ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

รามสูรกับเทพวายุ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กันยายน 07, 2007, 09:31:23 AM »
ขอบคุณบุษบงกชมากนะคะที่ติดตามเราก็ไปอ่านนิยายของคุณที่บอร์ดเด็กดีเหมือนกันและขอบคุณน้องๆบอยคลับที่อ่านทุกท่านสามารถวิจารณ์ได้นะคะ
พี่พึ่งแต่งนิยายจริงๆจังๆเรื่องแรก :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 07, 2007, 09:31:58 AM โดย bobenz »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กันยายน 07, 2007, 10:33:15 AM »
ตอนที่8  แก้วนาคาพระธิดาพญานาค

ในมหาสมุทรที่ลึกเกินกว่าใครจะประมาณได้มีนครบาดาลมีนครบาดาลที่ปกครองโดยพญานาคราชนามท้าวเกร็ดมรกตมีมเหสีชื่อสมุทรธารามีพระธิดาน้อยชรรษาราว7ปีมีนิสัยซุกซนแก่นแก้วเอาแต่ใจตัวเองนามแก้วนาคาอยู่กับนางกำนัลคนสนิทคือนางมัจฉาพระธิดามักจะหนีออกจากนครบาดาลไปเที่ยวเล่นตามคุ้มน้ำต่างๆวันนี้ก็เช่นกันพระธิดาตัวดีคราวนี้จะหนีออกไปเที่ยวเล่นบนบกบ้างล่ะ
แก้วนาคา  "พี่มัจฉาฉันจะไปเที่ยวบนพื้นพิภพบ้างถ้าพี่ไม่ไปก็อยู่นี่ล่ะกัน"
นางมัจฉา  "จะดีหรอเพคะลำพังในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ก็อันตรายมากพออยู่แล้วบนพื้นพิภพน่าจะมากกว่าหลายเท่านัก"
แก้วนาคา  "ถ้าพี่ปอดแหกแบบนี้ก็เฝ้าตำหนักฉันให้ดีละกันฉันไปล่ะ"
นางมัจฉา  "พระธิดาเพคะรอหม่อมฉันด้วยเพคะ"
สองนายบ่าวรอทหารนาคที่เฝ้ายามเผลอแอบหนีออกจากวังบาดาลเช่นทุกครั้งเมื่อพ้นอาณาเขตวังก็ว่ายน้ำมุ่งสู่ผิวน้ำทันทีว่ายกันอยู่พักใหญ่ก็มาถึงชายหาดพระธิดาแก้วนาคากับพี่เลี้ยงก็กลายร่างเป็นมนุษย์พร้อมขึ้นมาเดินเล่นสำรวจพื้นดินแถวบริเวณนั้นลมพัดเย็นสบายทั้งสองชั่งสำราญใจเหลือเกิน
แก้วนาคา  "พี่มัจฉาบนบกนี่งามจริงๆเนอะฉันชักจะติดใจแล้วซิ"
นางมัจฉา  "อย่าได้คิดที่จะมาบ่อยๆนะเพคะเสด็จพ่อรู้เข้าเอาหม่อมฉันตายแน่"
ขณะนั้นพันสายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า
แก้วนาคา  "พี่มัจฉานั่นตัวอะไรน่ะ"
นางมัจฉา  "ยักษ์เพคะ ยักษ์เรากลับเถอะเดี๋ยวมันตื่นขึ้นมาจะทำอันตรายเรา"
แก้วนาคา  "ฉันไม่กลัวมันหรอกมันก็ตัวเด็กเหมือนเรานั่นแหละ"
เวลานั้นรามสูรและเจ้าวานรก็งัวเงียลืมตาขึ้นมาและอดตกใจไม่ได้ที่มีคนจ้องมองอยู่
นางมัจฉา  "มันตื่นแล้วเพคะอย่าทำอะไรนะนี่พระธิดานาคราชเกร็ดมรกตนะ"
รามสูร  "พญานาคหรอ?ไม่ต้องกลัวเราไม่ทำอะไรใครก่อนอยู่แล้ว"
แก้วนาคา  "ถึงฉันจะเด็กแต่ก็มีฤทธิ์นะแล้วก็มีพิษด้วย"
วานร  "ถึงน้องฉันจะเด็กแต่ก็มีฤทธิ์มากเช่นกัน"
แก้วนาคา  "เชอะอ้ายลิงอวดดีให้เด็กยักษ์มาประลองกับเราไหมล่ะ"
รามสูร  "ไม่ล่ะเรารู้ว่าเธอเก่งแต่เราต้องเดินทางต่อ"
แก้วนาคา  "จะรีบไปไหนเล่าไม่แน่จริงนี่นา"
รามสูร  "เราต้องรีบไปช่วยมารดาที่นครยักษ์กรุงเวหา"
แก้วนาคา  "แล้วรู้เหรอว่ามันอยู่ทางไหนน่ะท่าจะไม่รู้ถึงติดแงกอยู่แถวนี้"
เทพมาตุลี  "เราก็กำลังจะมาบอกอยู่นี่ไงนังหนูพญานาค" พูดพร้อมปรากฎกายขึ้นมา
นางมัจฉา  "ท่านเป็นใครหายตัวมาแบบนี้ได้ไง"
เทพมาตุลี  "เฮ้อแปลงกายไม่ทันพอดีเกิดเรื่องซะก่อนได้ซิเราเป็นเทวดา"
รามสูร  "ท่านเทวดาแล้วกรุงเวหานั่นมันอยู่ทางทิศไหนล่ะท่าน"
เทพมาตุลี  "จากตรงนี้เจ้าเหาะไปทางทิศบูรพาตลอดแนวจะเจอนครอยู่บนหุบเขานั่นแหละกรุงเวหา"
รามสูร  "ขอบคุณท่านเทวดามากส่วนเจ้าต่อไปตอนเราเป็นหนุ่มเราจะบุกเมืองเจ้าให้ดูจะได้รู้ว่าแน่หรือไม่แน่"
แก้วนาคา  "เราถือเป็นคำท้านะเจ้าเด็กยักษ์"
ว่าแล้วรามสูรก็เหาะขึ้นไปบนฟ้าส่วนวานรก็กระโดดขี่หลังรามสูรอีกทีทีนี้เทพมาตุลีก็ถือโอกาสว่ากล่าวนางนาคน้อย
เทพมาตุลี  "นังหนูนาคทำแบบนี้พ่อแม่เป็นห่วงนะถ้าเจ้าไม่รีบกลับจะถูกจับได้ว่าหนีเที่ยว"
แก้วนาคา  "ท่านเทวดาไม่ต้องมาสอนและไม่ต้องมาขู่เราเลยนะ"
เทพมาตุลี  "เราไม่ได้ขู่เราเป็นเทวดาเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่เชื่อก็ลองดูได้"
แก้วนาคาชักสีหน้าเล็กน้อย  "พี่มัจฉากลับ"
หลังจากนั้นนายบ่าวแห่งนครบาดาลก็พากันลงทะเลเหลือเพียงเทพมาตุลีที่ดูเหตุการณ์อยู่ซักพัก
เทพมาตุลี  "เด็กหนอเด็กเฮ้อ"  พูดจบก็หายตัวคืนที่สวรรค์ทันที

(จบตอนที่8)

nidajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กันยายน 07, 2007, 07:02:59 PM »
เย้ๆๆ อัพแล้ว

nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 09, 2007, 11:03:50 PM »
 ;D สนุกจังค่ะพี่ bobenz แต่งเก่งจิงๆเลยอ่ะ
เออรู้สึก ว่า ไกรทองของพวกเรา จะได้แต่งต่อแล้วนะคะ เห็นน้อง Alexsandrive ที่เขียนบอร์ด บอกว่าใกล้จะแก้เสร็จแล้ว
พวกเราก้เตรียมตัวย้ายของได้เลยค่ะ จะได้มาแต่งไกรทองต่อให้จบซะที ;D

