ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

รามสูรกับเทพวายุ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pim_4262

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2007, 07:27:20 PM »
 ;)

nidajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2007, 06:52:29 PM »
 :)

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2007, 07:59:51 AM »
ตอนที่26 องค์ยุพราชที่เป็นทรราช
เทพวายุก็เดินตามรามสูรเข้าไปในป่าเพื่อปรึกษาหารือว่าต่อไปนี้จะทำอย่างไรเมื่อมาไกลจากคนอื่นพอสมควรแล้วรามสูรก็เริ่มเจรจาทันที
รามสูร "เทพวายุพี่อยากจะไปสืบเรื่องราวในเมืองกุสินาราดูซักหน่อยเจ้าล่ะว่าไง"
เทพวายุ "ถึงปากจะบอกว่าไม่สนแต่แท้ที่จริงหม่อมฉันก็เป็นห่วยเสด็จพ่อ"
รามสูร "งั้นเราแอบไปกันเลยดีไหมแล้วเย็นๆก็กลับมาเสด็จแม่จะได้ไม่เป็นห่วง"
เทพวายุ "ถ้าเสด็จพี่จะไปหม่อมฉัน็จะไปด้วย"
ทั้งสองก็แอบจากไปอย่างลับๆเพื่อไม่ให้ใครรู้ด้านในเมืองกุสินาราหลังเหตุการณ์แยกร่างผ่านไปท้าวธรรมลักษณ์เรียกประชุมเหล่าขุนนางที่ท้องพระโรงว่าราชการโดยที่ธรรมราชและสนมเอกจันทรเนตรก็อยู่ด้วย
ท้าวธรรมลักษณ์ "ท่านโหรช่วยตรวจดูทีเหตุการณ์เมื่อครู่มันคือลางอะไรแน่"
โหรหลวง "หม่อมฉันตรวจดูมาก่อนแล้วได้คำทำนายว่าพระโอรสสองคนของพระองค์จะได้แยกออกจากกันตามดวงพระชะตาพระเจ้าข้า"
ท้าวธรรมลักษณ์ "ลูกข้าที่ไหนลูกชู้ของนางมณฑารัตน์ต่างหาก"
สนมเอกจันทรเนตร "มันต้องเป็นลางร้ายแน่เพคะเสด็จพี่ต้องรีบแต่งตั้งธรรมราชเป็นองค์ยุพราชนะเพคะ"
ท้าวธรรมลักษณ์ "ทำไหมเหรอจันทรเนตรไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยยังไงพี่ก็ต้องยกบัลลังค์ให้ลูกอยู่แล้ว"
สนมเอกจันทรเนตร "หม่อมฉันกลัวเพคะว่าพระพี่นางกับพวกนั้นจะก่อกฎยึดอำนาจจากลูกของหม่อมฉัน"
ท้าวธรรมลักษณ์ "ก็ได้เพื่อความสบายใจของน้องท่านอามาตย์ไประกาศให้ทั่วทุกแคว้นนะว่าเราแต่งตั้งธรรมราชเป็นองค์ยุพราชแห่งนครกุสินารา"
ธรรมราช "ขอบพระทัยเสด็จพ่อพระเจ้าข้าที่เชื่อใจหม่อมฉัน"
อามาตย์เทเวทย์ "ทรงตรัสสินพระทัยได้ถูกต้องแล้วพระเจ้าข้า"
ท้าวธรรมลักษณ์ "งั้นเลิกประชุมแค่นี้ล่ะกัน"
หลังจากท้าวธรรมลักษณ์ออกจากว่าราชการแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันออกมาขุนศักดาที่จงรักภักดีต่อพระมเหสีกับพระโอรสทั้งสองกับลูกน้องในอำนาจของตนหมู่วันและคุณท้าวออกมาปรึกษากัน
ขุนศักดา "สงสารพระมเหสีกับพระโอรสป่านนี้จะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนหนอ"
หมู่วัน "คงสมใจอามาตย์เทเวทย์กับเจ้าหมู่คงแล้วล่ะสิถ้าพระโอรสธรรมราชนั่งเมืองบ้านเมืองลุกเป็นไฟแน่"
คุณท้าว "ก็กระหายสงครามแบบนั้นคงล่าเมืองขึ้นทันทีที่ได้ครองราช"
อามาตย์เทเวทย์กำลังนำทหารออกไปป่าวประกาศตามพระประสงค์ของท้าวธรรมลักษณ์ระหว่างเดินผ่านกลุ่มขุนศักดาก็ยิ้มเย้ยที่พวกตนเป็นฝ่ายมีชัยและเมือออกจากประตูเมืองก็ให้ทหารเที่ยวป่าวประกาศทันทีโดยที่รามสูรกับเทพวายุก็แฝงตัวมาสืบเรื่องอยู่แถวนี้ด้วย
ทหาร" กระจองงองเจ้าข้าเอ้ยองค์เหนือหัวทรงมีพระบัญชาแต่งตั้งพระโอรสธรรราชเป็นรัชทายาทแล้วขอให้ทราบโดยทั่วกัน"เดินไปพูดไปตลอดทาง
เมื่อชาวบ้านได้ยินต่างก็โจทย์จันกันต่างๆนาๆรามสูรกับเทพวายุก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วเช่นกันจากนั้นก็พากันกับไปที่อาศรมทันทีระหว่งทางก้คุยกันเรื่องที่สืบรุมาและปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไงกับเรื่องนี้ดี
รามสูร "ในที่สุดเจ้าธรรมราชมันก็ได้เป็นองค์ยุพราชแล้วเราจะทำไงดี"
เทพวายุ "หม่อมฉันว่าไม่ต้องทำอะไรหรองเสด็จพี่อย่าบอกให้เสด็จแม่รู้ก็พอ"
รามสูร "ถึงท่านจะรู้ก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นเรื่องที่คาดหมายกันได้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้"
เทพวายุ "เปล่าหม่อมฉันกลัวเสด็จแม่จะเสียพระทัยถ้าได้ยินเรื่องของเสด็จพ่อ"
รามสูร "เราก็เตรียมตัวรับมือศัตรูใครซักคนที่จะมาหาเราเร็วๆตามที่ท่านตาเตือนก็พอล่ะกัน"
เทพวายุ "พระเจ้าข้า"
ด้านที่อาศรมที่พระมเหสีแก้วนาคาสุวรรณเรขาและนางมัจฉาที่อาศัยอยู่กับพระฤาษีสุวรรณเรขาแยกออกมานั่งคนเดียวแก้วนาคาจึงเดินไปคุยด้วย
แก้วนาคา "เราชื่อแก้วนาคาหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้นะ"
สุวรรณเรขา "เราชื่อสุวรรณเรขาเรายินดีถ้เจ้าไม่รังเกียจเรา"
แก้วนาคา "ไม่หรอกทำไมมานั่งทำหน้าเศร้าอยู่คนเดียวล่ะมีอะไรก็บอกเราได้นะ"
สุวรรณเรขา "เปล่าขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงแค่ฉันไม่อยากกลับไปอยู่กับเสด็จพ่อเท่านั้นเอง
แก้วนาคา "ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปแค่เรื่องเดียวเหรอ"
สุวรรณเรขา "ใช่" ความจริงแล้วนางโกหกแต่เสียใจเรื่องที่เทพวายุพูดมากกว่า
(จบตอนที่26)







