ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

รามสูรกับเทพวายุ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #75 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 10:51:03 AM »
รอตอนที่ 30 อยู่นะคะพี่  อย่างนี้เค้าเรียกดองนะ หุหุ เด๋วได้เป็นปลาร้าค้างปี แบบศาสตราอสุรนะเนี่ย อิอิ :-X

 :'( :'( :'(

..................

พี่โบเบนซ์แต่งในสไตล์บทละครโทรทัศน์เลยนะคะ
แบบนี้ก็อ่านได้นะ แต่นินดาชอบอ่านเรื่องที่มีบรรยายเยอะๆ น่ะค่ะ ^^!


แบบนิยายหนังสือก็แต่งได้แต่ในเมื่อมันแต่งแบบนี้มาตั้งแต่แรกก็คงต้องแต่งให้จบเรื่องหน้าจะเป็นแนวแบบที่นินดาชอบ

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #76 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 12:07:44 PM »
ตอนที่ 33  เส้นทางฟ้าลิขิต
 
ด้านเจ้าวานรกับนางมัจฉาที่ออกติดตามพระฤาษีอยู่นานในที่สุดก็พบที่ถ้ำในเขตป่าหิมพานต์เพื่อพบเจอแล้วเจ้าวานรต่อว่าด้วยเพราะโมโหที่ท่านตาไม่คิดช่วยเหลือและปล่อยให้รามสูรกับเทพวายุถูกจับตัวไป

เจ้าวานร "ท่านตาเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไม่ดูดำดูดีอีกหรือฉันก็ตามหาตั้งนานรามสูรกับเทพวายุถูกพวกมารจับตัวไปแล้วท่านตากับมานั่งสมาธิอยู่นี่"

นางมัจฉา "นั่นสิคะท่านตาท่านจะนั่งทำคอไม่รู้ร้อนอยู่ได้อย่างไรในเมื่อเด็กสองคนนั่นท่านเลี้ยงมากับมือท่านจะปล่อยให้ตายเชียวหรือคะ"

พระฤาษีลืมตาขึ้นอย่างช้าๆจากนั้นก็เอ่ยปากบอกถึงสาเหตุให้เจ้าวานรกับนางมัจฉาฟัง

พระฤาษี "นี้เป็นลิขิตสวรรค์เป็นบททดสอบของเทพทั้งสองที่ต้องฝ่าไปด้วยตัวเองจากนี้ข้าช่วยได้แค่กับไปที่อาศรมอยู่ช่วยเหลือพระนางมณฑารัตน์เท่านั้นที่เหลือพวกเค้าต้องฝ่าฟันไปเองพวกเจ้าก็กลับไปกับข้าด้วยก็แล้วกัน"

จากนั้นพระฤาษีก็ร่ายมนต์แปลบเดียวท่านตาพระฤาษีเจ้าวานรกับนางมัจฉาก็มาโผล่ที่อาศรมเจ้าวานรพบเทพวายุก็ดีใจส่วนนางมัจฉาแปลกใจที่ไม่เห็นนายสาวของตน

เจ้าวานร "เทพวายุพี่ดีใจที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ว่าแต่รามสูรล่ะหายไปไหนเกิดอะไรขึ้น"

นางมัจฉา "นั่นซิเกิดอะไรขึ้นแล้วพระธิดาแก้วนาคาเสร็จไปอยู่ที่ไหนเพคะพระโอรสพระมเหสี"

เทพวายุ "เจ้าพี่รามสูรจำพวกเราไม่ได้อีกแล้วเค้าเปลี่ยนไปเหมือนไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลยราวกับคนละคนส่วนแก้วนาคาอาสาไปตามรามสูร"

นางมัจฉา "แล้วพระโอรสปล่อยให้พระธิดาหม่อมฉันไปได้อย่างไรถ้าเกิดอะไรขึ้นพระองค์ต้องรับผิดชอบ"

เทพวายุ "ใช่ฉันต้องรับผิดชอบฉันจะไปตามทั้งแก้วนาคาและเจ้าพี่รามสูรเองท่านตาหลานฝากดูแลเสด็จแม่ด้วยนะท่านตา"

เทพวายุพัดพาตัวเองไปราวกับพายุทันทีทั้งที่พระมเสีมณฑารัตน์ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรกับพระโอรสของนางเลย

***อีกด้านหนึ่งตระศิลากับธรรมราชก็มาถึงดินแดนอสูรที่ตรงนี้มีแต่ความว่างเปล่ากับซากอสูรหลายล้านตนที่โดนพลังตูมใหญ่ราวกับระเบิดปรมาณูและซากปรักหักพังของปราสาทแห่งเจ้าอสูรทั้งสองเดินตามหาค้นซากอสูรทั้งหลายที่ทับทมกันเพื่อหาอาจารย์และตระศิลาก็หาบิดาของตนด้วยทั้งสองใช้เวลาในการค้นหาร่วมสามชั่วโมงในที่สุดก็พบทั้งร่างเจ้าอสูรและท้าวไตรรงค์