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กันยายน 10, 2007, 10:57:07 AM »
ตอนที่9  ศึกนครเวหา

รามสูรกับเจ้าวานรมุ่งหน้าสู่ทางทิศบุรพาตามที่เทพมาตุลีบอกการเหาะข้างน้ำข้ามทะเลข้ามป่าดงจนเข้าเขตเมืองยักษ์เมื่อมองจากที่สูงเห็นพวกยักษ์ชาวบ้านออกมาทำกิจกรรมเหมือนพวกมนุษย์ก็คือจับจ่ายตลาดซื้อข้าวของกันรามสูรชะลอความเร็วลงแล้วเหาะไปลงหยุดพักที่ต้นไม้สูงใหญ่บนเขาตรงข้ามกับเขาอีกลูกที่เป็นที่ตั้งของนครเวหาพระราชวังยักษ์ตั้งอยู่ตรงหน้าสงครามแย่งชิงพระมารดากำลังจะเกิดขึ้นรามสูรพักเพียงครู่เดียวก็เอ่ยบอกบอกกับวานรสหายสนิทว่า
รามสูร  "เตรียมตัวให้พร้อมนะวานรเรากำลังจะบุกเข้าไปแล้ว"
วานร  "ได้เลยหมดศึกนี้ก็ไม่ต้องไปต่อสู้ที่ไหนอีกแล้ว พร้อมลุย"
รามสูร  "ไม่หรอกเราเกรงว่าจะต้องต่อสู้ไปตลอดชีวิตนั่นแหล่ะ
เจ้าวานรทำหน้าจ๋อยจากนั้นกระโดดขี่หลังรามสูรเหมือนตอนขามาแล้วทั้งคู่ก็เหาะเข้าไปในเขตพระราชฐานทันทีหลังจากลงสู่พื้นทหารยักษ์ลาดตระเวณเห็นเข้าก็แห่กันเข้ามาลุมรามสูรแตะทหารยักษ์ตนแรกที่เข้าประชิดตัวแล้วแตะต่อยพวกที่เหลือทหารยักษ์ไม่สามารถจู่โจมทำอะไรได้เพราะไม่สามารถต้านความไวของรามสูรเพียงมือเปล่าก็โค่นทหารทั้งกองทัพขุนยักษ์รีบไปรายงานท้าวไตรรงค์เรื่องนี้อย่างรีบเร่ง
ขุนยักษ์  "องค์เหนือหัวพระเจ้าข้า ข้าศึกบุกเข้ามาพวกเหล่าทหารต้านไม่ไหวแล้วพระเจ้าข้า"
ท้าวไตรรงค์  "เจ้าเด็กตามคำทำนายนั่นแน่ในที่สุดมันก็มาจนได้" พูดจบก็ลุกออกไปทันที
ด้านมเหสีมณฑารัตน์ที่ถูกบังคับให้อยู่ในฐานะชายาก็ประทับอยู่ด้วยถึงกับแย้มพระโอษฐ์ดีพระทัยที่โอรสน้อยของตนยังมีชีวิตอยู่พญายักษ์รุดไปที่เกิดเหตุเห็นเด็กยักษ์ก็นึกแปลกพระทัยเล็กน้อยเนื่องจาก8ปีก่อนเด็กที่ตนเห็นเป็นมนุษย์หาใช่ยักษ์ไม่
รามสูร  "แปลกใจมากใช่ไหมที่เราเป็นยักษ์ไม่ใช่เจ้าเด็กมนุษย์ที่เจ้าหมายจะให้ตายกลางทะเล"
ท้าวไตรรงค์  "เจ้าปลอมเป็นยักษ์จะได้กลมกลืนกับประชาชนในเมืองเราเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุฉลาดมาก"
หลังจากนั้นรามสูรกับท้าวไตรรงค์ก็แลกหมัดกันผัดกันแตะต่อยโดนทั้งสองฝ่ายท้าวไตรรงค์จับรามสูรตีเข่าจากนั้นรามสูรก็กระโดดแตะก้านคอท้าวไตรรงค์ทั้งสองสู้กันอย่างสูสีเหล่าทหารที่เหลือพร้อมนางกำนัลยักษ์และมเหสีมณฑารัตน์ยืนดูการต่อสู้อย่างถึงพริกถึงขิงของทั้งคู่หลังสู้กันด้วยมือเปล่าซักพักท้าวไตรรงค์ก็เป็นฝ่ายปล่อยลูกพลังใส่รามสูรก่อนพระโอรสน้อยกระเดนตามแรงระเบิดของลูกพลังและท้าวไตรรงค์ก็ปล่อยออกมาอีกสองสามลูกเพื่อจะซ้ำให้ตายแต่คราวนี้รามสูรหลบพ้นรามสูรเป็นฝ่ายปล่อยพลังตอบโต้บ้างพลังระเบิดใส่ท้าวไตรรงค์อย่างจังเมื่อควันระเบิดจากกับเห็นร่างท้าวไตรรงค์ยืนอยู่ที่เดิมไม่สะทกสะท้าน
ท้าวไตรรงค์  "มีลูกเล่นอะไรอีกไหมเจ้าหนูข้ามีวิชาคงกระพันพระเวทย์ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"
รามสูร  "ขวานฟ้า"  เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เรียกอาวุธวิเศษทันที
ท้าวไตรรงค์  "พระขรรค์โลหิต" อาวุธพญายักษ์ที่ทำจากเลือดเทวดามนุษย์และอสูร
คราวนี้ทั้งสองฝ่ายหันมาใช้อาวุธเล่นงานกันและกันอาวุธทั้งสองชนิดเมื่อกวัดแกว่งต่างก็มีลำแสงพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ลำแสงต้องวรกายทั้งสองฝ่ายแต่กลับเป็นรามสูรที่กระอักเลือดและล้มลงบาดเจ็บสาหัสส่วนท้าวไตรรงค์ไม่ได้ออกอาการอะไรให้เห็นเลยว่าบาดเจ็บ
ท้าวไตรรงค์  "บอกแล้วข้าฝึกวิชาคงกระพันอาวุธอะไรก็ทำอะไรข้าไม่ได้"
ท้าวไตรรงค์ฟัดพระขรรค์โลหิตนั่นมาทางรามสูรอีกลำแสงพุ่งใส่เหมือนเดิมรามสูรก็หลบไปหลบมาเนื่องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้วก็นึกแผนอะไรออกก่อนร่างกายจะไม่ไหว
ท้าวไตรรงค์ปล่อยพลังใส่สลับกับใช้อาวุธเล่นงานตลอดเวลาขณะที่เอาแต่หลบก็พนมมือร่ายมนต์อยู่พักท้องฟ้าที่ใสสว่างสีฟ้ากลายเป็นสีแดงกร่ำดังจะมีพายุใหญ่เมฆดำลอยบนฟ้าพันสายฟ้าก็ฟาดใส่ร่างท้าวไตรรงค์ร่างพญายักษ์กระเดนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันตาเห็นสายฟ้าฟาดซ้ำที่เดิมร่างเป็นรอยไหม้เกรียมและร่วงลงไปนอนหมดสติที่พื้นเพราะฟ้าผ่าเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติวิชาคงกระพันจึงพ่ายแพ้มเหสีมณฑารัตน์วิ่งเข้าไปประคองลูกน้อยที่กำลังจะซุดลงหมดสติเพราะพิษบาดแผลเช่นกัน
มณฑารัตน์  "แม่ดีใจที่ได้เจอลูกอย่าพึ่งเป็นอะไรนะพาแม่หนีออกจากที่นี่ก่อนลูก"
รามสูร  "หม่อมฉันก็ดีใจพระเจ้าข้า"พูดจบก็แน่นิ่งหมดสติเพราะพิษบาดแผลเช่นกัน
เมื่อเห็นรามสูรหมดสติไปแล้วขุนยักษ์จะฉวยโอกาสเล่นงานแต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่จะเข้าสู่ฤดูเหมันต์เวลากลางคืนมาเร็วขึ้นขุนยักษ์สั่งให้ทหารนำเสด็จท้าวไตรรงค์ไปที่ถ้ำเพื่อรักษาทหารอีกกองให้มาลากรามสูรไปเพื่อนำไปสังหารและอีกกองให้นำเสด็จมเหสีมณฑารัตน์ไปกักบริเวณในพระตำหนักทหารกำลังจะทำตามคำสั่งพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าร่างของรามสูรก็เปลี่ยนเป็นเทพวายุที่ไม่ได้เป็นอะไรเทพวายุจึงใช้มือเปล่าเล่นงานพวกทหารเหล่านั้นทันทีขุนยักษ์ได้แต่ตกตะลึงมองดูเหตุการณ์พวกเหล่าทหารที่เหลือที่แห่เข้าไปลุมก็ถูกแตะต่อยกระเดนออกมาด้วยสู้ความไวเทพวายุไม่ได้เหตุการณ์ไม่ต่างจากตอนรามสูรเล่นงานพวกทหารในตอนกลางวันไม่มีผิดขุนยักษ์เห็นแบบนั้นก็วิ่งหนีเอาตัวรอดทันทีเทพวายุเหลือบไปเห็นจึงปล่อยลูกพลังไปกระแทกขุนยักษ์เพียงลูกเดียวก็กระอักเลือดและหมดสติเช่นนายของตนเทพวายุเล่นงานเหล่าลูกน้องยักษ์ด้วยมือเปล่าจนสะบักสะบอมกันทั้งวังจากนั้ก็เข้าไปหามารดาของตน
เทพวายุ  "เสด็จแม่พระเจ้าข้าลูกมาช่วยแล้ว"
มณฑารัตน์  "ลูกแม่"
ทั้งสองแม่ลูกโผเข้าหากันแล้วกอดกันอย่างแนบแน่นเจ้าวานรยืนดูอยู่ห่างๆอย่างซึ้งๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2007, 02:01:21 PM โดย bobenz »

nidajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กันยายน 10, 2007, 09:36:15 PM »
 ;D ;D ;D

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กันยายน 11, 2007, 09:35:45 AM »
ตอนที่ 10   เทพวายุเจ้าชายรัตติกาล

หลังจากนั้นทั้งสองครายออกจากอ้อมกอดของกันและกันเพื่อทำเรื่องที่สำคัญกว่าคือการหนีออกไปจากนครเวหาแห่งนี้เทพวายุล้วงมือลไปในย่ามผ้าแล้วหยิบเอาเรือเหาะรูปสุวรรณหงส์ออกมาพร้อมวางลงบนพื้นเพื่อสั่งให้มันใช้การได้
เทพวายุ  "เรือเหาะขยาย"
หลังจากนั้นเรือลำจิ๋วก็ขยายกลายเป็นเรือลำใหญ่ทั้งหมดรีบลงโดยสารบนเรือแล้วเรือก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วเหาะไปในอากาศสองแม่ลูกที่พัดพรากจากกันมานานเมื่อได้พบหน้ากันครานี้ก็เล่าสารทุกข์สุกดิบของแต่ละคนให้อีกฝ่ายได้รับฟังเรือพุ่งทะยานไปเรื่อยๆมณฑารัตน์จึงถามลูกว่าจะไปแห่งหนใด
มณฑารัตน์  "เทพวายุลูกแม่เราจะไปไหนกันล่ะลูก"
เทพวายุ  "ก็กลับบ้านเมืองเรากุสินาราไงล่ะพระเจ้าข้า"
มณฑารัตน์  "จะกลับไปทำไมที่นั่นไม่มีใครเค้าต้อนรับเราหรอกนะลูก"
เทพวายุ  "หม่อมฉันจำเป็นต้องบุกเข้าไปทำให้เสด็จพ่อยอมรับเราสองแม่ลูกภายในวันนี้เพราะพรุ่งนี้เช้าเป็นรามสูรเค้ายังบาดเจ็บสาหัสจะได้รักษาตัวในวัง"
วานร  "พระโอรสพูดถูกในเมื่อช่วยเสด็จแม่ได้แล้วก็ต้องทำให้เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกถึงจะถูก"
เรือเหาะมาหยุดอยู่เหนือน่านฟ้านครกุสินาราในยามดึกของคืนวันนั้นเทพวายุสั่งให้เรือลงจอดแล้วเก็บเรือใส่ย่ามเหมือนเดิมเพื่อทำการใหญ่จากนั้นนำเสด็จมเหสีมณฑารัตน์และเจ้าวานรไปที่ที่หน้ากำแพงประตูที่มีทหารเฝ้ายามรักษาการอยู่เมื่อทหารเห็นมเหสีมณฑารัตน์ก็หน้าถอดสีเลยทันที
เทพวายุ  "เจ้าไปทูลองค์เหนือหัวว่าเรากลับเสด็จแม่จะขอเข้าเฝ้า"
ทหาร "ให้เข้าไปไม่ได้พระมเหสีเสด็จกลับไปเถอะ"
เทพวายุ  "ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่รู้เรื่องเราจะลุยเข้าไป"
จากนั้นก็ต่อยสองทหารเฝ้าประตูเมืองแล้วกระแทกประตูเมืองด้วยแรงมหาศาลประตูเมืองขนาดใหญ่ก็เปิดออกแล้วเดินนำเข้าไปในวังทันทีทหารลาดตระเวณแห่เข้ามาตะลุมบอนด้วยซักพักทหารเหล่านั้นก็แน่นิ่งไปทั้งกองหัวหมู่คงรีบวิ่งไปรายงานอามาตย์เทเวทย์ส่วนนางกำนัลผการีบไปรายงานท้าวธรรมลักษณ์กับสนมเอกจันทรเนตร
หัวหมู่คง  "เกิดเรื่องใหญ่แล้วท่านอามาตย์มเหสีมณฑารัตน์กลับมาที่นี่พร้อมเด็กอะไรไม่รู้เก่งกาจเหลือเกิน"
อามาตย์เทเวทย์  "มเหสีมณฑารัตน์ยังไม่สิ้นพระชนม์อีกหรอพวกมันอยู่ที่ไหน"
หัวหมู่คง "กำลังตีฝ่าเข้ามาในพระราชฐานชั้นในแล้วท่าน"
อามาตย์เทเวทย์รีบรุดไปที่เกิดเหตุส่วนอีกด้านนางกำนัลผการีบไปรายงานที่ตำหนักท้าวธรรมลักษณ์
นางกำนัลผกา "องค์เหนือหัวเพคะเกิดเรื่องใหญ่เพคะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
จันทรเนตร "อะไรนังผกามาปลุกเรายามดึกเช่นนี้ถ้าไม่ใหญ่จริงล่ะน่าดู"
นางกำนัลผกา "ก็มเหสีมณฑารัตน์นะสิเสด็จกลับมาที่นี่แล้วเพคะ"
ท้าวธรรมลักษณ์  "อะไรนะพวกมันอยู่ที่ไหน" พูดจบก็รีบพระดำเนินไปทันที
จันทรเนตร "เสด็จพี่เพคะรอหม่อมฉันได้เพคะ" รีบตามไปเช่นกัน
ทั้งอามาตย์เทเวทย์ท้าวธรรมลักษณ์สนมเอกจันทรเนตรมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกันเห็นเทพวายุเอาชนะทหารทั้งกองทัพ
อามาตย์เทเวทย์  "ทหารคุ้มกันองค์เหนือหัวและพระสนมเอกไว้เร็ว"
ท้าวธรรมลักษณ์ "เจ้าเด็กน้อยเจ้าเป็นใครทำไมถึงได้อาจหาญทำเรื่องแบบนี้"
เทพวายุ  "หม่อมฉันเป็นลูกของเสด็จพ่อพระเจ้าข้า"
ท้าวธรรมลักษณ์ได้ฟังก็พินิจมองแบบไม่เชื่อสายตาก่อนกล่าวว่า "อ้ายเด็กที่เกิดกับมณฑารัตน์มันเป็นยักษ์เจ้าออกจะน่าเอ็นดูจะเป็นไปได้ไง"
มณฑารัตน์  "เป็นความจริงเพคะลูกเรามีสองร่างกลางวันเป็นยักษ์กลางคืนเป็นมนุษย์"
จันทรเนตร "เรื่องแบบนั้นใครจะเชื่อถ้าจะแต่งเรื่องก็ให้มันน่าเชื่อถือกว่านี้หน่อยสิ"
ขณะกำลังเถียงกันอยู่นั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาเมือแสงจางก็ปรากฎเป็นชายแต่งตัวดีเหมือนเทวดาองค์หนึ่งมาปรากฎ
พระอิศวร "เราคือองค์สยมภูวยานเด็กคนนี้เป็นเทวดาลูกน้องเราส่งลงมาจุติเราส่งลงมาสององค์คือรามสูรเป็นเทพครึ่งอสูรกับพระพายคือเด็กคนนี้"
ท้าวธรรมลํกษณ์ "สมเด็จพระอิศวรหม่อมฉันมีโอรสที่ประเสริฐหามีแววไม่หม่อมฉันจะรับพวกเค้ากลับเข้าเมือง"
เทพวายุ "หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์ที่ช่วยเหลือพวกหม่อมฉันทุกคราพระเจ้าข้า"
พระอิศวร "ไม่เป็นไรไม่มีอะไรแล้วเราจะกลับล่ะ"
ท้าวธรรมลักษณ์  "หม่อมฉันน้อมส่งเสด็จพระเจ้าข้า"

nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กันยายน 11, 2007, 10:29:06 PM »
 ;D ;D ;D

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กันยายน 12, 2007, 10:40:28 AM »
ตอนที่11  วัยฉกรรจ์

หลังจากที่พระอิศวรเสด็จลงมาช่วยเทพวายุอีกครั้งท้าวธรรมลักษณ์ก็สั่งการให้เหล่านางกำนัลไปจัดตำหนักรับขวัญลูกรักของตนพร้อมเชิญมเหสีมณฑารัตน์เมียรักกลับไปพระทับ ณ ตำหนักของตนและให้สนมเอกจันทรเนตรกลับไปตำหนักของตัวเองสร้างความคับแค้นใจให้สนมเอกและอามาย์เทเวทย์ผู้เป็นบิดา
จันทรเนตร  "เจ็บใจนักเทวดาลำเอียงแบบนี้เราไม่นับถือท่านพ่อเราจะทำอย่างไงกันดีล่ะ"
อามาตย์เทเวทย์  "ถึงเราจะมีพวกพ้องมากมายก็ยังทำอะไรมันไม่ได้เพราะมันมีพระเวทย์แกร่งกล้า"
จัทรเนตร  "งั้นรอธรรมราชกลับจากไปฝึกพระเวทย์และอาคมก่อนใช่ไหมจะท่านพ่อ"
อามาตย์เทเวทย์  "ใช่ตอนนี้เราก็แกล้งทำเป็นยอมๆพวกมันไปก่อนลูกพักผ่อนเถอะพ่อไปก่อนนะ"
จันทรเนตร  "จ้าท่านพ่อถึงยังไงลูกก็หลับตาไม่ลงอยู่แล้วเจ็บใจนักเจ็บใจ"
เช้าวันใหม่อาทิตย์ขึ้นสู่ฟ้าร่างโอรสน้อยเปลี่ยนเป็นยักษ์ที่บาดเจ็บสาหัสนอนประชวรอยู่บนเตียงองค์เหนือหัวธรรมลักษณ์รีบเสด็จมาเยี่ยมลูกน้อยของตนพร้อมสั่งให้หมอหลวงรักษาพระอาการให้หาย
หมอหลวงทูลว่า  "จะต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะหายขาดเพราะบาดแผลที่ได้รับไม่ใช่อาวุธธรรมดาพระเจ้าข้า"
ท้าวธรรมลักษณ์  "ไม่เป็นไรจะนานแค่ไหนก็ขอให้ลูกเราหายก็พอแล้ว"
หลังจากนั้นพระเจ้าธรรมลักษณ์ก็ดูแลเราใจใส่พระทัยมเสีมณฑารัตน์และพระโอรสน้อยทั้งสองพระองค์เป็นอย่างดีกาลเวลาผันผ่านหลังจากการผญจภัยในวัยเยาว์เพื่อให้ได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกจนมาบัดนี้เวลาได้ผ่านพ้นจนเข้าวัยหนุ่มด้วยเวลาผ่านมา10ปีที่ได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัวพระโอรสทั้งสองพระองค์ที่อาศัยร่างเดียวจุติก็มีพระชนม์18ชรรษาด้วยวัยหนุ่มใจคะนองก็เริ่มเบื่อหน่ายการใช้ชีวิตอยู่ในวังวันนี้รามสูรจึงเสด็จไปเข้าเฝ้าพระบิดาเพื่อหาข้ออ้างออกนอกวัง
รามสูร  "เสด็จพ่อพระเจ้าข้าลูกมีเรื่องจะทูลขอพระเจ้าข้า"
ธรรมลักษณ์  "เจ้าจะขออะไรอีกล่ะพ่อรักเจ้าพ่อให้เจ้าได้ทุกอย่างอยู่แล้ว"
รามสูร  "หม่อมฉันแค่ต้องการออกไปเยี่ยมท่านตาพระฤาษีที่อาศรมแล้วขอเที่ยวเล่นในป่าซักเดือนนึงพระเจ้าข้า"
มณฑารัตน์  "จะเข้าป่าเหรอลูกมันอันตรายรอบด้านไม่รู้ล่ะแม่ไม่อนุญาติ" พระมเหสีเสด็จเข้ามาได้ยินพอดี
รามสูร  "เสด็จแม่หม่อมฉันโตเป็นหนุ่มแล้วนะพระเจ้าข้าลูกกับเทพวายุเอาตัวรอดได้"
ท้าวธรรมลักษณ์  "นั่นสิคนหนุ่มเค้าก็มีวิสัยทัศน์เป็นของตัวเองเอาล่ะพ่ออนุญาติ"
รามสูร  "ขอบพระทัยเสด็จพ่อพระเจ้าข้า"
มณฑารัตน์  "เสด็จพี่ตามใจลูกจนเคยตัวแล้วนะเพคะ"
หลังจากนั้นรามสูรก็ไปเก็บข้าวของเสื้อผ้าเจ้าวานรรีบเสนอหน้าเข้ามาทันทีพอรู้ว่าได้รับอนุญาติให้ออกไปผจญภัยเที่ยวเล่นในป่าด้วยจากป่ามานานวานรดีใจสุดๆเมื่อจัดเตรียมของเสร็จเรียบร้อยรามสูรพร้อมเจ้าวานรก็เสด็จออกจากเมืองทันทีโดยทรงควบม้าออกไปจากเมืองเจ้าวานรสงสัยทำไมใช้ม้า
วานร  "ทำไมใช้ม้าล่ะไม่ใช้เรือเหาะหรือไม่ก็เหาะไปเองจะไวกว่านะ"
รามสูร "เราไม่ได้รีบร้อนอะไรค่อยๆไปและถีอโอกาสเที่ยวชมทิวทัศน์ระหว่างทางด้วยไง"
อีกด้านหนึ่ง ณ ดินแดนอสูรพญายักษ์ตระศิลาลูกท้าวไตรรงค์และโอรสจอมมารธรรมราชก็สำเร็จวิชาพระเวทย์ศาสตร์ด้านอวิชาต่างๆต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับเมืองที่จากกันมานานโดยตระศิลาจากบ้านเมืองมาถึง19ปีพญายักษ์วัย29ชรรษากลับบ้านเมืองโดยท้าวไตรรงค์ผู้เป็นพ่อออกมารับด้วยตัวเอง
ท้าวไตรรงค์  "ไงลูกรักเจ้ากลับมาแล้วตอนเจ้าจากไปอายุ9ขวบตัวเล็กๆอยู่เลย"
ตระศิลา  "ต่อไปนี้หม่อมฉันจะไม่ไปไหนจะอยู่ถวายการรับใช้เสด็จพ่อพระเจ้าข้า"
ท้าวไตรรงค์  "กลับมาเหนื่อยๆเข้าไปพักผ่อนให้สบายเถอะลูก"
ตระศิลาเชื่อฟังทำสั่งพระบิดาเดินเข้าไปพักผ่อนยังตำหนักส่วนตัวของตนท้าวไตรรงค์จึงมาสั่งทหารว่า
ท้าวไตรรงค์  "อย่าให้ตระศิลารู้เรื่องมณฑารัตน์ยอดรักของข้าและเรื่องอ้ายเด็กประหลาดลูกของนางเด็ดขาด"
คุณท้าวยักษ์  "พระองค์ยังรักและไม่ลืมพระแม่เจ้าอีกเหรอเพคะทั้งที่โดนพระวรกายไม่ได้แท้ๆ"
ท้าวไตรรงค์  "ยังเราไม่มีวันลืมทั้งรักทั้งแค้นเลยล่ะ"
ฝ่ายโอรสธรรมราชที่เหาะเหินเดินอากาศอยู่นานกว่าก็เสด็จถึงกรุงกุสินาราแล้วเช่นกันมือมาถึงก็รีบเสด็จไปที่ตำหนักสนมเอกจันทรเนตรซึ่งตาของตัวเองก็อยู่ด้วย
จันทรเนตร  "กลับมาแล้วเหรอธรรมราชลูกรักของแม่"
ธรรมราช  "พระเจ้าข้าทำไมเสด็จแม่ไม่ไปประทับกับเสด็จพ่ออย่างเคยทำไมมาอยู่นี่"
อามาตย์เทเวทย์  "ตอนที่หลานไม่อยู่เกิดเรื่องมากมายมเหสีมณฑารัตน์กลับลูกอีกคนของพ่อเจ้ากลับเข้าเมืองมาเป็นคู่แข่งของหลานน่ะสิ"
ธรรมราชกำหมัดแน่นอย่างโกรธแค้นแต่ก่อนพระโอรสจะเอ่ยอะไรสนมเอกชิงพูดก่อน
จันทรเนตร  "เจ้าไปกลับแม่ไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อบอกว่าเจ้ากลับมาแล้วและมีวิชาอาคมไม่แพ้ลูกของมัน"
ธรรมราช "พระเจ้าข้าเสด็จแม่"