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 24, 2007, 12:20:46 PM โดย bobenz »

nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2007, 09:45:53 PM »
 :-* นึกว่าจาไม่มาต่อ ตอนที่ 26 ซะแล้ว

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: ตุลาคม 27, 2007, 03:09:12 PM »
ยังมีใครติดตามอ่านอยู่ไหมเนี้ยไม่พรุ่งนี้ก็วันลืนจะลงตอนต่อไปให้ล่ะกันนะเพราะเมื่อแต่งไปเยอะๆมุขมันก็เริ่มตัน
ขอโทษด้วยนะจะแต่งให้จบแน่นอนไม่ทิ้งกลางคันเด็ดขาด ;D

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: ตุลาคม 28, 2007, 11:11:38 AM »
ตอนที่27  ช่องว่างระหว่างเรา
ยามเย็นของวันนั้นทั้งรามสูรและเทพวายุก็เดินทางกลับมาถึงอาศรมเทพวายุเห็นสุวรรณเรขานั่งซึมอยู่ก็รู้กสะท้อนใจจริงเดินเข้าไปนั่งข้างๆและพูดคุยด้วยส่วนรามสูรเหลือบมองแก้วนาคานิดนึงแต่ไม่พูดจาทักทายก่อนเดินตรงเข้าไปหาพระมารดาของตนเอง
เทพวายุ "นั่งคิดอะไรอยู่อยากกลับบ้านเมืองตัวเองรึยัง"
สุวรรณเรขา "ถ้าเจ้าอยากให้ข้าไปข้าก็จะไปก็ได้"
เทพวายุ "ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นักหน่อยว่าแต่เจ้าคิดยังไง"
สุวรรณเรขา "คิดยังไงหมายความว่าย่างไร"
เทพวายุ "ก็เจ้าไม่กลัวรึไงว่าพวกเราจะฆ่าพ่อของเจ้าตายถึงจะให้เราหยุดเค้า"
สุวรรณเรขา "ไม่รู้ซิแต่ข้าคิดว่าจะเจ้าไม่ทำแบบนั้น"
เทพวายุ "ถึงเจ้าจะบอกว่าไม่ชอบการกระทำของพ่อแต่ชาติกำเหนิดของเจ้าทำให้ข้าไม่อาจไว้ใจ"
สุวรรณเรขา "กลัวข้าจะเป็นสายให้พ่อกับพวกยักษ์ศัตรูของเจ้ารึไง"
เทพวายุ "ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจแต่ที่ควรพูดข้าก็พูดไปแล้ว"
แก้วนาคา "ทำไมพูดแบบเนี้ยเทพวายุชาติกำเหนิดมันเลือกไม่ได้แต่คนเราเลือกที่จะเป็นได้เหมือนพี่เจ้าที่เป็นยักษ์ไง"
รามสูร " ข้าเกี่ยวอะไรด้วยเป็นยักษ์แล้วไงเป็นยักษ์ผิดตรงไหน"
แก้วนาคา "ข้าไม่ได้ว่าเจ้าอย่าร้อนตัวซิข้าพูดกับเทพวายุ"
มเหสีมณฑารัตน์ "เทพวายุลูกไม่น่าจะพูดแบบนั้นเลยนางแค่ไม่มีที่พึ่งนางรักความถูกต้องเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ"
เทพวายุ "หม่อมฉันขอโทษพระเจ้าข้าเสด็จแม่เจ้าเราขอโทษอีกครั้ง"
พระฤาษี "พระโอรสทั้งสองตาใช้เวทย์มนต์บังตาศัตรูไม่ให้เห็นอาศรมแต่มันจะไม่สามารถบดบังได้ตลอดไปหรอกนะ"
รามสูร "หลานเข้าใจแล้วระหว่างนี้ให้เตรียมตัวรับมือศัตรูที่จะมาใช่ไหม"
พระฤาษีพยักหน้ารับคำลูกศิษย์จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปคนละมุมยามค่ำคืนมาเยือนรามสูรดูตื่นเต้นกับกลางคืนคืนแรกของตนแต่กลับเป็นคืนเดือนมืดมองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่ดวงดาวคืนนี้ก็หายไปหมดท้องฟ้ามีแต่ความมืดหนุ่มสาวสี่คนที่อยู่ตรงกองไฟต่างมีอารมณ์ต่างกัน
แก้วนาคา "คิกๆๆๆๆ"
รามสูร "เจ้าหัวเราะอะไรมีอะไรน่าขำ"
แก้วนาคา "ก็เจ้ามันไม่มีวาสนาจะเห็นดวงดาวระยิบระยับสวยงามเต็มฟ้าไง"
รามสูร "คืนอื่นยังมีโอกาสได้ดูไม่เห็นเป็นไรเลย"
แก้วนาคา "แต่เจ้าก็ผิดหวังกับค่ำคืนแรกของตัวเองอยู่ไม่ใช่เหรอ"
รามสูร "เจ้า!" ได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธและอายที่ถูกเยาะเย้ย
เทพวายุ "นี่เจ้าจะไม่พูดอะไรเลยเหรอเจ้าชื่ออะไรไม่คิดบอกกันเลยรึไง" เทพวายุง้อสุวรรณเรขา
สุวรรณเรขา "ข้าชื่อสุวรรณเรขา"
เทพวายุ "สุวรรณเรขาชื่อเจ้าเพราะดีจังเลย"
สุวรรณเรขา "ขอบใจ"
เทพวายุ "ว่าแต่ทำไมคิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าพ่อของเจ้าล่ะแล้วที่เจ้าเห็นข้าในลิมิตวัยเด็กจริงเหรอ"
สุวรรณเรขา "จริงพอข้าหนีออกจากดินแดนอสูรถึงติดตามหาเจ้าไง"
เทพวายุ "แล้วถ้าพวกเราหยุดยั้งแผนการพ่อเจ้าได้สำเร็จก็ดีแต่ถ้าเราแพ้ก็ช่วยไม่ได้"
รามสูร "ไม่พวกเราจะไม่มีวันยอมแพ้ไม่ว่าจะสู้ได้ไหมก็ตาม"
นางมัจฉา "งั้นพวกเจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ก็ต้องเตรียมฝึกฝีมือรับมือข้าศึกไม่ใช่รึไง"
แก้วนาคา "สุวรรณเรขาเราเข้านอนเถอะใครจะไม่นอนก็ช่าง"
สุวรรณเรขาลุกเดินตามแก้วนาคาไปแก้วนาคาส่งค้อนให้รามสูรหนึ่งทีรามสูรก็หันมองแบบไม่พอใจเช่นกัน



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 28, 2007, 11:13:54 AM โดย bobenz »

nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: ตุลาคม 28, 2007, 11:34:25 AM »
ใช่ค่ะต้องแต่งให้จบนะคะพี่ นานะจัง ติดตามอ่านอยู่ตลอดนะคะ  :-*

ninda

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2007, 11:24:52 PM »
ยังมีใครติดตามอ่านอยู่ไหมเนี้ยไม่พรุ่งนี้ก็วันลืนจะลงตอนต่อไปให้ล่ะกันนะเพราะเมื่อแต่งไปเยอะๆมุขมันก็เริ่มตัน
ขอโทษด้วยนะจะแต่งให้จบแน่นอนไม่ทิ้งกลางคันเด็ดขาด ;D

 :'( :'( :'(

แอบรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะว่านินดาแต่ไม่จบค่ะพี่...แง..

