คงจะใช้ชื่อโหดหน่อยนะคะ เอาเป็น......
เอาความตอนหนึ่งมาเล่านะคะ ยังไม่ได้เปิดเรื่องค่ะ
กมลกานต์ว่า "พี่หญิงอินทร์เอ็นดูน้องเถิดนะเพคะ... น้องมิได้รักเค้า... พี่หญิงอย่าบีบบังคับน้องเลย... น้องเพ็ดทูลพี่หญิงแล้วฤๅจักให้ทูลซ้ำว่าดวงหทัยดวงนี้มีให้เพียงพี่แสนเท่านั้น"
พระเจ้าน้องยาเธอบุษบงมองผู้หนึ่งขนิษฐาด้วยสายตาราวกับมองเห็นทลวงลึกถึงห้วงหัวใจนางอย่างไรอย่างนั้น... สายตาที่เหมือนจะแข็งกร้าวก็อ่อนไหว พระนางเธอมองสาวน้อยอีกคราแลว่า
"กมลกานต์หาเกรงใจพี่แล้วฤๅ... นี่จักขัดแย้งวาจาพี่หรืออย่างใด เรื่องพ่อแสนนั้นเจ้ารู้อยู่ว่าหาเป็นไปได้ไม่... ฟังไว้นะ... หากแม้นรณรตมิได้ปองใจเจ้าพี่จักไม่มาง้อเชียว"
กมลกานต์ขุ่นใจอยู่ประสาคนถูกบังคับใจ พระองค์หญิงนั้นทรงอำนาจเหนือกมลกานต์อยู่ จักขัดแย้งอย่างไรหรือก็หาเอ่ยความใดได้
นางถอนใจแลว่า "พี่รณรตปองใจแล้วเกี่ยวอันใดที่พี่หญิงต้องช่วยให้เขาสมใจ"
บุษบงแน่นิ่งพลางก้มหน้าหลบซ่อนความอ่อนไหวที่ฉายฉานออกมาทางนัยเนตร พระนางหาทางกลบเกลื่อนจึงว่า "เรื่องรณรตนั้น พี่ก็เจรจาเป็นหมื่นครั้งแล้ว ว่าพี่หาชอบอัธยาศัยคนผู้นั้น พี่เพียง
ใคร่แกล้งให้อกร้าวเท่านั้น เมื่อรณรตปองใจน้อง น้องก็จงแสร้งรัก แลค่อยทิ้งไปอย่างไรเล่า... มินานหรอกกมลกานต์... ฤๅเจ้าไม่เห็นพี่เป็นพี่แล้ว" พระนางน้องหญิงพระเจ้ากันทราแสร้งเจรจา
ดั่งตัดพ้อว่าน้องมิให้ความเคารพดุจเดิม
แลน้ำคำพระนางเธอนั้นดุจดั่งพระพายพัดเอาความหนักใจมาให้กมลกานต์ยิ่ง สตรีน้อยดูหม่นหมองนัก...
--------------------------------------------------------------------------------------------
พระสุรเสียงสตรีหนึ่งมีอำนาจนักว่า "ผู้อื่นใดไม่เกี่ยวจงออกไปให้สิ้น... เพลานี้จักเจรจาด้วยน้องเราเพียงนางเดียว"
นางกำนัลถูกขับออกไปจากพระตำหนักงามให้เหลือเพียงพระองค์หญิงบุษบง แล พระกมลกานต์
พระนางน้องหญิงพระเจ้ากันทราหน้านิ่ง ทว่าพระอัสสุชลนั้นเอ่อคลอ ก่อนทรงเพรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "กมลกานต์..." พระนางเธอเพรียกแผ่วเบา
เยี่ยงนางทรายต้องศรจึงอ่อนแรงแทบสิ้นลม สตรีน้อยผู้น้องเห็นกริยาพระพี่นางให้ทรุดพระวรกายหมอบกราบพลางขานรับ "เพคะ..."