Bootsabongkot

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กันยายน 12, 2007, 06:07:24 PM »
โตแล้วเหรอ อยากทราบว่าใครเป็นนางเอกเหรอ แล้ว ใครเป็นแก้วนาคาเหรอ อยากรู้จัง มาตอบทีนะจ๊ะ แล้วจะรอคำตอบอยู่ตรงนี้ แล้วก็ต้องขอบคุณพี่ด้วยแล้วกันที่แวะไปเยี่ยมเกราะกาลจักรบ้าง เรตติ้งไม่ค่อยดีเลยไม่มีแม้แต่คำติชม เราพลาดตรงไหนเรายังไม่รู้เลย ถ้ามีเวลาเมตตาหน่อยจ้า

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กันยายน 13, 2007, 09:20:07 AM »
ขอบคุณนะจ๊ะน้องบุษบงกชโดยส่วนตัวนักแสดงหญิงที่พี่ชอบเป็นพิเศษคือ อ้อม ประถมาภรณ์กับ แยม รุ้งรดา ตอนแต่งก็อยากจินตนาการเป็นสองคนนี้แต่ไม่อยากเจาะจงนางเอกมากนักแบบว่าอยากให้คนอ่านจินตนาการเอาเองให้เป็นใครก็ได้แค่พระเอกเป็นบอยสพลกับเจมส์เลอสรรค์ก็พอแล้วเพราะส่วนตัวอยากให้เป็นพระเอกคู่กันซักครั้งเมื่อdidaให้ไม่ได้ก็เลยแต่งเองสะเลยส่วนนิยายของน้องก็โอเคนะคะสนุกดีเนื้อเรื่องดัดแปลงจากเกราะกายสิทธิ์แต่การมีถึง12ราศีทำให้โอกาสที่พระเอกนางเอกจะโตเป็นหนุ่มสาวยากนิดนึงแฟนบางคนก็อยากให้โตไวๆนะจ๊ะพี่สังเกตุละครพื้นบ้านแต่งเองตามบอร์ดเด็กดีมักจะตัดบทพระฤาษีกับเทวดาออกใจจริงพี่ไม่อยากให้ตัดเพราะคาร์แล็กเตอร์สองตัวนี้ถือเป็นเอกลักษณ์คู่ละครพื้นบ้านมาช้านาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2007, 09:26:18 AM โดย bobenz »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: กันยายน 13, 2007, 10:17:03 AM »
ตอนที่12  ศัตรูคู่อาฆาต