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2007, 04:37:17 PM »
ตอนที่28 ศัตรูที่เหนือกว่า
ด้านท้าวไตรรงค์กับตระศิลาสองยักษ์ร้ายพ่อลูกที่ออกติดตามล่ารามสูรกับเทพวายุก็มาพบกับเจ้าอสูรที่ตามหาตัวลูกสาวโดยบังเอิญขณะจะไต่ถามกันนั้นก็ถูกโจมตีด้วยลุกไฟเมื่อหันไปดูก็พบว่าถูกมังกรไฟตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาเล่นงานทั้งหมดปรึกษากัน
เจ้าอสูร "แถวนี้มีมังกรไฟได้ไงมันต้องเฝ้าอะไรซักอย่างแน่"
ตระศิลา "มังกรไฟข้าจัดการเองอาจารย์กับท่านพ่อไปสำรวจแถวนี้เถอะ"
ท้าวไตรรงค์ "เจ้าระวังตัวด้วยนะตกลงเอาตามนี้ก็แล้วกัน"
จากนั้นเจ้าอสูรกับท้าวไตรรงค์ก็แยกย้ายกันไปส่วนตระศิลาซัดพลังตอบโต้มังกรไฟแต่มังกรไฟหนังเหนียวเกินคราดด้วยเป็นเพราะเกิดจากอำนาจของพระอินทร์ลูกพลังด้านมืดไม่ได้ระคายผิวของมันเลยตรงกันข้ามลูกไฟกับทำอันตรายกับพญายักษ์คู่ต่อสู้ถึงกับปวดแซบปวดร้อนตระศิลาจึงเรียกอาวุธประจำกายออกมาเพื่อห้ำหั่นกับมังกร
ตระศิลา "กงจักรมาร"
เมื่อสิ้นเสียงอาวุธคู่กายก็โบยบินไปเพื่อสังหารมังกรไฟเจ้ามังกรไฟฉวัดเฉวียงไปมากงจักรก็ตามติดด้วยอาวุธพญายักษ์มีอนุภาพมากพอควรจึงสามารถตัดมังกรขาดสองท่อนสังหารได้สำเร็จเมื่อตัวมังกรขาดจากกันแล้วมันก็ระเบิดแล้วหายไปกับอากาศในทันที จากการที่มังกรถูกสังหารอาสล์พระอินทร์ผู้ปลุกเสกมังกรเพื่อเฝ้าถ้ำเทพพยากรณ์ก็ร้อนเป็นไฟขึ้นมาทันทีพระองค์เพ่งญาณลงมาเพื่อดูเหตุการณ์ที่จะเป็นไปและทรงทราบว่าต่อจากนี้เทพรามสูรและพระพายในคราบเทพวายุจะมีเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัสพระองค์จึงเสด็จสู่เขาไกรราชเพื่อปรึกษาหารือกับพระอิศวรโดยทันที ส่วนตระศิลาเมื่อสังหารมังกรก็ติดตามผู้เป็นพ่อและอาจารย์ของตนไปอีกทีเจ้าอสูรกับท้าวไตรรงค์มาพบปากถ้ำทางเข้าถ้ำเทพพยากรณ์ทั้งสองเข้าไปสำรวจด้านในและตกตระลึงเมื่อเห็นพนังถ้าเป็นรูปหน้าคนแม้เทพพยากรณ์จะไม่ปริปากแต่เจ้าอสูรก็รู้ว่าเป็นที่ไหน
เจ้าอสูร "ไม่คาดฝันว่าสถานที่แห่งนี้จะมีอยู่จริงโชคดีแท้ๆ"
ท้าวไตรรงค์ "แล้วมันเป็นที่ไหนเล่าท่านเจ้าอสูรช่วยบอกข้าที"
เจ้าอสูร "ถ้ำเทพพยากรณ์ ไม่ต้องห่วงไม่ว่าใครถ้าทำถูกตามกติกาเทพพยากรณ์ต้องบอกทุกเรื่องที่อยากจะรู้"
ท้าวไตรรงค์กระหยิ่มยิ้มย่องขึ้มาทันทีส่วนตระศิลาก็ตามมาที่ถ้ำแห่งนี้แล้วเช่นกันเจ้าอสูรหยิบคบเพลิงจุ่มลงในบ่อน้ำแล้วเอ่ยวาจาว่า
เจ้าอสูร"เทพพยากรณ์ข้าจะถามท่านว่าสุวรรณเรขาลูกของข้าอยู่ที่แห่งใด"
เทพพยากรณ์ "อยู่ที่อาศรมของพระฤาษีกัญจ์จาแต่ฤาษีลงอาคมม่านบังตาเอาไว้พวกท่านจึงเพ่งญาณหาไม่เจอ"
ท้าวไตรรงค์ "แล้วพวกรามสูรกับเทพวายุล่ะอยู่ไหน"
เทพพยากรณ์"เข้ามาครั้งเดียวถามได้คำถามเดียวจะถามเรื่องอื่นต้องออกไปแล้วเข้ามาใหม่"
เจ้าอสูร "ชั่งเถอะไปตามสุวรรณเรขาลูกข้าก่อน"
ตระศิลา "ไม่แน่พวกมันก็อาจจะอาจอยู่ที่อาศรมแห่งนั้นก็ฤาษีนั่นอาจารย์พวกมันนี่"
ท้าวไตรรงค์ "ถ้าใช่ก็ดีแล้วจะหาอาศรมเจอได้ไงล่ะ"
เจ้าอสูร" ข้ากำลังเพ่งจิตหาอยู่นี่ไง นั่นไงข้าเห็นแล้วตามมาเร็ว"
พวกเหล่าร้ายออกจากถ้ำแล้วเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าบินตรงสู่อาศรมฤาษีกัญจ์จาทันทีขณะที่พวกรามสูรกับเทพวายุกำลังประลองฝีมือกันอยู่ที่บริเวณอาศรมของตัวเองโดยมีแก้วนาคาสุวรรณเรขามเหสีมณฑารัตน์นางมัจฉาเจ้าวานรมุงดูอยู่ส่วนพระฤาษีออกไปธุดงส์ทำสมาธิในป่ารามสูรกับเทพวายุผลัดกันแลกหมัดเตะต่อยเพื่อประลองความไวและฝึกตัวเองจากนั้นก็เริ่มซัดพลังใส่กันต่างก็หลบได้กำลังจะหยุดพักผู้มาเยือนที่ไม่ได้หวังดีก็มาพอดี
ท้าวไตรรงค์ "มาอยู่กันซะที่นี่เองมณฑารัตน์ถ้าเจ้าไม่ไปกับพี่อย่าหาว่าพี่ใจร้ายไม่ได้นะ"
เจ้าอสูร "อ้ายสองคนนี้ให้ข้าจัดการเองพวกเจ้าอยู่ดูเฉยๆเถอะ"
ตระศิลา "ก็ได้ถ้าอาจาย์ลงมือเองมันไม่รอดแน่"
รามสูร "เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรารับมือไหวพระเจ้าข้า"
เทพวายุ "แก้วนาคากับสุวรรณเรขาจะหลบหนีไปก่อนก็ได้นะ"
เจ้าอสูร "พวกเจ้าทั้งสองคนจู่โจมเข้ามาที่เดียวพร้อมกันเลยก็ได้"
รามสูรกับเทพวายุเมื่อได้ยินคำท้าทายก็จู่โจมพร้อมกันเจ้าอสูรมีความไวที่เหนือกว่ารับมือได้ทั้งสองคนสบายมากตะลุมบอนกันพักเดียวรามสูรก็ถูกเตะออกมาก่อนที่เทพวายุจะถูกถีบออกมาอีกคนทั้งสุวรรณเรขาและแก้วนาคารู้สึกเป็นห่วงสองหนุ่มขึ้นมาทันทีเมื่อมือเปล่าหมัดมวยแพ้เค้าทั้งคู่ก็หันซัดพลังใส่เจ้าอสูรเจ้าอสูรก็ปลอยพลังออกมาจากทั้งสองมือมือขวาต้านพลังของรามสูรมือซ้ายต้านพลังของเทพวายุเพียงครู่เดียวเจ้าอสูรออกแรงเพิ่มขึ้นพลังจากทั้งสองด้านซ้ายและขวาก็ตีกลับใส่ทั้งรามสูรและเทพวายุกระเดนไปคนละทิศคนละทางแล้วโลหิตก็ไหลท่วมกายทั้งคู่นอนจมกองเลือดทั้งสองคน
ท้าวไตรรงค์กับตระศิลาได้ทีตรงไปแก้แค้นท้าวไตรงค์บิดแขนรามสูรส่วนตระศิลาบิดแขนเทพวายุทั้งสองร้องโอดครวญ
เจ้าอสูร "ถ้าไม่อยากให้อ้ายสองคนนี้ตายสุวรรณเรขาเจ้าต้อกลับดินแดนอสูรพร้อมพ่อ"
สุวรรณเรขา "ตกลงข้าจะกลับเดี๋ยวนี้แต่เสด็จพ่อต้องรับปากจะไม่ทำร้ายคนที่เหลือ"
เจ้าอสูร "ได้ท้าวไตรรงค์กับตระศิลาช่วยจับพวกมันตามข้าไปดินแดนอสูรด้วยข้าจะทรมารมันให้ตายอย่างช้าๆที่นั่น"
ตระศิลา  "ได้ท่านอาจารย์"
ท้าวไตรรงค์ "ตกลง"
สุวรรณเรขา "ท่านพ่อหมายความว่าไง"
เจ้าอสูร "ข้าก็จะไม่ทำพวกที่เหลือไงตามมาเร็วไม่งั้นพ่อเปลี่ยนใจนะ"
และแล้วเจ้าอสูรก็บีบบังคับสุวรรณเรขากลับดิแดนอสูรพร้อมจัรามสูรกับเทพวายุไปเพื่อทรมารที่นั่นด้วย
(จบตอนที่28)







bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 06:16:45 AM »
ตอนที่29 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
พระอินทร์สเด็จมาถึงที่ประทับแห่งองค์พระอิศวรแล้วมาตุลีก็ได้เข้าไปทูลรายงานให้ทรงทราบจากนั้นเทพผู้เป็นใหญ่ทั้งสองพระองค์ก็ทรงมีประสงค์จะสนทนากันเป็นการส่วนพระองค์เทพมาตุลีเลยออกมาดูเหตุการณ์ด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านนอกแทน
พระอินทร์ "องค์พระสยมพระเจ้าข้าเทพรามสูรกับพระพายทรงไม่มีอำนาจพอจะต่อกรกับเจ้าอสูรได้หรอกต่อไปจะต้องทนทุกข์ทรมาณจะไม่ทรงช่วย"
พระอิศวร"ท่านจะให้เราช่วยอะไรในเมื่อเราก็ช่วยมามากพอแล้วและก็นี่ก็กรรมเก่าของทั้งสองคนด้วยที่ต้องพบเจอ"
พระอินทร์ "แล้วจะให้หม่อมฉันทำอย่างไรกับเทพพยากรณ์ดีเพราะต่อไปจะมีเหตุให้เทพพยากรณ์ต้องทำนายเหตุให้พวกมันอีกภายภาคหน้า"
พระอิศวร"อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเราอย่าไปฝืนลิขิตของพระพรหมณ์ท่านเลยจะดีกว่านะ"
พระอินทร์ "แล้วถ้าเราปล่อยให้พวกนั้นทรมารรามสูรมากๆก็ยิ่งไปกระตุ้นด้านมืดในตัวเค้าออกมาต่อไปจะเดือดร้อนนะพระเจ้าข้า"
พระอิศวร "ข้าเข้าใจในอดีตข้าท่านพระนารายณ์และพระพรหมณ์ต้องช่วยกันจึงจะกำราบรามสูรได้และเราก็ให้โอกาสเค้ากลับตัวบำเพ็ญเพียรจนเป็นเทพในที่สุดแต่ยักษ์ก็เป็นยักษ์เคยเป็นอสูรร้ายมีฤทธานุภาพสูงท่านก็เลยเกรงจะมีปัญหา"
พระอินทร์ "ทรงไม่วิตกอันใดพระองค์มีวิธีหยุดยั้งเทพรามสูรแล้วรึท่านโดยเฉพาะตอนบ้าเลือดจะทรงไม่เห็นแก่ใคร"
พระอิศวร "ไม่จริงหรอกในที่สุดรามสูรก็จะเห็นแก่คนๆนึงแม้แต่ด้านมืดเข้าแทรกก็ตาม"
เมื่อพระอิศวรทรงตรัสจบประโยคทั้งสองพระองค์ก็ทอดพระเนตรลงมายังโลกมนุษย์เพื่อดูความเป็นไปต่อไปทีอาศรมพระฤาษีมเหสีมณฑารัตน์ทรงกรรแสงน้ำตาแทบเป็นสายเลือดด้วยดวงใจทั้งสองดวงได้ถูกพรากไปจากอกแก้วนาคาได้แต่ปลอบโยนทั้งที่ในใจตัวเองก็เจ็บปวดดั่งมีคนนำมีดมาทิ่มแทงที่กลางใจเช่นกันเป็นอาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนรามสูรมีความหมายขึ้นมาก็ตอนที่สูญเสียเค้าไปแล้วจะมารู้ตัวว่าเกิดความรักก็ช้าเกินไป
แก้วนาคา "พระมเหสีสงบจิตสงบใจบ้างเถอะนะเพคะทรงกรรแสงมาทั้งวันแล้ว"
มเหสีมณฑารัตน์ "จะให้เราสงบใจได้อย่างไรลูกเราทั้งคนนะลูกแม่พวกเจ้าไม่อยู่แม่ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว"
แก้วนาคา "อย่าทรงรับสั่งอย่างนั้นซิเพคะถ้ารามสูรกับเทพวายุได้รับรู้คงเสียใจแย่เลยนะเพคะ"
มเหสีมณฑารัตน์ "ที่ผ่านมาเราอยู่เพื่อลูกมาโดยตลอดต่อไปเราก็ไม่เหลือใครอีกแล้วเราสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว"
พระมเหสีทรงกรรแสงหนักกว่าเดิมและโผเข้ากอดแก้วนาคานางกอดแของคนที่นางรักเพื่อปลอบโยนและตัวเองก็กั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกคนส่วนเจ้าวานรกับนางมัจฉาทั้งสองออกเดินทางเข้าป่าเพื่อติดตามหาพระฤาษีเผื่อมีทางแก้ไขด้านรามสูรกับเทพวายุได้ถูกจับไปก็เดินทางมาถึงดินแดนอสูรแล้วเป็นดินแดนที่น่ากลัวมีแต่ลาวาแทนสายน้ำมีหินผาสูงใหญ่เต็มไปหมดตัวปราสาทของเจ้าอสูรก็เป็นปราสาทหินเช่นกันทหารเป็นผีดิบทั้งหมดเมื่อมาถึงแล้วก็ถูกพาไปที่ท้องพระโรงเพื่อพิพากษาดั่งเป็นนักโทษท้าวไตรรงค์กับตระศิลาลูกชายได้เตะขาของทั้งคู่ให้คุกเข่าลงส่วนเจ้าอสูรขึ้นบัลลังค์ว่าความ
เจ้าอสูร "พวกเจ้าน่ะเหรอที่สวรรค์ส่งมาเพื่อเป็นปรปักษ์กับข้าก็เห็นจะจริงเพราะสาวกข้าถูกพวกเจ้าข้าตายไปเกือบหมดดั่งนั้นพวกเจ้าต้องชดใช้"