"พี่รู้สึก... พี่เริ่มไม่แน่ใจความรู้สึกของตนเองแล้ว..." พระองค์อินทร์เสียงสั่น... เจ้ากมลกานต์ขยับร่างขึ้นนั่งข้างพระนางเธอพลางกุมมือ "พี่อินทร์รู้สึกอย่างไรก็ทราบพระองค์เองอยู่นี่เพคะ"
เจ้าบุษบงกัดฟันแน่น "พี่กลัวใจจะรักเจ้ารณรต... รักในแบบที่ไม่ใช่แค่ความพึงใจเสน่หา... แต่มันคือความรัก... ความรักที่หาได้ฉาบฉวย มันอาจเกิดขึ้นจากาลเวลา
ความรู้สึกที่พี่หาเคยเผยใจให้กับผู้ใดไม่..." พระน้องพระเจ้ากันทรา... สตรีที่กาจเก่งที่สุดในเวียงชัย อ่อนใจจะต้านทานรักในอารมณ์อ่อนไหว
เผลอเผยใจให้กับเจ้ากมลกานต์ขนิษฐาบุญธรรมเสียอย่างนั้น กาลนี้พระนางเธออาจไม่รู้สึกองค์ เพราะสิ่งที่กระทำอยู่นั้น นั่นอาจหมายถึง
พระเกียรติยศของเชื้อเจ้าผู้สถาปนานคร
กมลกานต์หาใช่วงศาแต่นางคือทาริกาที่น่าเอ็นดูจึงได้ดี พระเกียรติยศใช่จะเทียมเจ้าหญิงบุษบงไม่ กมลกานต์ยินคำพระพี่นางก็มองอย่างเห็นใจพลางว่า
"หากพี่หญิงทรงรักรณรตแล้วเหตุใดจึงยัดเยียดให้ข้ารับรักเขา...พี่หญิงหาเจ็บปวดหรือ..." กมลกานต์เอ่ยขึ้น พระนางเธอบีบพระหัตถ์พระองค์เองกลืนความรู้สึก...ก่อนเจรจา
"รณรตคือคนที่เราทุกคนพึงตามใจ... ภายหน้าเขาจักเป็นใหญ่เหนืออาณาจักรในสองน่านน้ำคือยุคลธารแห่งนี้... เขาความหวัง หัตถาของชายผู้นี้คือหัตถ์ที่พี่
จะฝากกันทราเอาไว้ให้เขาดูแล แม้นขัดใจเขา เราสิจักแย่... วารนี้พี่ยิ่งใหญ่เหนือรณรตอยู่เขายังหาเห็นความสำคัญพี่ วันหน้าเขาเป็นใหญ่จักเมตตาพี่ฤๅ..." เจ้าหญิงเมืองกันทรา
ปล่อยความอ่อนไหวและอ่อนแอออกมาสิ้น อันความรู้สึกนี้มิต่างจากตอนรักพ่อแสนแต่อย่างใด
องค์หญิงบุษบงรักศักดิ์ศรี รักแผ่นพสุธายิ่งชีวิต และอีกใจก็รักรณรตมิแพ้กัน ดำรัสราวจักฝากทุกสิ่งไว้ในหัตถาน้อยของกมลกานต์
"กมลกานต์เจ้าจงฟังพี่... อันตำแหน่งแม่เมืองกันทราภายหน้าพี่หาไว้ใจใครเท่าเจ้าไม่... ปกฟ้าเคียงรณรตเถิดนะ..." สิ้นเสียงพระนางเธอกมลกานต์ขัดแย้งแต่หากล้าขัดพระราชประสงค์
พระพี่นางที่น้องน้ำตาอยู่ได้แต่เพรียกพระนามพี่นางเธออย่างตกใจ "พี่อินทร์... น้อง..." ในขณะที่กมลกานต์จะเพ็ดทูล
เจ้าบุษบงก็สวนกลับพลัน "นะ... พี่ขอร้อง..." คำว่าขอร้องของพระนางดังดุจคำสั่ง กมลกานต์จึงว่า"ใยพี่อินทร์มิเคียงข้างเขาเอง... เขาอาจรักพี่... แลพี่หญิงเป็นคนเก่ง ใยจะไม่ควรกันเล่า..."
พระองค์อินทร์กัดฟันอีกคราแลว่า "แม้นเขามิได้รักพี่พี่จักอยู่อย่างไรให้เป็นสุขได้... เขารักเจ้า... ไม่ได้รักพี่ไปมากมายกว่าสหายเลย..."
กมลกานต์น้ำตาไหลอย่างเห็นพระทัยพี่นางยิ่ง "พี่อินทร์มั่นพระทัยหรือว่าจักทนได้..." กมลกานต์พูด บุษบงเริ่มยิ้มทั้งน้ำตา "ให้คนรักของรณรตสนิทชิดเชื้อกับพี่ดีกว่าให้เป็นสตรีนางอื่น..."
กมลกานต์เริ่มสะอึกสะอื้น
พระองค์อินทร์เหมือนชินกับการได้สิ่งใดโดยใจต้องการทุกสิ่งสิ้นจึงออกคำสั่งให้คราบของคำขออีกครั้ง "กมลกานต์เจ้ามิเห็นใจพี่หรือ... ฤๅจักรอให้พี่นี้ขาดใจตายไปก่อนจึงค่อย
สนองดุจดังประสงค์..." กมลกานต์กลืนน้ำตา "เพคะ... น้องจักทำให้พี่หญิงสบายพระทัย..." กมลกานต์ยอมที่จะแบกรับความทุกข์ไว้โดยลำพัง...
จากบทข้างต้น คิดว่าบุษบง กับ กมลกานต์... ใครน่าสงสารมากกว่ากัน...