ตระศิลา "สเด็จพ่อลูกขอสัญญาอย่าจะเอาศีรษะอ้ายรามสูรกับอ้ายเทพวายุมาเส้นวิญญาณพระองค์ให้จงได้"

ส่วนธรรมราชก็โกรธแค้นเช่นกันตัวเองไม่ได้พูดอะไรแต่ด้วยเจ้าเล่ห์จึงใช้มือของข้างจับทั้งสองร่างแล้วใช้วิชาดูดพลังดูดวิชาและพลังและของดีที่เจ้าอสูรกับท้าวไตรรงค์มีเข้าตัวๆเองทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวสร้างความไม่พอใจให้ตระศิลายิ่งนัก

ตระศิลา "ธรรมราชเจ้าทำอะไรนั่นพ่อข้าแล้วก็อาจารย์ของเราเจ้าทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร"

ธรรมราช "ท่านอาจารย์กับพ่อเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้พระเวทย์อีกแล้วส่วนเจ้าก็คอยเป็นผู้ช่วยข้าก็แล้วกันถ้าไม่พอใจก็ดีจะได้ฆ่าเจ้าแล้วดูดวิชาอีกคน"

ตระศิลามองด้วยความเคืองแค้นแล้วคิดว่าเมื่อกำจัดรามสูรกับเทพวายุได้แล้วต่อไปก็จะกำจัดธรรมราชด้วยเช่นกันจากนั้นก็นำศพบิดาไปยังนครเวหาของตนเพื่อทำพิธีปลงศพส่วนธรรมราชก็กับไปหาพระธิดาบุษผามาลีชายาของตนเมื่อไปถึงพบว่านางกำลังจะผูกคอตายเนื่องจากนางคิดมากเรื่องที่พ่อแม่ประชาชนชาวเมืองถูกธรรมราชข้าตายแต่ตัวเองกับกลัวที่ตายถึงกับยอมอดสูมาเป็นชายาคนที่ฆ่าพ่อแม่ธรรมราชโกรธจัดปล่อยลูกไฟใส่เชือดจนขาด

ธรรมราช "เจ้าจะทำอะไรไม่อยากอยู่กับข้าเป็นมเหสีของข้าและมีโอรสที่ยิ่งใหญ่ให้กับข้าแล้วเหรอ"

บุษผามาลี "เรามันอ่อนแอนักอกตัญญูอีกต่างหากทำไมเราไม่ขอให้เจ้าฆ่าเราเสียกับยอมพลีกายให้คนที่ทำลายบ้านเมืองน่าละอายจริงๆ"

ธรรมราช  "ก็เพราะฟ้าลิขิตให้เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าข้าถึงหลงรักเจ้าแต่แรกเห็นไงต่อไปอย่าคิดทำโง่ๆอีก"

###ฝ่ายอามาตย์เทเวทย์กับสนมเอกจันทเนตรที่ถูกท้าวธรรมลักษณ์ขับไล่ออกจากเมืองก็เหมือนเวรกรรมตามทันสมัยช่วงตัวเองมีอำนาจก็ใช้อำนาจจำกัดคู่แข่งของตนมาโดยตลอดระหว่างทางระหกระเหินก็ไปเจอะกับโจทย์เก่าขุนโจรอมรเดิมเป็นอามาตย์อยู่ในนครกุสินาราอามาตย์เทเวทย์สมัยนั้นมีตำแหน่งเป็นแค่คุณพระกับหมู่คงนายทหารคนสนิทใส่ร้ายโดนขับออกจากเมืองขุนโจรอมรจึงรวมกลุ่มก่อตั้งรังโจรอยู่บนเขาภูพญาเขาสูงในป่าลึกมีอาสาสมัครร่วมพันคนเพื่อรอเวลาแก้แค้นอามาตย์เทเวทย์กับพรรคพวกกลุ่มอามาตย์เทเวทย์มีกันแค่ไม่ถึงห้าสิบคนที่ถูกขับออกมาเมื่อหลงเข้าไปในรังศัตรูเหมือนเส้นทางฟ้าลิขิตให้เดินก็เกิดการรบราฆ่าฟันกันขึ้นอามาตย์เทเวทย์หัวหมู่คงและทหารที่ภักดีที่ติดตามมาทั้งหมดถูกฆ่าตายส่วนสนมเอกจันทเนตรถูกบังคับเป็นเมียโจรและถูกใช้แรงงานในฐานะทาสเชลย

