ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

รามสูรกับเทพวายุ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: กันยายน 18, 2007, 10:43:24 AM »
ตอนที่15  วันคืนแห่งความสุขใกล้จะหมดลง

รามสูรว่ายขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงผิวน้ำในเวลานั้นก็เริ่มเป็นเวลาเย็นมากแล้วพระอาทิตย์ปริ่มน้ำทะเลถ้ามองดูจากบนฝั่งเจ้าวานรเป็นห่างนายของมันยิ่งนักด้วยพระฤาษีฝากฝังให้เป็นพี่เลี้ยงและสหายคอยดูแลซึ่งกันและกันต้องแต่ยังเล็กเมื่อหายไปนานก็กระสับกระส่ายด้วยความเป็นห่วงเป็นธรรมดา
วานร  "ไปตั้งแต่เที่ยงวันจนตอนนี้เวลาเย็นแล้วยังไม่กลับจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรึเปล่านะอ้ายเราก็ตามไปไม่ได้ซะด้วย"
ในตอนนั้นเองก็เริ่มเห็นรามสูรโผล่ศีรษะขึ้นมาเหนือน้ำแล้วว่ายเข้าหาฝั่งจนถึงน้ำตื้นก็เดินขึ้นมาบนฝั่งแล้วนอนแผ่บนหาดทรายด้วยความเหนื่อยอ่อน
วานร  "ถึงกับหมดแรงเลยเหรอไปเที่ยวเล่นถึงไหนดีนะที่ไม่เป็นอะไรไป"
รามสูร  "ดีนะที่ฉันไปไม่นึกเสียดายเลยซักนิดประการังก็สวยผู้หญิงก็งาม"
วานร "ไปเจอนางพญานาคตัวนั้นมาแล้วเหรอท่าจะเป็นเอามากนะเนี้ย"
รามสูร  "ไม่นึกว่าพอโตเป็นสาวจะสวยบาดตาแบบนี้แต่ว่ายน้ำไปถึงก้นทะเลเล่นเอาหอบเหมือนกัน"
ยังพูดจาคุยกันไม่เท่าไหร่เวลากลางคืนก็มาเยือนร่างยักษ์หนุ่มนายที่นอนแผ่หมดแรงที่หาดทรายก็กลับกลายเป็นเทวาบุตรหนุ่มรูปงามที่มีกำลังเหมือนเดิม
เทพวายุ  "ทะเลเหรอไม่ได้มาตั้งนานยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยเนอะพี่วานร"
วานร  "แต่พี่เบื่อแล้วอยู่ที่นี่ทั้งวันรามสูรลงไปเที่ยวใต้บาดาลมาทั้งวันเลย"
เทพวายุ  "เป็นรามสูรนี่ดีเนอะได้เห็นโลกเวลากลางวันคงมีสีสันงดงามแต่พอเวลากลางคืนที่ไหนๆก็มืดมิดไปหมด"
วานร  "อย่างน้อยรามสูรก็ไม่มีสิทธิ์ได้ชมความงามของดวงดาวแบบเทพวายุแต่ซักวันเทพวายุกับรามสูรก็จะได้แยกจากกัน"
พลันสายตาเทพวายุเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างแวบๆจึงลุกขึ้นแล้ววิ่งตามสิ่งนั้นไปทันที
วานร  "เทพวายุเป็นอะไรจะไปไหนเฮ้ยรอด้วยเกิดอะไรขึ้น"
เทพวายุยังวิ่งตามสิ่งนั้นมาสิ่งที่เทพวายุเห็นก็คือคนลึกลับรูปร่างผอมบางสวมชุดคลุมยาวสวมหมวกคลุมปิดบังหน้าตาคนลึกลับเคลื่อนไหวตัวเองรวดเร็วคงมีวิชาอยู่พอตัวแต่เทพวายุก็มีฤทธิ์สูงอีกทั้งชาติกำเหนิดเป็นเทพแห่งสายลมทำให้รวดเร็วพอจะตามมาติดๆเมื่อคนลึกลับเห็นว่าตนเองคงสลัดหนีเทพวายุไม่พ้นแน่จึงปล่อยพลังออกมาเทพวายุจึงเบี่ยงตัวหลบลูกพลังและจังหวะนั้นคนลึกลับก็ได้ฉวยโอกาสหลบหนีหายไปกลับความมืดยามราตรีเทพวายุได้แต่เจ็บใจซักพักเจ้าวานรก็วิ่งตามมา
วานร  "เล่นเอาหอบเลยอยู่ๆก็วิ่งออกมาซะงั้นนี่ถามจริงวิ่งตามอะไรมา"
เทพวายุ  "ฉันคิดว่ามีคนสะกดรอยตามเราอยู่นะไม่แน่ใจว่ามีเจตนายังไงกันแน่"
วานร  "เห็นหน้ามันรึเปล่าแล้วรูปพันสันฐานของมันล่ะเป็นยังไง"
เทพวายุ  "เป็นคนตัวเล็กรูปร่างผอมบางสวมชุดคลุมยาวและใส่หมวกปิดบังหน้าตาและเคลื่อนที่เร็วมาก"
วานร  "งั้นเจ้ารีบกลับไปเอาม้าและไปจากที่นี่กันเถอะเดินทางตอนนี้เลยจะได้ไม่เป็นเป้านิ่ง"
เทพวายุเห็นด้วยกับวานรทั้งสองสหายกลับไปที่ชายหาดเพื่อเอาม้าทรงของตัวเองและเพื่อจะเดินทางต่ออีกด้านหนึ่งธรรมราชที่ติดตามหารามสูรและเทพวายุออกเดินทางจากนครตัวเองและไปยังเมืองสหายศิษย์พี่ของตนเพื่อจะขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามหาศัตรูอีกแรงหนึ่งเหาะอยู่ซักพักก็ถึง
ธรรมราช  "ทหารเราเป็นพระสหายของโอรสตระศิลาเราต้องการพบโอรสของพวกเจ้า"
ขุนยักษ์  "งั้นเชิญตามทหารเข้าไปเราจะไปเรียนพระโอรสรอสักครู่"
ท้าวไตรรงค์  "ทหารนั่นพวกเจ้าพาใครเข้ามาน่ะ"
ทหาร  "เป็นพระสหายของพระโอรสตระศิลาพระเจ้าข้า"
ท้าวไตรรงค์  "อย่างงั้นเหรองั้นตามข้ามาที่ห้องโถงนี่ก็แล้วัน"
ธรรมราช  "ถวายบังคมองค์เหนือหัวไตรรงค์พระเจ้าข้า"
ท้าวไตรรงค์  "ไม่ต้องมากพิธีมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาล่ะกัน"
ตระศิลา  "อ้าวธรรมราชคนเก่งไหนมาถึงนี่ได้ล่ะมีอะไรรึเปล่า"
ธรรมราช  "เจ้าพี่ตระศิลาหม่อมฉันให้ช่วยตามหาศัตรูให้หน่อยมันออกมาเที่ยวเล่นในป่า"
ตระศิลา  "ป่ามันออกจะกว้างใหญ่แล้วมันลักษณะอย่างไรเจอแล้วจะให้ช่วยฆ่าให้เอาไหม"
ธรรมราช "มันเป็นยักษ์ในเวลากลางวันและเป็นมนุษย์ในเวลากลางคืน"
ท้าวไตรรงค์ตกใจเล็กน้อยจึงถามว่า  "แม่เลี้ยงของหลานชื่อ มณฑารัตน์รึเปล่า"
ธรรมราช  "ใช่ท่านลุงรู้ได้ยังไง"
ท้าวไตรรงค์ดีใจนักและคิดในใจว่าในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าสองแม่ลูกอยู่ที่ไหนจากนั้นก็ได้ตัดสินจเล่าเรื่องเกี่ยวกับมเหสีมณฑารัตน์และรามสูรกับเทพวายุทั้งแต่ต้นจนจบที่เกี่ยวกับตนให้ตระศิลาลูกรักกับธรรมราชได้ฟังจนหมดสิ้นเมื่อได้ฟังธรรมราชถึงกระหยิ่มยิ้มย่องทันที
ท้าวไตรรงค์  "ลุงจะไปที่นครกุสินาราของหลานและไปบอกพ่อของหลานว่าเป็นชู้ของมณฑารัตน์และโกหกว่ารามสูรเป็นลูกลุงกับนาง"
ตระศิลา  "แล้วเสด็จพ่อก็พานางมาเป็นแม่ใหม่ดูแลเสด็จพ่อที่นี่ส่วนเจ้ารามสูรกับเทพวายุอะไรนั่นก็สังหารมันทิ้งให้หายแค้น"
ธรรมราช "ขอบใจท่านลุงกับพี่ตระศิลามากยิงนัดเดียวได้นกสองตัว"

