ส่วนความโหดร้ายในนิทานพื้นบ้าน ก็ยังมีแอบแฝงอยู่ในอีกหลายๆ เรื่อง
รจนาเองก็เหมือนกันค่ะ ในหนังสือวิเคราะห์ว่า รจนาเป็นคนที่อาฆาตพยาบาท ขนาดพี่ๆ มาว่ากระทบยังแค้นเคือง ซึ่งมันเป็นวิสัยสามัญของมนุษย์อยู่แล้ว ในตอนที่ 6 เขยถูกตัดปลายหูปลายจมูก รจนาก็สะใจ
ในละครถือว่า ค่อนข้างละเอียดในการจับบุคลิกของตัวละครแต่ละตัวมากเลย (ถ้าไม่นับเนื้อเรื่องที่มันออกมหาสมุทร)
ในฉากที่รจนาแอบสะใจพวกพี่ๆ เป็นอีกรูปแบบนึง ของนางในวรรณคดีที่มีนิสัยเหมือนคนจริงๆ
หรืออย่างเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน สงสารนางวันทองมาก แค่เลือกไม่ได้ว่าจะอยู่กับใครแค่นี้ก็โดนสั่งประหารเลย แถมพระไวยยังไปไม่ทันอีกตะหาก ถึงแม้จะได้รับการอภัยโทษแล้ว
แล้วชีวิตรันทด ตายแล้วยังต้องเกิดเป็นเปรตอีก
อีกหนึ่งประเด็นในนิทานพื้นบ้าน จะเรียกว่าความโหดร้ายได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่มันเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน
นั่นคือ การทำเสน่ห์ คุณไสย ค่ะ
ถ้าพูดถึงเรื่องการทำเสน่ห์ในนิทานพื้นบ้าน กาฬจะนึกถึงวรรณคดีของท่านสุนทรภู่ก่อนเลย
อย่างเรื่องพระอภัยมณี ที่บรรดานางๆ จากเมืองลังกาทำเสน่ห์
หรือเรื่อง ลักษณวงศ์ ที่นางยักษ์เป่ามนต์ให้ท้าวพรหมทัต พ่อของลักษณวงศ์ลุ่มหลงจนสั่งประหาร มเหสีและโอรส
เรื่อง โคบุตร ที่นางอำพันมาลา มเหสีฝ่ายซ้ายริษยา นางมณีสาคร มเหสีฝ่ายขวา จึงทำเสน่ห์ในโคบุตรหลงใหลตน
เรื่อง สิงหไกรภพ เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากละครจบ เมื่อสิงหไกรภพไปรบกับยักษ์อีกเมืองหนึ่งชนะ แล้วได้ นางเทพกินรา มเหสีของยักษ์ตนนั้นมาเป็นชายา แต่สิงหไกรภพก็รักสร้อยสุดามากกว่าอยู่ดี นางเทพกินรา จึงทำเสน่ห์
สร้อยสุดาจึงต้องไปขอให้พราหมณ์เทพจินดามาช่วยแก้เสน่ห์
สุดยอดค่ะน้องกาฬ ชอบมากมากกกกก เล่าได้เก่งค่ะ ;D
รจนาเองก็เหมือนกันค่ะ ในหนังสือวิเคราะห์ว่า รจนาเป็นคนที่อาฆาตพยาบาท ขนาดพี่ๆ มาว่ากระทบยังแค้นเคือง ซึ่งมันเป็นวิสัยสามัญของมนุษย์อยู่แล้ว ในตอนที่ 6 เขยถูกตัดปลายหูปลายจมูก รจนาก็สะใจ
แค่นึกแค้นเคืองกับสะใจแค่เนี้ย หนังสือก็หาว่าอาฆาตพยาบาทแล้วเหรอคะ
พี่ว่าถ้าอาฆาตพยาบาท มันน่าจะต้องมีกายกรรมด้วยนะ
ถ้าแค่มโนกรรม กับวจีกรรม มันก็มนุษย์ปุถุชนน่ะ แต่ยังไม่ถึงกับเป็นคนไม่ดี
แต่ถ้าลงมือแก้แค้นแบบไม่เลิกไม่รานี่สิ ถึงจะเรียกว่าอาฆาตพยาบาท
ส่วนเรื่องทำเสน่ห์ พี่เพิ่งจะรู้ว่ามันมีเยอะขนาดนี้ในนิทานพื้นบ้านนี่น่ะ
งั้นที่พี่เคยบ่นว่าละครพื้นบ้านหรือละครประเภทแรมพิศวาส เอะอะก็ทำเสน่ห์นี่
คงจะขอยกประโยชน์ให้จำเลยไปก่อนละกัน
อ่านๆ ที่น้องกาฬเล่ามาแล้ว ทำไมพี่ถึงรู้สึกขึ้นมาเลยล่ะ ว่าการทำเสน่ห์อาจจะไม่มีจริงก็ได้
แต่เป็นวิธีการโยนความผิดให้ผู้หญิงของผู้ชายหลายใจตังหากล่ะ
ตัวเองได้ใหม่ลืมเก่า เบื่อเมียหลวงหลงเมียน้อย
