ยินดีต้อนรับสู่บ้านอบอุ่นของคนรัก บอย สพล ชนวีร์

หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ

หลายๆ คนคงเคยประทับใจกับเทพนิยายชื่อดังหลายๆ เรื่องที่เป็นเด็กต้องรู้จัก  ต้องได้ฟัง ได้ดูการ์ตูน  อย่างเช่นเรื่อง สโนว์ไวท์  ซินเดอเรลล่า  เจ้าหญิงนิทรา

แต่ลองมาดูอีกมุมหนึ่งของเทพนิยายเหล่านี้ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้

ตำนานของเทพนิยายต้นฉบับดั้งเดิมอันโหดร้าย  เทพนิยายที่เล่าเป็นนิทานก่อนนอนให้เด็กๆ ฟัง  ไม่ได้สวยงาม แฮปปี้เอนดิ้ง อย่างการ์ตูนดิสนีย์  หากเต็มไปด้วยความโหดร้ายและโศกนาฏกรรม


พี่เลี้ยงของซินเดอเรลล่า   ที่ถึงกับตัดส้นเท้าและปลายเท้าเพื่อให้ใส่รองเท้าแก้วได้ 

เจ้าหญิงนิทราที่ถูกข่มขืนจากพระราชาที่สมรสแล้ว จนตั้งครรภ์ทั้งที่ยังหลับอยู่

สโนว์ไวท์ที่กลับมาแก้แค้นแม่เลี้ยงด้วยการให้ใส่รองเท้าเหล็กเผาไฟเต้นรำจนตาย




ใครที่เคยอ่านนิทานกริมม์  (ช่วยเอามาให้กาฬอ่านด้วยอยากอ่าน) :-*   คงรู้จักยาคอบ ลุดวิก คาร์ล กริมม์ และวิลเฮมล์ คาร์ล กริมม์ ผู้รวบรวมนิทานพื้นบ้านจากหลายท้องถิ่นมาตีพิมพ์เป็นเล่ม เผยแพร่เป็นที่รู้จักกว้างขวางในเวลาต่อมา

ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งนิทานกริมม์ถูกพิมพ์ออกมาเป็นครั้งแรกนั้น เยอรมันอยู่ในยุคของ Sturm und Drang ซึ่งเป็นการปฏิวัติด้านวรรณกรรมครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดการต่อต้านแนวคิดในแง่ปรัชญามาเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ซึ่งอยู่เหนือกว่าสติ และส่งผลให้มีการหยิบยกงานเขียนในอดีตขึ้นมากล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้สังคมหันมาจับตามองยังนิทานและตำนานอีกครั้ง มีหนังสือรวบรวมเกี่ยวกับนิทานเหล่านี้ถูกพิมพ์ออกมามากมาย หากส่วนมากก็ถูกบรรณาธิการดัดแปลงเรื่องเสียจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ด้วยเหตุนี้เอง พี่น้องกริมม์จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนิทานเหล่านี้ จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับเบลนตาโน่(เคลเมน เบลนตาโน่ นักเขียนแนวโรแมนซ์ชื่อดังของเยอรมัน) กับโยฮีม(โยฮีม วอน อาร์นิม นักเขียนแนวโรแมนซ์ชื่อดังของเยอรมัน เป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกับเบลนตาโน่) ในปี 1803

ในช่วงปี 1810 พี่น้องกริมม์ส่งตัวอย่างต้นฉบับไปให้เบลนตาโน่ หากเขาก็ทำต้นฉบับดังกล่าวหายไปทำให้การพิมพ์หนังสือต้องยกเลิก (ภายหลังเมื่อเข้าศตวรรษที่ 20 จึงค้นพบต้นฉบับดังกล่าวที่สำนักชีเอลเนเบิร์ก ต้นฉบับนี้จึงถูกเรียกว่า"ฉบับเอเลนเบิร์ก"ในเวลาต่อมา) จนปี 1812 พี่น้องกริมม์จึงอาศัยต้นฉบับที่คัดลอกเก็บไว้พิมพ์นิทานกริมม์เล่มแรกออกมา (และออกเล่มสองในปี 1815) หากฉบับพิมพ์ครั้งแรกนี้ยังมีข้อด้อยทางภาษาและมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอยู่มาก นิทานกริมม์จึงถูกปรับปรุงใหม่และพิมพ์ออกมาอีกครั้งในปี 1819

หลังจากนั้นได้มีการปรับปรุงเนื้อหาและตัดนิทานที่มีใจความไม่เหมาะสมออกไปอีกหลายครั้ง จนในปี 1857 นิทานกริมม์ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ก็ออกมาสู่ท้องตลาดและกลายมาเป็นนิทานกริมม์เช่นที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน


ที่มา :: http://ohx3.exteen.com/20081007/entry



ปัจจุบัน นิทานเหล่านี้  ถูกตัดทอนและดัดแปลงเพื่อเป็นเทพนิยายสำหรับเด็กที่สวยงาม เนื่องจากว่าคนในยุคสมัยก่อนมองว่า เด็กก็คือผู้ใหญ่ย่อส่วน จึงไม่ต้องปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นพิเศษแตกต่างไปจากผู้ใหญ่ 
แต่เทพนิยายในปัจจุบัน ก็ยังหลงเหลือความโหดร้ายแฝงอยู่โดยที่เราไม่ทันได้สังเกต (จะว่าไปก็จริงแหละ  เพิ่งจะเห็นความโหดร้ายของนิทานตอนได้มาตามหาฉบับออริจินัล)
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2008, 08:31:13 PM »
เรื่องราวของ เจ้าหญิงนิทรา  ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้จัก



ในเวอร์ชั่นของสองพี่น้องกริมม์(Jacob and Wilhelm Grimm)จะใช้ชื่อเรื่องว่า "Little Brier-Rose" โดยเนื้อเรื่องจะแตกต่างกันเล็กน้อยในรายละเอียด และจบลงตรงเมื่อเจ้าหญิงฟื้นจากนิทราเท่านั้น

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าหญิงนิทราจากที่อื่นๆอีกเช่น ในอิตาลีจะมีเรื่องเล่าของ Giambattista Basile เรื่อง "Sun, Moon, and Talia"ในปีค.ศ1636

โดยเป็นเรื่องเล่าของสาวสวยซึ่งเป็นลูกสาวลอร์ดท่านหนึ่งชื่อ 'Talia' ที่นิทราจากการถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มที่นิ้ว วันหนึ่งมีกษัตริย์องค์หนึ่งผ่านมาล่าสัตว์แล้วเหยื่อเกิดหนีเข้าไปในสถานที่ๆTaliaหลับไหลอยู่

เมื่อกษัตริย์พบนางก็ตกหลุมรักและหน้ามืดตามัวด้วยเสน่ห์ของTalia แล้วเมื่อพระองค์จากไป เวลาต่อมานางก็ได้ให้กำเนิดลูกขึ้นมา2คนคือ SunและMoonทั้งๆที่ยังนิทราอยู่ เมื่อลูกทั้งสองหิวจึงพยายามที่จะหาน้ำนมจึงไปดูดที่นิ้วของนางเข้า ทำให้เข็มปั่นด้ายหลุดออกมาและนางจึงฟื้น

วันหนึ่งพระราชากลับมาอีกครั้งพบว่านางให้กำเนิดลูกของพระองค์ก็ทรงปลาบปลื้มใจเป็นอันมาก ส่วนพระราชินีซึ่งเป็นพระชายาของพระราชากลับร้อนรนใจและสงสัยในตัวพระราชา จึงได้สั่งให้คนรับใช้คนสนิทออกมาสืบและได้พบความจริง

นางสั่งให้คนสนิทไปหลอกTaliaว่าพระราชาต้องการพบลูกๆเพื่อที่จะได้นำมาฆ่าให้พระราชากินเพื่อเป็นการแก้แค้น แต่คนครัวก็ใจอ่อนและแอบเอาไปให้ภรรยาเลี้ยงแล้วเอาเนื้อสัตว์ปรุงให้แทน