(จบตอนที่33)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2008, 05:57:46 PM โดย bobenz »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #77 เมื่อ: เมษายน 21, 2008, 03:34:56 PM »
ตอนที่ 34   อวสานยักษ์และมาร

ด้านพระธิดาสุวรรณเรขาเจ็บแค้นโกรธเคืองรามสูรที่ฆ่าบิดาตนจึงติดตามหาเพื่อแก้แค้นจนเจอรามสูรอสูรกึ่งเทพที่บัดนี้ไออสูรในร่างกายได้แผ่ซ่านไปทั่วรามสูรที่เดินทางอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้นัยต์ตาแดงกล่ำได้เดินทางไปสิ้นสุดที่นครกสิรกาญจ์ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกธรรมราชฆ่าฟันล้างเมืองจนเป็นเมืองร้างในที่นี้เป็นเมืองที่มีวิญญาณทีโกรธแค้นลอยไปมาอยู่เต็มเมืองซึ่งเหมาะแก่การที่จะฝึกวิชามารขั้นสุดยอดโดยการดูดเอาวิญาณที่ถูกกักด้วยความโกณธแค้นเหล่านี้มาไว้ในกายตนเมื่อทำสำเร็จก็จะมีอำนาจมากพอที่จะโคล่นพระอิศวรผู้เป็นใหญ่ในสามภพสุวรรณเรขาสะกดรอยตามรามสูรมาโดยที่รามสูรไม่รู้สึกตัวนางรอเวลาให้รามสูรนั่งลงทำสมาธิที่กลางลานจุดที่เคยเป็นห้องท้องพระโรงว่าราชการของเมืองมาก่อนเมื่อเวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วยามรามสูรกำลังอยู่ในสมาธิไอร้อนพุ่งออกทางศรีษะถ้าทำสำเร็จเขาจะเป็นมารเต็มตัวสุวรรณเรขาถือโอกาสลงมือด้วยการปล่อยมีดบินซึ่งเป็นอาวุธลับประจำกายรามสูรรู้สึกตัวออกจากสมาธิและโกรธแค้นที่สุวรรณเรขามาทำพิธีของตนพังจึงตรงเข้าคต่อสู้ด้วยรามสูรที่เก่งและโหดกว่ารับมือนางได้หมดไม่ว่านางจะปล่อยลูกพลังใส่ไม่ยั้งแต่รามสูรกับใช้มือเปล่าปัดลุกพลังออกไปได้หมดเช่นกันลูกพลังของสุวรรณเรขาลอยไปตกในทิศทางต่างๆเกิดเสียงระเบิดกัมปนาทดังกึกก้องไปทุกสารทิศแก้วนาคาเทพวายุธรรมราชและตระศิลาที่กำลังตามหารามสูรอยู่ก็ได้ยินเสียงระเบิดจากทิศที่ต่างกันต่างก็ตรงไปยังจุดที่เป็นต้นกำเกิดเสียงดังนั้นทันทีหลังจากปัดลูกพลังไปหมดแล้วทีนี้รามสูรก็เป็นฝ่ายลงมือจู่โจมบ้างรามสูรซัดพลังใส่สุวรรณเรขาพลังนั้นทรงอนุภาพมากทั้งแรงและเร็วเกินที่นางจะหลบพ้นได้แต่ก่อนที่ลูกพลังจะกระแทกตัวนางเทพวายุที่เป็นลมสามารถพัดไปที่ไหนในเสี้ยววินาทีก็เอาตัวมาขวางลูกพลังพลังของพี่ชายตนแรงกระแทกได้กระแทกร่างของเทพวายุลอยไปกระทะกับหินผาและมีเสียงระเบิดตามหลังสุวรรณเรขาตกใจร้องกริ๊ดออกมาเป็นห่วงความเป็นความตายของเทพวายุด้านรามสูรก็หยุดชะงักไปเหมือนจิตใต้สำนึกสั่งให้หยุดในขณะนั้นตระศิลากับธรรมราชที่มาพร้อมบุษผามาลีก็มาถึงที่เกิดเหตุทั้งหมดบุษผามาลีรู้สึกหดหู่ใจทีได้มาเห็นสภาพบ้านเมืองที่ตนได้จากมาแต่ธรรมราชที่ได้ดูดเอาของดีจากเจ้าอสูรและท้าวไตรรงค์เข้าไว้ในกายกับหึกเหิมว่าพลังของตนมากกว่าเดิมก็ตรงเข้าไปหมายจัดการรามสูรทันทีรามสูรเองเมื่อเห็นคู่อสู้ที่เปลี่ยนไปตรงเข้ามาก็ตาขวางกำหมัดพร้อมสู้ด้วยอย่างเอาตายทั้งคู่แลกหมัดเท้ากันสปีดของรามสูรก็ยังเหนือกว่าธรรมราชถึงแม้ธรรมราชจะเก่งขึ้นก็ตามและตระศิลาก็ตรงเข้าไปรุมด้วยเมื่อเห็นธรรมราชเป็นฝ่ายเพรี้ยงพร้ำสุวรรณเรขารีบไปดูอาการเทพวายุนางบรรจงประคองร่างเทพวายุขึ้นมาด้วยน้ำตาไหลริน "เทพวายุอย่าเป็นอะไรนะฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย" เทพวายุยังกระอักเลือดอยู่ตลอดเวลาได้เอามือของตนบรรจงปาดน้ำตานางอันเป็นที่รักและเอ่ยว่า "สุวรรณเรขาเจ้ายกโทษให้พี่ชายข้าได้ไหมดูสภาพเค้าซิเค้าไม่เหมือนเดิมเค้าขาดสติและที่สำคัญพ่อเจ้าก็เป็นคนบีบให้เราต้องทำแบบนี้" สุวรรณเรขาพยักหน้าเบาๆตอนนี้นางยอมรับเรื่องที่พ่อนางตายเป็นเพราะเวรกรรมที่ทำไว้ต่างหากนางจึงเลิกเครียดแค้นรามสูรและให้อภัยเทพวายุชายอันเป็นที่รัก ในขณะที่อีกมุมเป็นการต่อสู้แบบสองรุมหนึ่งแต่รามสูรก็ตั้งรับได้อย่างสบายแก้วนาคามาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนสุดท้ายเมื่อมาถึงก็เห็นรามสูรกำลังแลกหมัดและเท้ากับธรรมราชและตระศิลารามสูรชายที่นางรักบัดนี้มีนัยต์ตาแดงกล่ำตัดกับคิ้วที่เข้มและใบหน้ากันคมแต่แฝงด้วยควาอำมหิตแตกต่างจากรามสูรที่ปากทำเป็นดุแต่แววตาคอยมองอย่างห่วงหาคนเดิมริบลับหลังแลกหมัดกันซักพักรามสูรก็เบ่งพลังจากภายในแรงของพลังที่ดันออกมาเกิดแสงสว่างจ้าและกระแทกร่างของทั้งธรรมราชและตระศิลากระเดนไปคนละทิศละทางตระศิลาเรียกกงจักรอาวุธสังหารของตนออกมาเพื่อจะตัดร่างของรามสูรเมื่อรามสูรเห้นดังนั้นก็เรียกขวานฟ้าอาวุธของตนออกมาบ้างธรรมราชก็เรียกอาวุธซึ่งก็คือทวนพิฆาตออกมาเช่นกันตระศิลาได้ปล่อยกงจักรออกไปใส่รามสูรพญาเทพกึ่งอสูรก็ได้โยนขวานของตนที่ทรงอนุภาพกว่าตามเจ้าของๆมันออกมาขวางเช่นกันส่วนธรรมราชก็โยนทวนพุ่งเข้าใส่ร่างของรามสูรจากอีกด้านหนึ่งด้วยเทพวายุเห็นท่าไม่ดีค่อยพยุงตัวเองขึ้นมาในมือได้เรียกตรีสูรอาวุธประจำกายออกมาเช่นกันและฉวยจังหวะที่ธรรมราชเผลอเพราะมัวแต่จะเล่นงานรามสูรก็ขวางตรีสูรใส่ธรรมราชเช่นกันกงจักรได้โดนขวานฟ้ากระแทกกระเด็นไปปักอยู่ที่ต้นไม้และระเบิดหายไปเป็นผงธุรีแรงของขวานไม่หยุดเพียงเท่านั้นขวานยังไปจามศีรษะตระศิลาที่หลบไม่ทันหลังอาวุธของของตนถูกทำลายได้แต่มองอย่างตระลึงพอมารู้ตัวอีกที่ขวานของศัตรูก็ฟาดลงบนศีรษะกลางหน้าผากด้วยฤทธานุภาพของขวานฟ้าตระศิลาถึงแก่ความตายตามท้าวไตรรงค์ผู้เป็นบิดาด้วยถูกรุมทวนของธรรมราชก็พุ่งเสียบร่างรามสูรพญาอสูรผู้มีนัยต์ตาแดงกล่ำและตรีสูรของเทพวายุก็เสียบร่างของธรรามราชเช่นกันทวนที่แทงทะลุร่างพญายักษ์กึ่งเทพนัยต์ตาที่แดงกล่ำค่อยกลายเป็นสีดำตามเดิมร่างของรามสูรตกลงพื้นและแน่นิ่งไปธรรมราชที่โดนตรีสูรอาวุธแห่งเทพพระพายเสียบทะลุร่างเช่นกันด้วยอาวุธแห่งเทวาธรรมราชก็ขาดใจตายในทันทีแก้วนาคาร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดเทพวายุค่อยๆเดินมาดูร่างพี่ชายที่ไร้ซึ่งวิญญาณอย่างเจ็บปวด "แล้วเราจะบอกกับเสด็จแม่ท่านตาและพี่วานรอย่างไรดี"เทพวายุเอ่ยทั้งน้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลรินออกมาด้วย
ท้าวเกร็ดมรกตที่ออกติดตามลูกสาวก็เสด็จมาถึงที่ตรงนี้เพราะมาตุลีแอบลงไปชี้ทางให้มา "แก้วนาคา กลับไปกับพ่อเดี๋ยวนี้เจ้าจากบาดาลมานานมากแล้ว"พระธิดานาคราชหันตามเสียงเรียก "เสด็จพ่อ ช่วยรามสูรด้วยนะเพคะแล้วลูกสัญญาลูกจะไม่ดื้อกับเสด็จพ่ออีกแล้ว" ท้าวนาคราชกับไพร่พลนาคบางส่วนที่ตามมาเห็นอาการลูกสาวแล้วก็นึกสงสารไม่ได้จึงเปรยออกมาว่า "ตอนนี้ลูกสาวพ่อเป็นสาวแล้วเริ่มมีความรักและเสียน้ำตาให้ผู้ชายแล้วตกลงพ่อจะช่วย ทหารจงแบบร่างเจ้ายักษ์หนุ่มนั้นพากลับนครบาดาลเร็ว" เทพวายุจะขัดขวางเพราะจะเอาร่างพี่ชายกลับอาศรมแก้วนาคาจึงพูดออกมาว่า "เทพวายุเจ้ากับสุวรรณเรขากลับไปที่อาศรมก่อนที่นครบาดาลพ่อเรามีน้ำอัมลิตชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นได้" เทพวายุจึงพัดพาสุวรรณเรขากลับสู่อาศรมพระฤาษีทันที

