ตอนที่15 วันคืนแห่งความสุขใกล้จะหมดลง
รามสูรว่ายขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงผิวน้ำในเวลานั้นก็เริ่มเป็นเวลาเย็นมากแล้วพระอาทิตย์ปริ่มน้ำทะเลถ้ามองดูจากบนฝั่งเจ้าวานรเป็นห่างนายของมันยิ่งนักด้วยพระฤาษีฝากฝังให้เป็นพี่เลี้ยงและสหายคอยดูแลซึ่งกันและกันต้องแต่ยังเล็กเมื่อหายไปนานก็กระสับกระส่ายด้วยความเป็นห่วงเป็นธรรมดา
วานร "ไปตั้งแต่เที่ยงวันจนตอนนี้เวลาเย็นแล้วยังไม่กลับจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรึเปล่านะอ้ายเราก็ตามไปไม่ได้ซะด้วย"
ในตอนนั้นเองก็เริ่มเห็นรามสูรโผล่ศีรษะขึ้นมาเหนือน้ำแล้วว่ายเข้าหาฝั่งจนถึงน้ำตื้นก็เดินขึ้นมาบนฝั่งแล้วนอนแผ่บนหาดทรายด้วยความเหนื่อยอ่อน
วานร "ถึงกับหมดแรงเลยเหรอไปเที่ยวเล่นถึงไหนดีนะที่ไม่เป็นอะไรไป"
รามสูร "ดีนะที่ฉันไปไม่นึกเสียดายเลยซักนิดประการังก็สวยผู้หญิงก็งาม"
วานร "ไปเจอนางพญานาคตัวนั้นมาแล้วเหรอท่าจะเป็นเอามากนะเนี้ย"
รามสูร "ไม่นึกว่าพอโตเป็นสาวจะสวยบาดตาแบบนี้แต่ว่ายน้ำไปถึงก้นทะเลเล่นเอาหอบเหมือนกัน"
ยังพูดจาคุยกันไม่เท่าไหร่เวลากลางคืนก็มาเยือนร่างยักษ์หนุ่มนายที่นอนแผ่หมดแรงที่หาดทรายก็กลับกลายเป็นเทวาบุตรหนุ่มรูปงามที่มีกำลังเหมือนเดิม
เทพวายุ "ทะเลเหรอไม่ได้มาตั้งนานยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยเนอะพี่วานร"
วานร "แต่พี่เบื่อแล้วอยู่ที่นี่ทั้งวันรามสูรลงไปเที่ยวใต้บาดาลมาทั้งวันเลย"
เทพวายุ "เป็นรามสูรนี่ดีเนอะได้เห็นโลกเวลากลางวันคงมีสีสันงดงามแต่พอเวลากลางคืนที่ไหนๆก็มืดมิดไปหมด"
วานร "อย่างน้อยรามสูรก็ไม่มีสิทธิ์ได้ชมความงามของดวงดาวแบบเทพวายุแต่ซักวันเทพวายุกับรามสูรก็จะได้แยกจากกัน"
พลันสายตาเทพวายุเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างแวบๆจึงลุกขึ้นแล้ววิ่งตามสิ่งนั้นไปทันที
วานร "เทพวายุเป็นอะไรจะไปไหนเฮ้ยรอด้วยเกิดอะไรขึ้น"
เทพวายุยังวิ่งตามสิ่งนั้นมาสิ่งที่เทพวายุเห็นก็คือคนลึกลับรูปร่างผอมบางสวมชุดคลุมยาวสวมหมวกคลุมปิดบังหน้าตาคนลึกลับเคลื่อนไหวตัวเองรวดเร็วคงมีวิชาอยู่พอตัวแต่เทพวายุก็มีฤทธิ์สูงอีกทั้งชาติกำเหนิดเป็นเทพแห่งสายลมทำให้รวดเร็วพอจะตามมาติดๆเมื่อคนลึกลับเห็นว่าตนเองคงสลัดหนีเทพวายุไม่พ้นแน่จึงปล่อยพลังออกมาเทพวายุจึงเบี่ยงตัวหลบลูกพลังและจังหวะนั้นคนลึกลับก็ได้ฉวยโอกาสหลบหนีหายไปกลับความมืดยามราตรีเทพวายุได้แต่เจ็บใจซักพักเจ้าวานรก็วิ่งตามมา
