสั้นคนนั้น และก็ไดรับรู้ว่าจริงๆ แล้ว บ่อกี้รักมินมิน ไม่ใช่จื่อรั่ว






ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: "ดาบมังกรหยก 2019" ซับไทย ตอนที่ 1 - 50
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: เมษายน 21, 2019, 07:48:44 PM »
โด่งดังตามคาด ทั้งน้องเจิงซุนซี น้องเฉินอี้ฉวี



รวม comment ตอนจบ จากเพจซับนอนดูดาว

นานะจัง ชลปุษบา : น่าประทับใจสุดๆ กับตอนจบ ดาบมังกรหยก 2019 ชอบที่สุดคือฉากฟันบัลลังก์​มังกร
ซึ่งเป็นการอุดรอยรั่วทางประวัติศาสตร์ได้ดีเยี่ยม ตรงใส่จางอู๋จี ที่มีทั้งคุณธรรมเปี่ยมล้น และเยี่ยมยุทธ และเป็นส่วนที่ส่งให้จูหยวนจางซึ่งเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาได้เป็น ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์​หมิง ได้สำเร็จ น้องซี เล่นฉากนี้ได้มีมนต์ขลังเหลือเกิน
ดาบมังกรหยก 2019 ทำให้เรากลับมาดูหนังจีนกำลังภายในอีกครั้ง ในรอบ 16 ปี ซึ่งหนังจีนกำลังภายในเรื่องสุดท้ายที่ตามดู คือ มังกรคู่สู้สิบทิศ แต่ของท่านกิมย้ง เราดู แปดเทพอสูรหลินจื้ออิง หลิวอี้เฟย แล้วก็ไม่ได้ดูเรื่องไหนอีกเลย จนมาดูดาบมังกรหยก 2019 และเหตุผล ที่ดูเพราะ
1. พระเอกเรื่องนี้หล่อ และจื่อรั่วสวยถูกใจมาก
2.โจวไห่เม่ยกลับมาเล่นเรื่องนี้อีกครั้งและขยับฐานะเป็นเจ้าสำนัก
3.การแต่งกายดูเป็นหนังจีนกำลังภายในที่ได้กลิ่นอายยุค 90
4.ใช้เพลงประกอบของ 1994
เลยตัดสินใจดูเรื่องนี้
สำหรับเวอร์ชันนี้ คงอยู่ในใจเราตลอดกาล คงต้องอำลายุทธภพ ไปพร้อมจางอู๋จี้ แล้ว... มีความสุขมากกับการดูเรื่องนี้มาตลอด 2 เดือน...ขอคาระวะ ทุกท่านหมดจอก

Nitinai Palanitisena  :

ขอบคุณเฮียนอนและทีมงานมากครับสำหรับตอนจบ และขอบคุณที่มาราธอนแปลมาโดยตลอด 50 ตอน ไม่เคยขาดแม่แต่วันเดียว แปลจนไล่ทันออนแอร์

ผมมาเม้นยาวๆ ตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อวานครับ
เนื่องจากโดยนิสัยผมเป็นคนเปิดใจ อ่านดาบมังกรหยกมาทั้งนิยาย การ์ตูน และดูซีรี่ส์มาเกือบทุกเวอร์ชั่น ทุกครั้งผมก็จะสนุกกับการลุ้นว่าเวอร์ชั่นนี้จะทำมาในรูปแบบใด มีจุดที่ผมชอบตรงไหน ... ซึ่งโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ และการไม่สมบูรณ์แบบ คือ เสน่ห์ของการมีชีวิตบนโลกนี้ครับ เราจะมองโลกในมุมที่มันสนุกมาก .... ผมจะเม้นในสองมุมมองนะครับ คือ ฐานะคนดู และ มโนแทนฐานะผู้สร้างและผู้กำกับ (มโนแบบที่ผมไม่มีความรู้อะไรเลย เกี่ยวกับการถ่ายทำซีรี่ส์จีนกำลังภายใน นะครับ)