(จบตอนที่15)





nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กันยายน 18, 2007, 09:25:23 PM »
พี่ bobenz คะ วันนี้ นานะจัง ไปกู้กลอนในวรรณคดีที่พี่ แต่งไว้ ใน google มา
นานะจัง copy กลอนพี่ bobenz  ที่นานะจังกู้มาได้ แต่ไม่แน่ใจว่าครบรึป่าวนะคะ เพราะใช้เวลาพอสมควรเลย
ส่งไปทาง ข้อความส่วนตัว ของพี่นะคะ ให้พี่ โพสใหม่อ่ะค่ะ อย่าลืมเช็คข้อความส่วนตัวนะคะ มีทั้งหมด 3ข้อความค่ะ
ถ้าไม่ได้บอกนะคะ จะได้ส่งใหม่ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 19, 2007, 10:58:49 PM โดย นานะจัง »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: กันยายน 19, 2007, 09:48:58 AM »

ตอนที่16  ปริศนาคนลึกลับ

พระโอรสธรรมราชที่มาวางแผนการชั่วช้า ณ นครเวหาของศิษย์ผู้พี่เมื่อได้ข่าวดีที่จะกำจัดคู่แข่งแล้วก็ขอลาท้าวไตรรงค์กับตระศิลากลับบ้านเมืองตนเองหลังจากธรรราชกลับบ้านเมืองตนเองไปแล้วเจ้าอสูรก็มาที่นครนี้เช่นกันด้วยมีเรื่องร้อนใจอยากให้ช่วยก่อนจะไปที่กุสินาราเพื่อขอความช่วยเหลือจากธรรมราชอีกที
เจ้าอสูร  "ทหารเราคือเจ้าอสูรเราต้องการพบท้าวไตรรงค์กับตระศิลาไปตามให้เราที"
ทหารรีบวิ่งไปทันทีซักพักก็เจอทั้งท้าวไตรรงค์และตระศิลาที่กำลังจะแยกย้ายกักลับไปตำหนักตน
ทหาร  "องค์เหนือหัวพระโอรสมีคนชื่อเจ้าอสูรจะขอเข้าเฝ้าพระเจ้าข้า"
ตระศิลา  "ท่านอาจารย์คงมีอะไรให้เราช่วยแน่ถึงเสด็จมาถึงที่นี่"
ท้าวไตรรงค์  "วันนี้มันวันอะไรนะมีแต่คนมาขอให้ช่วย"
เมื่อมาถึงตระศิลาได้ทำความเคารพอาจารย์ส่วนท้าวไตรรงค์ก็ยืนเพื่อจะฟังอีกฝ่ายพูดเฉยๆ
เจ้าอสูร  "ตระศิลาอาจารย์มีเรื่องจะขอร้องเจ้าสุวรรณเรขาได้หนีออกจากดินแดนอสูรข้าสงสัยว่าจะอยู่ในดินแดนมนุษย์"
ตระศิลา  "น้องสุวรรณเรขาหายตัวไปเหรอศิษย์จะตามหาสุดความสามารถ"  พูดด้วยสีหน้าตกใจและเป็นห่วง
ท้าวไตรรงค์  "ท่านเป็นเจ้าอสูรทั้งมวลนางน่าจะออกมาช่วยงานท่านทำลายล้างโลกจะห่วงทำไม"
เจ้าอสูร  "ไม่หรอกนางไม่ชอบงานที่ข้าทำเพราะนางมีเชื้อสายนางฟ้านางสวรรค์อยู่ครึ่งนึง"
ท้าวไตรรงค์  "อ๋อข้านึกออกแล้วข้าเคยได้ยินมาว่าท่านเคยบุกสวรรค์แล้วฉุดนางฟ้ารับใช้ของพระมหาอุมาเทวีมาเป็นชายา"
ตระศิลา  "สเด็จพ่อท่านอาจารย์ทรงโกรธแล้วนะพระเจ้าข้า"
เจ้าอสูร  "เราไม่ชอบให้ใครมาวิจารณ์จะช่วยหรือไม่ช่วยถ้าไม่เราจะไปหาธรรมราช"
ท้าวไตรรงค์  "ช่วยซิเราเป็นยักษ์ท่านเป็นอสูรมันก็ใกล้เคียงกันและเป็นศัตรูกับเทวดาทั้งคู่อยู่แล้ว"
ตระศิลา "พอรุ่งสางของวันพรุ่งเราจะออกตามหาน้องสุวรรณเรขาทันทีท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วง"
เจ้าอสูร  "ขอบใจงั้นข้าขอตัวก่อนนะ"
ทางด้านในป่าใหญ่ไพรสัณเทพวายุกับเจ้าวานรควบม้าทะยานไปข้างหน้าในมือมีคบเพลิงเพื่อให้แสงสว่างระหว่างเดินทางในป่าเขายามราตรีหามีความงามใดไม่มีเพียงความมืดมิดและบรรยากาศชวนให้วังแวงเท่านั้นทรงม้าลัดเลาะป่าเขาลำเนาไพรอยู่นานก็เข้าไปในป่าทีลึกพอตัวเนื่องจากเดินทางมาไกลมากแล้วจากจุดที่อาศัยคือริมทะเลเมื่อตอนหัวค่ำยามนี้ก็ดึกมากแล้วจึงหยุดผูกม้าพักผ่อนเอาแรงในป่านั้นที่ได้ยินเสียงลำธารและน้ำตกอยู่ไม่ไกลนำเศษไม้มาวางกองรวมกันและนำคบเพลิงที่ใช้มาระหว่างทางจุดกองไฟและแกล้งทำทีเป็นหลับแต่เจ้าวานรน่ะหลับจริงเมื่อเห็นสองนายบ่าวหลับแล้วคนลึกลับก็เขยิบเข้ามาซุ่มดูอยู่ใกล้ๆเพื่อไม่ให้เหยื่อได้ตั้งตัวแล้วหนีไปได้อีกเมื่อเข้ามาในระยะใกล้ขึ้นลืมตาลุกขึ้นและปล่อยพลังทันทีคนลึกลับยังไม่ได้ตั้งตัวก็เลยโดนพลังเข้าอย่างจังแม้บาดเจ็บกระอักเลือดแต่ก็พยายามดิ้นรนหนีเทพวายุก็วิ่งติดตามปอย่างเคยด้วยบาดเจ็บความเร็วเลยลดลงแต่ก็ไม่ยอมหยุดจึงพลังพลังใส่เทพวายุซึ่งหลบได้คนลึกลับหายไปในราตรีอีกครั้งแต่คราวนี้มีรอยเลือดเทพวายุตามรอยเลือดไปและก็พบคนลึกลับนอนหมดสติร่างแช่น้ำที่น้ำตกแถวนั้นตัวคว่ำลงร่างติดแนวหินของน้ำตกเทพวายุเข้าไปดูทันทีเขาพลิกตัวขึ้นมาด้วยร่างเปียกน้ำเลยรู้ว่าเป็นหญิงสาวเขาค่อยประคองร่างขึ้นมาแล้วเอามือเปิดผ้าคลุมศีรษะและได้ตกตะลึงในความงามของนางในทันที
       
                                    คราแรกที่เห็นเจ้าคนงาม                     อยากรู้ชื่อเสียงเรียงนามหนักหนา
                                    ด้วยเจ้างามเหมือนเทพธิดา                  ที่หยาดมาจากฟ้าเพื่อสู่ดิน
                                   งามจริงยอดหญิงกัลยา                         งามจนสกุณาที่โผผิน
                                   ถ้าได้ยลเห็นนวลเจ้ายุพิน                       คงได้บินตกฟ้านภาลัย

เทพวายุรู้สึกร้อนวาบในร่างกายรึว่าเราพอใจในหญิงงามลึกลับคนนี้เขาไม่อาจปล่อยให้นางนอนแช่น้ำแล้วรอให้รู้สึกตัวขึ้นมาเองทีหลังได้จึงโอบอุ้มนางขึ้นมาแล้วพาเอาร่างอันงดงามไปวางลงในถ้ำใต้น้ำตกส่วนตัวเองก็เดินกลับไปยังที่พักเดิมเพื่อไม่ให้วานรตื่นขึ้นมาแล้วสงสัย

nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: กันยายน 19, 2007, 11:00:58 PM »
พี่ bobenz ไม่ได้ ข้อความส่วนตัวของนานะจังเหรอคะ ไม่เห็นมาโพสกลอนในวรรณคดี ต่อเลย
หรือไม่ว่างหว่า ช่วยตอบด้วยนะคะ พี่

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: กันยายน 20, 2007, 09:33:46 AM »
พี่ไปเช็คมาแล้วไม่มีข้อความของนานะสงสัยจะไม่ถึงเมื่อวานพึ่งสมัคร msn สำเร็จเอาไปอีกเมล์ล่ะกัน
bobenz_2@hotmail.com เผื่อเมลแรกของสนุกมีปัญหา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2007, 08:59:56 AM โดย bobenz »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: กันยายน 20, 2007, 10:46:52 AM »
ตอนที่17  ศัตรูจะตามทัน