วานร "เล่นเอาหอบเลยอยู่ๆก็วิ่งออกมาซะงั้นนี่ถามจริงวิ่งตามอะไรมา"
เทพวายุ "ฉันคิดว่ามีคนสะกดรอยตามเราอยู่นะไม่แน่ใจว่ามีเจตนายังไงกันแน่"
วานร "เห็นหน้ามันรึเปล่าแล้วรูปพันสันฐานของมันล่ะเป็นยังไง"
เทพวายุ "เป็นคนตัวเล็กรูปร่างผอมบางสวมชุดคลุมยาวและใส่หมวกปิดบังหน้าตาและเคลื่อนที่เร็วมาก"
วานร "งั้นเจ้ารีบกลับไปเอาม้าและไปจากที่นี่กันเถอะเดินทางตอนนี้เลยจะได้ไม่เป็นเป้านิ่ง"
เทพวายุเห็นด้วยกับวานรทั้งสองสหายกลับไปที่ชายหาดเพื่อเอาม้าทรงของตัวเองและเพื่อจะเดินทางต่ออีกด้านหนึ่งธรรมราชที่ติดตามหารามสูรและเทพวายุออกเดินทางจากนครตัวเองและไปยังเมืองสหายศิษย์พี่ของตนเพื่อจะขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามหาศัตรูอีกแรงหนึ่งเหาะอยู่ซักพักก็ถึง
ธรรมราช "ทหารเราเป็นพระสหายของโอรสตระศิลาเราต้องการพบโอรสของพวกเจ้า"
ขุนยักษ์ "งั้นเชิญตามทหารเข้าไปเราจะไปเรียนพระโอรสรอสักครู่"
ท้าวไตรรงค์ "ทหารนั่นพวกเจ้าพาใครเข้ามาน่ะ"
ทหาร "เป็นพระสหายของพระโอรสตระศิลาพระเจ้าข้า"
ท้าวไตรรงค์ "อย่างงั้นเหรองั้นตามข้ามาที่ห้องโถงนี่ก็แล้วัน"
ธรรมราช "ถวายบังคมองค์เหนือหัวไตรรงค์พระเจ้าข้า"
ท้าวไตรรงค์ "ไม่ต้องมากพิธีมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาล่ะกัน"
ตระศิลา "อ้าวธรรมราชคนเก่งไหนมาถึงนี่ได้ล่ะมีอะไรรึเปล่า"
ธรรมราช "เจ้าพี่ตระศิลาหม่อมฉันให้ช่วยตามหาศัตรูให้หน่อยมันออกมาเที่ยวเล่นในป่า"
ตระศิลา "ป่ามันออกจะกว้างใหญ่แล้วมันลักษณะอย่างไรเจอแล้วจะให้ช่วยฆ่าให้เอาไหม"
ธรรมราช "มันเป็นยักษ์ในเวลากลางวันและเป็นมนุษย์ในเวลากลางคืน"
ท้าวไตรรงค์ตกใจเล็กน้อยจึงถามว่า "แม่เลี้ยงของหลานชื่อ มณฑารัตน์รึเปล่า"
ธรรมราช "ใช่ท่านลุงรู้ได้ยังไง"
ท้าวไตรรงค์ดีใจนักและคิดในใจว่าในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าสองแม่ลูกอยู่ที่ไหนจากนั้นก็ได้ตัดสินจเล่าเรื่องเกี่ยวกับมเหสีมณฑารัตน์และรามสูรกับเทพวายุทั้งแต่ต้นจนจบที่เกี่ยวกับตนให้ตระศิลาลูกรักกับธรรมราชได้ฟังจนหมดสิ้นเมื่อได้ฟังธรรมราชถึงกระหยิ่มยิ้มย่องทันที
ท้าวไตรรงค์ "ลุงจะไปที่นครกุสินาราของหลานและไปบอกพ่อของหลานว่าเป็นชู้ของมณฑารัตน์และโกหกว่ารามสูรเป็นลูกลุงกับนาง"
ตระศิลา "แล้วเสด็จพ่อก็พานางมาเป็นแม่ใหม่ดูแลเสด็จพ่อที่นี่ส่วนเจ้ารามสูรกับเทพวายุอะไรนั่นก็สังหารมันทิ้งให้หายแค้น"
ธรรมราช "ขอบใจท่านลุงกับพี่ตระศิลามากยิงนัดเดียวได้นกสองตัว"
(จบตอนที่15)