มุมมองของคนดู ... ผมเชื่อว่า ถ้าไม่เคยอ่าน หรือ ดูเวอร์ชั่นอื่นมาก่อน คนกลุ่มนี้ต้องประทับใจเวอร์ชั่นนี้แน่นอนครับ (เพราะไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ) ส่วนคนที่เคยดูๆ และงงๆ เนื้อเรื่องหลังจากเกาะงูศักดิ์สิทธิ์ ผมจะไปมโนวิเคราะห์ในมุมผู้กำกับในย่อหน้าสุดท้ายนะครับ

จุดเด่น ที่ผมชอบในเวอร์ชั่นนี้มีหลายข้อทีเดียวครับ
1.    การตลาดก่อนฉายดีมาก ยิงตัวอย่างมาแบบว่ากราบคนสร้างเลยทีเดียว นี่แหละแฟนพันธุ์แท้กิมย้ง ทั้งฉากต่อสู้ และการแคสนักแสดง

2.   ฉากการต่อสู้แบบสโลโมชั่น มีคนชอบและคนไม่ชอบ แต่ผมชอบมาก ทำให้ได้เห็นรายละเอียดและอารมณ์ของนักแสดง

3.   คนเขียนบทโทรทัศน์ ... คนเขียนบทเก่งมากครับ (ผมจะอธิบายรายละเอียด ย่อหน้าสุดท้าย)

4.   ดาราที่มาแสดง .... สมเป็นเครื่องหมายการค้า ที่ผู้สร้างเดียวกับมังกรหยก 2017 คือ หน้าตาดีมากกกกกกตั้งแต่ตัวเอกยันตัวประกอบ โดยเฉพาะสาวๆ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมจีนตอนนี้คนหน้าตาดีเยอะมากๆๆๆ แล้วจริง ถึงขนาดที่ดาบมังกรหยกว่าตัวละครเยอะแล้ว แต่ก็ยังไม่มีที่ลงให้กับคนหน้าตาดีมากๆ หลายคน ... (สังเกต สาวสวยที่ถือกระบี่เป็นตัวประกอบสำนักง้อไบ๊ สวยขนาดนี้มาเป็นตัวประกอบ)  ยิ่ง เตียเมี่ยง, จิวจี้เยียก, เสี่ยวเจียว, ฮึงลี้ นี่แฟนคลับมากมายจริงๆ

5.   การตีความบทให้ดราม่า แบบขยี้ๆๆๆๆๆ ผมเชื่อว่าหลายคนประทับใจฉากซึ้ง หลายฉากมากๆ ในเวอร์ชั่นนี้ ทั้งในแบบคู่รัก พ่อแม่ลูก พ่อลูก สหายต่างวัย ศิษย์อาจารย์ มีความเป็นซี่รี่ส์เกาหลีมากขึ้น 5555

6.   ขอพูดซ้ำอีกหลายรอบ .... ความสวยและสเน่ห์ของนางเอกเรา เฉินอวี้ฉี อันนี้ คือ เพชรเม็ดงามมากครับ น้องแสดงให้เห็นว่า ถ้าความสวยที่เท่าๆ กัน แล้วผู้หญิงที่มีสเน่ห์เป็นอย่างไร  ร้ายแต่ไว้ใจได้ สวยแต่ติดดินได้ หลายคนอาจแย้งผมว่า สเน่ห์ของน้องอาจมาจากบทเตียเมี่ยงที่ส่งมากๆ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าคนอื่นมาเล่น ก็อาจจะไม่ขนาดนี้นะครับ หรือ อาจจะแตกต่างไปอีกมุมนึง ... รอดูว่า เฉินอวี้ฉี จะกลายเป็น หยางมี่ หรือ หลิวอี้เฟย คนถัดๆไป ในวงการหรือไม่ ผมว่าไม่เกิน 5 ปี เห็นผลชัดเจน