เทพวายุ "ถุย พวกเจ้าเป็นมารถึงเราจะตายแต่ยังไงพวกเจ้าต้องแพ้สวรรค์มีตานรกก็มีตาเช่นกันธรรมมะต้องชนะอธรรมกฎมันตายตัวอยู่แล้ว"
รามสูร "ทีนี้มันทีพวกเจ้าแต่อย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็แล้วกันพวกเจ้าทุกคนรวมทั้งอ้ายธรรมราชด้วยถ้าข้ารอดพวกเจ้าเห็นดีแน่"
เจ้าอสูร "จะตายยังปากเก่งกันอีกทหารจับพวกมันถอดเสื้อแล้วเอาไปขึงห้องทรมาณเอาเหล็กร้อนนาบตัวพวกมันจนกว่าจะตาย"
สุวรรณเรขา "เสด็จพ่อ ขอให้ได้โปรดอย่าใช้วิธีป่าเถื่อนแบบนี้เลยนะเพคะ แบบนี้ฆ่าพวกเค้าเลยจะดีกว่า"
เจ้าอสูร "สุวรรณเรขาใครใช้ให้เจ้าเข้ามากลับตำหนักเจ้าไปเดี๋ยวนี้นี่เป็นคำสั่ง"
ทหารผีดิบรีบทำตามบัญชาของนายระหว่างลากตัวไปเทพวายุได้หันมามองสุวรรณเรขาด้วยสายตาเครียดแค้นนางยิ่งเสียใจทหารลากทั้งคู่ไปยังห้องใต้ดินของปราสาทจับทั้งคู่ขึงไม่กางเขนใช้โตรวนลงอาคมกำกับรัดแขนและเท้าจับถอดเสื้อท้งคู่ตามที่นายต้องการจากนั้เอาเหล็กแช่เปลวไฟที่โหมรุนแรงแล้วนาบลงบนตัวทั้งคู่ทั้งสองร้องโอดครวญอย่างทรมาณสุวรรณเรขาแอบลงมาดูไกลเมื่อเห็นเทพวายุดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดใจนางก็เจ็บปวดยิ่งกว่าขณะที่เจ้าอสูรท้าวไตรรงค์และตระศิลาก็ดูจะมีความสุขยิ่งนักที่ศัตรูจะต้องตายลงอย่างช้าและทุกข์ทรมาณก่อนตาย
ตระศิลา "ถ้าเจ้าธรรมราชรู้เรื่องนี้มันก็คงดีใจไม่แพ้กันที่คู่ปรับมันโดนทรมาณอยู่ที่นี่"
เจ้าอสูร "อาจารย์ส่งพิราบส่งข่าวให้ได้รู้แล้วไม่ต้องห่วง"
ท้าวไตรรงค์ "แต่ดูเหมือนว่าสุวรรณเรขาจะห่วงเจ้าเทพวายุนะรึว่านางรักมันเรื่องใหญ่เลยนะท่าน"
เจ้าอสูร "เจ้าจะพูดอะไรท้าวไตรรงค์อย่าอ้อมค้อม"
ท้าวไตรรงค์ "เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมก็ให้นางอภิเษกกับตระศิลาดีกว่าไหมในๆเราก็คนกันเองตระศิลาก็ศิษย์ท่านด้วย"
เจ้าอสูร "เรายังไม่คิดเรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลาสุวรรณเรขายังมีตัวเลือกอีกมากนักพวกท่านไปพักผ่อนก่อนข้าเตรียมตำหนักรับรองให้แล้ว"
ท้าวไตรรงค์กับตระศิลาก็ได้ติดตามทหารผีดิบไปยังตำหนักรับรองของตนเมื่อทหารออกไปแล้วก้เริ่มพุดคุยกัน
ท้าวไตรรงค์ "หวงลูกสาวล่ะซิทำเป็นหวงเดี๋ยวอ้ายเทพวายุก็หยิบชิ้นปลามันไปกินหรอก"
ตระศิลา "รึอาจารย์อยากได้อ้ายธรรมราชเป็นเขยมันก็ปิ๊งน้องสุวรรณเรขาเหมือนกัน"
ท้าวไตรรงค์ "ไม่หรอกมันหวงลูกสาวมันต่างหากมันไม่ยกให้ใครหรอกพ่อรู้จักมันดี"
ตระศิลา "แล้วเราจะเอาอย่างไรกันต่อไปหลังจากนี้ล่ะพระเจ้าข้า"
ท้าวไตรรงค์ "ก็อยู่ดูความตายของเจ้ารามสูรกับเทพวายุไง"
ตระศิลา "แล้วแม่มันล่ะถ้าลูกมันตายมันก็เกลียดสเด็จพ่อแล้วยังหวังได้ตัวนางไปอยู่ด้วยอีกเหรอ?"
ท้าวไตรรงค์ "ก็บังคับไปไงเพราะถึงอย่างไรนางก็เกลียดพ่อมาโดยตลอดอยู่แล้วมีแต่พ่อนี่แหล่ะรักนางหัวปักหัวปัม"
ตระศิลา "ส่วนลูกน้องสุวรรณเรขากับนางพญานาคตนนั้นต้องเป็นของลูกให้หมด"
ท้าวไตรรงค์ "ฟังเสียงร้องโหยหวนของพวกมันซิคงทรมาณมากมนช่างเพราะดีจริงๆ"
ตระศิลา "55555"
ทางด้านนครกุสินาราหลังจากธรรมราชได้ขึ้นเป็นองค์ยุพราชแล้วก็เหรมเกรมทันทีวันนี้ได้ออกจากวังเพื่อเดินทางไยงเมืองนครข้างเคียงเพื่อเบ่งบารมีของตนเมืองข้างเคียงที่ว่าคือเมืองกสิรกาญจ์เนเมืองใหญ่เช่นกันแต่มีเพียงพระธิดาหนึ่งพระองคืไม่มีลูกชาส่วนกษัตริย์ก็เป็นคนไม่ชอบสงครามจึงดูไม่เก่งกาจมากนักทำให้ธรรมราชถือโอกาสล่าเมืองขึ้นให้กับตนเองแม้จะไปเพียงคนเดียวก็รับมืออยู่ด้วยหลงตัวเองทีนี้ภัยกำลังจะมาเยืยนชาวโลกอย่างแท้จริง
(จบตอนที่29)