ต่อมานางก็สั่งให้คนสนิทไปหลอกTaliaมาเป็นอาหารเช่นกัน เมื่อมาถึงTaliaพบกับราชินีแล้วโดนต่อว่าๆมาแย่งพระสวามี จึงได้ร้องขอความเมตตาแล้วบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของนาง เพราะขณะนั้นนางยังนิทราไม่รู้เรื่องอะไรเลย

แต่ราชินีกลับไม่ยอมฟัง นางให้Taliaแก้ผ้าทีละชิ้น โดยแต่ละชิ้นTaliaจะร้องเสียงดังขึ้นมา ทำให้พระราชาปรากฏตัวและถามหาลูกๆทั้งสอง ราชินีจึงบอกว่าพระองค์นั่นแหล่ะทรงเสวยไปแล้ว ได้ยินดังนั้นก็ทรงกริ้วมากแล้วสั่งว่าจะประหารราชินีคนสนิท และคนครัวโดยให้ไฟเผา แต่คนครัวได้เปิดเผยว่าเขาช่วยบุตรและธิดาของพระองค์ไว้ จึงได้รับการไว้ชีวิต

จากนั้นพระราชาก็อภิเษกสมรสกับTaliaและครองรักอย่างมีความสุข 

ว่ากันว่าเรื่องSun, Moon, and Taliaนี้มีอิทธิพลต่อผลงานเรื่องSleeping Beauty in the Woodของ Perraultในเวลาต่อมา จากนั้นก็ค่อยมีกำเนิดเรื่องLittle Brier-Roseของสองพี่น้องกริมม์ทีหลัง ซึ่งกริมม์ก็ได้ตัดประเด็นความรุนแรงและการข่มขืนออกไป


ที่มา :: http://ether.exteen.com/20060710/original-fairytales


แต่ถ้าใครอยากอ่านแบบเต็มๆ ลองไปที่นี่ดูค่ะ  http://www.surlalunefairytales.com/authors/grimms.html#CONTENTS

ด้วยเหตุว่า  มันเป็นภาษาอังกฤษ  ทำให้กาฬเกิดความขี้เกียจอย่างมาก 

ตอนนี้เลยเพิ่งอ่านได้แค่ตอนที่ พี่เลี้ยง 2 คนของซินเดอเรลล่าถูกจิกลูกตา ตาบอด

**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2008, 08:34:46 PM »
พี่เลี้ยงของซินเดอเรลล่า   ที่ถึงกับตัดส้นเท้าและปลายเท้าเพื่อให้ใส่รองเท้าแก้วได้ 

เจ้าหญิงนิทราที่ถูกข่มขืนจากพระราชาที่สมรสแล้ว จนตั้งครรภ์ทั้งที่ยังหลับอยู่

สโนว์ไวท์ที่กลับมาแก้แค้นแม่เลี้ยงด้วยการให้ใส่รองเท้าเหล็กเผาไฟเต้นรำจนตาย


 :( :( :( ไม่เคยรู้มาก่อนลยว่า ต้นฉบับเทพนิยายคลาสสิคจะมีต้นฉบับที่ตกใจขนาดนี้นะน้องกาฬ สงสัยพี่ต้องไปหาอ่านซะแล้วล่ะ

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2008, 08:39:21 PM »
ก่อนหน้านี้  ที่กาฬค้นหาข้อมูลเทพนิยายเหล่านี้ ได้ข้อมูลมาเยอะทั้งเรื่องเล่าสโนว์ไวท์ ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น  ซินเดอเรลล่าที่มีหลายเชื้อชาติ (ซินเดอเรลล่าของไทย ก็เรื่อง ปลาบูทอง นี่เอง)

แต่มันหายไปหมดตอนโดนไวรัสล้างเครื่อง  ตอนนี้เลยหามาได้ไม่มากนัก


ไปค้นๆ ในพันทิพ  ก็เหลือแต่กระทู้นี้เท่านั้นที่เหลืออยู่ http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2007/08/A5697812/A5697812.html


จากการศึกษาดิฉันบอกได้เลยว่า นิทานหลายเรื่องมาจากโครงเรื่องจริง

เรื่องที่หนูน้อยหมวกแดง โดนข่มขืนแล้วเอาหมวกมาเช็ดเลือดแล้วจึงกลายเป็นสีแดง เราคิดว่า เป็นต้นฉบับดั้งเดิม
+++++ ในความจริง ต้นแบบเจ้าหญิงในนิทานเด็กน้อย++++
ก็คือ คนปรกติแบบเราๆนี่แหล่ะ ที่มีทั้งกิเลศ ตัณหา ราคะ และความอาฆาต
ทำทั้งเรื่องดี และ เรื่องเลวร้ายได้

เท่าที่เราทราบมานะ Snowwhite ต้นฉบับดั้งเดิมเป็น นิทานพื้นบ้านของทาง รัสเซียที่ มีเคร้าโครงเรื่องจริง มีการเล่ากันมานานบางทีก็อาจจะมีตัวจริงแต่เรื่องราว ถูกย่นย่อมาจาก กลายเป็น นิทานแนวเด็กน้อยน่ารัก

ต้นฉบับเดิม เมื่อ สโนไวท์ได้แต่งกับเจ้าชายแล้ว เท่าที่อ่านเจอในเวบของตปทเธอสั่งให้ กองทัพทหาร(ของสามีเธอ)บุกตีเมืองของ ราชินีแม่เลี้ยงใจร้าย แล้วทำไงรู้ไหมคะ สโนว์ไวท์สั่ง ให้จับ แม่เลี้ยงของเธอเผาทั้งเป็น โดยบอกว่า นังแม่เลี้ยงนี่เป็นแม่มดใจร้าย มีคาถา อาคม และเวทย์มนตร์
อ่ะ...จ๊ากส์

โดนส่วนตัว คาดว่า สโนวไวท์เป็น เด็กสาวรูปงาม ผิวขาว ปากแดง ผมดำ ตามแบบสาวรัสเซีย ผมดำ ผิวขาว สูงยาว เข่าดี ตาฟ้า แต่เธอเก็บกดมากเนื่องจากแม่เลี้ยงใจร้าย แย่งความรักจากพ่อไปหมด แถมพอพ่อตาย
เธอก็กลายมาเป็นคนใช้( ทำงานหนักในวัง)

เนื่องจากความสวย แล้ว เธอมีสิทธิ์ครองราชย์ต่อจาก พระบิดา
ทำให้ แม่เลี้ยงอิจฉาอีกอย่าง แม่เลี้ยงสโนว์ไวท์จากตำนาน
หน้าตาก็สวยเอามากๆ เสียเพียงแค่ว่า แก่กว่า สโนว์ไวท์เท่าน้านเอง

ในสายตาสโนว์ไวท์ คงมองแม่เลี้ยง เป็นแม่มด
แอบใช้ คาถาทำเสน่ห์ทำให้ พ่อของตัวเองหลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้น
แต่ความจริงแล้ว

แม่เลี้ยงของ สโนว์ไวท์ ไม่ใช่แม่มด แต่เป็นคำประนาม ยัดเยียดให้ถูกจับเผาทั้งเป็นแล้วเป็นการแก้แค้นของ สโนว์ไวท์ด้วย เพราะแม่เลี้ยงใจดำมาก

ที่ไป ใช้ให้ นายพรานฆ่าเธอแล้ว ควักเอาหัวใจให้ดูมาเป็นหลักฐาน
คาดว่า สโนว์ไวท์ อาจจะรอดมาได้ เพราะ นายพรานสงสาร + สวย
แล้ว อาจจะมีการเสนอ ขอมีไรกับ สโนว์ไวท์เพื่อให้ สโนว์ไวท์รอดตาย
โดยที่สโนว์ไวท์ต้องสัญญาว่า ต้องหนีเข้าป่าไป ไม่กลับมาในเมืองอีก

บางที สโนว์ไวท์อาจจะไม่ใช่ สาวบริสุทธิ์ สังเกตุไหมว่า ในนิทาน มีอยู่จุด
ที่เล่าว่า เจ้าชาย ทุกข์ใจที่ สโนว์ไวท์หายตัวไปอย่างลึกลับจากวัง เลยเทื่ยวออกตามหา ด้วยความรัก และเป็นห่วง ( ตามหาเมียน้านเอง)