มุมมองผู้กำกับ อ่านในความเห็นถัดไปนะครับ ที่ไม่พอพิมพ์ 555


มาในมุมมองมโนแทนของผู้สร้าง, ผู้กำกับ, คนเชียนบท ให้ติ๊ต่างว่าทั้งสามคือคนเดียวกันนะครับ จะได้เข้าใจได้ง่ายๆ
คุณเข้าพบนายทุน แล้วได้โจทย์มาว่า ในฐานะที่คุณสร้างชื่อเสียงมาจากมังกรหยก 2017 และ คุณคือแฟนพันธุ์แท้ที่เคารพในบทประพันธ์ของกิมย้ง
1.   ต้องสร้างให้เวอร์ชั่นนี้ ดังเปรี้ยงปร้างแบบที่ไม่แพ้ เวอร์ชั่นก่อนๆ เราคงไม่ห่วงเรื่องสเปเชียลเอฟเฟค เพราะ ปี 2019 เทคโนโลยี ย่อมเหนือกว่าปีก่อนๆ อยู่แล้ว
2.   คุณจะต้องคิดฉากจบ ที่ไม่เหมือนเวอร์ชั่นก่อนๆ และต้องยังเคารพกิมย้ง และต้องให้คนดูด่าน้อยที่สุด ... ตรงกันข้าม ต้องได้คำชมจากคนดูเยอะๆ
3.   คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงบทบ้าง เพื่อให้มีมุมมองใหม่ๆ ที่ขายได้ เช่น ความรักหนุ่มสาว การสื่อถึงการรักชาติรักแผ่นดิน โดยที่ไม่ขัดกับนโยบายของรัฐบาลจีน
4.   คุณต้องทำไว้ประมาณ 52-55 ตอน แล้วนายทุนกับสถานีจะแจ้งอีกทีว่าฉายได้จริงๆ กี่ตอน
5.   คุณจะต้องปรับบท เพื่อส่งเสริมนักแสดงจากเครือข่ายพันธมิตรทั้งหมดที่ให้การสนับสนุนเรา ... ซึ่งที่ผมเดา ได้แก่ นักแสดงที่รับบทตัวละครต่อไปนี้ ...
a.   เตียบ่อกี้ พระเอกเราไม่ต้องอธิบายมากความ เห็นๆ กันอยู่
b.   เตียเมี่ยง ต้องทำให้นางดังพลุแตกจากเรื่องนี้ให้ได้
c.   จิวจี้เยียก เด็กปั้นของหยางมี่ (หมายเหตุ ... ผู้ปั้นจิวจี้เยียกกับผู้ปั้นเตียเมี่ยง เดาว่าน่าจะสนิทกันนะครับ)
d.   เอี้ยเซียว บทนี่แย่งซีนพระเอกมาก เท่ทุกช็อต ไม่มีข้อเสียอะไรเลย 555
e.   เสี่ยวเจียว น่าจะเป็นพันธมิตร อะไรสักอย่างจากเกาะฮ่องกง (ผมเดา) เพราะนางเป็นคนฮ่องกง
f.   จิวเตียน ... ฮาสุดๆ
g.   ศิษย์คนสวยง้อไบ๊ที่ถือกระบี่ เดาว่าน่าจะปั้นให้เป็นตัวรองๆ ขึ้นไปในเรื่องถัดๆไป
พอได้โจทย์มาแล้วก็เอาทุนไปสร้าง ผู้กำกับสร้างสรรค์ฉากที่เป็น Signature ต่างๆ ใส่ไปจนครบ เช่น ฉากหกสำนักใหญ่, วัดบ้วนอัน, ฯลฯ แต่ละฉากอลังการจริงๆ พอมาใส่ไว้ในตัวอย่างแล้วน่าดูมากๆ พอดูจริงก็ไม่ผิดหวัง
พอถ่ายทำเสร็จ ปรากฏว่า มีสิทธิ์ฉายได้แค่ 50 ตอน ต้องมาตัดต่อใหม่อีก ... และต้องปรับบทบางบทเพื่อไม่ให้คนดูงงกับความสั้นลง บางฉากต้องถ่ายทำใหม่ ซึ่ง ตัวละครแม่เหล็กอย่างเอี้ยเซียวเข้าฉากไม่ได้ คิวน่าจะแน่น 555
ในขณะที่ทรัพยากรจำกัด ... เราต้องทำให้จบให้ได้ แม้บางจุดจะงงๆ และ ดูเหมือนทุนหมดไปบ้าง ทำไปแก้บทไป พยายามปิดจุดอ่อนกิมย้งให้ได้ หาเหตุผลใหม่ๆ มารองรับ โดยที่ไม่ทิ้งความดราม่า
เป็นไงครับ แค่ผมมโน นี่ก็เหนื่อยแทนทีมผู้สร้างละ ... เลยเข้าใจว่าที่ทำออกมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีที่สุดมากๆแล้ว ที่ผมคิดว่า เวอร์ชั่นถัดๆ ไปก็น่าจะหนักใจนะครับ
ยังไงผมก็ยกให้เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชั่นที่ขึ้นหิ้งครับ ชอบมากๆๆๆ
สรุปจบ ด้วยตัวละครเตียบ่อกี้ ละกันคับ
ชีวิตคนเราก็เหมือนเตียบ่อกี้ครับ ก่อนที่เราจะยิ่งใหญ่ เราต้องผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรต่างๆ มากมาย ท้อแท้สุดๆ จนเกือบตายไปแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายด้วยคุณงามความดี ความจริงใจ และความพยายามของเรา ... ทำให้เราผ่านวิกฤติต่างๆ และกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ ... ขอให้ทุกคนเอาซี่รี่ส์ดาบมังกรหยกเวอร์ชั่น 2019 นี้ เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตนะครับ ถ้าเป็นผู้ชายขออวยพรให้ภรรยาสวยๆ เหมือนเตียเมี่ยง (หรือใครก็ดี หลับตาหยิบเอา สวยทุกคน 555) ถ้าเป็นผู้หญิงก็ขออวยพรให้ให้ได้หนุ่มแบบเอี้ยเซียวมาเป็นสามีนะครับ ไม่ต้องเป็น ^^