nanajung

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2007, 05:01:08 PM »
รอตอนที่ 30 อยู่นะคะพี่  อย่างนี้เค้าเรียกดองนะ หุหุ เด๋วได้เป็นปลาร้าค้างปี แบบศาสตราอสุรนะเนี่ย อิอิ :-X

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2007, 05:27:42 PM »
ตอนที่30 อาณาจักรอสูรจะล่มสลาย
ณ นครกสิรกาญจ์เหนือหัวทรงพลทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเพราะมีทศพิศราชธรรมและมเหสีมินตราวรรณก็ทรงเป็นพระแม่เมืองที่ดีแต่เมื่อ 15 ปีก่อนโหรหลวงทรงทูลว่าพระธิดา บุบผามาลี ที่งดงามราวกุหลาบแรกแย้มทรงเป็นว่าที่เจ้าสาวแห่งพญามารจะนำภัยมาสู่เมืองแต่พระองค์ไม่ทรงเชื่อเวลาผ่านมา 15ปีแล้วเหตุการณ์ที่ว่ากำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าเนื่องจากเวลานี้ธรรมราชได้เสด็จมาถึงเมืองกสิรกาญจ์เมื่อมาถึงประตูเมืองก็นำสารที่เขียนด้วยพระหัตถ์ของตัวเองฝากทหารนำเข้าไปในวังส่วนตัวเองได้เสกพลับพลาด้านหน้าประตูวังเพื่อฟังข่าวจากด้านนอกเมื่อทหารนำเข้าไปถวายเหนือหัวทรงพลที่กำลังว่าราชการอยู่พระองค์เปิดอ่านมีใจความว่า "ขอให้เจ้านครกสิรกาญจ์ยอมศิโรราบเป็นเมืองขึ้นของเราเจ้าชายกุสินาราแต่โดยดีแล้วนครท่านจะปลอดภัย" องค์เหนือหัวทรงกริ้วมากสั่งทหารให้ออกไปบอกว่า"เป็นไงเป็นกันเราหายอมไม่" ทหารออกไปทูลตามที่บอกธรรมราชฆ่าทหารที่ส่งข่าวและทหารที่หน้าประตูเมืองทันทีอย่างง่ายดายจากนั้นก็บุกเข้าไปในเขตเมืองด้านในทหารกรูกันเข้ามาธรรมราชซัดลุกไฟใส่เป็นชุดทุกชีวิตตายเรียบและจากนั้นก็เดินหน้าสังหารหมดทั้งทหารนางกำนัลทุกชีวิตในเมืองนี้ต้องตายเพื่อเป็นแบบอย่างให้เมืองอื่นๆยอมศิโรราบโดยไม่กล้าหือแล้วก็เข้าไปในห้องโถงว่าราชการที่องค์เหนือหัวละพระมเหสีทรงประทับอยู่จากนั้นก็จัดการสังหารหมู่เสนาอามาตย์และพระเจ้าแผ่นดินกับราชินีของพระองค์ส่วนพระธิดาประทับอยู่ในอุทยานก็หลบซ่อนตัวตามพุ่มไม้ด้วยตัวสั่นหวาดกลัวเมื่อฆ่าคนให้ห้องโถงแล้วก็ออกสำรวจตามทุกซอกทุกมุมไล่ฆ่าไม่ให้เหลือทุกบริเวณศพคนตายทั่วไปหมดจนถึงเขตอุทยานเมื่อธรรมราชเข้ามาพระธิดาบุบผามาลีก็ทรงตัวสั่นหวาดกลัวมากขึ้นทั้งเมืองเหลือเพีงตนผู้เดียวที่รอดตายธรรมราชสำรวจในอุทยานจนทั่วไม่เห็นใครกำลังจะจากไปได้ยินเสียงเศษไม้หักจึงเดินตรงไปฉุดนางออกมาทันทีเมือเห็นหน้าก็ถูกใจ
บุบผามาลี "ได้โปรดปล่อยเราไปเถอะนะท่านเราก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนนึง"
ธรรมราช "ได้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ตกลงแต่ต้องเป็นของข้า"
นางตกใจเมือพูดจบธรรมราชก็อุ้มนางแล้วพาเหาะไปจากเมืองกสิรกาญจ์โดยทันที ส่วนที่ดินแดนอสูร ณ ปราสาทของเจ้าอสูรรามสูรกับเทพวายุถูกทรมารเป็นวันที่3แล้วการที่คนที่ชอบถูกทรมารทำให้พระธิดาแห่งแดนอสูรสุวรรณเรขาเสวยอะไรไม่ลงนางปิศาจรับใช้ไปทูลเจ้าอสูร
นางปิศาจ "พระธิดาไม่เสวยอะไรมา3วันแล้วนะเพคะเหมือนทรงตรอมใจ"
เจ้าอสูร "ตรอมใจเจ็บใจนักข้าแค้นเจ้านักอ้ายเทพวายุ"
ตระศิลา "แต่มันกำลังจะตายลงอย่างช้านะท่านอาจารย์"
เจ้าอสูร "ข้าอยากจะทรมารมันซัก100อย่างก็ยังไม่หายแค้นที่มันบังอาจมาขโมยหัวใจลูกสาวข้า"
ตระศิลา "ท่านอาจารย์ก็น่าจะหาใครซักคนมาให้นาง"
เจ้าอสูร "หยุดเจ้าไม่ต้องพูดถ้าข้าครองสามภพลูกสาวข้าไม่ต้องแต่งกลับใครเพราะไม่มีใครคู่ควร"
ท้าวไตรรงค์ "แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะเจ้าสู้พระอิศวรได้หรอน่าขำ"
การสนทนาหยุดลงเจ้าอสูรเดินจากไปอย่างไม่พอใจในคำกล่าวของท้าวไตรรงค์ที่อยู่ในห้องโถงกลับตน ในห้องขังนักโทษทหารผีดิบก็ยังทรมาณอย่างเดิมพอทั้งสองสิ้นสติเพราะความเจ็บปวดก็จะเอาน้ำร้อนสาดใส่ให้ฝื้นเพื่อทรมารต่อทุกอย่างยังเหมือนเดิมจนกระทั่งจู่ๆแผ่นดินก็สั่นไหวมีไอพลังบางอย่างที่รุนแรงนัยตาของรามสูรที่คมเข้มเป็นสีดำบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงเหมือนมีไฟอยู่ในดวงตาจากนั้นก็มีแสงสว่างจ้าพวยพุ่งออกมาจากร่างของรามสูรมันเป็นพลังแผงที่อยู่ในตัวต่างหากมันรุนแรงมากทหารผีดิบที่อยู่ในห้องตายหมดไหม้เป็นตอตะโกโว่อาคมที่ล่ามรามสูรและกระทั่งเทพวยุที่อยู่ด้วยในห้องขาดกระจุยไม่เหลือซากบัดนี้ด้านมืดเข้าครอบนำรามสูรแล้วจากนี้จะขาดสติและอาละวาดอย่างบ้าคลั่งพวกอสูรทั้งหมดในดินแดนอสูรแห่งนี้ถึงคราวชดใช้กรรมจะถูกกวาดล้างหมดทุกชีวิตในอาณาจักร
(จบตอนที่30)


bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2007, 06:48:15 AM »
ตอนที่31 เมื่อรักเปลี่ยนเป็นแค้น
เมื่อโซ่ตวนขาดออกรามสูรสูรก็พุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งเทพวายุที่บาดเจ็บจากการทรมาณก็รีบตามพี่ชายออกไปติดๆทันทีกองทัพผีดิบแห่กันมาเล่นงานนักโทษที่หลุดออกมารมสูรปล่อยลูกพลังออกมาเป็นชุดลูกพลังอันรุนแรงมากกว่าเดิมทหารผีดิบที่แห่กันมาก็พากันมาตายราวกับมดปลวก
เจ้าอสูร "นี่มันอะไรกันมันไม่เห็นเหมือนกับคนถูกทรมาณเจียนตายเลยซักนิด" เจ้าอสูรกับพรรคพวกตามออกมาดูเหตุการณ์
ท้าวไตรรงค์ "ซากทหารผีดิบไหม้เกลื่อนไปหมดแล้วพวกมันไปอยู่ที่ไหน"
ตระศิลา "ระวังเสด็จพ่อ" สิ้นเสียงขวานฟ้าก็บินผ่านอากาศตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วทุกชีวิตหลบทันใดมีเสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาทไปทั่วปราสาท
รามสูร "พวกเจ้าทุกคนต้องตายกันหมดเหมือนเหล่าทหารบริวารของเจ้า"
ท้าวไตรรงค์ "อะไรกันใช้เวลาไม่มันสามารถฆ่าทหารผีดิบของท่านซะเกลี้ยงอาณาจักรท่านเจ้าอสูร"
เจ้าอสูร "ฆ่าไม่กลัวมันไม่ว่าตอนนี้มันจะเป็นอะไรก็ตาม"กำมือด้วยความโกรธแค้น
และแล้วทั้งสองฝ่ายก็จู่โจมเข้าใส่กันสองพ่อลูกดูท่าไม่ดีคิดจะหนีแต่เทพวายุที่ตามมาด้วยเข้าขัดขวางท้าวไตรรงค์จึงต่อสู้กับเทพวายุและให้ตระศิลาไปตามหาธรรมราชให้รีบตามมาช่วยที่อาณาจักรอสูรโดยเร็วพระธิดาสุวรรณเรขาออกมาดูเหตุการณ์จากระเบียงด้านบนการต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดต่างฝ่ายต่างแรกอาวุธใส่กันตอนนี้พลังของเจ้าอสูรไม่อาจจะทำอะไรรามสูรโดยง่ายดายอีกแล้วทั้งสี่ต่างซัดลูกไฟใส่อีกฝ่ายพลัดกันกระเดนตามแรงพลังและใช้อาวุธคู่กายของตัวเองพระขรรค์โลหิตของท้าวไตรรงค์ดาบของเจ้าอสูรขวานฟ้าของรามสูรและตรีสูรของเทพวายุสีอาวุธที่ทรงอนุภาพแลกใส่กันอย่างดุเดือดเมื่อรามสูรลูบมือไปที่ขวานก็เป็นการเพิ่มอนุภาพทำลายล้างให้อาวุธด้วยสามชั่วโมงผ่านไปการต่อสู้เริ่มเห็นผลเจ้าอสูรเป็นฝ่ายเพี้ยงพล้าในการฟาดฟันอาวุธเข้าใส่กันเมื่อตัวเองชะตาขาดหลบขวานไม่พ้นโดนตัดคอขาดพระธิดาสุวรรณเรขากรีดร้องและหมดสติไปด้วยความช็อคทางด้านเทพวายุก็รู้ว่าถ้าต่อสู้ด้วยอาวุธถึงตรีสูรจะดีแค่ไหนก็ทำร้ายท้าวไตรรงค์ไม่ได้ก็เล่นงานด้วยการหมุนตัวเป็นพายุทอร์นาโดพลัดเอาร่างท้าวไตรรงค์ไปกระแทกับภูด้านนอกปราสาทแทนซึ่งข้อแม้จะไม่ตายด้วยพลังและอาวุธใดๆเท่านั้นเมื่อเจ้าอสูรตายแล้วรามสูรก็หันมาเล่นงานท้าวไตรรงค์ด้วยการเรียกสายฟ้าฟาดลงมาในพายุด้านพลังด้านมืดที่รุนแรงเกินใครต้านสายฟ้าก็มีอนุภาพรุนแรงขึ้นเหมือนเจ้าของพลังไปด้วยโดนไปทีเดียวก็สิ้นใจเมื่อศัตรูตายไปแล้วรามสูรก็เหาะออกไปจากดินแดนอสูรทันทีทุกชีวิตในดินแดนอสูรตายเกลี้ยงเหลือก็แต่พระธิดาสุวรรณเรขากับนางกำนัลพี่เลี้ยงที่ไปหลบซ่อนตัวอีกด้าน
เทพวายุ "สุวรรณเรขา สุวรรณเรขา "ชายหนุ่มเรียกหญิงที่เป็นที่รักราวกับใจจะขาดด้วยเป็นห่วงและประคองร่างนางอย่างทระนุถนอมจากนั้นก็อุ้มนางเหาะออกไปจากดินแดนอสูรด้วยอีกคนเทพวายุพาสุวรรณเรขามาที่ชายป่าเอาผ้าชีกจากชายเสื้อไปชุบน้มาเช็ดตัวให้
สุวรรณเรขา "ออกไปนะไปห่างๆเราเราเกลียดพวกเจ้าทั้งหมดพีชายเจ้าฆ่าพ่อเรา" พอฟื้นนางก็ตวาด
เทพวายุ "ไม่ไปสุวรรณเรขาเรารักเจ้าเราพึ่งรู้ตัวเจ้าก็รักเรามาตลอดไม่ใช่เหรอ"ชายหนุ่มเข้ากอดแน่นๆขณะหญิงสาวดิ้นอยู่ในอ้อมอก
สุวรรณเรขา "ปล่อยตัวเราเดี๋ยวนี้" คำพูดเรียบๆที่แฝงน้ำเสียงเย็นชาเทพวายุเลยจำไปปล่อยนางให้จากไป
ด้านตระพศิลาเดินทางไปที่นครกุสินาราเพื่อตามตัวธรรมราชแต่พบมเหสีจันทรเนตรเข้าจึงพูดคุยกัน
ตระศิลา "ธรรมราชอยู่หรือไม่ตอนนี้เกิดเรื่องไม่สู้ดีพวกเจ้ารามสูรมัน......"
มเหสีจันทรเนตร "พวกมันทำไมท่านยักษ์เจ้าพูดมาซิ" ขณะนั้นบังเอิญท้าวธรรมลักษณ์เสด็จผ่านมาเมื่อเห็นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่แท้พวกยักษ์กับมเหสีจันทรเนตรกับธรรมราชเป็นพวกเดียวกันตัวเองเข้าใจมเหสีมณฑารัตน์กับรามสูรและเทพวายุผิดเมื่อตาสว่างก็โกรธแค้นจึงแอบอยู่ห่างๆ
มเหสีจันทรเนตร "ลูกชายเราออกจากบ้านจากเมืองไปเมื่อ3วันก่อนตอนนี้ไมรู้อยู่ที่ไหน"
ตระศิลา "ขอบใจให้มันได้แบบนี้ซิ" เมื่อได้ฟังจากปากแม่ของศิษย์น้องพญายักษ์ก็จากไป มเหสีจันทรเนตรจึงเดินกลับตำหนักและก็แปลกใจเมื่อทหารมาล้วมตนด้วยความไม่พอใจจึงตวาดตามนิสัยของนาง
จันทรเนตร "นี่มันอะไรกันบังอาจมาก"
ท้าวธรรมลักษณ์ "เปล่ามันเป็นคำสั่งข้า ทหารไปคุมตัวอามาตย์เทเวทย์กับพวกด้วย"
จันทรเนตร "เสด็จพี่นี่มันอะไรกันเพคะน้องทำผิดอะไรเสด็จพี่ถึง..."
ท้าวธรรมลักษณ์ "หยุดพูดผิดอะไรก็รู้แก่ใจใส่ร้ายมณฑารัตน์กับรามสูรและเทพวายุเราจะเนรเทศพวกเจ้าออกไปจากเมืองข้าบ้าง"
นางจันทรเนตรถึงกลับพูดไม่ออกท้าวธรรมลักษณ์จึงออคำสั่งต่อ
ท้าวธรรมลักษณ์ "รีบๆเอาตัวออกไปเร็วๆ"
(จบตอนที่31)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 26, 2007, 09:42:17 PM โดย bobenz »