เจ้าชายที่ เคยแอบนัดพบ สโนว์ไวท์และ แอบฟังสโนว์ไวท์ร้องเพลงบ่อยๆ ในนิทาน ความจริงแล้ว สโนว์ไวท์เป็นแฟนกับเจ้าชายแต่แรกแล้วแต่แอบคบหากัน ไม่ให้ใครรู้ พอนังแม่เลี้ยงใจยักษ์ทราบก็ กลัวว่า สโนว์ไวท์จะได้ดีแต่งงานกับเจ้าชายไป แล้วกลับมาแก้แค้นตนเลยคิดฆ่าเสีย ทั้งที่ตอนนั้น สโนว์ไวท์ อายุได้ 16-17 ปีเอง โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้มีเค้าเรื่องจริง แล้วก็ น่าจะรักกับเจ้าชายมาก แต่เพราะ โดนแกล้งเลยทำให้ต้องมีผัวเยอะ

อย่างในนิทาน แม่เลี้ยงก็ร้ายน่าดู เพราะ เมื่อได้หัวใจหมูมาก็สั่งให้คนเอาต้มซุป มาทานอีกนะ ( คิดดูแล้วกันว่า ผู้หญิงคนนี้ร้ายแค่ไหน)
ตอนแรกก็คิดว่า สโนวไวท์ตาย

แต่ในนิทานหลอกเด็ก มันดันมี กระจกวิเศษ

ความจริงแล้ว กระจกวิเศษ คือ หน่วยสายลับประจำวังหลวงต่างหาก
คาดว่า น่าจะเก่ง เหมือน องค์รักษ์วังหลวงจั่นเจาที่ไปตามสืบเรื่องต่างๆมารายงาน ให้ทรงทราบ พอรู้ความจริง ก็เนื้อเต้น เลยจ้างคน ออกค้นหา แล้ว จัดการฆ่าเสีย

ส่วนทางฝ่ายเจ้าชาย คงพอจะรู้เรื่องมาบ้าง เพราะ สโนว์ไวท์คงเคยเล่าให้ฟัง เจ้าชายเลยจ้างคนออกสิบหาเหมือนกัน ว่าสโนว์ไวท์อยู่ไหน

ความจริง สโนว์ไวท์ ได้รับความ ช่วยเหลือจากพวกพ่อค้าคาราวานชาวจีน
(พวกนี้ จะตัวเตี้ย ตัวเล็ก ไม่เหมือนคนรัสเซีย) หลังจากที่ช่วยเหลือ สโนว์ไวท์แล้วก็ พาสโนว์ไวท์ไปอยู่ ที่หมู่บ้าน ทางตอนเหนือของ จีน

ทำให้ แม่เลี้ยง กับ เจ้าชายคนรักของ สโนว์ไวท์ ตามตัวอยู่นาน หลายเดือน ( สโนว์ไวท์ ก็อาจจะ โดนXXXX จากคนจีนทีมาช่วย)
แต่เป็นเพราะ ความสมัครใจและ ความหวาดกลัวที่จะโดนตามฆ่าเลยต้องเอาตัวรอด สโนว์ไวท์ไว้ใจ กลุ่ม คนแคระ(อาจจะเป็น จีนแคระ) เลยเล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด ทำให้ ทุกคนพยายามปกป้องสโนว์ไวท์ โดยให้สโนว์ไวท์หลบอยู่แต่ในบ้าน

แล้ว คอยทำอาหารและดูแล บ้านให้พี่น้องกลุ่มนี้บางที อาจจะเป็น บ้านที่หลังใหญ่มากที่ พี่น้อง อยู่กันเยอะๆ แบบครอบครัวคนจีน ที่อากง อาม่า เมียน้อย เมียหลวงอยู่ด้วยกัน โดย สโนว์ไวท์อาจจะอยู่ใน ฐานะพิเศษหน่อย คือ สุดที่รัก ประจำบ้าน คนจีนสมัยก่อนลูกเยอะนะ 10 - 15 คนก็มีได้ สโนว์ไวท์คงอึดอัดใจมาก ที่ต้องมาทำงานลำบาก รับใช้ พวกคนแคระ
แถมทั้งบ้านอยู่กัน ตั้งหลายคน

หลังจากที่ แม่เลี้ยง ได้ข่าวว่า สโนว์ไวท์หลบไปอยู่ เมืองอื่น(ที่ไม่ใช่ รัสเซีย) เลย ส่งนักฆ่าไปจัดการ ** เป็น หญิงชราท่าทางน่าสงสาร
โดย วิธีการของมันก็คือ ---- ทายาพิษบนแอปเปิ้ล ----

ในนิทาน เล่าว่า คนแคระเมื่อกลับมาเห็น สโนว์ไวท์หมดสติ ก็ต่างพากันแค้นใจโมโห ตามออกไป ไล่ฆ่า หญิงแก่คนนั้นทีเดียว
ต้นฉบับเดิมเล่าว่า

หญิงชรา( แม่มดที่เอาแอปเปิ้ลมาให้ ) โดนตีตายนะคะ โดยเครื่องขุดต่างๆ
ทั้งพรั่ว ที่ขุดถลุงเหล็ก คาดว่า หมู่บ้านที่ สโนว์ไวท์ไปอยู่เป็นย่านถลุงแร่เหล็กของคนจีน เป็นทางเหนือที่อยู่ใกล้ภูเขา แล้วก็ ติดป่า มีการทำนา มีการถลุงเหล็ก และ ค้าขายไปตามเมืองต่างๆ

คาดว่า เจ้าชายแฟนของ สโนว์ไวท์ไปเจอเข้าพอดี
ตอน สโนว์ไวท์ สลบไป โดย คนแคระ กำลังทำพิธีแล้ว เอา สโนว์ไวท์
ใส่ใน โลง( ที่สวยงาม เป็นแก้วเจียระไน )


สโนว์ไวท์ รอดตายได้ เพราะ จุมพิษ แต่ไม่ใช่เพราะ จุมพิษแล้ว ฟื้น
แต่เป็นการป้อนยาทางปากต่างหาก

เจ้าชาย ดื่มยาถอนพิษ จากถ้วยยา
แล้ว ป้อนทางปาก แบบ ปากต่อปาก หลังจากนั้น ก็ฟื้น

สมัยก่อนมีสมุนไพรหลายชนิดที่ มี ทั้งยาแก้ และ ยาถอน
ถ้าเป็น คนพื้นเมือง จะรู้วิธีแก้ แล้วก็แน่นอน ที่เจ้าชาย ต้องไมได้มาคนเดียว เจ้าชายต้องมีคนรับใช้ และ หมอยา ตามมาดูแลอยู่แล้ว เลยทำให้ ช่วย สโนว์ไวท์ให้รอดพ้นจากความตายได้ โดยที่ สโนว์ไวท์หลังฟื้นจากความตาย ก็ มา แก้แค้น นางแม่เลี้ยง โดยเจ้าชายก็ยินดีช่วยอยู่แล้ว
เพราะ อยากขยายอาณาเขตการปกครองออกไป โดยเมืองของ สโนว์ไวท์เป็นเป้าหมายแรก นั่นแน่ เจ้าชายก็ ร้ายไม่ใช่ยอยนะนั่น

ส่วน คนแคระทั้ง 7 ( พี่น้อง จีนทางตอนเหนือ ทั้ง 7 )

คาดว่า 1. ตายเพราะ มีการยื้อแย่ง สโนว์ไวท์ กัน แล้ว สู้กองทหารของเจ้าชายไมได้
2. ยอมยกสโนว์ไวท์ ให้เจ้าชายเพราะ เห็นว่าเป็นคนรักกันมาก่อน ไม่ก็กลัวตาย เพราะใน นิทาน คนแคร์ก็ไม่ได้เป็นไรตายนี่ แต่ก็ไมได้ รับการ ปูนบำเน็จให้ได้ดิบได้ดี ในวังหลวง ทั้งๆที่ช่วยชีวิตสโนว์ไวท์ไว้ มันแปลกไหมหล่ะ
สรุป คงรอดแหล่ะ แต่มันจะยังไงกันก็ไม่แน่ใจ

เพราะ ฉะนั้น น่าจะเป็นแบบฉบับ การเมือง การทำสงคราม ความรัก และ การแย่งชิงอำนาจ โดยชิงไหวพริบกัน