Gawin Goft ขอบคุณเฮียนอนมากๆๆครับ เรื่องดาบมังกรหยกเป็นเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดในบรรดาซีรีย์มังกรหยกเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เวอร์ชั่นนี้ดัดแปลงไปมากเหมือนกันแต่ผมกลับชอบนะ บทสรุปส่งท้ายผมว่าดีมากๆเลย ตัวเอกของเรื่องเหมือนได้รับผลที่สมควรกับสิ่งที่ตัวเองทำ
@เจียซุ่น ฆ่าคนบริสุทธิ์มามาก เพราะแค้นอี้จิ่ง ก็ต้องตาบอด แม้กลับตัวได้ ก็ต้องตาย
@เอี้ยเซียวฑูตซ้าย แย่งคนรักอาหก สุดท้ายต้องเสียลูกสาวให้อาหก
@แชจือ เดินทางผิดเพราะผู้หญิงถึงขั้นฆ่าอาเจ็ด สุดท้ายกลับใจได้ ก็ต้องตาย
@โจวจื่อโร่ว จิตใจดี แต่ขโมยดาบฆ่ามังกร แม้ทำตามคำสั่งอาจารย์ แต่การที่ฆ่าตูยี้ และหวังฆ่ามินมินนี้เป็นการทำเพื่อตัวเอง เพื่อให้ได้เตียบ่อกี้ สุดท้ายโดนเตียบ่อกี้ทิ้งกลางงานแต่งจริงๆ แต่โชคดีที่กลับใจได้เพราะพื้นฐานเดิมเป็นคนจิตใจดี
@ มินมิน เจ้าเล่ห์ จอมวางแผนทำร้าย หวังทำร้ายเตียบ่อกี้ เม้งก่าและหกสำนัก แต่ตัวเองกลับหลงรักเตียบ่อกี้ซะเอง ทำให้ต้องสูญเสียทุกอย่างและเกือบเอาชีวิตไม่รอด กว่าจะได้ใจบ่อกี้ก็เกือยตายหลายครั้ง. แต่ถึงกระนั้นญาติฝ่ายสามีก็รังเกียจไม่ยอมรับและความรักก็ยังมีอุปสรรคอยู่เรื่อยๆ จนตัวเองทนไม่ไหวต้องหนีจากชายที่ตัวเองรักมากที่สุด
@เตียบ่อกี้ มีจิตใจดีเกินไปมั้ย รักษาน้ำใจสาวๆไปทั่ว จนทำให้ชีวิตรักตัวเองต้องวุ่นวาย และคอยผลักไสมินมินมาโดยตลอด จนเกือบไปแต่งงานกับสาวอื่นทำให้ว่าที่เมียอย่างมินมินช้ำใจ สุดท้ายต้องร้องไห้โฮๆๆ เพราะโดนเมียเทถึง2ครั้ง2ครา ต้องลำบากไปตามหาเมียตั้งนานจะได้เจอ 555 สมแล้ว
ชอบตอนจบที่บ่อกี้ทิ้งทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับมินมิน มันโรแมนติกมากๆๆ
สรุปชอบเวอร์ชั่นนี้ครับ นักแสดงดี หล่อ สวย เพลงเพราะ บทโอเค เสื้อผ้าดีงาม
สุดท้ายขอบคุณเฮียอีกครั้งนะครับ และคงคิดถึงเพื่อนทุกคนๆๆมากเลย รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เข้ามาในเพจนี้


ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: "ดาบมังกรหยก 2019" ซับไทย ตอนที่ 1 - 50
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: เมษายน 21, 2019, 07:54:02 PM »
จูหยวนจางพิฆาตเม้งก่า

เมื่อบทความที่แล้วขียนถึง นิกายมณี(แมนนี) หรือเม้งก่า เกี่ยวกับขนมไหว้พระจันทร์และประเพณีการกินเจที่ฝังอยู่ในรากลึกของคนจีน จนกลายเป็นเทศกาลที่นิยมไปทั่วโลกสำหรับ คนไทยเชื้อสายจีน

เมื่อพูดถึงเม้งก่าทั้งในประวัติศาสตร์และในนวนิยายกำลังภายใน ล้วนมิอาจละเลย จักรพรรดิหมิงไท่จู่ หรือ จูหยวนจาง

จักรพรรดิหมิงไท่จู่ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง นับได้ว่าเป็นฮ่องเต้องค์ที่ 2 ต่อจากฮ่องเต้ฮั่นโกโจ แห่งราชวงศ์ฮั่น(ที่ไต่เต้าจากการเป็นสามัญชนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดของจีน แต่เดิม พระองค์ทรงมีชื่อแซ่เดิมว่า “จู” ชื่อว่า ฉงปา(จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็นจงซิง หลังจากเข้าร่วมขบวนการกบฏชาวนาช่วงปลายยุคราชวงศ์หยวน ก็เปลี่ยนชื่อเป็นเต๋ออวี้ และหยวนจางตามลำดับ พระองค์ทรงถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในอำเภอเฟิ่งหยาง มณฑลอานฮุย

ในวัยเยาว์ จูฉงปา มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น เนื่องจากภัยแล้งที่เกิดขึ้นติดต่อกันยาวนานหลายปี ต่อมา บิดามารดาและพี่ชายคนโตก็เสียชีวิตลง ทำให้ จูฉงปา เริ่มชีวิตเร่ร่อนด้วยการไปบวชเณรที่วัดหวงเจวี๋ยซื่อ แต่ด้วยภัยแล้งที่ติดต่อกันยาวนาน วัดเองก็ประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร จนทำให้เณรจูฉงปาต้องออกธุดงค์ไปตามมณฑลต่างๆ ในระยะเวลาช่วงที่ออกธุดงค์นี้เอง ที่หล่อหลอมเณรน้อยจูฉงปา ให้เห็นความลำบากยากแค้นของเหล่าประชาชน ทั้งยังถูกกดขี่โดยขุนนางราชวงศ์หยวน(มองโกล) 3 ปีให้หลัง เณรน้อยจูฉงปา กลับมายัง วัดหวงเจวี๋ยซื่อ ครานี้เณรน้อยจูฉงปาเริ่มคบค้าสมาคมสหายจำนวนมากขึ้น ในใจหวังก่อการใหญ่ เปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของประชาชน

หลังจากนั้น จูฉงปาก็บวชเป็นพระได้อีก 4 ปี ก็ลาสิกขาบทเพื่อเข้าร่วมกลุ่มกบฏชาวนา สาบานตนว่า “หากวันใดได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุด ภารกิจแรกที่จะดำเนินการคือปราบปรามเหล่าขุนนางคอรัปชั่น”

จูฉงปาเลือกเข้าร่วมกลุ่มกบฏชาวนาที่มีกัวจื่อซิ เป็นผู้นำ ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นจูหยวนจางและเนื่องจากความกล้าหาญชาญชัยและความเก่งกาจด้านการศึกของเขาโดดเด่น จึงให้จูหยวนจางได้รับการเลื่อนตำแหน่งภายในเวลาอันรวดเร็ว ผลงานด้านการรบของเขาเป็นที่น่าพอใจจนกัวจื่อซิงถึงกับยกหม่าซิ่วเซียงธิดาบุญธรรมให้เป็นภรรยา แต่แล้ว กัวจื่อซิงและบุตรชายก็เกิดความระแวงในตัวจูหยวนจาง เขาจึงตัดสินใจพาภรรยากลับไปอยู่ที่บ้านเกิด และชักชวนสมัครพรรคพวกจัดตั้งเป็นกองกำลังที่เพิ่มจำนวนคนจากเจ็ดร้อยมาเป็นสองหมื่นคนภายในเวลา 2 ปี และค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเรือนแสนในเวลาต่อมา

จูหยวนจาง มีแม่ทัพคนสำคัญคือ เซี้ยง่อชุน ในนิยายเรื่อง ดาบมังกรหยก ท่านกิมย้งได้แต่งให้ จูหยวนจาง และเซี่ยง่อชุน เป็นคนในนิกายเม้งก่า โดยที่พระเอก เตียบ่อกี้ ในวัยเด็กได้รู้จักกับเซี้ยง่อชุน ที่ได้ช่วยชีวิต จิวจี้เยียก เอาไว้ เซี้ยง่อชุนได้พาเตียบ่อกี้ไปรักษาตัวกับหมอเทวดาโอ้วแชงู้ จนทำให้เตียบ่อกี้มีวิชาการแพทย์ติดตัว ภายหลังเตียบ่อกี้ได้เป็นประมุขเม้งก่า ได้มอบตำราพิชัยสงครามของงักฮุยให้แก่จูหยวนจางเพื่อใช้ในการสู้รับกับมองโกล ต่อมาจูหยวนจางทรยศฆ่าคนในเม้งก่าตายหมด และขับไล่มองโกลไปได้สำเร็จ ตั้งราชวงศ์หมิงขึ้นมา ตัวละครอีกตัวที่เป็นตัวร้ายทั้งในนิยายและประวัติศาสตร์ คือ ตั้งอิ้วเหลียง ตั้งอิ้วเหลียงเป็นหัวหน้ากลุ่มกบฎอีกกลุ่มที่ลุกขึ้นต่อต้านมองโกลเช่นกัน และเป็นศัตรูกับจูหยวนจาง ต่อมาถูกจูหยวนจางพิชิตได้ ส่วนในนิยาย ตั้งอิ้วเหลียงเป็นศิษย์พรรคกระยาจก และเป็นศิษย์ของเซ่งคุน ตัวร้ายในเรื่อง ตอนจบถูกจับได้พร้อมกับเซ่งคุน

