ตอนที่ 33 เส้นทางฟ้าลิขิต
ด้านเจ้าวานรกับนางมัจฉาที่ออกติดตามพระฤาษีอยู่นานในที่สุดก็พบที่ถ้ำในเขตป่าหิมพานต์เพื่อพบเจอแล้วเจ้าวานรต่อว่าด้วยเพราะโมโหที่ท่านตาไม่คิดช่วยเหลือและปล่อยให้รามสูรกับเทพวายุถูกจับตัวไป
เจ้าวานร "ท่านตาเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไม่ดูดำดูดีอีกหรือฉันก็ตามหาตั้งนานรามสูรกับเทพวายุถูกพวกมารจับตัวไปแล้วท่านตากับมานั่งสมาธิอยู่นี่"
นางมัจฉา "นั่นสิคะท่านตาท่านจะนั่งทำคอไม่รู้ร้อนอยู่ได้อย่างไรในเมื่อเด็กสองคนนั่นท่านเลี้ยงมากับมือท่านจะปล่อยให้ตายเชียวหรือคะ"
พระฤาษีลืมตาขึ้นอย่างช้าๆจากนั้นก็เอ่ยปากบอกถึงสาเหตุให้เจ้าวานรกับนางมัจฉาฟัง
พระฤาษี "นี้เป็นลิขิตสวรรค์เป็นบททดสอบของเทพทั้งสองที่ต้องฝ่าไปด้วยตัวเองจากนี้ข้าช่วยได้แค่กับไปที่อาศรมอยู่ช่วยเหลือพระนางมณฑารัตน์เท่านั้นที่เหลือพวกเค้าต้องฝ่าฟันไปเองพวกเจ้าก็กลับไปกับข้าด้วยก็แล้วกัน"
จากนั้นพระฤาษีก็ร่ายมนต์แปลบเดียวท่านตาพระฤาษีเจ้าวานรกับนางมัจฉาก็มาโผล่ที่อาศรมเจ้าวานรพบเทพวายุก็ดีใจส่วนนางมัจฉาแปลกใจที่ไม่เห็นนายสาวของตน
เจ้าวานร "เทพวายุพี่ดีใจที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ว่าแต่รามสูรล่ะหายไปไหนเกิดอะไรขึ้น"
นางมัจฉา "นั่นซิเกิดอะไรขึ้นแล้วพระธิดาแก้วนาคาเสร็จไปอยู่ที่ไหนเพคะพระโอรสพระมเหสี"
เทพวายุ "เจ้าพี่รามสูรจำพวกเราไม่ได้อีกแล้วเค้าเปลี่ยนไปเหมือนไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลยราวกับคนละคนส่วนแก้วนาคาอาสาไปตามรามสูร"
นางมัจฉา "แล้วพระโอรสปล่อยให้พระธิดาหม่อมฉันไปได้อย่างไรถ้าเกิดอะไรขึ้นพระองค์ต้องรับผิดชอบ"
เทพวายุ "ใช่ฉันต้องรับผิดชอบฉันจะไปตามทั้งแก้วนาคาและเจ้าพี่รามสูรเองท่านตาหลานฝากดูแลเสด็จแม่ด้วยนะท่านตา"
เทพวายุพัดพาตัวเองไปราวกับพายุทันทีทั้งที่พระมเสีมณฑารัตน์ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรกับพระโอรสของนางเลย
***อีกด้านหนึ่งตระศิลากับธรรมราชก็มาถึงดินแดนอสูรที่ตรงนี้มีแต่ความว่างเปล่ากับซากอสูรหลายล้านตนที่โดนพลังตูมใหญ่ราวกับระเบิดปรมาณูและซากปรักหักพังของปราสาทแห่งเจ้าอสูรทั้งสองเดินตามหาค้นซากอสูรทั้งหลายที่ทับทมกันเพื่อหาอาจารย์และตระศิลาก็หาบิดาของตนด้วยทั้งสองใช้เวลาในการค้นหาร่วมสามชั่วโมงในที่สุดก็พบทั้งร่างเจ้าอสูรและท้าวไตรรงค์
ตระศิลา "สเด็จพ่อลูกขอสัญญาอย่าจะเอาศีรษะอ้ายรามสูรกับอ้ายเทพวายุมาเส้นวิญญาณพระองค์ให้จงได้"