จากนั้นสนมเอกจันทรเนตรก็เดินนำพระโอรสของพระองค์ไปยังตำหนักองค์เหนือหัวธรรมลักษณ์เมื่อไปถึงหน้าตำหนักทหารเฝ้าหน้าตำหนักก็รีบเข้าไปกราบทูลทันที
ทหาร  "องค์เหนือหัวพระเจ้าข้าพระสนมเสด็จมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าข้า"
ท้าวธรรมลักษณ์  "เจ้าไปเชิญให้เข้ามาได้"  พระองค์กล่าวโดยมีมเหสีมณฑารัตน์ประทับอยู่เคียงข้าง
ทั้งสองพระองค์เสด็จเข้ามายังที่ประทับเมื่อเข้ามาธรรมราชมองมเหสีมณฑารัตน์ด้วยสายตาชิงชัง
จันทรเนตร  "เสด็จพี่เพคะทรงจำลูกเราได้ไหมเพคะเค้ากลับมาแล้ว"
ท้าวธรรมลักษณ์  "ธรรมราชเหรอลูกบัดนี้เจ้าเป็นหนุ่มใหญ่แล้วไปเรียนวิชาอะไรมาบ้างล่ะ"
ธรรมราช  "ถวายบังคมเสด็จพ่อทูลเสด็จพ่อลูกฝึกวิชานิ้วเพชรและท่านอาจารย์ก็ได้ให้ทวนพิฆาตกลับลูกมา"
มณฑารัตน์  "ดีจริงบ้านเมืองจะได้มีแต่คนเก่งมาช่วยกันบริหารเป็นบุญของเสด็จพี่แท้ๆ"
จัทรเนตร  "แล้วพระโอรสของพระพี่นางล่ะเพคะทรงไปอยู่ที่ไหนม่อมฉันไม่ยักจะเห็น"
ท้าวธรรมลักษณ์  "อ๋อเค้าขอเดินทางออกไปประพาสป่าเที่ยวเล่นตามวิถีคนหนุ่มน่ะ"
ธรรมราช  "น่าเสียดายยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยงั้นลูกทูลลาไปพักผ่อนก่อนพระเจ้าข้า"
ท้าวธรรมลักษณ์  "ไปเถอะลูกกลับมาเหนื่อยๆพักผ่อนให้สบายนะ"
ธรรมราชกับสนมเอกเมื่อออกจากตำหนักท้าวธรรมลักษณ์แล้วก็ไปรวมหัวกันที่เรือนอามาตย์เทเวทย์เพื่อวางแผนกำจัดคู่แข่ง
ธรรมราช  "หัวหมู่คงท่านมีความสามารถทางจิตรกรรมช่วยวาดรูปอ้ายพี่น้องประหลาดคู่นั้นให้เราทีสิ"
หัวหมู่คง "กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพระเจ้าข้า"
อามาตย์เทเวทย์ "หลานรักของตาเจ้ามีแผนเล่นงานพวกมันเหรอ"
ธรรมราช  "ก็ในเมื่อมันรักสนุกที่จะไปเที่ยวเล่นนอกเมืองหลานก็จะทำให้มันไม่ได้กลับเข้ามาในเมืองอีกเลย"
จันทรเนตร "ลูกรักของแม่นี่หมายความว่าลูกจะออกไปตามฆ่ามันเหรอลูก"
ธรรมราช "ทูลเสด็จแม่อยู่ในเมืองคงทำอะไรไม่ได้มากเสด็จพ่อคงไม่ปลื้มถ้าจะเล่นงานมันในเมืองแต่นี่มันโอกาสดี"
อามาตย์เทเวทย์ "หลานพูดถูกอยากแซ่หาเรื่องออกไปเองใครทำก็ไม่มีใครรู้"
ทางด้านรามสูรที่รอนแรมเที่ยวเล่นอยู่ในป่าเห็นตะวันคล้อยต่ำลงทุกทีใกล้ค่ำแล้วจึงออกไปหาฝืนส่วนเจ้าวานรสหายสนิทก็ออกไปหาผลไม้ในป่ามาเพื่อกินเป็นอาหารกันรามสูรกลับมาพร้อมกิ่งไม้กองใหญ่เมื่อนั่งลงได้พักเดียวร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นเทพวายุเขาพิงกายใต้ต้นไม้ที่ผูกม้าทรงไว้ซักพักเจ้าวานรก็กลับมาพร้อมกลับผลไม้ขณะทั้งคู่กำลังสำราญกลับการเสวยผลไม้มีเงาตระพุ่มในพุ่มไม้ที่ตามเจ้าวานรมาจากในป่าด้านใต้คอยจับจ้องเล่นงานทีเผลอ
วานร  "เทพวายุเป็นอะไรมีอะไรเหรอ?"
เทพวายุ  "ไม่รู้ซิเหมือนมีใครหรืออะไรซักอย่างอยู่แถวนี้"
วานร  "ในป่าอันตรายรอบด้านไม่คิดว่าคืนแรกก็จะโดนซะแล้ว"
เทพวายุ  "เฉยๆน่าเดี๋ยวมันรู้ว่าเรารู้ตัวมันแล้วแกล้งทำไม่รู้อะไรอย่างเดิมน่ะดีแล้ว"
วานร  "แล้วจะให้ทำยังไงเล่า"
เทพวายุ  "เมื่อกินอิ่มแล้วเราก็แกล้งทำเป็นนอนหลับเดี๋ยวมันก็ออกมาเอง"
หลังจากนั้นนายบ่าวก็ทำตามแผนที่ตกลงกันไว้เป็นจริงตามคาดซักพักก็ถูกจู่โจมด้วยเสือสมิงแต่ความจริงมันไม่ใช่เสือสมิงธรรดาแต่เป็นปีศาจเสือสมิงที่มีพลังวิญญาณสิงสู่อยู่มากมายเจ้าเสือร้ายกระโจนใส่เทพวายุที่ทำเป็นหลับพิงต้นไม้อยู่เทพวายุหมุนตัวหลบเจ้าเสือกระแทกต้นไม้จังๆเทพวายุกับเจ้าวานรลุกขึ้นยืนแล้วถอยออกห่างจากเจ้าเสือนั่นพร้อมกำหมัดเตรียมสู้ตายเสือร้ายหันมากระโจนพร้อมกางเหล็บเพื่อทำร้ายแล้วก็พลาดอีกตามเคยเนื่องจากเทพวายุไวกว่ามากเมื่อร่างเสือสมิงทำอะไรเทพวายุไม่ได้มันก็แปลงกายเป็นครึ่งคนครึ่งเสือหรืออสูรกายเสือสมิงเต็มคราบแล้วการต่อสู้อย่างจริงจังในวัยหนุ่มก็เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกทั้งสองต่อสู้ด้วยมือเปล่าแต่ปีศาจเสือสมิงกางกงเล็บตลอดเวลาคู่ต่อสู้พยายามจะใช้กงเล็บตะบบเทพวายุปัดป้องด้วยวิชามวยที่เรียนมากับท่านอาจารย์และไม่ให้คู่ต่อสู้เข้าวงในได้โดยเด็ดขาดก่อนที่จะสุดด้วยการตีบเจ้าเสือสมิงกระเดนออกไป
วานร  "เทพวายุระวังมันจะปล่อยพลังเล่นงานแล้ว"
เมื่อไม่สมารถใช้กงเล็บจัดการได้เจ้าปีศาจเสือสมิงที่มีอำนาจด้วยการกินคนแล้วดูดซึมพลังวิญญาณของเยื่อเจ้าเสือร้ายกินคนมามากมีอำนาจพอจะปล่อยพลังได้ก็เลยคิดเล่นงานด้วยพลัง
เทพวายุ  "ได้เลยงั้นก็มาสู้กันด้วยพลังก็แล้วกัน"
ไม่ทันขาดคำปีศาจเสือสมิงก็ปล่อยพลังออกมาเทพวายุกระโดดไปกระโดดมาหลบลูกพลังเจ้าเสือสมิงเห็นหลบได้หมดมันก็ปล่อยพลังออกมาถี่ขึ้นเทพวายุถอยมาตั้งหลักแล้วจากนั้นก็ปล่อยพลังบ้างลำแสงพลังของทั้งคู่มาบรรจบกันพลังจึงต้านกันไปมาแต่ปีศาจเสือสมิงมีฤทธิ์น้อยกว่าจึงต้องออกแรงส่งพลังมากกว่า
วานร  "เก็บมันเลยหยั่งเชิงอยู่ได้สังหารมันซะที"
เทพวายุได้ยินคำยุยงของวานรก็ออกแรงเพิ่มขึ้นพลังทั้งหมดก็ตีกลับใส่ร่างเจ้าเสือสมิงกระเดนไปกระอักจมกองเลือดตัวเอง
เทพวายุ  "ตรีสูร"
เรียกตรีสูรออกมาเพื่อกำจัดให้สิ้นซากจะได้ไม่ไปทำร้ายใครอีกเจ้าเสือสมิงกำลังพยายามรวมพลังฮึดสุดท้ายเพื่อสู้ตายเทพวายุก็ตวัดอาวุธคู่กายที่มีฤทธานุภาพสูงส่งลำแสงกระแทบร่างปีศาจเสือสมิงมันร้องครวญก่อนร่างจะแตกดับสลายไปจากโลกอีกตน
เทพวายุ  "ทีนี่เจ้าก็หมดเวรหมดกรรมซะทีไปสู่สุขคติเถิดนะ"
วานร  "เทพวายุไปปลอบม้าเจ้าทีมันตื่นใหญ่แล้วสงสัยกลัวเกิดการณ์เมื่อครู่นี้"

(จบตอนที่12)




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2007, 10:54:31 AM โดย bobenz »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: กันยายน 14, 2007, 11:09:26 AM »
ตอนที่13  รามสูรตะลุยบาดาล