ส่วนเรื่องที่จูหยวนจางนั้นเป็นคนจากนิกายเม้งก่าตามนวนิยาย ดาบมังกรหยก มีนักประวัติศาสตร์หลายท่านมองว่า จูหยวนจางเป็นพระมาก่อน น่าจะบวชในนิกายจิ้งถู่ (นิกายสุขาวดี) ซึ่งบูชาพระอมิตาภพุทธ และมีการตามประทีปถวายพระพุทธเจ้าแห่งแแสงสว่าง หรือไม่ก็เป็นนิกายไป๋เหลียน ( นิกายบัวขาว บูชาพระเมตไตรย) ทำให้เข้าใจผิดว่า จูหยวนจางเป็นสาวกนิกายเม้งก่า

แต่ใน กลุ่มกบฏโพกผ้าแดง(红巾军)ของหานซานถง ที่จูหยวนจางเป็นแม่ทัพอยู่ในตอนนั้น มีการนับถือ "พระเมตไตรย" หรือ หมิงหวาง และบูชาคัมภีร์มหาอนุโรจนราชาโลกสมภพ ซึ่งเป็นของนิกายเม้งก่า และหานซานถงก็ตั้งตัวเองเป็น หมิงหวาง (โรจนราชัน) เมื่อตายไป ลูกชาย คือ หานหลินเอ๋อร์ ก็เป็นหมิงหวางแทน แต่ลือกันว่าถูกจูหยวนจางจับถ่วงน้ำ จูหยวนจางก็ตั้งตนเองเป็นผู้นำของ กลุ่มกบฏโพกผ้าแดง

ท่านกิมย้งหยิบยกในส่วนนี้มาขยายเรื่องของจูหยวนจางกับนิกายเม้งก่า ตามเนื้อหาของดาบมังกรหยก

ในเวลานั้น ราชสำนักหยวนกำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ ขุนนางเอาแต่ตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว ประกอบกับจักรพรรดิซุ่นตี้(ทรงหูเบาเชื่อคำแนะนำของลามะชั้นผู้ใหญ่ ไม่สนใจราชกิจ กองทัพก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ เมื่อต้องรับศึกกับกองทัพที่เกรียงไกรซึ่งนำโดยขุนศึกเจนสนามรบอย่างจูหยวนจาง ก็ต้องพบกับความปราชัย จักรพรรดิซุ่นตี้ทรงพาพระญาติและชาวมองโกลจำนวนหนึ่งหนีออกนอกด่านไปอยู่ที่เมืองซ่างตู

เดือน 8 ปี ค .ศ. 1367 กลุ่มกบฏโพกผ้าแดง ภายใต้การนำของจูหยวนจางก็สามารถเข้ายึดครองเมืองต้าตูเป็นผลสำเร็จ ปิดฉากการปกครองประเทศโดยชนเผ่ามองโกล(ราชวงศ์หยวน) ที่กินระยะเวลายาวนานถึง 91 ปี

หลังจากโค่นล้มราชวงศ์หยวนเป็นผลสำเร็จ จูหยวนจางก็สถาปนาราชวงศ์หมิงตาม นิกายเดิมของตน คือ "หมิงเจี้ยว" และตั้งตนเป็นฮ่องเต้ที่เมืองอิ้งเทียน(นานกิงในปัจจุบัน) ประกาศใช้ศักราชหงอู่ หลังจากครองราชย์ ทรงประหารขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนที่สงสัยว่าเป็นปรปักษ์ต่อพระองค์มากถึงห้าหมื่นคน โดยเฉพาะช่วงปลายรัชกาลหลังจากที่สถาปนาองค์ชายจูอวิ่นเหวิน พระราชนัดดาขึ้นเป็นรัชทายาทแทนองค์ชายจูเปียวพระบิดาที่สิ้นพระชนม์ไปก่อน แม่ทัพหลายคนต้องถูกประหารเนื่องจากเกรงจะเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ ไม่เว้นแม้แต่แม่ทัพผู้เคยออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระองค์