ส่วนธรรมราชก็โกรธแค้นเช่นกันตัวเองไม่ได้พูดอะไรแต่ด้วยเจ้าเล่ห์จึงใช้มือของข้างจับทั้งสองร่างแล้วใช้วิชาดูดพลังดูดวิชาและพลังและของดีที่เจ้าอสูรกับท้าวไตรรงค์มีเข้าตัวๆเองทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวสร้างความไม่พอใจให้ตระศิลายิ่งนัก
ตระศิลา "ธรรมราชเจ้าทำอะไรนั่นพ่อข้าแล้วก็อาจารย์ของเราเจ้าทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร"
ธรรมราช "ท่านอาจารย์กับพ่อเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้พระเวทย์อีกแล้วส่วนเจ้าก็คอยเป็นผู้ช่วยข้าก็แล้วกันถ้าไม่พอใจก็ดีจะได้ฆ่าเจ้าแล้วดูดวิชาอีกคน"
ตระศิลามองด้วยความเคืองแค้นแล้วคิดว่าเมื่อกำจัดรามสูรกับเทพวายุได้แล้วต่อไปก็จะกำจัดธรรมราชด้วยเช่นกันจากนั้นก็นำศพบิดาไปยังนครเวหาของตนเพื่อทำพิธีปลงศพส่วนธรรมราชก็กับไปหาพระธิดาบุษผามาลีชายาของตนเมื่อไปถึงพบว่านางกำลังจะผูกคอตายเนื่องจากนางคิดมากเรื่องที่พ่อแม่ประชาชนชาวเมืองถูกธรรมราชข้าตายแต่ตัวเองกับกลัวที่ตายถึงกับยอมอดสูมาเป็นชายาคนที่ฆ่าพ่อแม่ธรรมราชโกรธจัดปล่อยลูกไฟใส่เชือดจนขาด
ธรรมราช "เจ้าจะทำอะไรไม่อยากอยู่กับข้าเป็นมเหสีของข้าและมีโอรสที่ยิ่งใหญ่ให้กับข้าแล้วเหรอ"
บุษผามาลี "เรามันอ่อนแอนักอกตัญญูอีกต่างหากทำไมเราไม่ขอให้เจ้าฆ่าเราเสียกับยอมพลีกายให้คนที่ทำลายบ้านเมืองน่าละอายจริงๆ"
ธรรมราช "ก็เพราะฟ้าลิขิตให้เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าข้าถึงหลงรักเจ้าแต่แรกเห็นไงต่อไปอย่าคิดทำโง่ๆอีก"
###ฝ่ายอามาตย์เทเวทย์กับสนมเอกจันทเนตรที่ถูกท้าวธรรมลักษณ์ขับไล่ออกจากเมืองก็เหมือนเวรกรรมตามทันสมัยช่วงตัวเองมีอำนาจก็ใช้อำนาจจำกัดคู่แข่งของตนมาโดยตลอดระหว่างทางระหกระเหินก็ไปเจอะกับโจทย์เก่าขุนโจรอมรเดิมเป็นอามาตย์อยู่ในนครกุสินาราอามาตย์เทเวทย์สมัยนั้นมีตำแหน่งเป็นแค่คุณพระกับหมู่คงนายทหารคนสนิทใส่ร้ายโดนขับออกจากเมืองขุนโจรอมรจึงรวมกลุ่มก่อตั้งรังโจรอยู่บนเขาภูพญาเขาสูงในป่าลึกมีอาสาสมัครร่วมพันคนเพื่อรอเวลาแก้แค้นอามาตย์เทเวทย์กับพรรคพวกกลุ่มอามาตย์เทเวทย์มีกันแค่ไม่ถึงห้าสิบคนที่ถูกขับออกมาเมื่อหลงเข้าไปในรังศัตรูเหมือนเส้นทางฟ้าลิขิตให้เดินก็เกิดการรบราฆ่าฟันกันขึ้นอามาตย์เทเวทย์หัวหมู่คงและทหารที่ภักดีที่ติดตามมาทั้งหมดถูกฆ่าตายส่วนสนมเอกจันทเนตรถูกบังคับเป็นเมียโจรและถูกใช้แรงงานในฐานะทาสเชลย
(จบตอนที่33)