(จบตอนที่34  ติดตามตอนต่อไปตอนจบของเรื่องนี้)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2008, 03:47:54 PM โดย bobenz »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #78 เมื่อ: เมษายน 22, 2008, 11:09:40 AM »
ตอนที่ 35  บทส่งท้ายของรามสูรและเทพวายุ

เมื่อเทพวายุกับสุวรรณเรขาไปจากเมืองกสิรกาญจ์ท้าวเกร็ดมรกตพร้อมด้วยพระธิดาแก้วนาคาก็ให้ทหารนาคแบกเอาร่างที่ไร้วิญญาณของรามสูรกลับไปยังนครบาดาลทันทีทีนี้ก็เหลือแต่พระธิดาบุษผามาลีเองคนเดียวนางพยายามที่จะขุดดินเพื่อฝังร่างของธรรมราชผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนางในเวลานั้นมีแสงสีทองส่องระยิบระยับลงมาเมื่อนางหันไปดูที่มาของแสงก็พบหญิงที่งามสง่ามีลำแสงสีแทงส่องประกายรอบตัวยืนบนดอกบัวที่บานสะพรั่งนางเอ่ยวจีขึ้นมาว่า "สิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดกับชีวิตเจ้าล้วนเป็นกรรมเก่าของเจ้าเจ้าจงออกบวชถือศีลเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่พ่อแม่พี่น้องประชาชนพลเรือนของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้หลุดพ้นบ่วงกรรมที่ติดตัวมา" และนางก็สบัดมือเบาๆศพของธรรมราชกับตระศิลาก็ถูกฝังลงดินไม่เป็นที่อุบาตรตาของผู้พบเห็นทันทีบุษผามาลีนึกสงสัยจึงเอ่ยถามว่า "ท่านนางฟ้าท่านคือนางฟ้าองค์ใดกันแน่ที่มาโปรดชี้ทางสว่างแก่หม่อมฉัน"นางที่มีสีหน้าเมตตาเอ่ยตอบ "เรามีนามว่าอุมาเทวี"
เมื่อได้รับฟังแล้วพระธิดาบุษผามาลีก็ก้มลงกราบแทบพระบาทพระแม่เจ้า "ตกลงเพคะหม่อมฉันจะบวชและถือตัวเป็นศิษย์แห่งพระแม่เจ้า" พระนางอุมาเทวีโบกมือเนรมิตรเครื่องแต่งกายให้บุษผามาลีใหม่เป็นชุดชีพราหมณ์จากนั้นพระนางก็หายตัวไปบุษผามาลีก็ดำเนินหายเข้าไปในป่าลึกเพื่อถือศีลภาวนาต่อไปฝ่ายเทพวายุกับสุวรรณเรขาเมื่อกลับไปถึงก็โผกอดพระมารดาโดยสุวรรณเรขาก็พระทับอยู่เคียงข้างพระมเหสีมณฑารัตน์เอ่ยทักและกล่าวถามพระโอรสของนางว่า "เป็นอะไรมากไหมลูกเจ้าบาดเจ็บนี่แผลเก่าก็พึ่งจะหายได้ไม่นานแล้วเป็นไงไม่พบพี่ชายเจ้าเหรอ"พระโอรสเทพวายุกล่าวตอบอย่างอึดอัดว่า "พบพระเจ้าข้าลูกเจอทั้งพระเชษฐาและแก้วนาคาเลยเค้าสองคนไปด้วยกันอีกไม่นานก็คงตามมา"พระมเหสีนึกสงสัยท่าทางลูกของนางอยู่ในทีแต่ไม่กล้าเอ่ยถามพระโอรสเทพวายุก้มกราบท่านตาพระฤาษีท่านตากล่าวว่า "เจริญพรนะต่อไปนี้ก็จะพ้นเคราะห์พ้นทุกข์โศกกันซะที" และหันไปบอกกับนางมัจฉาว่า "เจ้าน่ะเตรียมตัวกลับไปได้แล้วพระธิดาของเจ้าถูกท่านท้าวนาคาพาตัวกลับนครของเจ้าไปแล้ว" นางมัจฉาพูดโพรงออกมาว่า "จึงรึท่านตางั้นท่านตาช่วยส่งดิฉันไปที่ทะเลให้หน่อยซิจากตรงนี้ไกลเหลือเกิน"พระฤาษีร่ายมนต์ส่งนางมัจฉาไปถึงชายฝั่งจากนั้นเจ้าวานรที่ไปหาอาหารก็วิ่งหน้าตั้งมา