bobenz

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: มกราคม 14, 2008, 08:03:46 AM »
ตอนที่32 พลังที่เพิ่มขึ้นแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้
ทีเรือนอามาตย์เทเวทย์กองกำลังทหารแห่มาปิดล้อมรวมทั้งเรือนหมู่คงเกิดการต่อสู้แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนและถูกคุมตัวให้เดินไปที่หน้าประตูวัง
อามาตย์เทเวทย์ "จันทรเนตรนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่"
สนมเอกจันทรเนตร "ก็สเด็จพี่น่ะซิจับได้ว่าเราใส่ร้ายพระมเหสีกับโอรส2พระองค์นั่น"
เหนือหัวธรรมลักษณ์ "ออกไปได้แล้วพวกเจ้าทั้งหมดอย่าชักช้าร่ำไรเราไม่ประหารเจ้าก้อบุญโขแล้วนะ"
ทั้งหมดจำต้องเดินออกไปวังอย่างโกรธแค้นและตั้งใจจะไปซ่องสุมกำลังที่เรือนพักเดิมของตนแถวชายแดนเพื่อกลับมาแก้แค้นอีกด้านธรรมราชลูกชายก็ได้ประกาศศักดากวาดล้างทำลายเมืองแข็งข้อเป็นเมืองที่7แล้วโดยมีบุบผามาลีชายาห้ามปรามแต่ทำอะไรไม่ได้มาโดยตลอด
บุบผามาลี "กลับบ้านกลับเมืองพระองค์เถิดเพคะทรงออกมานานมากแล้ว"
ธรรมราช "ยังยังไม่ครบทุกเมืองในย่านนี้เหลืออีกสองนครคือมคธกับมิถิลาข้าต้องควบคุมให้ได้หมดใครยอมข้าอยู่ใครขัดข้าตาย"
บุบผามาลีได้ฟังแล้วอ่อนใจขณะนั้นตระศิลาที่ออกตามหาธรรมราชมาพบทั้งคู่พอดีเพราะไปถามถ้ำพญากรณ์นั้นเองจึงเข้ามาต่อว่าทันที
ตระศิลา "ธรรมราชเจ้ามาอยู่ที่นี่เองรู้ไหมว่าอาจารย์กับพ่อข้ากำลังรับมือกลับเจ้ารามสูรอยู่ที่ดินแดนอสูร"
ธรรมราช "สู้กับอาจารย์งั้นมันก็คงจะถึงที่ตายแล้วกระมัง"
ตระศิลา "ใครว่ามันมีพลังมากมายดังอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัวต่างหาก"
ธรรมราช "มีเรื่องแบบนี้ด้วยบุบผามาลีเจ้าเป็นคนของข้าเจ้ารอข้อยู่ที่นี่เข้าใจไหม"
นางพยักหน้ารับคำทั้งสองก้อเหาะออกไปด้วยกันด้านกระท่อมของพระฤาษีแก้วนาคาหาของกินมาให้พระมเหสีมณฑารัตน์เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องนางก็ปรนิบัตินางแทนชายคนรักมาโดยตลอด
แก้วนาคา "พระมเหสีเสวยอีกนิดนะเพคะจะได้มีแรงรอพวกเค้ากลับมาไงล่ะเพคะ"
มเหสีมณฑารัตน์ "แล้วเราจะต้องรอคอยถึงเมื่อไหร่" น้ำตานองหน้าคนเป็นแม่
แก้วนาคา "ท่านตาบอกว่านั้สองคนจะไปตายแล้วนะเพคะอดทนรออีกนิด"
ในเวลาเดียวกันเทพวายุก็ได้กลับมาที่อาศรมด้วยอาการบาดเจ็บจากการถูกทรมาณเมือมาถึงก็ร้องเรียกมารดาตัวเอง
เทพวายุ "เสด็จแม่ลูกกลับมาแล้ว"
มเหสีมณฑารัตน์ "เทพวายุเจ้าเจ็บมากไหมลูกแล้วพี่ชายเจ้าล่ะ"
เทพวายุ "พี่รามสูรเค้าเปลี่ยนไปเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ออกจากแดนอสูรไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้วเหมือนกัน"
แก้วนาคา "เทพวายุเจ้าอยู่รักษาตัวที่นี่อยู่กับพี่วานรเราจะไปตามรามสูรให้เอง"
เทพวายุ "ระวังตัวด้วยนะ" นางหุนหันออกไปจะห้ามก็ไม่ทันจึงได้แต่เตือน
ด้านรามสูรที่บัดนี้มีดวงตาแดงกล่ำก็ออกเดินทางไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายสายตาเย็นชาเหมือนไม่มีจิตใจสัตว์ป่าซักตัวก็ไม่กล้าย่างกายเข้าใกล้พระอิศวรกลับพระอินทร์ได้แต่มองดูด้วยความเป็นห่วงแต่ช่วยอะไรมากไม่ได้ด้านเทพมาตุลีเองก็อยากช่วยใจแทบขาดเช่นกัน
เทพมาตุลี "พระองค์เทพรามสูรจะกลับกายไปเป็นอสูรกายรามสูรอย่างเช่นที่เคยคิดเป็นใหญ่บุกสวรรค์เหมือนก่อนรึเปล่าพระเจ้าข้า"
พระอินทร์ "มันก็สุดแต่บุญแต่กรรมของเค้าล่ะนะ"
เทพมาตุลี "แล้วเช่นนั้นองค์สยมปล่อยให้ไปเกิดทำไมกันล่ะพระเจ้าข้า หม่อมฉัน..."
พระอิศวร "มาตุลีอย่าตีตนก่อนไข้เลยอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดคอยดูต่อไปล่ะกัน"
เทพมาตุลี "ทั้งสองพระองค์ใจร้ายมากหม่อมฉันจะหาทางช่วยสองคนนั้นเอง"
พระอิศวร "อย่านะไม่มีคำสั่งเจ้าทำจะถือว่าผิดกฏสวรรค์"
(จบตอนที่32)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2008, 09:37:49 AM โดย bobenz »

ninda

Re: รามสูรกับเทพวายุ
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: มกราคม 17, 2008, 07:14:45 PM »
รอตอนที่ 30 อยู่นะคะพี่  อย่างนี้เค้าเรียกดองนะ หุหุ เด๋วได้เป็นปลาร้าค้างปี แบบศาสตราอสุรนะเนี่ย อิอิ :-X

 :'( :'( :'(

..................

พี่โบเบนซ์แต่งในสไตล์บทละครโทรทัศน์เลยนะคะ
แบบนี้ก็อ่านได้นะ แต่นินดาชอบอ่านเรื่องที่มีบรรยายเยอะๆ น่ะค่ะ ^^!