เพราะ 2 เมือง ทำสงครามกัน ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ

เจ้าชาย คงไปปล่อยข่าวด้วยแหล่ะ ว่าทางน้านไม่ดี แย่งบัลลังก์สโนว์ไวท์ไป
คิดร้ายกับ สโนว์ไวท์ ทำให้ สโนว์ไวท์ตกระกำ ลำบาก สารพัด ทำให้ความรักของเจ้าชายพินาศลง หัวใจแตกสลาย เป็นการแก้แค้นของ คน 2 คน
ที่มีความแค้นต่อ นังแม่เลี้ยงใจยักษ์ ความตายยังน้อยไป
นังแม่เลี้ยง ถูกประนามให้เป็น แม่มดใจร้าย ทำเสน่ห์ ชั่วร้าย ขี้อิจฉา
ให้คนเล่าต่อๆกันให้ เด็กๆด่าว่าเป็น นังแม่มดใจร้ายโดย สโนว์ไวท์ เป็นหญิงงาม ผู้ถูกรังแกแล้วมีเจ้าชาย ขี่ม้าขาวมาช่วย แบ้รรรรรร

เจ้าชายก็ บ้าอำนาจ อยากจะเมืองเขา อยากจะได้หญิงงามแบบสโนว์ไวท์
ที่ลักลอบเข้าวังสโนว์ไวท์ ตอนแรกไม่รู้ไป สืบข่าวอะไรเปล่าก็ไม่รู้
พอได้ จังหวะ ก็ ตีเมืองทันที โดยอาศัย ปล่อยข่าวทำลาย ราชินีต่างเมือง
ว่าเป็นแม่มด เป็นแม่เลี้ยงใจมาร จะฆ่าลูกเลี้ยง
ความจริง คืออะไรม่มีใครทราบ
แต่ ราชินีที่ สามารถปกครองเมือง มาได้นานเป็น 10 ปี จนสโนว์ไวท์โต
ก็ น่าจะเก่งพอสมควรนะคะ ร้ายด้วย เก่งด้วย

จากคุณ : อรมณีจันทร์




เป็นการวิเคราะห์  และฟังต่อๆ กันมาจากหลายๆ แห่งนะคะ   ยังไม่มีต้นฉบับที่ชัดเจน  ใครมีก็เอามาแบ่งปันกันนะคะ  กาฬอยากอ่าน  ( :))
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2008, 08:45:44 PM โดย กาฬรหัสย์ »
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ galdewis

  • *
  • 398
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • galdewis' blog 4 ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล's lovers Limited
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2008, 09:26:25 PM »

น่าสนใจดีนะคะน้องกาฬ เทพนิยายแสนสุขที่มีเค้าจากเรื่องจริงแสนสยอง
สโนไวท์ฉบับ realitic หรือฉบับผู้ใหญ่ uncensored

จะมารออ่านต่อค่ะ
maybe-the-beauty-or-the-beast head over heels in solitude

Whosoever is delighted with solitude is either a wild beast or a god. –Bacon

ออฟไลน์ นานะจัง

  • *
  • 7234
  • -3
  • เพศ: หญิง
  • นิศาอรพินท์
    • อีเมล์
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2008, 09:33:05 PM »
รออ่านต่อเหมือนกันจ้ะ  ;) เป็นเรื่องที่ทำให้อึ้งมากจริง เจ้าหญฺงนิทราไม่เท่าไร
แต่สโนไวท์นี่ ถ้าเป็นเด็กอ่านคงช็อกไม่น้อยแถมมีเค้าโครงเรื่องมาจากรเองจริงซะด้วยสิ

ออฟไลน์ กันย์ณภัทร

  • *
  • 2248
  • -1
  • จงปลดโซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ด้วยคมดาบแห่งใจตน
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2008, 10:00:46 PM »
 :o เรื่องพี่สาวของซินเดอเรล่าตัดปลายเท้าส้นเท้านี่พอรู้มานะ แต่เรื่อของสโนวไวท์กะเจ้าหญิงนิทรานี่ไม่รู้เลยนะเนี่ยยยจิงง่ะ :( :(

เหอๆๆเปิดหูเปิดตาจริงๆกระทู้นี้

ขอบใจนะจ๊ะน้องกาฬ

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2008, 03:37:54 PM »
อ่านความเห็นของคนที่รู้เรื่องหลายๆ คนมา บอกว่าทำลายความฝันในวัยเด็กซะเรียบเลย เมื่อรู้เค้าโครงเรื่อง ก่อนจะถูกดัดแปลง
ส่วนกาฬ   ตื่นเต้นสนใจ อยากอ่านของจริง  :-X  (ออกแนวซาดิสต์นะเนี่ย)

วันนี้ไปยืมการ์ตูน  Beauty and the Beast ของดิสนีย์ 




ดูไปหัวเราะไป  รู้สึกเจ้าชายอสูรน่ารักเกิ๊นนน   (ทำไมตอนเด็กดูแล้วไม่ฮาอย่างนี้นะ)






จาก NG ฉบับเดือน ตุลา 46  (ตัดทอน)

- เกือบตลอดศตวรรษที่สิบเก้า บรรดาครูอาจารย์ผู้ปกครองและผู้นำทางศาสนา โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ชุดนิทานของพี่น้องกริมม์ว่ามีเนื้อหาหยาบกระด้างและไร้อารยธรรม

พวกเขาไม่เห็นด้วยวิธีการลงโทษเหล่าตัวร้ายตามท้องเรื่องอย่างทารุณเช่นใน "สโนว์ไวท์" ฉบับดั้งเดิมที่แม่เลี้ยงใจร้ายถูกบังคับให้เต้นรำโดยสวมรองเท้าเหล็กร้อนจัดจนขาดใจตาย

ส่วนในเรื่อง "เจ้าหญิงเลี้ยงห่าน" สาวใช้ผู้ทรยศก็จะถูกจับเปลื้องผ้า แล้วโยนเข้าไปในถังที่มีตะปูแหลมๆเสียบอยู่ ก่อนจะถูกลากไปตามท้องถนน แม้แต่ในปัจจุบันพ่อแม่บางคนที่ห่วงใยกับลูกๆยังหันหลังให้กับเรื่องเล่าของกริมม์เพราะมีกิตติศัพท์เกี่ยวกับความรุนแรงของเนื้อเรื่องเหล่านี้ -

- เนื้อเรื่องของพี่น้องกริมม์ได้รับดัดแปลงและแปลเป็นภาษาอื่นหลายต่อหลายครั้ง โดยมักจงใจตัดทอนเนื้อหาที่ล่อแหลม หรือไม่ก็ทำให้สาระสำคัญของเรื่องเข้ากันได้กับรสนิยมของยุคสมัยนั้นๆ จนทำให้ผู้อ่านส่วนใหญ่รู้จักเทพนิยายชุดนี้เฉพาะในรูปแบบที่ดัดแปลงแล้วเท่านั้น
   
ในชั้นเรียนประถมที่สี่เมืองชไตเนาในเยอรมนี ซึ่งเป็นเมืองที่พี่น้องกริมม์เคยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในวัยเด็ก ผมนั่งฟังระหว่างที่เอลฟรีเดอ ไคลน์ฮันส์ นักเล่าเรื่องผู้ไม่เห็นด้วยกับการดัดแปลงต้นฉบับเดิมของกริมม์ถามเด็กนักเรียนชายหญิงว่า เจ้าหญิงในเรื่อง เจ้าชายกบซึ่งเป็นเทพนิยายเรื่องแรกในชุดเรื่องเล่าของพี่น้องกริมม์ ทำอย่างไรจึงทำให้เจ้าชายกลายร่างจากกบกลายเป็นคนตามเดิมในท้ายเรื่อง

เด็กๆพากันร้องตอบว่า "พระองค์ก็จูบมันน่ะสิ"

แต่ไคลน์ฮันส์กลับตอบว่า "ไม่ใช่สักหน่อย เจ้าหญิงทรงขว้างกบน่าเกลียดใส่กำแพงอย่างสุดแรงเกิดต่างหาก ครั้นพอเจ้ากบฟื้นขึ้นจึงกลายร่างเป็นเจ้าชาย เรื่องจริงๆเป็นอย่างนี้นะจ๊ะ" ทว่าเด็กๆกลับทำท่าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเล่า