"พระมเหสีขบวนเสด็จขององค์พระเจ้าธรรมลักษณ์กำลังตรงมาทางนี้พระเจ้าข้า" เทพวายุได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจเอ่ยว่า "สเด็จแม่เห็นไหมสุดท้ายความจริงก็ต้องกระจ่างสเด็จพ่อมารับพวกเราแล้ว"เมื่อขบวนเสด็จมาถึงที่อาศรมท้าวธรรมลักษณ์เสด็จลงจากหลังม้าแต่ด้วยพระมเหสียังงอนอยู่จึงพระดำเนินหนีเข้าไปในกระท่อมองค์เหนือหัวพระพักต์ถอดสีเทพวายุจึงเอ่ยปากยุยงว่า "เสด็จพ่อตามเข้าไปง้อเสด็จแม่ข้างในซิพระเจ้าข้า"ท้าวธรรมลักษณ์ตามมเหสีมณฑารัตน์เข้าไปในกระท่อมนางเบินหน้าหนีพระองค์จึงเอ่ยวจีง้อนาง "พี่ผิดไปแล้วพี่ผิดเองที่ไม่เชื่อใจน้องต่อไปนี้พี่จะไม่ทำอีก"พร้อมดึงมือนางที่รักมาจูบเบาๆพระมเหสีเขินอายก่อนตอบว่า "ทีหลังอย่าให้มีอีกนะเพคะ "พระองค์ทรงรีบรับคำ "จ้าพี่ให้สัญญา" หลังจากนั้นก็ประคองกันออกมาเดิมทีท้าวธรรมลักษณ์จะรอรามสูรละรับเข้าเมืองพร้อมกันแต่พระฤาษีบอกให้สเด็จล่วงหน้าเข้าไปก่อนเดี๋วพระโอรสรามสูรก็จะตามไปเองทั้งหมดจึงเสด็จกลับพระนครทางฝั่งรามสูรเมื่อท้าวเกร็ดมรกตนำกลับมาถึงนครบาดาลแล้วก็ให้ทหารนำร่างไปวางลงที่ศิลาศักดิ์สิทธิ์ท้าวเกร็ดมรกตทรงดึงทวนพิฆาตรของธรรมราชออกจากร่างของรามสูรและเข้าไปหยิบโถน้ำอัมลิตบรรจงกรอกให้รามสูรแก้วนาคาและพระนางสมุทรธาราก็ตามมาด้วยแก้วนาคาทูลถามพระบิดาว่า"สเด็จพ่อเพคะแล้วจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนที่รามสูรจะฟื้นคืนชีพเพคะ" ท้าวเกร็ดมรกตตอบว่า "สุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของเค้าถ้าเค้ามีบุญมากกว่าก็เร็วแต่ถ้าบาปมากกว่าก็ใช้เวลานาน"หลังจากนั้นทั้งท้าวเกร็ดมรกตและพระนางสมุทรธาราก็ออกจากห้องพิธีเหลือก็แต่พระธิดาแก้วนาคาที่เฝ้าร่างไร้วิญญาณของชายที่รักนางกุมมือชายที่นางรักมาแนบกับใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาเพียงไม่กี่อึดใจนิ้วของพระโอรสรามสูรเริ่มที่จะกระดิกได้พระธิดาแก้วนาคาทรงดีพระทัยมากพระโอรสรามสูรค่อยๆลืมพระเนตรของพระองค์ขึ้นมาทรงดีใจที่ได้เห็นใบหน้าของนางที่ตนรักเป็นคนแรก "ข้ารู้สึกเหมือนว่าตายไปแล้วเลยข้ามาอยู่นี่ได้ไงข้าควรอยู่ที่ดินแดนอสูรซิ โอ๊ยข้าจำอะไรไม่ได้เลย" แก้วนาคาสวมกอดรามสูรแล้วตอบว่า "เจ้ายังไม่ตายมันเป็นแค่เจ้าฝันไปนึกอะไรไม่ออกก็อย่าไปนึกถึงมันเลยนะที่รัก" รามสูรหัวใจพองโตก่อนจะพูดว่า "แล้วตอนนี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหมแต่ถึงจะฝันมันก้เป็นฝันดี" แก้วนาคายิ้มและตอบว่า "มันไม่ใช่ฝันตอนนี้มันเรื่องจริงรามสูรข้ารักเจ้านะ ออกไปข้างนอกเถอะ" รามสูรกับแก้วนาคาก็ออกจากห้องพิธีท้าวเกร็ดมรกตเอ่ยทัก "เจ้าฟื้นแล้วเหรอเจ้านี่มันก็ดวงแข็งจริงๆ " รามสูรตรัสตอบ "พระเจ้าข้าหม่อมฉันทูลลาไปหาสเด็จแม่ก่อนนะพระเจ้าข้าไปเถอะแก้วนาคา" นางส่ายหน้าเบาๆก่อนตอบว่า "ฉันดื้อรั้นจากที่นี่ไปนานแสนนานบนโลกมนุษย์มันไม่เหมาะกับฉันนายกลับไปเถอะ" รามสูรได้แต่ถอนหายใจ "งั้นเจ้ารอข้านะข้าสัญญาว่าจะมาอยู่กับเจ้าที่นี่" พูดจบก็ดึงแก้วนาคามาใกล้และจูบหน้าผากนางเบาๆจากนั้นตัวเองก็เดินจากออกมาจากนครบาดาลว่ายน้ำขึ้นฝั่งเมื่อถึงฝั่งก็เอาเรือสุวรรณหงส์ออกมาและนั่งเรือเหาะไปลงที่อาศรมพระฤาษีที่นี่เหลือแค่พระฤาษีกับเจ้าวานรเท่านั้น "ท่านตาทุกคนหายไปไหนกันหมดมีอะไรเกิดขึ้นรึท่านตา" เจ้าวานรชิงพูดก่อน "ก็ท้าวธรรมลักษณ์น่ะซิทรงสเด็จมารับทุกพระองค์กลับนครกุสินาราไปหมดแล้วส่วนพี่เป็นลิงเห็นจะไม่เหมาะขออยู่ป่าดีกว่า" รามสูรดีพระทัยจากนั้นก็ก้มลงกราบแทบเท้าพระฤาษี "ท่านตาหลานขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง" เมื่อร่ำลาพระฤาษีกับเจ้าวานรแล้วรามสูรก็ขึ้นเรือเหาะมุ่งหน้าสู่นครกุสินาราทันทีเมื่อสเด็จมาถึงนำเรือเหาะลงจอดเหล่าทหารพากันดีใจที่รามสูรกับมาแล้วระหว่างทางที่จะไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักท้าวธรรมลักษณ์เทพวายุไดดำเนินผ่านมาเมื่อเห็นพระเชษฐาปลอดภัยก็ตรงเข้าไปกอดพระเชษฐาของตน "สเด็จพี่หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่สเด็จพี่กลับมา"รามสูรผละออกจากอนุชาและเอ่ยว่า "พี่ก็ดีใจแล้วเรื่องของเจ้ากับสุวรรณเรขาไปถึงไหนกันแล้วล่ะ" เทพวายุอายก่อนตอบว่า "เราจะแต่งงานกันตอนนี้นางรอหม่อมฉันอยู่ที่อุทยานหม่อมฉันขอตัว" รามสูรจึงเข้าเฝ้าพระธรรมลักษณ์กับมเหสีมณฑารัตน์ทั้งสองพระองค์โอบกอดพระโอรสองค์โตและไต่ถามทุกข์สุขส่วนสุวรรณเรขายืนหน้ามุ้ยรอเทพวายุอยู่นานเทพวายุแอบย่องเบาๆเข้ามาโอบกอดนางจากด้านหลัง "ปล่อยนะเพคะทรงทำอะไรอยู่เดี๋ยวพวกนางกำนัลเห็นเข้า" เทพวายุบรรจงจูบแก้มนางหนึ่งทีแล้วตอบว่า "อยากเห็นก็เห็นไปอีกหน่อยเราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว" สุวรรณเรขาแกะมือเทพวายุออกแล้วตอบแก้เก้อว่า "บ้าใครบอกกันว่าจะแต่งงานกลับพระองค์หม่อมฉันเปล่าซักหน่อย" เทพวายุดึงเข้ามากอดแน่นกว่าเดิม "อะไรนะหมายความว่าอย่างไง" นางทำหน้าเซไซไม่รู้ไม่ชี้จากนั้นทั้งสองก็อยู่ในอ้อมแขนของกันและกันรามสูรบอกกับพระเจ้าธรรมลักษณ์และมเหสีมณฑารัตน์ว่าจะอยู่ถึงพิธีอภิเษกสมรสของเทพวายุกับสุวรรณเรขาแล้วตัวเองจะไปอยู่นคนบาดาลกับแก้วนาคาส่วนนครกุสินาราให้เทพวายุเป็นองค์รัชทายาทแทน วันอภิเษกสุวรรณเรขาทรงเครื่องประดับงามตางามเยี่ยงนางฟ้านางสวรรค์แม่ของนางเลยทีเดียวส่วนเทพวายุทรงชุดสีขาวสะอาดเครื่องทรงเจ้าชายก็งามดั่งเทพบุตรเมื่อท้าวธรรมลักษณ์เจิมหน้าผากรดน้ำสังข์มีบุบชาติจากสวรรค์โบยปรายลงมาจากฟากฟ้าในเมืองนอกเรื่องรื่นเริงบันเทิงใจมีการแสดงตลอดวันตลอดคืนหลังส่งตัวเข้าหอทั้งสองพระองค์นั่งประทับอยู่บนเตียงเทพวายุเอามือลูบใบหน้าสุวรรณเรขาเบาๆ "ภรรยาของข้านี่ชั่งงามเหมือนนางฟ้านางสวรรค์จริงๆ"นางพูดบ้าง "สามีของข้าก็เช่นกันรูปดั่งเทพบุตรเลยทีเดียว"เมื่อพูดจบทั้งสองก็จูบกันและมีความสุขในวันสำคัญของชีวิตเมื่อรุ่งอรุณมาถึงท้าวธรรมลักษณ์มเหสีมณฑารัตน์เทพวายุและสุวรรณเรขาออกมาส่งรามสูรที่หน้าประตูเมือง "รามสูรแล้วอย่าลืมพาแก้วนาคามาเยี่ยมแม่บ้างนะ" รามสูรรับคำพร้อมส่งเรือเหาะให้เทพวายุ "เอานี่ให้เป็นของขวัญของหลานบอกว่าลุงให้ล่ะกัน" จากนั้นรามสูรก็เหาะสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าสู่ทะเลเพื่อไปครองคู่กับหญิงที่ตนรักต่อไป