เทพวายุรีบเดินเข้าไปเอามือลูบหัวของม้าทรงเป็นการปลอบขวัญมันมันเริ่มสงบลงในขณะนั้นทั้งสองสหายก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าผู้ที่จ้องมองดูอยู่ตลอดนั้นไม่ได้มีแค่ปีศาจเสือสมิงที่พวกตนพึ่งสังหารแต่อย่างใดแค่ยังมีบุคคลลึกลับเรื่อนร่างบอบบางสวมชุดคลุมยาวมีผ้าคลุมศีรษะปิดบังหน้าตายืนดูเหตุการณ์การต่อสู้เมื่อครู่จากบนยอดต้นไม้หลังจากสังเกตุการณ์ซักพักก็สะแหยะยิ้มออกมาก่อนจะหายตัวไปกลับความมืดยามราตรีหลังเหนื่อยอ่อนกลับการต่อสู้เทพวายุกลับเจ้าวานรก็หลับพักผ่อนซักงีบรุ่งอรุณได้มาเยือนแล้วร่างหนุ่มสำอางค์ก็กลับกลายเป็นอสุรายักษ์ดุดันแต่งามเลิศกว่ายักษ์ตนได้เปรียบได้
รามสูร  "เฮ้อเช้าแล้วเจ้าวานรลุกได้แล้วจะได้รีบไปต่อ"  พูดพลางบิดขี้เกียจ
วานร  "เฮ้นี่มันยังเช้าตรู่อยู่เลยจะรีบไปไหนขอพักอีกเดี๋ยวได้เปล่า"
รามสูร  "ได้แต่เจ้าก็นอนอยู่นี่ตนเดียวก็แล้วกัน"  แล้วไปแก้เชือกทึ่ผูกม้าไว้
วานร  "ก็ได้ไปก็ได้ไหนใครบอกไม่รีบร้อนค่อยๆไปไง"
รามสูร "เลิกบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วรีบกระโดดขึ้นหลังม้าเร็ว"
หลังจากนั้นรามสูรก็ควบม้าทะยานไปข้างหน้าลัดป่าเขาลำธารน้ำตกสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทรงเพลิดเพลินสำราญใจยิ่งนักหลังจากลัดเลาะป่าเขาไพรกว้างไปเรื่อยๆก็พลันได้ยินเสียงคลื่นซัดฝั่งก็หมายความว่าจากตรงนี้ทะเลก็อยู่ไม่ไกลก็เร่งฝีเท้าควบไปยังจุดหมายปลายทางทันทีจากนั้นประมาณเที่ยงวันรามสูรก็มาถึงหาดทรายเขาตื่นเต้นยิ่งนักเพราะเมื่อครั้งยังเป็นเด็กเขาไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความงามของทะเลด้วยมีภารกิจต้องติดตามหามารดาจึงผูกม้าไว้กลับต้นไม้และตัวเองและเจ้าวานรก็ลงเดินเล่นเลาะหาดทรายเจ้าวานรปากดีชวนระลึกความหลังวัยเยาว์ทันที
วานร "จำได้ว่าเมื่อ10ปีก่อนเราก็เคยมาทะเลแล้วก็เจอพวกพญานาคด้วยมันก็เด็กแต่อวดเก่งเนอะ"
รามสูร  "ใช่เราก็เลยบอกไปว่าถ้าเราเป็นหนุ่มเราจะบุกนครบาดาลให้ดูเป็นขวัญตา"
วานรหน้าซีดไม่รู้พูดอะไรออกไปเลยออกปากครึ่งห้าม "มันนานมากแล้วนางเด็กนาคนั่นจำไม่ได้หรอกอย่าไปเลยเนอะ"
รามสูร  "ไม่เราจะไปในเมื่อมาถึงทะเลแล้วเราจะไม่ผิดคำพูดถือโอกาสไปชมความงามใต้ท้องทะเลด้วยไง"
เจ้าวานรจนใจที่จะห้ามรามสูรเดินลุยน้ำลงไปในทะเลโดยเจ้าวานรได้แต่ดูอยู่บนฝั่งเดินลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆจนน้ำทะเลมิดศีรษะก็ว่ายน้ำดำลงสู่ใต้ทะเลในทันทียิ่งดำลงไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นแนวประการังงดงามนี่หรืออุทยานใต้ทะเลงามไม่แพ้บนพื้นพิภพหรือจะเปรียบกับสวรรค์ก็คงงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนักคิดได้ดังนั้นก็จะลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วจะไปอวดเจ้าวานรว่าโลกบาดาลงามจริงดังสวนสวรรค์และสายตามองลงไปเห็นเมืองเล็กๆที่ก้นทะเลสงสัยจะเป็นนครบาดาลแน่แท้เราจะไปพบเพื่อนเก่าดีไหมนะว่าแล้วก็ไปยังนครบาดาลทันที
ณ  นครบาดาลท้าวเกร็ดมรกตออกว่าราชการพร้อมมเหสีสมุทรธาราแล้วก็บังคับลูกสาวตัวดีพระธิดาแก้วนาคาออกว่าราชการด้วยหลังจากว่าราชการจบแล้วพระธิดาแก้วนาคาก็เดินกลับตำหนักตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งๆก่อนจะเอ่ยกับนางมัจฉานางกำนัลที่สนิทว่า
แก้วนาคา  "เซ็งชะมัดหลังจากเสด็จพ่อจับได้ว่าเราหนีเที่ยวเมื่อ10ปีก่อนก็ส่งทหารนาคคอยตาคุมไม่ว่าเราจะไปไหนเหมือนนักโทษไม่มีผิด"
นางมัจฉา "หลังจากนั้นพระธิดาก็ยังเที่ยวในท้องทะเลได้นิเพคะแค่อดไปบนพื้นพิภพท่านั้นเอง"
แก้วนาคา "แต่โลกใต้ทะเลไม่ว่าน่านน้ำไนเราไปมาหมดแล้วเราอยากไปเที่ยวบนโลกมนุษย์นานๆเที่ยวให้ทั่ว"
นางมัจฉา  "แต่คราวที่แล้วขึ้นไปก็ได้เรื่องเจอยักษ์เลยนะเพคะดีที่ไม่เป็นอะไร"
แก้วนาคา "อ้ายเด็กยักษ์ดีแต่ปากไหนว่าเป็นหนุ่มจะมาที่นี่ทำเป็นปากกล้าเท่านั้นเอง"
นางมัจฉา  "ดีแล้วที่ไม่มาถ้ามาจริงๆจะเป็นเรื่องใหญ่พระธิดากลับหม่อมฉันจะต้องเดือดร้อน"
ในขณะนั้นรามสูรก็มาถึงบริเวณนครบาดาลพวกทหารนาคที่ถือหอกด้ามยาวเป็นอาวุธก็ลุมล้อมเข้ามารามสูรป้องกันตัวด้วยมือเปล่าทหารนาคแห่เข้ามาก็โดนเตะออกไปตัวใหม่ก็เข้ามารามสูรแย่งหอกมาจากทหารนาคปลายแถวได้ตนหนึ่งจึงใช้ด้ามที่จับเป็นไม้เป็นอาวุธแล้วฟัดทหารนาคจนบอกช้ำทมหารตนหนึ่งไปรายงานท้าวเกร็ดมรกตพญานาคราชจึงออกมาที่เกิดเหตุการณ์และสั่งยับยั้งเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย
ท้าวเกร็ดมรกต  "ทหารทุกตนหยุดเดี๋ยวนี้นะนี่เป็นคำสั่ง"
เมื่อได้ยินทหารนาคก็หยุดทำความเครารพรามสูรหันตามไปมองแล้วถูกถามว่า
ท้าวเกร็ดมรกต  "เจ้ายักษ์เจ้าเป็นใครทำไมถึงได้กล้าบุกมาอาละวาดแถวนี้"
รามสูร "มิกล้าพระเจ้าข้าแต่มีคนเชิญหม่อมฉันมาที่นี่เมื่อตอนเด็ก"
ท้าวเกร็ดมรกต  "คุณเท้าปลาหมึกไปเชิญลูกของเรากับนางมัจฉามาที่นี่"
คุณเท้าปลาหมึก  "เพคะท่านพญานาคราช"



bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กันยายน 17, 2007, 10:22:04 AM »
ตอนที่14  พรหมลิขิต