แต่พอนานๆ ไป เมียน้อยที่เคยหน้าตาจุ๋มจิ๋ม มันก็เก่าเป็นสนิมได้ ไม่ผิดอะไรกับเมียหลวงหรอก เริ่มอยากโละทิ้งแล้ว
ทีนี้ทำไงล่ะ ก็ทำเป็นว่าหายจากการถูกทำเสน่ห์ไง
วิธีนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลย หนึ่งโยนความผิดให้นังเมียน้อยที่กำลังอยากจะโละทิ้งซะ
และสอง ทำให้ผู้ชายหลายใจลอยนวลพ้นผิดจากการนอกใจเมียหลวง ก็ชั้นถูกทำเสน่ห์นี่ ชั้นไม่ได้อยากจะนอกใจเองซะหน่อย
สรุปแล้วผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นเมียน้อยหรือเมียหลวง ที่พยายามจะแย่งความรักจากสามีกันแทบจะตายไปข้าง
แต่หารู้ไม่ว่า ไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของผู้ชายหรอก แล้วยังมาหาว่าผู้หญิงมายาร้อยเล่มเกวียน
แต่คนที่มายาสาไถยตัวจริงแต่ยังไม่ถูกกระชากหน้ากาก ก็คือผู้ชายน่ะแหละ
ส่วนเรื่องเจ้าแม่วัดดุสิต ขอเล่าสั้นๆ คร่าวๆ เท่าที่จำได้ไปก่อนนะคะ ไม่กล้าพูดยาว เกรงจะผิดพลาดอ่ะค่ะ ถ้ามีเวลาจะไปค้นมาให้ใหม่นะคะ
ที่ท่านเป็นผู้ที่เชื่อมสาแหรก 3 แผ่นดินเข้าด้วยกัน ก็เพราะว่าตัวท่านนั้นเป็นราชวงศ์พระร่วงหรือสุโขทัย (จากข้อสันนิษฐานที่ว่าท่านอาจเป็นพระธิดาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสมเด็จพระเอกาทศรถ) และรับราชการเป็นแม่นมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในแผ่นดินอยุธยา ในขณะที่ตัวท่านเองมีโอรสคือพระยาโกษา(ปาน) ซึ่งก็คือบรรพบุรุษสายตรงของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือรัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์ผู้ทรงก่อตั้งราชวงศ์จักรี โดยท่านโกษาปานมีบุตรชายสืบต่อกันมาจำไม่ได้แน่ว่ากี่รุ่นนะคะ น่าจะประมาณ 3-4 รุ่นน่ะค่ะ จนถึงรัชกาลที่ 1 ค่ะ ดังนั้นตัวท่านเจ้าแม่วัดดุสิต จึงเป็นผู้เชื่อมสาแหรก 3 แผ่นดินค่ะ
ส่วนเรื่องที่ท่านมีเชื้อสายมอญนั้น จากที่เคยอ่านเจอคือ ทางท่านแม่ของเจ้าแม่วัดดุสิต มีเชื้อสายของพระยาเกียรติ พระยารามซึ่งเป็นมอญค่ะ มีข้อสังเกตว่า สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระอัครมเหสีของรัชกาลที่ 1 ก็ทรงเป็นธิดาของคหบดีชาวมอญด้วยนะคะ ส่วนน้องสาวของท่าน(สมเด็จพระอมรินทร์ฯ)คือเจ้าคุณนวล ได้สมรสกับท่านที่เป็นต้นราชสกุลบุนนาคน่ะค่ะ (ขออภัยพี่นึกชื่อท่านไม่ออกจริงๆ) ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเฉกอะหมัดซึ่งเป็นแขก จึงได้เกิดเพลง แขกมอญบางช้าง ขึ้น ในเรื่อง ฟ้าใหม่ บทของป๋อน่ะค่ะ พี่เข้าใจว่าตัวจริงก็คือท่านที่เป็นต้นราชสกุลบุนนาคนี่ล่ะค่ะ ดังนั้น เรื่องฟ้าใหม่ซึ่งแต่งโดย ศุภร บุนนาค ก็เป็นการที่คุณศุภรเขียนเล่าถึงเรื่องราวของบรรพบุรุษของท่านนั่นเอง เหมือนกับเรื่อง รัตนโกสินทร์ ซึ่งอาจารย์วินิตาบอกว่า เป็นนิยายที่ท่านแต่งถึงบรรพบุรุษของท่านน่ะค่ะ คือพ่อฟักกับแม่เพ็ง