รุ่งอรุณของวันใหม่ได้มาเยืยนพระธิดาสุวรรณเรขาแห่งอาณาจักรอสูรได้รู้สึกตัวขึ้นและอดแปลกใจไม่ได้ว่าตนเองมาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไรเมื่อได้พักวรกายทั้งคืนก็รู้สึกดีขึ้นจึงออกเดินทางไปจากถ้ำน้ำตกเพื่อตามหาเทวบุตรที่ตนเฝ้าติดตามเนื่องจากเมื่อวัยเยาว์ขณะฝึกวิชาทำสมาธิที่ดินแดนอสูรจิตกับสื่อถึงเด็กมนุษย์คนนึงทีกำลังทำลายป่าอาถรรพ์ของพ่อตัวเองทำให้คิดได้ว่าคนๆนี้ก็คือคนที่จะหยุดยั้งแผนการณ์ชั่วร้ายทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ปีศาจของโลกเนื่องจากไม่อยากให้บิดามีเวรกรรมติดตัวไปมากกว่านี้หลังจาสุวรรณเรขาไปจากบริเวณนั้นได้สักพักรามสูรกับเจ้าวานรก็มาที่น้ำตกแห่งนี้
รามสูร  "น้ำตกแถวนี้ใสสะอาดพระธิดานาคราชถ้าได้มาเที่ยวชมความงามก็น่าจะชอบนะพี่วานร"
วานร  "พี่ไม่มีความเห็นเจ้านึกถึงเค้าตลอดเวลาแบบนี้คงเป็นเพราะเจ้าเป็นหนุ่มและริจะมีความรัก"
รามสูร  "ต่อไปเทพวายุก็จะต้องเป็นแบบฉันถ้าเจอคนที่ถูกใจคอยดูก็แล้วกัน"
วานร  "หาอะไรอยู่เหรอรามสูรให้พี่ช่วยหาไหม"
รามสูร  "ไม่เป็นไรได้แล้วมื้อนี้เราจะกินปลาย่างกัน" ว่าแล้วก็ฉวยเอาไม้ปลายแหลมแล้วเดินลุยน้ำลงไปที่น้ำตกทันที
วานร "งั้นพี่จะช่วยเก็บเศษไม้มาให้ก่อไฟเพื่อย่างปลาล่ะกัน" เจ้าวานรแยกย้ายไปอีกทาง
ณ บนสวรรค์พระอิศวรกับเทพมาตุลีกำลังทอดพระเนตรความเป็นไปของสรรพสิ่งในโลกมนุษย์เทพมาตุลีอมยิ้ม
เทพมาตุลี  "ดูรามสูรมีความสุขจริงๆนะพระเจ้าข้าเทพทั้งสองมีความรักกันล้ว"
พระอิศวร "ใช่เค้าเริ่มมีความรักกันแล้วเมื่อก่อนรามสูรขอเสด็จลงจากสวรรค์เพราะผิดหวังเรื่องรักเราก็คิดไว้แล้วว่าถ้าเทพทั้งสองมีความรักแล้วอยากจะแยกจากกันเพื่อไปอยู่กับเนื้อคู่ของตนเองล่ะก็เพียงในเวลาที่ต่างกันแต่ถ้าจิตทั้งสองฝ่ายตรงกันคืออยากแยกจากกันพรของเราก็จะสำฤทธิ์ผล"
เทพมาตุลี  "วิธีที่จะแยกกันก็คือเทพทั้งสององค์ต้องคิดเหมือนกันทั้งคู่เรื่องอยากแยกกันคิดองค์ใดองค์หนึ่งไม่สำเร็จ"
พระอิศวร "ถูกต้องมาตุลีก็เค้าลงไปเกิดด้วยกันร่างเดียวกันก็ต้องสามัคคีกันเชื่อในเรื่องเดียวกันซิ"
เทพมาตุลี  "แต่ความสุขมันสั้นเหลือเกินต่อไปเทพทั้งสองจะมีแต่เรื่องและจะหาความสุขสงบได้ยาก"
ระหว่างนั้นบนโลกรามสูรจิ้มได้ปลาตะเพียนตัวใหญ่สร้างความปิติยินดีให้ทั้งคู่เดินขึ้นมาก่อไฟและนั่งย่างปลาในเวลาเดียวกันนั้นพญายักษ์ตระศิลาออกตามหาสุวรรณเรขาหญิงงามที่ตนเองหลงรักขณะเหาะเหินเดินอากาศอยู่นั้นเห็นควันไฟอยู่ไกลๆลิบๆพญายักษ์มุ่งไปที่จุดนั้นทันทีรามสูรกับเจ้าวานรกำลังแบ่งกันกินเนื้อปลาอยู่ก็ถูกขัดจังหวะโดยแขกไม่ได้รับเชิญ
ตระศิลา  "ยักษ์อยู่กับลิงเจ้าก็คงจะเป็นเจ้ารามสูรซินะ"
รามสูร  "ใช่แล้วเจ้าล่ะเป็นใครเราไม่รู้จักกันซักนิด"
ตระศิลา  "ถ้าบอกว่าข้าเป็นลูกชายของท้าวไตรรงค์พ่อเลี้ยงของเจ้าล่ะ"
รามสูร  "อ้อแล้วพ่อเจ้าสบายดีรึเปล่ายังไม่ตายใช่มะพ่อเจ้าเคยแพ้ข้าแล้วข้ารู้จุดอ่อน"
ตระศิลา  "แล้วไงพ่อข้าก็กำลังจะไปแก้แค้นอย่างสาสมที่นครกุสินาราอยู่ในขณะนี้แผนง่ายๆแค่บอกเป็นชู้รักแม่เจ้าและเป็นพ่อที่แท้จริงของเจ้าพ่อเจ้าหน้าโง่คงเชื่อแน่เพราะเจ้าเป็นยักษ์และแม่เจ้าโกหกไม่เป็นเพราะเคยเป็นชายาในนามของพ่อข้ามา8ปี"
รามสูร  "พี่วานรงั้นเรากลับเราจะไปทางเรือเหาะ"
ตระศิลา "จะไปไหนเล่าข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่เตรียมตัวตายได้แล้ว" พูดจบก็ปล่อยลูกพลังเข้าใส่ทันที
รามสูรกระโดดหลบลูกพลังไปมาแล้วก็ปล่อยลูกพลังสวนกลับไปบ้างตระศิลาก็หลบไปมาเหมือนกันรามสูรโยนลูกพลังลุกหนึ่งลงพื้นเกิดระเบิดสนั่นทั้งควันหลังระเบิดไปแล้วและฝุ่นตลบจนตระศิลามองอะไรไม่เห็นรามสูรฉวยโอกาสนั้นเหาะหนีไปเพื่อกลับเมืองโดยเร็วที่สุดเมื่อควันจางปรากฎกายพระฤาษีท่านตาชี้ไม้เท้าส่งม้าทรงกับเจ้าวานรให้หายแวบไปโผล่ที่นครกุสินาราแล้วหายตัวไปต่อหน้าต่อตาตระศิลาพญายักษ์หงุดหงิดเล็กน้อยก่อนออกตามหาสุวรรณเรขาต่อไป






nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: กันยายน 20, 2007, 08:49:17 PM »
พี่ไปเช็คมาแล้วไม่มีข้อความของนานะสงสัยจะไม่ถึงเมื่อวานพึ่งสมัคร msn สำเร็จเอาไปอีกเมล์ล่ะกัน
bobenz_2 @hotmail.com เผื่อเมลแรกของสนุกมีปัญหา

โอเคค่ะพี่ นานะจังกู้ไกรทองมาได้ด้วยนะคะเนี่ย แต่เด๋วค่อยโพส
ให้พี่ โพสกลอนในวรรณดคีไปก่อนน้า