คุณท้าวปลาหมึกได้รับคำบัญชาก็มุ่งหน้าสู่ตำหนักพระธิดาแก้วนาคาทันทีพอไปถึงก็กราบเรียนทูลความที่นาคราชเกร็ดมรกตฝากถึงลูกมาว่า
คุณท้าว  "พระธิดาเพคะองค์เหนือหัวมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าเพคะที่ลานหน้าวัง"
แก้วนาคา  "เสด็จพ่อจะบงการชีวิตเรายังไงอีกล่ะเราก็ไปฟังว่าราชการทุกวันแล้วไง"
คุณท้าว "อย่าทรงดื้อซิเพคะเจ้าด้วยนะนางมัจฉา"
นางมัจฉา  "คุณท้าวฉันด้วยเหรอพระธิดาเพคะท่าจะไม่ดีแล้วนะเพคะ"
แก้วนาคา  "ก็ได้ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ" ทำหน้ามุ้ยไม่พอใจบิดา
แล้วแก้วนาคาก็ไม่อาจขัดคำบัญชาออกมาที่หน้าลานวังพร้อมนางมัจฉานางกำนัลสนิทและคุณท้าวปลาหมึกที่ไปตามเพียงคราแรกที่รามสูรเห็นแก้วนาคาก็รู้สึกวาบวามใจความงามของนางชั่งจับจิตจับใจยากที่จะพรรณาออกมารามสูรได้แต่จ้องมองนางอย่างไม่วางตาซึ่งพญานาคราชเกร็ดมรกตก็ดูออกว่าเจ้ายักษ์นี่เกิดชอบพอลูกสาวของตนขึ้นมาความงามที่พรรณาเป็นบทกวีมีใจความว่า

                                  เอวบางเจ้าชั่งงามหนักหนา                    เจ้างามกว่าเทพธิดาสาวสวรรค์
                                 งามจริงเจ้ายอดหญิงอันดามัน                 เจ้าจอมขวัญน้องนางแก้วนาคา
                                  ยิ่งพิศเจ้าก็ยิ่งดูน่ารัก                              พี่หลงรักนวลน้องเสน่หา
                                  ดั่งต้องศรปักอกอสุรา                             หลงติดบ่วงกัลยานารี

แก้วนาคาเมื่อเห็นรามสูรจ้องมองตนเองด้วยสายตาแบบนั้นก็ไม่พอใจแม้รามสูรจะเป็นยักษ์รูปงามแต่นางใจแข็งนักยังไม่นึกรักแรกเห็นเช่นรามสูรไม่เมื่อเห็นกิริยารามสูรแบบนี้ก็หงุดหงิดแล้วคงไม่ชอบหน้ามากกว่าเดิมเพราะนาคราชเกร็ดมรกตกำลังจะสอบสวนตเองเรื่องหนีเที่ยวบนพื้นพิภพเมื่อ10ปีก่อน
ท้าวเกร็ดมรกต  "แก้วนาคาเจ้าปิดบังความจริงเรื่องไปเที่ยวบนพิภพแล้วเจอยักษ์หนำซ้ำยังท้าให้แน่จริงตามมาที่บาดาลอีก"
แก้วนาคา  "ลูกไม่ได้ท้าให้มาเมืองบาดาลของเราแต่ท้าต่อสู้ต่างหากความจริงลูกก็ไม่ได้ปิดบังเสด็จพ่อแค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง"
ท้าวเกร็ดมรกต "ท้าต่อสู้ยิ่งกว่าอีกนังมัจฉาเจ้าไม่ห้ามยังเห็นดีเห็นงามไปด้วยกันอีก"
นางมัจฉา  "หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ"
ท้าวเกร็ดมรกต "รู้ว่าผิดยังจะกล้าทำอีกเหรอให้ท้ายลูกเราจนเสียเด็ก"
แก้วนาคา  "เยี่ยมเจ้ายักษ์เจ้าแน่มากที่มาถึงที่นี่เป็นไงเห็นเราเดือดร้อนจะโดนลงพระอาญาคงสะใจซินะ"
รามสูร  "เปล่าเราไม่ได้คิดเช่นนั้นเราไม่ต้องการให้เจ้าเดือดร้อนหม่อมฉันไปก็ได้พระเจ้าข้าแต่อย่าลงโทษนาง"
ท้าวเกร็ดมรกต "ก็ได้คราวนี้จะยกโทษให้อีกครั้งแต่เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับพวกเจ้าแล้วนะ"
นางมัจฉา  "ขอบพระทัยเพคะองค์เหนือหัวพระธิดาขอบพระทัยเสด็จพ่อซิ"
แก้วนาคา  "ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ" แล้วหันมาค้อนรามสูรอีกหนึ่งที
รามสูร  "หม่อมฉันขอพระราชทานอภัยที่ทำให้ทุกฝ่ายเดือดร้อนและขอทูลลาพระเจ้าข้า"
รามสูรเมื่อเห็นว่าแก้วนาคาเดือดร้อนเพราะตนจึงหันหลังแล้วว่ายน้ำเพื่อกลับสู่ผิวน้ำด้านบนทันทีฝ่ายท้าวเกร็ดมรกตพญานาคราชที่แท้จริงแล้วใจดีก็เสด็จกลับตำหนักของตนมเหสีสมุทรธาราที่ประทับรอที่ในพระตำหนักเมื่อเห็นสวามีกลับเข้ามาในสีหน้าไม่สบายใจจึงสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
สมุทรธารา  "เสด็จพี่เพคะได้ยินว่าข้างนอกมียักษ์บุกมาอาละวาดสู้กับทหารจริงเหรอเพคะ"
ท้าวเกร็ดมรกต  "จริงจ้าพี่ออกไปหย่าศึกตอนนี้ทุกอย่างไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
สมุทรธารา  "แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมียักษ์หรือมนุษย์จะมาที่นี่เราก็ไม่เคยทำตัวมีปัญหาหรือมีศัตรูที่ไหนนะเพคะ"
ท้าวเกร็ดมรกต  "ไม่ใช่ศัตรูที่ไหนหรอกก็แค่ลูกของเราไปก่อเรื่องไว้เมื่อตอนเด็กเท่านั้นเอง"
สมุทรธารา  "ฝีมือแก้วนาคาเหรอเพคะลูกเราหนีเที่ยวแต่ในทะเลจะไปรู้จักยักษ์ได้ยังไง"
ท้าวเกร็ดมรกต "จำไม่ได้เหรอครั้งสุดท้ายที่จับได้หนีไปบนพื้นพิภพไงแล้วคราวนั้นก็เจอกับเจ้ายักษ์ตอนยังเด็ก"
สมุทรธารา "จริงเหรอเพคะหม่อมฉันจะเป็นลม"
ด้านพระธิดาแก้วนาคาก็กลับตำหนักตัวเองพร้อมนางมัจฉานางกำนัลพี่เลี้ยงคู่ใจเม่อมาถึงก็ระบายอารมณ์ออกมา
แก้วนาคา "เจ็บใจนักเจ้ายักษ์มาทำให้เราเดือดร้อนยังมามองเราแบบนั้นอีก"
นางมัจฉา  "แบบนั้นน่ะแบบไหนเพคะสายตาหวานซึ้งแบบนั้นหม่อมฉันก็อยากให้ใครมองมาบ้างจัง"
แก้วนาคา  "ไม่ตลกเลยนะพี่มัจฉาพี่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ"
นางมัจฉา  "พระธิดาไม่ชอบแต่คนอื่นเค้าชอบได้นิเพคะไม่เห็นจะแปลกพระธิดาของหม่อมฉันออกจะสวยขนาดนี้"
แก้วนาคา  "เรายังไม่อยากรักใครมันเสียเวลาเราชอบท่องโลกกว้างรักอิสระ"
นางมัจฉา  "ไม่เห็นจะเกี่ยวมีแฟนก็เที่ยวได้ว่าแต่เราก็แก้แค้นบ้างซิเพคะ"
แก้วนาคา  "แก้แค้นอะไรไม่เข้าใจพี่มัจฉา"
นางมัจฉา  "ในเมื่อยักษ์มานครบาดาลได้เราก็ไปเที่ยวนครยักษ์บ้างซิเพคะ"
เมื่อได้ยินแบบนั้นแก้วนาคาคลายความหงุดหงิดลงมาทันที  "ใช่เราจะหาวิธีหนีไปเที่ยวพื้นพิภพนานๆไปให้ทั่วให้ได้"

(จบตอนที่14)




nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กันยายน 17, 2007, 08:13:20 PM »
สุดดดดดดดดดดดดดดดดยอดดดดดดดดดดด ทำไมแต่งเก่งอย่างนี้คะพี่