ในส่วนนี้เองทำให้จูหยวนจางแม้จะเป็นปฐมกษัตริย์ที่ปราบมองโกล ทำให้ประชาชนอยู่ดีอย่างไรก็ตาม ก็ยังถูกตรงหน้าว่าเป็นทรราชย์ เนื่องเพราะพระองค์ไม่ประสงค์ให้มีกองกำลังใดในแผ่นดิน ที่อยู่เหนือกว่าพระราชอำนาจของพระองค์ ซึ่งจะยังผลต่อความการต่อสู้แย่งชิง แผ่นดินแตกแยกประชาชนต้องเดือดร้อน หรือด้วยความต้องการครอบครองอำนาจไว้เพียงผู้เดียว

ตลอดระยะเวลา 31 ปีที่ปกครองประเทศ พระองค์ทรงพยายามลดความขัดแย้งในหมู่ชนต่างเผ่า ดำเนินนโยบายปฏิรูปทางการเมือง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคการผลิต ขณะเดียวกัน ก็เรียนรู้ข้อดีข้อด้อยของระบบกฎหมายที่ใช้ในยุคราชวงศ์หยวน เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพบ้านเมืองในยุคราชวงศ์หมิง ทรงเล็งเห็นถึงเหตุแห่งการล่มสลายของราชวงศ์หยวนที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ การขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้น หลังจากขึ้นครองราชย์ จึงทรงให้ความสำคัญกับงานด้านการศึกษาเพื่อให้ความรู้แก่ราษฎรอย่างทั่วถึงโดยจัดตั้งโรงเรียนตามหมู่บ้านต่างๆ

พระจริยวัตรที่น่ายกย่องมีด้วยกันหลายประการ เช่น การตั้งอยู่บนความมัธยัสถ์ ดังเห็นได้จากพระราชวังที่ควรได้รับการบูรณะอย่างวิจิตรตระการตาหลังการสถาปนาราชวงศ์ แต่กลับมีรับสั่งให้ก่อสร้างอย่างเรียบง่าย เน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก และยังมีรับสั่งให้จิตรกรวาดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หลายต่อหลายเรื่อง ไว้เตือนพระสติไม่ให้บริหารบ้านเมืองผิดพลาดตามที่เคยปรากฏให้เห็นในอดีต ว่ากันตามราชประเพณีแล้ว ยานพาหนะและเครื่องราชกกุธภัณฑ์ส่วนพระองค์ล้วนทำด้วยทองคำ ทว่า ทรงมีรับสั่งให้ใช้ทองแดงที่มีราคาถูกกว่าแทน แม้จะมีการทัดทานจากฝ่ายดูแลของหลวง แต่ทรงยืนกรานและชี้แจ้งว่า ไม่ได้ทรงเสียดายกับทองคำเพียงเล็กน้อย พระประสงค์หลักอยู่ที่การส่งเสริมให้ทุกคนเกิดจิตสำนึกในเรื่องความมัธยัสถ์ โดยมีพระองค์ในฐานะผู้นำสูงสุดทรงเป็นแบบอย่างให้แก่อาณาประชาราษฎร์

ในนวนิยายกำลังภายใน จูหยวนจาง มีบทบาทอยู่ในดาบมังกรหยกของท่านกิมย้ง และ เทพมารสะท้านภพของอาจารย์หวงอี้ แต่ทั้งสองเรื่อง จะสะท้อนหลายสิ่งที่เหมือนกัน คือ ความโหดเหี้ยมเด็ดขาดในการตัดสินใจของจูหยวนจาง ทำให้อดคิดถึงคำของดาบสวรรค์ที่กล่าวกับ หลี่ซือหมิ่น ในมังกรคู่สู้สิบทิศมิได้ว่า “หากคิดช่วงชิงแผ่นดินไม่อาจถือหลักเมตตากรุณา แต่การปกครองแผ่นดินต้องคำนึงถึงหลักเมตตาธรรม”

เรียบเรียงข้อมูลจาก
http://www.xn----8wf9bh1bagfb0cd0a9a0efh5ap.com/
http://www.gypzyworld.com/article/view/820

creit เพจกระบี่เดียวดาย