(เวอร์ชั่นที่เจ้าหญิงเขวี้ยงกบ แทนการจูบ กาฬก็เคยดูการ์ตูนแล้วก็เคยอ่านมาเหมือนกัน แล้วก็อ่านเวอร์ชั่นที่จูบเจ้าชายกบด้วย กาฬว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่งงที่สุดละ เพราะไม่มีประเด็นเหตุผลเลย แค่เจ้าชายกบบอกให้จูบก็ทำตาม)

บรรดานักวิชาการและจิตแพทย์กลายเป็นต้นเหตุกลายเป็นต้นเหตุที่บดบังความงดงามของเทพนิยายกริมม์ฉบับดั้งเดิมไปจนหมดสิ้น เพราะต่างก็เพียรพยายามวิเคราะห์หาความหมายซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องกันอย่างไม่หยุดหย่อนเป็นต้นว่า การขว้างกบแสดงถึงการตื่นตัวทางเพศของเจ้าหญิง

ตามคำกล่าวของเบลเทลไฮม์ นักจิตวิทยาแนวฟรอยด์ หรือเจ้าหญิงทรงเป็นแม่แบบนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีโดยการต่อต้านอำนาจฝ่ายชาย ดังที่ลุทช์โรห์ริช ผู้เชี่ยวชาญด้านประเพณีพื้นบ้านชาวเยอรมันตั้งข้อสังเกต หรือกบก็เป็นแค่กบ ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแฝงอยู่ -

- เป็นเวลานานมาแล้วก่อนถึงยุคของพวกกริมม์ การเล่าเรื่องเป็นกิจกรรมยอดนิยมตามที่พักริมทาง โรงนา และตามโรงปั่นด้ายของหญิงชาวนา

ในเรื่องเล่าของพี่น้องกริมม์ก็มีตัวละครที่เป็นคนปั่นด้ายอยู่หลายเรื่อง ที่โด่งดังที่สุดก็เรื่อง "รุมเพลชติลสกิน" ในเรื่องนี้บุตรสาวของคนงานสีข้าวถูกพระราชาทรงบังคับให้ปั่นข้างฟางเป็นทอง

หากทำไม่ได้จะถูกประหารชีวิต แต่หากทำสำเร็จจะได้คู่ครองกับเจ้าชาย เธอจึงไปขอความช่วยเหลือจากชายร่างเล็กผู้ชั่วร้าย ซึ่งก็คือรุมเพลชติลสกินนั่นเอง -

- ความทุกข์ยากของชีวิตในยุคกลางของเยอรมนี อันเป็นช่วงที่เทพนิยายหลายเรื่องได้รับการบอกเล่าปากสู่ปาก มีส่วนเติมแต่งสีสันให้กับเนื้อหาของเรื่องเล่าต่างๆด้วยเช่นกัน

เด็กๆทั่วไปในยุโรปมักถูกปล่อยปละละเลยและทอดทิ้งเช่นเดียวกับฮันเซลและเกรเทล ส่วนผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดมักถูกมัดกับเสาแล้วเผาทั้งเป็น อันเป็นเคราะห์กรรมเดียวกับที่แม่เลี้ยงผู้ร้ายกาจจากเรื่อง "เจ้าหญิงทอผ้ากับหงส์ทั้งหก" ต้องประสบเช่นกัน -

(เรื่องนี้ เหมือนจะเคยอ่านแล้วก็ดูการ์ตูนมาเหมือนกันค่ะ  แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่า เพราะหงส์มี 11 ตัว (มั้ง) เจ้าหญิงเป็นน้องของหงส์เหล่านั้น ซึ่งเป็นเจ้าชายที่ถูกสาปให้กลายเป็นหงส์  เจ้าหญิงจะต้องทอผ้าจากเยื่อไม้ไผ่ในป่าช้า (มั้ง) ให้ทันก่อนเวลาที่กำหนดไม่เช่นนั้น เจ้าชายจะกลายเป็นหงส์ไปตลอดชีวิต)

นอกจากนี้ก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเนื้อหาส่งเสริมทัศนคติเหยียดเพศและอำนาจนิยม หรือการตกเป็นเครื่องมือของพวกบูชาอุดมการณ์และนักโฆษณาชวนเชื่ออีกด้วย -*-

จากคุณ : tornny
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2008, 03:45:51 PM โดย กาฬรหัสย์ »
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2008, 03:56:28 PM »
รู้แค่ซินดรอเรลล่าค่ะ  มีตำนานเริ่มแรกมาจากประเทศจีน  และอาจมีตัวตนจริงเคยพยายามหาแล้วว่าเป็นใครแต่หาไม่เจอ  รองเท้าไม่ใช่รองเท้าแก้วแต่เป็นรองเท้าผ้าไหมจ้า @^ 0 ^@

จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย




++++ส่วน นางซิน หรือ cindellara เห็นข้างบนบอกว่าเป็น สาวจีน
+++++เราเดาเอาว่า น่าจะ

เป็น หญิงชาวจีน ที่สวมรองเท้าผ้าไหม ถูกจับหักเท้าให้ เท้าดอกบัวแต่เด็ก

พวกนี้จะ เท้าเล็กมากๆ แต่จะ เล็กไม่เท่ากัน

เวลาเดิน จะไม่ถนัด เพราะเท้าพิการ ( มีนิ้วปรกติ แต่ 1 นิ้ว)
คือนิ้วโป้ง นอกนั้นถูก หักพับ จนงอแล้วเอาผ้าพันหลายๆชั้น



เจ้าชายคงทราบข้อนี้ดี เลย สั่งให้คนออกตามหาเจ้าของรองเท้าผ้าไหม
เท้าเล็กขนาดน้าน ใครจะไป ใส่ได้ ยัยพี่สาว ก็เลยโมโห ตัดส้นเท้าตัวเองซะเลย แต่มันก็ใส่ไมได้อยู่ดี

เพราะ เท้า ดอกบัว มันเล็กมากๆ

แบบว่า 4 นิ้ว ก็มี 3 นิ้วกว่าก็มี แต่หล่ะคนจะ ขนาดเท้าต่างกันไป

ที่สำคัญเท้าเล็กแบบนั้น แล้วใครจะไปใส่รองเท้าผ้าไหม แบบนั้นได้

ไปๆมาๆ เผลอๆ มู่หลาน ก็อาจจะมีตัวจริงนะคะ ไม่แน่นะ

เพราะ สมัยก่อน ผู้หญิงไม่ได้รับการต้อนรับให้เกรียติในสังคมชาวจีน

พอมีผู้หญิงเก่งๆ แบบ บูเช็กเทียน ฮ่องเต้หญิง

พอบูเช็กเทียนหมดอำนาจ ก็ ถูกขนามนามว่าเป็น นางมารราชวงศ์ถังไป

เห้อวววววววววกรรมจิงๆ

จากคุณ : อรมณีจันทร์



เป็นความเชื่อว่า ผู้หญิงสวยต้องเท้าเล็ก เป็นผู้ดีต้องเท้าเล็ก (แล้วจะเดินยังไง)
ตอนเห็นภาพคนจีนสมัยก่อนที่หักเท้าให้เล็กตามความเชื่อ   โอยยย  โชคดีนะ ที่รอดมาได้
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2008, 04:17:49 PM »
มาแนะนำหนังสือที่เกี่ยวข้องด้วยค่ะ
ใครเคยอ่านหรือหาอ่านได้แล้ว  เอ่อ...มาบอกด้วยนะ  กาฬอยากอ่าน  กำลังตามหาอยู่  :-*


Brother Grimm นิทรานาฎฆาตรกรรม





เทพนิยายกริมม์ เป็นชื่อที่คุ้นหูกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เพราะอิทธิพลของเทพนิยายจากต่างประเทศที่แทรกซึมเข้ามาอยู่ใกล้ๆพวกเราอย่างแนบเนียน ทั้งจากหนังสือ จากทีวี จากภาพยนตร์ เรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดง เจ้าหญิงนิทรา สโนว์ไวท์ ราพันเซล ลิตเติ้ลเมอร์เมด เฮนเซลและเกรเทล รวมถึงอีกหลายๆ เรื่อง จึงเวียนวนอยู่ในความคิดของเรา และการฆาตกรรมใน "Brother Grimm นิทรานาฎฆาตรกรรม" ก็ใช้ประเด็นนี้ในการนำเสนอเนื้อเรื่องได้โหด น่าติดตาม