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: กันยายน 24, 2007, 09:59:40 AM »
ตอนที่18  เกิดเหตุที่กุสินารานคร
ในขณะนั้นท้าวไตรรงค์ก็ได้มาอยู่หน้าพระนครเรียบร้อยแล้วเมื่อมาถึงก็ซัดพลังใส่ทหารยามเฝ้าประตูเมืองถึงแก่ความตายแล้วใช้เท้าถีบประตูเมืองเข้าไปด้านในพอพ้นประตูเข้าสู่บริเวณลานวังเหล่าทหารก็กลูกันมาต้านทานผู้บุกรุกท้าวไตรรงค์ก็ซัดพลังใส่ทหารทุกคนที่แกนเข้ามาถึงแก่ความตายด้านอามาตย์เทเวทย์ก็ไปทูลเหนือหัวตามแผนที่วางไว้ท้าวธรรมลักษณ์พึ่งออกจากว่าราชการก็ประทับอยู่กับมเหสีมณฑารัตน์เมียรักอามาตย์เทเวทย์เข้ามากราบทูล
อามาตย์เทเวทย์  "องค์เหนือหัวพระเจ้าข้ามีผู้บุกรุกเข้ามาในพระนครและสังหารทหารของเราพระเจ้าข้า"
ท้าวธรรมลักษณ์ "มีใครไปตามธรรมราชออกมาจัดการรึยังรอพีอยู่นี่นะพี่จะไปดูเหตุการณ์ด้านนอก"
มเหสีมณฑารัตน์ "มิได้เพคะน้องขอตามเสด็จไปด้วยนะเพคะน้องเป็นแม่เมืองควรร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน"
อามาตย์เทเวทย์"งั้นเชิญเสด็จทั้งสองพระองค์ตามหม่อมฉันมาเลยพระเจ้าข้า"
อามาตย์เทเวทย์นำทั้งสองมาที่ลานหน้าพระราชวังมาถึงพร้อมสนมเอกจันทรเนตรกับพระโอรสธรรมราชที่มาจากอีกด้านของวังท้าวธรรมลักษณ์พบเห็นท้าวไตรรงค์ที่เป็นยักษ์กำลังต่อสู้ทำร้ายทหารของตนก็เดือดดานต่อว่าผู้ไม่หวังดีทันที
ท้าวธรรมลักษณ์  "เจ้าเข้ามาถึงนี่ต้องการอะไรกันแน่รึจะจับชาวบ้านชาวเมืองเราเป็นอาหารแต่คงจะยากเพราะลูกๆของเราล้วนเก่งกล้า"
ท้าวไตรรงค์ "เราไม่คิดจะจับชาวเมืองท่านเป็นอาหารหรอกอาหารเราหากินที่เมืองอื่นได้แต่เราแค่มาตามเมียของเราต่างหาก"
ท้าวธรรมลักษณ์ "เมียของท่านไม่ได้อยู่ที่นี่แน่ท่านพญายักษ์ท่านมาผิดที่แล้วเชิญกลับไปเถอะแล้วขอให้เลิกแล้วต่อกัน"
ท้าวไตรรงค์ "อยู่ซิมณฑารัตน์ยอดรักของพี่หลายปีแล้วที่เจ้าหนีพี่มาเจ้ายังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะกลับไปอยู่นครเวหาของพี่เถิด"
มเหสีมณฑารัตน์ "ท้าวไตรรงค์ท่านพูดอะไรท่านก็รู้ไม่เป็นความจริงเรากับท่านไม่มีอะไรกันท่านแตะเราไม่ได้ด้วยซ้ำ"
ท้าวไตรรงค์ "งั้นเจ้าก็บอกสามีเจ้าไปสิว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะชายาเราที่นครเวหามาก่อน"
ท้าวธรรมลักษณ์ "นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าบอกพี่มาซิว่ายักษ์นั่นมันพูดไม่จริง"
มเหสีมณฑารัตน์ "คือว่า...จะจริงเพคะแต่น้องสามารถอธิบายทุกอย่างได้"
ท้าวธรรมลักษณ์ได้ยินคำตอบถึงกลับช็อคหลังจากตั้งสติได้ก็โกรธแค้นชายาที่ตนรักมากๆแทน
สนมเอกจันทรเนตร "งั้นพระโอรสรามสูรแท้ที่จริงก็เป็นลูกชู้ล่ะซิถึงว่ามีพระพักต์เป็นยักษ์"
ท้าวธรรมลักษณ์ "เสียแรงที่เรารักหนักหนาเจ้าหลอกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าเจ้าจงไปอยู่กับอ้ายยักษ์ผัวเจ้าไป"
รามสูร "เสด็จพ่ออย่าหลงเชื่อนะพระเจ้าข้ามันไม่เป็นความจริงเสด้จแม่มาหาลูกเร็ว"พระโอรสรามสูรเหาะมาถึงเมืองก็รีบลงมาห้ามปราม
ท้าวธรรมลักษณ์ "ข้าหลงเชื่อไว้ใจพวกเจ้ามาครั้งนึงแล้วไงหลงเลี้ยงลูกชู้มา10ปี"
มเหสีมณฑารัตน์ "ป่วยการที่จะพูดเสด็จพ่อไม่มีทางเชื่อเราอีกแล้วรามสูรเจ้าพาแม่หนีไปจากที่นี่เถอะลูก"
รามสูร "ได้พระเจ้าข้าเรือเหาะขยาย"พระโอรสล้วงเรือน้อยออกมาจากย่ามผ้าเมื่อเรือขยายก็ให้เสด็จแม่ลงประทับในเรือ
เจ้าวานรที่มาถึงก่อนด้วยพระฤาษีส่งมาแอบดูเหตุการณ์อยู่หลังต้นไม้เมื่อเห็นรามสูรกับมเหสีมณฑารัตน์ลงประทับในเรือเหาะก็วิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัวและกระโดดลงไปในเรือขณะเรือกำลังค่อยๆลอยตัวขึ้นท้าวไตรรงค์หันมองเหตุการณ์ครู่เดียวก็ปล่อยพลังใส่เรือที่ทะยานลอยสู่ฟ้าเรือเหาะหลบหลีบพลังราวกับว่ามันมีชีวิตเรือพุ่งไปในอากาศราวกับจรวดพญายักษ์รีบเหาะขึ้นไปในอากาศหมายจะติดตามเรือเหาะเพื่อสังหารรามสูรให้หายแค้นและชิงมณฑารัตน์กลับเมืองตน
รามสูร "เสด็จให้แน่นนะพระเจ้าข้าเราต้องรีบหนีด้วยความเร็วสูงศัตรูจะได้ติดตามไม่ทัน"
มเหสีมณฑารัตน์ "เราจะไปไหนกันลูกแม่"
รามสูร "หม่อมฉันคิดว่าเราจะไปพักอาศัยที่อาศรมของท่านตาพระฤาษีก่อนพระเจ้าข้า"
วานร "เป็นความคิดที่ดีท่านตาจะได้ช่วยคุ้มครองพระมเหสีตอนเราออกไปจัดการเรื่อง..."
เรือเหาะหายไปในกลีบเมฆท้าวไตรรงค์พญายักษ์ติดตามไม่ทันจึงได้แต่กัดฟันอย่างโกรธแค้นและเสียดายซักพักก็มาถึงอาศรมพระฤาษีเรือค่อยเทียบลงที่พื้นอย่างนิ่มนวลพระโอรสรามสูรพามเหสีมณฑารัตน์ลงจากเรือเห็นพระฤาษีนั่งทำสมาธิที่แคร่หน้าอาศรม
รามสูร "หลานกราบท่านตาหลานกับเสด็จแม่จะขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน"
พระฤาษี "ไม่เป็นไรตารู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของหลานแล้วเชิญพระมเหสีตามสบายนะ"
มเหสีมณฑารัตน์ "หลานอยากขอบคุณท่านพระฤาษีมากที่ช่วยเลี้ยงลูกเราจนเค้าแข็งแกร่งและยังให้ที่อาศัยกับเราแม่ลูกอีก"
พระฤาษี "ไม่เป็นไรเชิญพระมเหสีกลับพระโอรสพักผ่อนก่อนพึ่งเดินทามาเหนื่อยๆ"





bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: กันยายน 25, 2007, 10:29:43 AM »
ตอนที่19  หลบหนีสู่พื้นพิภพ
โอรสรามสูรจึงอยู่คอยปรนิบัติดูแลพระมารดาของตนด้วยการอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจกันและกันพอยามเย็นก็ชวนเจ้าวานรไปเก็บผลไม้มาให้พระมารดากับพระฤาษีจนยามค่ำก็ทำที่นอนให้มเหสีมณฑารัตน์หลังจากทำที่นอนให้มารดาเสร็จร่างก็เปลี่ยนเป็นพระโอรสอีกองค์เทพวายุเห็นเสด็จแม่ของตนมาอยู่ที่อาศรมของพระฤาษีก็นึกแปลกใจ
เทพวายุ "เสด็จแม่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรพระเจ้าข้าในเมืองเกิดอะไรขึ้น"
มเหสีมณฑารัตน์ "เสด็จพ่อเนรเทศเราสองแม่ลูกออกมาจากเมืองอีกแล้วล่ะลูกเราถูกใส่ร้าย"
เทพวายุ "ใส่ร้ายใครกันชั่งบังอาจใส่ร้ายเสด็จแม่รึจะเป็นพระสนมเอกจันทรเนตรกับพ่อของนาง"
มเหสีมณฑารัตน์ "เปล่าพวกยักษ์ต่างหากท้าวไตรรงค์ไปที่เมืองของเราแล้วอ้างตัวเป็น......"นางพูดไม่ออกก่อนร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ
เทพวายุ "เสด็จแม่ไม่ต้องพูดลูกก็พอจะเข้าใจแล้วอย่าร้องไห้เลยนะพระเจ้าข้า"พูดพรางเอาเอื้อมมือบาดน้ำตาให้พระมารดา
มเหสีมณฑารัตน์ "เทพวายุคืนนี้ลูกอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่นี่ซักคืนอย่าพึ่งไปไหนเลยนะ"
เทพวายุ "พระเจ้าข้าคืนนี้หม่อมฉันจะอยู่กับแม่ที่อาศรมแต่ลูกขอไปกราบท่านตาก่อนแล้วจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่นี่"
มเหสีมณฑารัตน์ "ไปเถอะลูกท่านพระฤาษีทำสมาธอยู่นอกชานกับเจ้าวานรที่ด้านนอก"
เทพวายุเดินออกไปที่หน้าชานพบพระฤาษีทำสมาธิอยู่โดยเจ้าวานรนอนหลับอยู่บนหลังคาอาศรมจากนั้นก็ล้มลงกราบอาจารย์
เทพวายุ "ท่านตาหลานได้กลับมากราบท่านตามที่สัญญาไว้ก่อนที่จะไปแล้วนะ"
พระฤาษี "พระโอรสคงโกรธแค้นอยู่แต่จะทำอะไรต้องใจเย็นวางแผนให้ลอบครอบเมื่อตอนเที่ยงวันรามสูรพึ่งหนีมาที่นี่ยังไม่เหมาะที่จะไปแก้แค้นทันที"
เทพวายุ "หลานเข้าใจแล้วรับปากว่าคืนนี้จะอยู่ปรนิบัติเสด็จแม่ทั้งคืนส่วนแผนการไว้วันหลังก็ได้"
พระฤาษี "พระโอรสทั้งสองควรอยู่ที่นี่อีกซัก2-3วันจากนั้นค่อยออกไปจัดการต่อกรกับศัตรู"
เทพวายุ "หลานเข้าใจตอนนี้คงจะต้องกลับเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่แล้วพรุ่งนี้หลานจะออกมาคุยด้วย"
ทางด้านนครบาดาลด้วยคืนนี้เป็นวันพระท้าวเกร็ดมรกตพญานาคราชต้องทำสมาธิอาบแสงแก้วในถ้ำพระธิดาตัวดีแก้วนาคากับนางมัจฉาต้องการหนีออกจากนครบาดาลเพื่อท่องเที่ยวโลกมนุษย์ให้ทั่วเลยใช้โอกาสนี้หลบหนีนางมัจฉาแอบขโมยผงควันในห้องเก็บของวิเศษจากนั้นเป่าออกไปทหารนาคที่ลาดตระเวณและเฝ้ายามด้านนอกก็สลบกันหมดจากนั้นก็ฉวยโอกาสว่ายออกจากนครบาดาลเพื่อไปสู่ผิวน้ำต้องว่ยอยู่ซักพักใหญ่ๆก็ถึงฝั่งเมื่อมาถึงชายหาดก็กลายร่างเป็นมนุษย์ทั้งนายและบ่าว
นางมัจฉา "มองทางไหนก็มืดมิดน่ากลัวแล้วเราจะไปทางไหนเพคะเราไม่เคยไปไกลกว่าชายหาดเลย"
แก้วนาคา "ตามมาเราจะตรงเข้าป่าด้านหน้าเราไปเลยต้องรีบออกเดินทางต่อได้แล้วเดี๋ยวคนของเสด็จพ่อก็ตามทันหรอก"
นางมัจฉา "เหนือหัวออกสมาธิก็เช้านู่นพวกนั้นกว่ารู้สึกตัวก็เช้าเช่นกันตามไม่ทันหรอกเพคะ"
แก้วนาคา "ถ้าเจ้าไม่รีบตามเรามาก็จะตามไม่ทันเหมือนกันเพราะชักช้าเราจะไม่รอ"
พระธิดาแก้วนาคากับนางมัจฉายังคงเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าในความมืดมิดไม่เห็นมีอะไรนอกจากต้นไม้ทึบๆวังเวงด้วยอ่อนประสบการณ์จึงไม่ได้เตรียมคบเพลิงเพื่อส่องแสงในยามราตรีนางมัจฉาติดตามก็นึกกลัวตลอดเวลามีเพียงแก้วนาคาที่ใจกล้าดูไม่กลัวอะไรเลยบนพื้นโลกไม่เหมือนใต้บาดาลไม่คุ้นเคยย่อมมีอันตรายรออยู่แล้วด้านพระธิดาพญามารสุวรรณเรขาก็ท่องไปในป่าเพื่อติดตามหาเทพวายุเช่นกันส่วนตระศิลาจอมยักษ์ก็ติดตามหาสุวรรณเรขาอีกทีทั้งวันทั้งคืนเหาะอยู่กลางอากาศเห็นเงาคนสองคนเห็นแวบว่าเป็นผู้หญิงเหตุไฉนมาอยู่กลางป่าก็คิดเป็นสุวรรณเรขาจึงเหาะลงมาแล้วร้องทัก
ตระศิลา "สุวรรณเรขาใช่น้องรึเปล่ากับไปกับพี่เถิดเสด็จพ่อทรงเป็นห่วง"
แก้วนาคา "เปล่าเราไม่ใช่สุวรรณเรขาของท่าน" หันมาตอบเมื่อเห็นมีผู้มาทัก
ตระศิลาตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงงามกลางป่า "อ้าวแล้วคนสวยมาทำอะไรในป่ากลางคืนอย่างนี้เล่าเดี๋ยวเราไปส่งเอาไหม"
แก้วนาคา "ไม่ต้องอีกอย่างเราไม่ใช่คนแต่เป็นพญานาคต่างหากดังนั้นไม่ต้องมาเป็นห่วงไปหาแฟนท่านเถอะ"
ตระศิลา "ไม่ใช่แฟนน้องสาวต่างหากข้ายังไม่มีแฟนหรอกนาคราชเราออกเดินทางไปเป็นเพื่อนล่ะกัน" พญายักษ์เจ้าชู้ทำเฉไฉ
แก้วนาคา "ไม่จำเป็นเรามีคนเดินทางเป็นเพื่อนแล้วเรามีฤทธิ์พอไม่ต้องการผู้พิทักษ์ด้วย"
ตระศิลา "แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ" 
เมื่อเสียหน้าก็คิดแผนร้ายด้วยวิชาที่ฝึกมาเชี่ยวชาญเวทย์ด้านการแปลงกายเป็นอะไรก็ได้เลยคิดแปลงเป็นพญาครุฑเพื่อจับนาคคนสวยกลับไปเป็นชายาตนที่เมืองเวหาซะเลยจึงติดตามไปจนรุ่งสางก็เริ่มแผนการแปลงกายเป็นพญาครุฑแล้วบินออกจากที่หลบซ่อนเพื่อล่าเหยื่อทันที





bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: กันยายน 26, 2007, 10:45:29 AM »
ตอนที่20  บุพเพสันนิวาส
แสงอาทิตย์อ่อนๆรำไรในยามเช้าช่วยเพิ่มสีสันให้ป่าสวยงามขึ้นจับตาแก้วนาคาและนางมัจฉาพี่เลี้ยงรู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศป่าเขาในโลกมนุษย์ชั่งสวยงามเหลือเกินนายบ่าวออกเดินทางไปเรื่อยๆพร้อมดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติที่เขียวชอุ่มไปทั่วบริเวณขณะทั้งสองกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นก็มีเสียงดังมาจากบนฟากฟ้าทั้งคู่ก็แหงนหน้ามองขึ้นไปสิ่งที่ปรากฎอยู่คือพญาครุฑนางมัจฉาตกใจโวยวายขึ้นมาทันที
นางมัจฉา "พญาครุฑเพคะพวกมันเป็นคู่ปรับของเราพระธิดาเราไม่รอดแน่หนีก่อนเพคะ"
แก้วนาคา "ไม่เป็นไรเรามีแหวนนาคราชแหวนวิเศษที่ท่านปู่เคยให้ไว้เมื่อตอนเรายังเด็กมากๆ"
แก้วนาคาใจเด็ดไม่เกรงกลัวพญาครุฑที่อยู่ตรงหน้าพร้อมยิงแหวนมีลำแสงออกมาใส่ศัตรูครุฑแปลงจึงหลบไปหลบมาและปล่อยพลังโต้กลับลงไปบ้างพระธิดานาคราชกับนางกำนัลพี่เลี้ยงวิ่งหลบลูกพลังพญาครุฑเกิดระเบิดขึ้นเป็นทางยาวเมื่อหลบไปตั้งหลักได้ก็แปลงกายเป็นร่างพญานาคเลื้อยไปมาชูคอพ่นไฟพิษใส่ครุฑแปลงศัตรูร้ายได้แต่บินไปมาไม่กล้าผีผลามเข้าไปใกล้เอาแต่กางกงเล็บเพื่อหาจังหวะโฉบเหยื่อที่หมายตาไว้นางมัจฉาฉวยโอกาสหนีไปจากที่เกิดเหตุเพื่อตามคนมาช่วยเพราะในป่าไม่ได้อยู่ในทะเลถึงยังไงพญานาคก็เสียเปรียบพญาครุฑอยู่วันยังค่ำพระอิศวรดลใจให้นางมัจฉาวิ่งไปทางทิศตะวันออกจากตรงนั้นและให้มุ่งตรงไปยังที่ๆโอรสรามสูรประทับอยู่แก้วนาคาพ่นไฟไปมาสลับกับพ่นน้ำแรงๆใส่ครุฑแรงดันของน้ำได้ดันร่างแปลงของตระศิลากระเดนไปไกลก่อนตั้งตัวได้บินกลับมาใหม่แก้วนาคาเลื้อยหนีเข้าไปหลบซ่อนในป่าและแลงร่างกลับมาเป็นร่างมนุษย์พร้อมอาศัยต้นไม้พุ่มๆเป็นที่หลบซ่อนเมื่อเห็นว่าต้านทานไม่ไหว
นางมัจฉา  "ช่วยด้วยเจ้าป่าเจ้าเขาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายใน่ช่วยพระธิดาหม่อมฉันด้วย"
และในบริเวณแถวนั้นรามสูรกับเจ้าวานรกำลังเก็บผลไม้เพื่อนำไปถวายพระมารดากับพระฤาษีเมื่อได้ยินเสียงร้องให้ช่วยก็ตามเสียงไปทันที
นางมัจฉา  "ช่วยด้วย ช่วยพระธิดาหม่อมฉันด้วย"
รามสูร  "เออะเจ้าเป็นนางกำนัลเจ้าสมุทรนี่" เอ่ยปากเมื่อเห็นผู้ร้องเรียก
นางมัจฉา  "เจ้ายักษ์ช่วยพระธิดาแก้วนาคาด้วยถูกพญาครุฑเล่นงานอยู่ทางนู้น"
รามสูรใจร้อนรนดั่งโดนไฟเผารีบบึ่งไปยังจุดหมายที่นางมัจฉาชี้บอกทางทันทีเมื่อมาถึงกลับไม่พบใครเพราะแก้วนาคาได้หนีจากที่เกิดเหตุแล้วส่วนครุฑปลอมก็ออกตามหานางอีกทีนางมัจฉาทั้งตกใจและผิดหวังที่มาไม่พบพระธิดาของตนเอง
นางมัจฉา "พระธิดาหม่อมฉันอุสาห์ไปตามคนมาช่วยอย่าทรงเป็นอะไรไนเพคะ"
รามสูร  "ช่วยกันค้นบริเวณแถวนี้ให้ทั่วนายของเจ้าคงหลบหนีซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่ง"
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากชายป่าด้านเหนือห่างจากตรงนี้ไปไม่ไกลนักรามสูรเรียกอาวุธคู่กายและวิ่งตามไปพร้อมนางมัจฉา
ตระศิลา  "พญานาคเจ้าออกจากที่ซ่อนเดี๋ยวนี้ไม่งั้นข้าจะเผาป่าแถวนี้ให้หมด"
เมื่อไม่เห็นวี่แววจะออกมาก็ซัดพลังเป็นชุดไปทั่วบริเวณแต่บังเอิญลูกพลังลูกหนึ่งพุ่งใส่พุ่มไม้ที่ซ่อนตัวอยู่แก้วนาคาจึงต้องกระโดดหลบออกมาครุฑปลอมฉวยโอกาสจังหวะนั้นซัดพลังใส่แก้วนาคาจังๆนางกระอักเลือดหนึ่งทีก่อนหมดสติฟุบลงกลับพื้นตระศิลาลงมายืนที่พื้นพร้อมคืนร่างเดิม
ตระศิลา  "ฤทธิ์มากนักนะเล่นเอาเหนื่อยเลยแต่ก็ถือว่าคุ้มสำหรับความสวยของเจ้าแล้วข้าได้ครอบครอง"
พญายักษ์เอามือลูบไล้ใบหน้างดงามของแก้วนาคาที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นระหว่างนั้นรามสูรกับนางมัจฉาก็มาถึงพอดี
นางมัจฉา "เจ้าคือยักษ์ตัวเมื่อวานปล่อยพระธิดาเดี๋ยวนี้นะ"
ตระศิลาหันไปมองผู้พูดแล้วก็เจอโจทย์เก่า "ยักษ์รามสูรเจ้าแซ่หาเรื่องตายเองนะ"
ตระศิลากำลังชาตพลังรามสูรไม่รอช้าเมื่อได้ทีตวัดขวานฟ้าลำแสงฟัดใส่ร่างตระศิลากระเดนแล้วก็ระเบิดพลังของลำแสงอัดร่างพญายักษ์บาดเจ็บล้มทั้งยืนด้วยไม่ทันตั้งตัวเลือดพุ่งออกมาจากท้องน้อยบริเวณที่โดนอาวุธเมื่อพยายามพยุงกายก็โดนซัดพลังใส่อีกทีคราวนี้ตระศิลาถึงกลับแน่นิ่งไปรามสูรไม่ได้สนใจตระศิลาอีกว่าเป็นรึตายเขาตรงเข้าไปอุ้มร่างนารีอันเป็นที่รักแล้วเหาะพากลับไปที่อาศรมของพระฤาษีตอนนี้เจ้าวานรกลับมาพร้อมผลไม้ที่ไปเก็บก่อนแล้วเมื่อมเหสีมณฑารัตน์กับวานรเห็นรามสูรอุ้มร่างพระธิดาพญานาคตรงมาที่อาศรมจึงเอ่ยปากว่า
มเหสีมณฑารัตน์  "รามสูรลูกพานางเข้าไปพักรักษาตัวด้านในอาศรมก่อนนะเจ้าวานรไปเก็บสมุนไพรเร็ว"
รามสูร  "พระเจ้าข้าเสด็จแม่" พระโอรสทำตามที่แม่ของตนสั่งพาร่างแก้วนาคาเข้าไปวางลงในอาศรม
จากนั้นนางมัจฉาก็ตามมาที่อาศรมทีหลังเมื่อมาถึงก็นั่งพักเหนื่อยที่แคร่รามสูรเข้ามาคุยด้วย
รามสูร " นายของเจ้าหลบหนีมาเที่ยวไกลถึงนี่เลยหรอรู้ไหมว่ามันอันตรายมากนะ"
นางมัจฉา  "รู้แต่นางไม่ฟังหรอกและไม่คิดกลับไปง่ายๆด้วยเพราะบอกอยากเที่ยวบนพื้นพิภพให้ทั่วก่อน"
รามสูร  "ชั่งเอาแต่ใจจริงๆแต่ก็ดีถ้านางอยู่ในบาดาลเราก็คงไม่มีโอกาส...."
นางมัจฉา "โอกาสอะไรเรารู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่อย่าได้คิดเชียวนะ"
รามสูร  "ข้าไม่ใช่คนฉวยโอกาสแบบนั้นแค่โอกาสจะได้จีบเฉยๆจะสำเร็จไหมอีกเรื่องนึง"



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2007, 10:55:12 AM โดย bobenz »

nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: กันยายน 26, 2007, 08:16:11 PM »
โห สุดยอดครับพี่ เอาเหรียญทองไปเลยดีกว่าค่ะ
 ;D ;D ;D ;D ;D ;D
ปล. นานะจังส่งรูปพี่มณีให้แล้วนะคะ พี่อย่าลืมเช็คเมลล์นะคะ