*********รามสูรครองรักกับแก้วนาคาที่นครบาดาลและมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์เป็นลูกครึ่งเทพยักษ์และนาคราชชื่อ รามสมุทร  ส่วนเทพวายุได้นั่งเมืองกุสินาราโดยมีสุวรรณเรขาเป็นมเหสีมีบุตรธิดาด้วยกันหนึ่งพระองค์ชื่อ เทพนารี


                     .....................................จบบริบูรณ์.....................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 22, 2008, 12:47:19 PM โดย bobenz »

HpJ

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #79 เมื่อ: เมษายน 24, 2008, 08:58:16 PM »
เพิ่งเข้ามาอ่าน(ยังอ่านมะจบเรยย) จะมาบอกว่าพี่bobenz แต่งเก่งสุดๆเรยยอ่ะค่ะ
จาติดตามเรื่อยๆนะคะ ;)

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #80 เมื่อ: เมษายน 25, 2008, 09:22:48 PM »
เพิ่งเข้ามาอ่าน(ยังอ่านมะจบเรยย) จะมาบอกว่าพี่bobenz แต่งเก่งสุดๆเรยยอ่ะค่ะ
จาติดตามเรื่อยๆนะคะ ;)

ชมแบบนี้ก็เขินแย่นี่เป็นเรื่องแรกที่หัดแต่งยาวๆตอนนี้ก็ขอยำไกรทองไปก่อนพี่ไม่ใช่นักแต่งเป็นอาชีพเสริมเหมือนน้องๆคลับเด็กดีก็เลยไม่สมัครคลับนั้นนานๆแต่งทีก็แต่งไว้เฉพาะคลับบอยที่ดียวก็นินดาอุส่าห์เดห้องเอาไว้ให้แล้วนี่เนอะ