Brother Grimm เป็นเรื่องราวการฆาตกรรมของฆาตกรต่อเนื่อง ที่เลือกสังหารเหยื่อโดยอิงกับเนื้อเรื่องจากเทพนิยายกริมม์

ผลงานชื่อดังของ จาคอบ กริมม์ และ วิลเฮล์ม กริมม์ สองพี่น้องตระกูลกริมม์ ที่เดินทางรวบรวมเรื่องเล่า ตำนาน เทพนิยาย ต่างๆ ทั่วเยอรมัน ในช่วงทศวรรษที่ 19
 
Criag Russell (ผู้เขียน) นำเรื่องราวการเดินทางครั้งนั้น มาเป็นแรงจูงใจในการฆ่า เขาค่อยๆ เปิดเผยให้เราเห็นเบื้องหลังของเทพนิยายเรื่องต่างๆ ว่าก่อนที่มันจะกลายเป็นเรื่องรักแบบ Happy Ending นั้น ความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องหวานแหววอย่างที่รู้จักกันในทุกวันนี้

เจ้าหญิงนิทรา - เธอถูกพบว่านอนหลับมาร้อยกว่าปี โดยพระราชาที่สมรสแล้ว ไม่ใช่เจ้าชาย เขาร่วมประเวณีกับเธอหลายครั้งขณะที่เธอยังหลับ หลังจากที่เธอได้ให้กำเนิดลูกแฝด แฝดคนนึงต้องการดูดนมแม่ แต่กลับไปดูดเศษไม้ออกจากนิ้วโป้งของเธอ ทำให้เธอได้ตื่นจากนิทราที่ถูกสาป

เมื่อหนังสือรวบรวมตำนานของสองพี่น้องกริมม์เป็นที่รู้จักมากขึ้น สองพี่น้องตัดสินใจตัดเนื้อเรื่องในส่วนที่เกี่ยวกับความรุนแรง และเรื่องเพศออกไป แต่ใน "Brother Grimm" เล่มนี้ เรื่องต่างๆ เหล่านั้น กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ทุกๆครั้ง เวลาที่ได้อ่านหรือได้ดูอะไรสนุกๆ ก็อดไม่ได้ที่จะให้คนอื่นได้ลิ้มลองประสบการณ์นั้นบ้าง
กับหนังสือเล่มนี้ก็เหมือนกัน .. ลองอ่านกันเถอะ เพราะเวลาที่เราอ่านสิ่งที่รู้สึกได้ว่าใกล้ตัว มันจะอินมากขึ้น และขึ้นชื่อว่าหนังสือฆาตกรรม การฆ่าแบบโหดๆ มีให้เจอกันในเล่มนี้แน่ ทั้งจากเรื่องจริง และจากที่ Craig Russell แต่งขึ้น อ่านไปก็ลุ้นไป ว่าใครคือฆาตกรตัวจริง และเหยื่อเคราะห์ร้ายรายต่อไปจะถูกฆ่าโดยอิงจากเทพนิยายเรื่องไหนต่อ
 
สิ่งที่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาในการอ่านก็คือ ความน่ากลัว มันน่ากลัวนะ ถ้าเราได้รู้ว่าเรื่องจริงของสิ่งที่เราเชื่อมั่นว่ามันคือเรื่องเล่าเรื่องแต่ง กลับเป็นสิ่งที่น่าหวาดผวาไม่น้อย สิ่งดีสิ่งนึงก็คือการที่พี่น้องกริมม์ ตัดสินใจตัดส่วนที่รุนแรงพวกนั้นออกไป จะเป็นยังไงถ้าพวกเขานำเสนอเรื่องราวทั้งหมดอย่างเที่ยงตรง เราคงไม่อยากรู้ความจริงของเจ้าหญิงนิทรากันตั้งแต่ยังเด็กหรอก จริงมั้ย
 
"ความดีงานและความชั่วร้ายที่มีอยู่ในโลกนี้มันเข้ามาอยู่ในโลกนี้พร้อมกับมนุษย์คนแรก มันมีวิวัฒนาการไปกับเรา นี่คือเหตุผลที่เรามีนิทานพื้นบ้านและความเชื่อโบราณ พี่น้องตระกูลกริมม์บันทึกเรื่องราวเหล่านั้น ไม่ได้สร้างสรรค์มันขึ้นมา ไม่มีเทพนิยายของเขาเรื่องใดเลยที่สร้างขึ้นโดยพวกเขา มันเป็นแค่นิทานพื้นบ้านโบราณที่พวกเขารวบรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยทางภาษาศาสตร์ของพวกเขา การมีเรื่องเหล่านี้และคติเตือนใจที่แฝงอยู่ในแต่ละเรื่องให้พวกเรา "อย่าเดินออกไปไกลจากบ้าน" และ "ให้ระวังคนแปลกหน้า" พิสูจน์ว่า ฆาตกรต่อเนื่องไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงของชีวิตสมัยใหม่ มันอยู่กับเรามาตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของเรา และเรื่องเล่าเหล่านั้นจะต้องได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นกำเนิดที่แท้จริงของเทพนิยายเหล่านี้จะต้องเกิดจากการลักพาตัวและฆาตกรรมจริงๆ" (แกร์ฮาร์ด ไวส์ หน้า 185)



เป็นนิยายที่แต่งขึ้นอ้างอิงจากนิทานกริมม์และเค้าโครงนิทานนะคะ 
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ bobenz

  • *
  • 5780
  • -1
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2008, 05:09:39 PM »
โอแม่เจ้า.....เจ้าหญิงในเทพนิยายมันไม่ได้แสนดีแบบนางฟ้าเลยในเวอร์ชั่นเดิม :(

น้องกาฬมู่หลานมีตัวตนจริงๆนะคะในประวัตืศาสตร์จีน ที่เที่ยวบางเมืองเห็นว่ายังมีรูปปั้นเลย ;)

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 10:45:28 PM »
โอแม่เจ้า.....เจ้าหญิงในเทพนิยายมันไม่ได้แสนดีแบบนางฟ้าเลยในเวอร์ชั่นเดิม :(

น้องกาฬมู่หลานมีตัวตนจริงๆนะคะในประวัตืศาสตร์จีน ที่เที่ยวบางเมืองเห็นว่ายังมีรูปปั้นเลย ;)


เป็นเพราะประวัติศาสตร์ไม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิง  ข้อมูลหลักฐานจึงเลือนลาง  เหลือไว้แต่ความเชื่อและคำบอกเล่าสืบต่อกันมา
กาฬก็เคยได้ยินเรื่องมู่หลานมาเหมือนกันค่ะ แล้วก็เคยดูของดิสนีย์  น่ารักดี  เห็นแล้วอยากให้เค้าเอาวรรณคดีไทยไปทำซักเรื่องจัง


พวกเทพนิยายเวอร์ชั่นเดิมพวกนี้ก็เหมือนกันค่ะ   

แฝงนัยแสดงให้เห็นเรื่อง กดขี่ทางเพศ  ค่าของสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน   

ตอนที่ดู โฉมงาม  แสดงให้เห็นชัดเลย  ว่าพวกชาวบ้านหาว่าเบลบ้า  ที่ชอบอ่านหนังสือ   พ่อของเบลก็บ้าเพราะเป็นนักประดิษฐ์
เป็นสังคมที่แบ่งชนชั้นทางเพศจริงๆ  ผู้หญิงแค่แต่งงานทำงานบ้านรอสามีกลับมาแค่นั้นพอ


แล้วมันก็ไปเกี่ยวโยงกับที่พี่ galdewis พูดอีกกระทู้นึง

เริ่มจะกลายเป็น แฟมินิสต์ กันซะแล้ว  :-X
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ galdewis

  • *
  • 398
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • galdewis' blog 4 ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล's lovers Limited
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2008, 03:20:29 PM »
แต่พี่ไม่ใช่เฟมินิสต์อ่ะ น้องกาฬ หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยเห็นว่าตัวเองใช่อ่ะค่ะ