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: กันยายน 27, 2007, 10:52:49 AM »
ตอนที่21  หญิงงามใครๆก็หลงรัก
เจ้าวานรหายไปนานกลับมาตอนบ่ายคล้อยแล้วพร้อมสมุนไพรแก้ช้ำในเมื่อได้สมุนไพรมเหสีมณฑารัตน์ก็จัดแจงต้มยาเพื่อรักษาพระราชธิดาแห่งนครบาดาลรามสูรยืนลุ้นด้วยความเป็นห่วงกับนางมัจฉาพระมเหสีพูดปลอบใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน
มเหสีมณฑารัตน์ "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูกตอนนี่นางอยู่กับพวกเรานางต้องปลอดภัยแน่"
รามสูร  "แย่จังลูกไม่สามารถทำอะไรได้เลยทำให้เสด็จแม่ต้องพลอยเหนื่อยไปด้วย"
มเหสีมณฑารัตน์ "แม่เต็มใจจ้าก็ลูกอยากให้นางมาเป็นสะใภ้ของแม่ไม่ใช่เหรอ?"
รามสูรได้ยินคำตอบเชิงแกล้งถามของมารดาก็เลยเขินอายแต่ทำทีกลบเกลื่อน
อีดด้านที่เมืองกุสินาราพระโอรสธรรมราชกำลังสำราญใจที่กำจัดคู่แข่งให้แม่ของตนและของตนเองออกได้ก็เสด็จมาทอดพระเนตรทหารซ้อมอาวุธกันอยู่ขณะนั้นมีค้างคาวตัวใหญ่บินลงมาก็ได้สั่งทหารออกไปจากบริเวณนี้ให้หมดด้วยรู้ว่าเป็นเจ้าอสูรอาจารย์ของตนปลอมแปลงมาเมื่อทหารไปกันหมดแล้วก็เริ่มเปิดฉากสนทนา
ธรรมราช "ท่านอาจารย์มาหาศิษย์ถึงนี่มีอะไรจะให้ศิษย์รับใช้ขอรับ"
เจ้าอสูร " ก็สุวรรณเรขานะสิหนีออกมาจากอาณาจักรอสูรข้าออกติดตามแล้วก็หาไม่เจอ"
ธรรมราช "เรื่องใหญ่แบบนี้น่าจะบอกศิษย์แต่เนิ่นๆว่าแต่อาจารย์ให้สาวกกับเจ้าพี่ตระศิลาช่วยตามหารึเปล่า"
เจ้าอสูร "กองทัพผีดิบที่ดินแดนอสูรมันไม่มีสมองคงช่วยอะไรไม่ได้ส่วนนางแม่มดวัลยากระแสจิตติดต่อไม่ได้นานแล้วรวมทั้งปีศาจเสือสมิงก็หายไปอีกตัวส่วนท้าวไตรรงค์กับตระศิลารับปากจะช่วยออกตามหาป่านนี้ก็ยังไม่คืบหน้า"
ธรรมราช "งั้นศิษย์จะไปติดตามหาน้องสุวรรณเรขาเดี๋ยวนี้รับรองจะไม่ทำให้อาจารย์ต้องผิดหวัง"
หลังบทสนทนาจบลงธรรมราชก็เหาะขึ้นไปในอากาศพร้อมกับค้างคาวตัวใหญ่ที่บินออกไปพ้นจากพระนครเช่นกันออกเดินทางไปเรื่อยๆก็เข้เขตป่าใหญ่อาจารย์กับลูกศิษย์ตัดสินใจแยกย้ายกันไปหาคนละทิศคนละทางเที่ยวตามหาจนยามเย็นเจ้าอสูรในร่างแปลงค้างคาวไยนเสียงโอดครวญจึงลงไปดูใกล้ๆ
ตระศิลา "โอ๊ยปวดเหลือเกินอ้ายบาดแผลบ้านี่มันรักษาไม่หายเจ็บใจนัก"
เจ้าอสูร "ตระศิลาเจ้าไปโดนใครเค้าเล่นงานมาแผลแบบนี้ต้องไปรักษาสมุนไพรที่เมืองยักษ์ของเจ้านั่นแหล่ะ"
ตระศิลา "แต่ก็ต้องรักษาตัวเป็นเดือนถึงจะหายศิษย์ผิดเองที่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง"
เจ้าอสูร " เจ้าคงกลับเมืองเองไม่ไหวเดี๋ยวอาจารย์จะไปส่งที่นครเวหาให้ล่ะกันว่าแต่ใครทำเจ้าล่ะ"
ตระศิลา "มันคืออ้ายรามสูรคู่ปรับธรรมราชมันว่าแต่ใครจะช่วยอาจารย์ตามหาน้อง..."
เจ้าอสูร "เจ้าไม่ต้องพูดแล้วและไม่ต้อห่วงดูแลสุขภาพตัวเองก่อนอาจารย์ให้ธรรมราชมารับช่วงต่อให้แล้ว"
ตระศิลา  "ธรรมราชในที่สุดมันก็รู้เรื่องนี้จนได้"
เจ้าอสูรเรียกเมฆลมกรดพาหนะประจำกายแล้วค่อยๆประคองตระศิลาขึ้นเมฆจากนั่นก็สั่งให้มุ่งหน้าไปนครเวหาส่วนธรรมราชที่อยู่อีกด้านก็ยังตามหาต่อไปจนค่ำฝ่ายพระธิดาสุวรรณเรขาเองก็ติดตามหาเทพวายุเทวบุตรหลังจากถูกจับได้ว่าแอบติดตามดูพฤติกรรมเมื่อคราวก่อนหลังจากนั้นก็ยังหาไม่พบเหมือนฟ้าเป็นใจคราวนี้มาพบอาศรมพระฤาษีแอบมองดูเห็นผู้คนมากมายแต่ก็ปรากฏว่าคนที่ตามหาก็อยู่ที่นั่นด้วยพระโอรสเทพวายุนั่งเขี่ยกองไฟอยู่ด้านล่างนางตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เจอคนที่ตามหาจึงแอบดูอยู่ห่างๆเพราะกลัวถูกจับได้ว่ามาสะกดรอยอีกครั้ง
มเหสีมณฑารัตน์ "แม่กลับทุกคนจะไปนอนแล้วนะลูกไม่ง่วงก็เฝ้ายามให้เราไปพรางๆนะลูก"
เทพวายุ "พระเจ้าข้าเสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วงลูกจะเฝ้ายามให้อย่างดีเลยเชียว"
จากมเหสีมณฑารัตน์ก็เสด็จไปนอนเนื่องด้วยเหนื่อยอ่อนกลางวันเมื่อช่วงกลางวันของวันนี้ทุกคนวุ่นวายจนเหนื่อยต่างก็หมดแรงนอนหลับกันไปหมดแต่พระธิดาแก้วนาคาที่สลบไปนานเมือได้กินยาแก้ช้ำในไปแล้วก็ดีขึ้นกับรู้สึกตัวขึ้นมายามค่ำคืนฝื้นขึ้นมาก็มองรอบๆตัวนึกแปลกใจเห็นนางมัจฉานอนอยู่กับคนแปลกหน้าเป็นมนุษย์นางหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาจากอาศรมแบบงงเห็นมนุษย์หนุ่มน้อยนั่งเขี่ยไฟอยู่จึงลงจากเรือนเดินไปถาม
แก้วนาคา "นี่เจ้าเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเรายังไม่ตายอีกเหรอนึกว่าตายไปแล้วซะอีก"
เทพวายุ "เจ้ายังไม่แข็งแรงน่าจะไปนอนผักผ่อนก่อนนะยังไม่น่ารีบร้อนลุกออกมาหรอก"
แก้วนาคา "ไม่เรานอนมาพอแล้วเจ้าช่วยเราเหรอขอบคุณนะ"
เทพวายุ "เปล่าพี่ชายข้าต่างหากเป็นคนช่วยแล้วเค้าก็พาเจ้ากลับมารักษาตัวที่นี่"
แก้วนาคา "งั้นเหรอเออะแล้วเจ้าไม่ง่วงรึไงถึงไม่ไปหลับไปนอนเหมือนมนุย์คนอื่นเค้า"
เทพวายุ "เราไม่เคยง่วงตอนกลางคืนแต่ไหนแต่ไรแล้วเราก็จะนั่งดูดาวแบบนี้ทุกคืนแหล่ะ"
แก้วนาคาก็แหงนหน้าขึ้นฟ้าทันที "ว้าวสวยจังเชื่อมะฉันไม่เคยดูดาวมาก่อนสวยจังระยิบระยับเต็มท้องฟ้าเลย"
เทพวายุ "ไหนๆคืนนี้เจ้าไม่ง่วงเราก็มาดูดาวด้วยกันฉันก็ไม่เคยมีเพื่อนดูดาวมาก่อนเหมือนกัน"
สุวรรณเรขาที่แอบเฝ้ามองเทพวายุเห็นภาพแบบนั้นก็รู้สึกบาดตาอย่างประหลาดหงุดหงิดทันทีที่เห็นเทพวายุนั่งพูดคุยกับแก้วนาคาที่ไม่พอใจเป็นเพราะอะไรกันแน่
แก้วนาคา "เจ้ารู้จักดาวทุกดวงเลยรึเปล่า"
เทพวายุ "รู้ซิดวงนี้ดาวลูกไก่ดาวดวงนั้นดาวจรเข้และดวงนู้นก็ดาวเหนือ" เทพวายุชี้ให้พญานาคสาวดู
แก้วนาคา "เก่งจังเลยอ้าวงั้นแล้วดวงนั้นล่ะ"
เทพวายุ "ไหนอ้อดวงนั้นน่ะหรอมันเป็นกลุ่มดาวประจำราศีน่ะ"
แก้วนาคา "แล้วนายว่าดาวดวงไหนสวยที่สุดพ่อผู้เชี่ยวชาญ"
เทพวายุ "คือไม่มีดวงไหนสวยเป็นพิเศษถ้าเทียบกับเจ้า"พูดพร้อมหันหน้ามามองอย่างจริงจัง
แก้วนาคา "ดึกมากแล้วขอตัวไปนอนก่อนล่ะกันนะจะได้หายดีไวๆ" พระธิดาอึดอัดใจทันทีเลยพูดเรี่ยงๆ









bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: กันยายน 28, 2007, 10:34:04 AM »
ตอนที่22  เทพอสูรเลือดร้อนขี้หึง
ด้วยเพราะพระพายขึ้นชื่อลือชาบนสรวงสวรรค์องค์หนึ่งว่าเป็นเทพเจ้าชู้อ่อนไหวง่ายเมื่อมาจุติในภพชาตินี้ก็ทำให้เทพวายุมีลักษณะนิสัยแบบนั้นเช่นกันเมื่อได้ใกล้ชิดกับแก้วนาคาเค้าก็พลอยหลงเสน่ห์ของนางไปด้วยเมื่อนางเอ่ยปากขอตัวจึงได้แต่เพียงมองตามไปจนสุดสายตาจนหายเข้าไปในกระท่อมจึงกลับมาจดจ่อที่กองเพลิงอีกครั้งส่วนสุวรรณเรขาทนมองเหตุการณ์ไม่ไหวก็หลบไปจากตรงนั้นเข้าไปในป่าห่างจากเขตอาศรมเพียงเล็กน้อยเพื่อหาที่ระบายอารมณ์
สุวรรณเรขา "คนเจ้าชู้พบนางเพียงแปลบเดียวก็แทบจะระทวยต่อหน้านางอยู่แล้วนี่แน่ๆ" ใช้มีดพกปักต้นไม้ไปมา
เจ้าอสูรหลังจากไปส่งตระศิลาที่นครเวหาแล้วก็ย้อนกลับมาในป่าอีกครั้งคราวนี้พบคนรูปร่างบอกบางสวมชุดคลุมยาวผ้าคลุมศรีษะมั่นใจว่าเป็นบุตรีของตนแน่ๆ
เจ้าอสูร  "สุวรรณเรขาเจ้าหลบอยู่ที่นี่เองกลับไปกับพ่อเถอะที่หนีมาพ่อจะไม่เอาเรื่อง"
สุวรรณเรขา "งั้นพ่อหยุดทำบาปคิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และยึดครองสามโลกได้ไหมล่ะแล้วลูกจะกลับไปด้วย"
เจ้าอสูร "เจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อรองเจ้าต้องกลับเพราะเจ้าหนีมาทำให้พี่ตระศิลาเค้าบาดเจ็บเพราะตามหาลูกรู้ไหม"
สุวรรณเรขา "ไม่เพคะพี่ตระศิลาบาดเจ็บเกี่ยวอะไรกับลูกด้วยไม่ได้ขอให้ตามหาเพราะเสด็จพ่อมักใหญ่ใฝ่สูงต่างหากทำให้แม่ต้องตรอมใจตาย"
เจ้าอสูร "พ่อเป็นใหญ่แล้วไม่ดีรึไงใครต่อใครก็จะมาสยบแทบเท้าเราเจ้าก็จะได้เป็นนางพญาด้วยถ้าพ่อได้ครองสามโลก"
สุวรรณเรขา "นางพญาเหรอนางมารซิไม่ว่าเสด็จพ่อคงสงสัยใช่มะว่าสาวกพ่อเจ้าปีศาจเสือสมิงมันหาไปไหน"
เจ้าอสูร  "สุวรรณเรขาเจ้ารู้อะไรบอกพ่อมาซิเจ้ารู้เรื่องอะไรบ้าง"
สุวรรณเรขา "เจ้าปีศาจเสือสมิงน่ะถูกคนเก่งกล้าเค้าสังหารไปแล้วก็เหมือนต้นไม้ปีศาจป่าอาถรรพ์อะไรนั้นที่พ่ออุส่าห์สร้างเพื่อฆ่ามนุษย์ก็ถูกทำลายแล้วเผอๆนางแม่มดวัลยาอีกตนที่บูชาเสด็จพ่อมากว่า1000-2000ปีอะไรนั่นก็อาจจะตายไปแล้วเหมือนกัน"
เจ้าอสูร "เจ้ารู้ว่าเป็นฝีมือใครเจ้าสนใจในตัวมันและเจ้าก็เริ่มแอบหลงรักมันเพราะแบบนี้เจ้าจึงไม่อยากกลับดินแดนอสูร"
สุวรรณเรขา "ลูกเสียใจด้วยนะเสด็จพ่อที่ลูกอกตัญญูกลับไปด้วยไม่ได้" เมื่อพูดจบก็โยนระเบิดควันพร้อมหลบหนีพ่อของตนไปอีกที
เข้าวันใหม่รุ่งอรุณแก้วนาคาที่ไม่ได้นอนแต่หลบเข้ามาในกระท่อมก็ออกมาข้างนอกอีกครั้งก่อนคนอื่นจะตื่นขึ้นมาเดินออกมาเห็นเทพวายุนั่งสับประหงบอยู่ที่เดิมกองไฟก็มอดหมดแล้วหลังจากนั้นเหตุมหัศจรรย์ก็บังเกิดแสงอาทิตย์แส่งกระทบร่างเทพวายุก็หายไปแต่กับกลายเป็นรามสูรที่นั่งอยู่ในท่าเดียวกันโอรสยักษ์ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
แก้วนาคา "นี่มันอะไรกันเจ้ายักษ์กับเจ้าหนุ่มคนเมื่อคืนความจริงแล้วเป็นคนเดียวกันเจ้าหลอกเรา"
รามสูร "เปล่าเราไม่ได้ตั้งใจจะหลอกรึว่าจะปิดบังเจ้าซักนิดเราไม่ใช่คนเดียวกันแค่เกิดวันเดียวกันร่างเดียวกัน"
แก้วนาคา "ใครจะเชื่อเรื่องโกหกไม่มีทางเป็นไปได้เมื่อคืนเราน่าจะเออะใจกับสายตาแบบนั้นไม่น่าหลงพูดคุยด้วยเลย"
รามสูรได้ยินคำตอบก็เดือดดาลทันที "ทำไมเราไม่น่าคบพอรู้ว่าเป็นยักษ์ก็ไม่อยากเสวนาด้วยยักษ์มันน่ารังเกียจนักรึไง"
แก้วนาคา "แล้วใครที่ไหนจะชอบยักษ์ล่ะถามหน่อยชั่งเถอะเราขี้เกียจเถียงกับเจ้ายังไงซะเราก็จะไปอยู่แล้ว"
มเหสีมณฑารัตน์ "เถียงอะไรกันแต่เช้าเล่าลูกเออะอะไปถึงข้างในแน่ะมีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันนะลูก" ทุกคนตื่นเพราะเสียงทะเลากัน
รามสูร  "พระเจ้าข้างั้นลูกขอตัวก่อนนะเดี๋ยวหม่อมฉันมา" พูดจบพร้อมฉุดกระชากแก้วนาคาไปด้วยกัน
รามสูรฉุดกระชากแก้วนาคาอย่างแรงด้วยความโกรธพร้อมพาเดินเข้าป่าและมาหยุดที่บริเวณน้ำตกที่เขาเคยมาก่อนหน้านี้
รามสูร  "จะไปไหนเจ้าไปไหนไม่ได้ถ้าไม่อยู่กับข้าก็กลับวังบาดาลไปเข้าใจไหม" พูดพร้อมบีบแขนนางอย่างแรง
แก้วนาคา "โอ๊ยเจ็บนะความจริงฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉันเจ้ายักษ์นายไม่เกี่ยว" พยายามสบัดแขนออก
รามสูร "ไม่เกี่ยวหรอถ้าไม่ได้ฉันช่วยไว้ป่านนี้ได้เป็นเมียอ้ายยักษ์อีกตนไปแล้วอีกอย่างฉันชื่อรามสูรเลิกเรียกเจ้ายักษ์ซักที"
แก้วนาคา  "ไม่เอาทำไมฉันจะเรียกเจ้ายักษ์มีอะไรไหม เจ้ายักษ์ เจ้ายักษ์"
รามสูรที่กำลังหงุดหงิดเมื่อเจอพระธิดาพญานาคที่เอาแต่ใจยั่วโมโหก็โกรธจัดใช้กำลังปล้ำจูบเพื่อสั่งสอนแต่ธรรมราชที่ตามหาสุวรรณเรขาได้เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน
ธรรมราช  "อะแฮ่มๆถูกเนรเทศมาอยู่ในป่าดูจะไม่เดือดร้อนก็เพราะกำลังมีความสุขแบบนี้นี่เอง"
รามสูรหยุดมือทั้งสองหันไปมองพร้อมกันแก้วนาคาผลักรามสูรออกห่างตนธรรมราชยังพูดพล่ามต่อ
ธรรมราช  "โอ้โหคู่รักสวยซะด้วยซิว่าแต่น้องสาวคิดยังไงถึงได้มารักกับยักษ์จรจัดแบบนี้เหรอ"
แก้วนาคา "เปล่านะเรากับเจ้ายักษ์ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่าได้คิดไปเองซิ"
ธรรมราช "งั้นก็แปลว่ารามสูรเจ้ากำลังจะใช้กำลังข่มขืนหญิงงามสันดานยักษ์มันก็แบบเนี้ย"
รามสูร  "เจ้ามันวิเศษนักนี่อ้ายทรราชเจ้ามันก็คิดอกุศลเหมือนกันถ้ามีโอกาสแม่เจ้ากับตาเจ้าระวังจะได้เสวยสุขได้อีกไม่นาน"
ธรรมราช  "เจอแกก็ดีจะได้ปิดบัญชีซะให้สิ้นซากเตรียมตัวตายได้"
ธรรมราชพูดจบก็ปล่อยพลังออกมาเล่นงานรามสูรดึงมือแก้วนาคาวิ่งหลบหนีลูกพลังของศัตรูและปล่อยสวนกลับไปเพื่อกันการติดตาม





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 28, 2007, 10:49:01 AM โดย bobenz »

nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: กันยายน 28, 2007, 08:46:58 PM »
โห ถึงตอนที่ 22 แล้วนะคะพี่ อยากให้เอามาทำเป็นละคร จัง  ;)

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2007, 09:39:58 AM »
โห เอามาทำเป็นละครมันชั้นมันยังไม่ถึงที่จะทำเป็นละครหรอกแค่มีคนคิดว่ามันสนุกก็โอเคล่ะ
สมมุติว่าได้จริงจะต่อรองให้บอยเป็นพระเอกแล้วจะไม่คิดค่าลิกขสิทธิ์+555 ;D