เรื่องตาลุงแท็กซี่ที่อีกกระทู้นึงนั่น พี่ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรแกหรอกค่ะ
เป็นแค่การวิเคราะห์อาการหัวเราะเยาะของลุงแกเท่านั้นเอง
ว่าคิดว่าคงมาจากความรู้สึกเหยียดเพศหญิงลึกๆ ที่ยังคงหลงเหลือหรือตกค้างอยู่ในใจของเพศชาย
ค่าที่ผู้ชายมีอำนาจเหนือผู้หญิงมานานนับเป็นร้อยๆ พันๆ ปี
โดยที่ตัวตาลุงแกเอง อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำกระมัง (หรือว่าแกอาจจะจงใจหัวเราะเยาะพี่จริงๆ ก็ได้เหมือนกัน)



พวกเทพนิยายเวอร์ชั่นเดิมพวกนี้ก็เหมือนกันค่ะ   

แฝงนัยแสดงให้เห็นเรื่อง กดขี่ทางเพศ  ค่าของสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน   

ตอนที่ดู โฉมงาม  แสดงให้เห็นชัดเลย  ว่าพวกชาวบ้านหาว่าเบลบ้า  ที่ชอบอ่านหนังสือ   พ่อของเบลก็บ้าเพราะเป็นนักประดิษฐ์
เป็นสังคมที่แบ่งชนชั้นทางเพศจริงๆ  ผู้หญิงแค่แต่งงานทำงานบ้านรอสามีกลับมาแค่นั้นพอ



ขออนุญาตเน้นประโยคข้างบนของน้องกาฬนะคะ เพราะพี่ติดใจประโยคนี้แหละ

พี่ว่าสบายดีซะอีกนะน้องกาฬ ถ้าหน้าที่ผู้หญิงจะมีแค่ "แต่งงาน ทำงานบ้าน(อันนี้ไม่ค่อยชอบแฮะ ขี้เกียจอ่ะ) กับรอสามีกลับมา" (หูยย! อันหลังนี่แหละ ชอบที่สุด ฮี่ฮี่  :-X)


เกิดเป็นผู้หญิงยุคนี้ โชคร้ายกว่าเยอะ ต้องพึ่งตัวเองทุกอย่าง แถมต้องแข่งกับผู้ชาย ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าได้เปรียบผู้หญิงและพร้อมที่จะเอาเปรียบผู้หญิงในทุกทาง

คิดๆ แล้ว พี่อยากเกิดเป็นผู้หญิงยุคก่อนมากกว่าอ่ะ น้องกาฬ พูดจริงๆ นะ

ตัวอย่างมีให้เห็นไม่ต้องอื่นไกล แม่ป้าน้าอาพี่ ทุกคนล้วนแต่เป็นอย่างที่น้องกาฬบอกเลย...แค่แต่งงาน ทำงานบ้าน รอสามีกลับมา... แล้วก็มีความสุขกันทุกคนเลย เพราะว่าได้สามีที่ก็รู้หน้าที่ของผู้ชายเช่นกัน


ที่น้องกาฬบอกว่า สังคมสมัยก่อนแบ่งชนชั้นทางเพศ
พี่ไม่แน่ใจอ่ะค่ะ ว่าการแบ่งชนชั้นนั้น เป็นการวิเคราะห์ของคนในยุคหลังหรือเปล่า
และเป็นการตัดสินสังคมในอดีต ด้วยมุมมองของสังคมปัจจุบันหรือเปล่า ซึ่งพี่ไม่แน่ใจว่า มันจะเหมาะสมมั้ยอ่ะนะคะ

เพราะพี่คิดว่า การที่คนเราจะรู้สึกว่าถูกแบ่งชนชั้นนั้น แสดงว่าเราจะต้องรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมก่อน
แต่พี่ไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงในสมัยก่อน เขาจะรู้สึกว่าเขาไม่เท่าเทียมหรือถูกผู้ชายกดขี่หรือเปล่านะ
และการที่เรามองเห็นว่า ผู้หญิงในสมัยก่อนถูกผู้ชายกดขี่นั้น
เป็นการที่เราเอาตัวเราเอง ไปเป็นมาตรฐานวัดความคิดความรู้สึกของผู้หญิงสมัยก่อนหรือเปล่า
โลกทัศน์ของเราซึ่งเป็นผู้หญิงในสมัยนี้ กับโลกทัศน์ของผู้หญิงรุ่นปู่ย่าตาทวดของเรา พี่คิดว่าคงไม่เหมือนกันแน่อ่ะค่ะ


พี่คิดว่าเราพอจะมองว่าเป็นการแบ่งหน้าที่ได้หรือเปล่า แบบที่ญี่ปุ่นเขามอง และมีเส้นแบ่งหน้าที่ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายที่ชัดเจนมาก (แม้ว่าตอนนี้เส้นแบ่งที่ว่าจะเริ่มลางเลือนลงบ้าง)
และประเด็นญี่ปุ่นนี่ก็น่าคิด ทำไมสังคมญี่ปุ่นจึงยังคงอนุรักษนิยมการแบ่งบทบาทหน้าที่ของผู้ชายผู้หญิงอย่างชัดเจนไว้ได้อยู่ ในขณะที่ในประเทศอื่นๆ นั้นเส้นแบ่งตรงนี้ แทบว่าจะสูญสลายไปหมดแล้ว นับตั้งแต่ผู้หญิงเริ่มลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีเป็นต้นมา ซึ่งทำให้สังคมในอดีต ถูกคนรุ่นปัจจุบันตัดสินว่า เป็นสังคมที่แบ่งชนชั้นทางเพศ และกดขี่ผู้หญิง


แล้วเคยรู้สึกแปลกใจกันมั้ยคะ ว่าทัศนคติหลายอย่างที่เรามองว่า เป็นการกดขี่ทางเพศต่อผู้หญิงนั้น
แต่คนที่พยายามจะอนุรักษ์ทัศนคตินั้นเอาไว้ให้ได้ ไฉนกลับไม่ใช่ผู้ชาย หากแต่เป็นผู้หญิงเราด้วยกันเองนี่แหละค่ะ
ที่ไม่ยอมทิ้งทัศนคติเหล่านั้นไปเลย

จนถึงโลกยุคปัจจุบันนี้ ก็ยังคงมีแม่ผัว (ขอใช้ภาษาชาวบ้านนะคะ) ที่ยังคงรังเกียจสะใภ้ที่เป็นแม่หม้าย ยิ่งมีลูกติดยิ่งรังเกียจ รังเกียจผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆ แม้กระทั่งการถูกข่มขืน ไม่ได้แตกต่างไปจากยุคของเจ้าหญิงนิทราเวอร์ชั่นที่แม่เจ้าชายเป็นยักษ์เลย ทั้งๆ ที่เป็นการที่ผู้หญิงถูกกระทำ และไม่ใช่ความผิดของผู้หญิงเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ไฉนแทนที่จะได้รับความเห็นใจจากแม่ผัวซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่กลับได้รับความรังเกียจแทน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2008, 03:34:13 PM โดย galdewis »
maybe-the-beauty-or-the-beast head over heels in solitude

Whosoever is delighted with solitude is either a wild beast or a god. –Bacon

ออฟไลน์ กาฬฯ

  • *
  • 6333
  • -4
  • เพศ: หญิง
  • ஐ~ เผ่าพันธุ์นาคีซ่อนพิษไว้เสมอ ~ஐ
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2008, 06:26:43 PM »
กาฬคิดว่าเป็นมุมมองทัศนคติของยุคสมัยอย่างที่พี่ galdewis บอกเหมือนกันค่ะ

แต่ถ้าถามว่า  เกิดยุคไหนสบายกว่ากัน ขอผสมกันได้มั้ยอ่า    ยังไงเสียมันก็ได้อย่างเสียอย่าง


บางที ข้อห้ามในสมัยก่อนของผู้หญิง  อาจจะเป็นเพราะยกย่องผู้หญิงเป็นเพศที่สำคัญ  (เหมือนเคยอ่านนิยายหรืออะไรซักอย่าง ที่แสดงฐานะของผู้หญิงว่าสำคัญกว่าผู้ชาย)  จึงกลายเป็นการที่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องได้รับการศึกษา  ไม่ต้องอ่านออกเขียนได้ ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านให้เหนื่อย  ก็มีสามีเลี้ยง  (ถ้าเป็นกาฬ สมมติว่าเกิดในสมัยนั้น  แต่มีความคิดเหมือนอย่างสมัยนี้  คงอึดอัดตาย  ไม่ได้เรียนไม่ได้อ่านหนังสือ)

ซึ่งผู้หญิงสมัยก่อน  เค้าก็คงไม่คิดมากหรอก  ได้ทำหน้าที่ทำงานงานบ้านงานเรือนที่เค้าาถนัด  หรือการยอมรับที่สามีมีภรรยาได้หลายคน
 

แต่บางที  ก็เหมือนจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเพศหญิง  ดูอย่างประวัติศาสตร์  แทบไม่มีเรื่องราววีรกรรมของผู้หญิงเท่าไหร่เลย   อย่างในประวัติศาสตร์ไทย  วีรสตรีที่รู้จักดี คือ  ท้าวเทพกษัตรีย์ ท้าวศรีสุนทร  ท้าวสุรนารี  ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์แล้ว

แต่ถ้าเป็นสมัยอยุธยา  ประวัติศาสตร์เลือนลางเหลือเกิน 
อย่างเช่นพระสุพรรณกัลยา  ซึ่งประวัติศาสตร์ไทยยังเป็นที่ถกเถียงว่ามีจริงหรือไม่
แต่ในประวัติศาสตร์พม่า กลับพูดถึง  "อะเมี้ยวโยง"  นางผู้ซึ่งรักเผ่าพันธุ์ของตัวเองยิ่ง


แต่ถ้าสมัยนี้  การอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนของผู้หญิง (คงต้องมีฐานะจริง) ถึงจะสบาย   แต่ถ้าให้รอสามีกลับมาบ้าน  คงไม่ไหวแน่ๆ  ต้องให้สามีรอดีกว่า   :-X
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 03, 2009, 10:44:17 AM โดย กาฬรหัสย์ »
**จักรวาลนี้กว้างไกลแลไพศาลนัก เราเป็นเพียงละอองธุลีอันน้อยนิดล่องลอย ยากที่จะเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งให้จบครบสิ้น
สิ่งที่เรามิเคยเห็น ใช่ว่าจะมิมี แลสิ่งที่มิเคยได้ประสบ ก็ใช่ว่าจะมิเคยเกิดขึ้น**

ออฟไลน์ galdewis

  • *
  • 398
  • 0
  • เพศ: หญิง
    • galdewis' blog 4 ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล's lovers Limited
Re: หากเทพนิยาย...ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2008, 09:12:51 PM »
555 ไม่แน่ว่ายุคที่ภรรยากับสามีจะสลับบทบาทกัน
สามีเปลี่ยนมาเป็นอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน รอภรรยากลับบ้าน
อาจจะใกล้มาถึงแล้วก็ได้ น้องกาฬ
เพราะตอนนี้ก็พอจะเห็นแนวโน้มบ้างแล้วล่ะ


รู้สึกจะเคยอ่านหรือเคยดูสารคดีนี่แหละ เกี่ยวกับชนเผ่านึง น่าจะในแอฟริกานะ
ที่ผู้หญิงเป็นใหญ่กว่าผู้ชาย เพราะว่าเป็นสังคมที่ผู้หญิงเป็นผู้นำ และเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว

พี่ว่าหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดนี่แหละ ที่เป็นตัวตัดสินว่า
ในสังคมไหน เพศไหนจะเป็นใหญ่กว่า หรือเป็นผู้นำกว่า
และผู้หญิงเดี๋ยวนี้ ก็มีบทบาทในการหาเลี้ยงครอบครัวเท่าๆ กับผู้ชายแล้ว บางทีมากกว่าอีก
เดี๋ยวนี้ single mom ก็เยอะแยะ

ยุคนี้ผู้หญิงเริ่มมีรายได้มากกว่าผู้ชายแล้ว เพราะสังคมมันเปลี่ยนไป
มีงานหลายอย่างที่ผู้หญิงดูเหมือนจะทำได้ดีกว่าผู้ชาย และดูจะเป็นงานที่สามารถสร้างรายได้ได้ดีกว่าด้วย

แต่พี่ก็คงไม่เอาทั้งผู้ชายเลี้ยง (ขี้เกียจต้องคอยดูสีหน้าใคร) แล้วก็คงไม่มีปัญญาจะไปเลี้ยงใครอ่ะค่ะ น้องกาฬ 55



บางที ข้อห้ามในสมัยก่อนของผู้หญิง  อาจจะเป็นเพราะยกย่องผู้หญิงเป็นเพศที่สำคัญ  (เหมือนเคยอ่านนิยายหรืออะไรซักอย่าง ที่แสดงฐานะของผู้หญิงว่าสำคัญกว่าผู้ชาย)  จึงกลายเป็นการที่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องได้รับการศึกษา  ไม่ต้องอ่านออกเขียนได้ ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านให้เหนื่อย  ก็มีสามีเลี้ยง 


หวังว่านี่คงไม่ใช่เป็นเพียงอุบายของผู้ชาย ที่จะหลอกให้ผู้หญิงคิดว่าตัวเองเป็นเพศที่สำคัญก็ละกันนะคะ เพราะว่าผู้ชายนี่เจ้าเล่ห์ ไว้ใจไม่ได้อ่ะค่ะ น้องกาฬ อิอิ


ทีนี้ขอวกกลับมาเข้าเรื่องตามหัวข้อกระทู้ต่อนะคะ

ตอนแรกที่อ่านกระทู้ของน้องกาฬนี้ ก็รู้สึกว่าแปลกดี และอึ้งกับความโหด
เพราะบทความที่น้องกาฬเอามาให้อ่านนี้ เขาเขียนเก่งอ่ะค่ะ ขึ้นต้นได้ดึงดูดความสนใจดี

แต่พอเข้าไปอ่านในลิงค์ที่น้องกาฬให้มา มีคนพูดถึงศรีธนญชัยตอนผ่าท้องน้อง เรื่องนางสิบสองที่ถูกควักลูกตา เรื่องแม่ปลาบู่ทองที่ถูกฆ่าตายครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เลยเห็นด้วยกับเขาว่านิทานพื้นบ้านไทย ก็โหดจะตายไป
อย่างตาม่องล่าย ที่ฉีกลูกสาวออกเป็นเสี่ยงๆ
หกเขยที่ถูกตัดจมูก (รู้สึกจะถูกตัดหู แล้วตัดอะไรอีกอย่างนึงด้วยใช่ปะคะ)
ตอนเด็กๆ ฟังพ่อเล่าเรื่องบู๊สง ก็จำได้ว่าพี่ชายบู๊สงถูกเมียกับชายชู้ฆ่าอย่างโหด
แล้วบู๊สงก็แก้แค้นด้วยการฆ่าพี่สะใภ้และชายชู้อย่างโหดเหมือนกัน แต่จำไม่ได้แล้วอ่ะ


แต่จำได้ว่า ตอนที่ได้อ่านหรือได้ฟังผู้ใหญ่เล่าเมื่อตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าโหดนะคะ
เพราะว่าวิธีการเล่าของผู้ใหญ่ หรือวิธีการเขียนของนิทาน เป็นแบบเรียบๆ ง่ายๆ
ไม่ได้เน้นย้ำหรือให้น้ำหนักตรงที่ความโหด
แต่เน้นตรงความดีความชั่วมากกว่า
เวลาฟังผู้ใหญ่เล่าถึงตอนโหดๆ ก็มีแต่ทำท่ากึ๋ยๆ อุดหู แล้วก็หัวเราะสนุกกันไป ที่ได้ฟังนิทานแปลกๆ


แล้วนิทานพื้นบ้านไทยล่ะคะ มีใครค้นคว้าว่ามีเค้ามาจากเรื่องจริงที่โหดร้ายมั่งรึปล่าวคะ น้องกาฬ

maybe-the-beauty-or-the-beast head over heels in solitude

Whosoever is delighted with solitude is either a wild beast or a god. –Bacon