::: MAGAZINE ONLINE SERIES ZONE :::ห้องหนังสือ วรรณกรรม ละคร > นิตยสารออนไลน์
ประโยคประทับใจ ในนิยายเรื่องโปรดของคุณ
bobenz:
ความรักอื่นใดหรือจะยิ่งใหญ่เท่ารักในแผ่นดิน
จาก จูมง
สั้นๆแต่ความหมายมันกินใจมาก สำหรับพี่คมมากบาดใจเลย :-*
กาฬฯ:
'อำนาจ' แห่งพราหมฌาจารย์เปรียบปานกรุงพนม...พิธีสุดท้ายทรงเสด็จประทานชลาภิเษกให้ 'นาง' พร้อมโองการแต่งตั้ง
ชลันธรีมหาชยลักษมีแห่งกัมพูชา
มกุฏนางพญาประดับไว้เหนือโกศศิลาให้ประจักษ์
"อันศักตินี้ จักมิมีอิตถีใดได้จากเรา!"
พิษณุหริซะซิบราวให้นางยิน "ใช่! มันทั้งชไมที่เทินเจ้าไว้จนสิ้นชีพิต หาก..."
โอษฐ์บางแห่งพิษณุปรมโลกแย้มนิดๆ ดุร้าย "ผู้ร่วมทำลายเจ้า เราจักลากตัวมันกระทำปฐมกรรมจงได้!"
สุริยวรรมัน เล่ม 2 หน้า 621 ของ ทมยันตี
seeu:
เจ็บช้ำครั้งนี้เพียงชีวิต ตราจิตจวบจนโลกหน้า
รานร้าวแหลกสลายทรมา ปิดตาสิ้นใจไป่ลืม
ชาติใดแม้ได้กำเนิด อย่าเกิดหลงใหลได้ปลื้ม
ปลีกกายเร้นไกลไป่คืน ชนชื่นรักโรยโปรยดิน
จากเรื่อง วันที่รอคอย ของทมยันตี
อินทรายุธ:
ออกตัวไว้นิดนึงว่าเยอะค่ะ เริ่มเลยน้า...
เอาเพชรพระอุมาก่อน จากตอนดงมรณะ บทที่ 39 พนมเทียนเปรียบผู้หญิงได้เด็ดขาดมาก
ความกลมกลึงแห่งวงพระจันทร์
ความคดเคี้ยวแห่งเถาไม้เลื้อย
ความเกาะเกี่ยวแห่งเถาวัลย์
ความหวั่นไหวแห่งยอดหญ้า
ความอ้อนแอ้นแห่งใบอ้อ
ความยียวนแห่งดอกไม้
ความเบาแห่งใบพฤกษ์
ความคมแห่งตาเนื้อ
ความแจ่มใสแห่งดวงตะวัน
น้ำตาแห่งหมอก
ความปรวนแปรแห่งกระแสลม
ความใจเสาะแห่งกระต่าย
ความโอ่ลำพองแห่งนกยูง
ความอ่อนละมุนแห่งขนอ่อนของวิหค
ความแกร่งแห่งเพชร
ความหวานแห่งน้ำผึ้ง
ความดุร้ายแห่งพยัคฆ์
ความอบอุ่นแห่งเปลวเพลิง
ความเยือกเย็นแห่งหิมะ
ความพูดมากอย่างนกกระจอก
ความครวญครางแห่งนกเขา
งูพิษ!
สูเจ้าจะรู้หรือไม่ว่า สรรพสิ่งเหล่านี้รวมระคนกันแล้วคือสัตว์แสนสวยชนิดใด ?
ประหนึ่งน้ำค้างที่เกาะอยู่บนกิ่งใบพฤกษา ครั้นยามดึกก็เนืองนองมากมายปานจะรองดื่มให้ฉ่ำทรวงได้ แต่พอรุ่งแจ้งแสงปัจจุบันสมัยส่อง น้ำค้างก้ย่อมจะละลายเหือดหายไป น้ำใจนางก็เปรียบฉะนั้น
และจากเรื่องเดียวกัน ในบทที่ 35
"นกฟ้ากำลังร้องเพลงเล่นแสงเดือน
คนเห้นมันแต่เงา คนได้ยินมันแต่เสียง
ไม่มีใครรู้แหล่งที่อยู่ ไม่มีใครได้สัมผัสแม้แต่ขนหาง
แต่คงมีสักโอกาสหนึ่งที่วิหคฟ้าผละแดนสวรรค์ลงมาเกลือกเล่นธุลีดิน วันนั้นย่อมเป็นวันปิติโสมนัสของพสุธา"
อินทรายุธ:
ข้อความต่อไปนี้ไม่ได้มาจากนวนิยาย แต่เป็นเรื่องสั้นค่ะ คงไม่เป็นไรนะ
จากเรื่องโลงทอง ของนักเขียนที่มีสมญานามว่า ปลายปากกาจุ่มน้ำผึ้ง "อิงอร" ค่ะ เป็นตอนเปิดเรื่อง (บทนี้สุนทราภรณ์นำข้อความนี้มาแปลงเป็นเพลงชื่อ บุหรงทองด้วยนะคะ )
บุหรงเอย ยูงทองล่องฟ้า สกุณาเลิศศักดิไฉนไม่เกาะคาคบเมฆ ไยแม่ลงรำแพนเกลือกดินเยี่ยงนกเปล้ากลั้วฝน เสมือนไร้ปรานีแววหางเพริศพราวล้ำน้ำเพชรแห่งตัว
สงสารเอย...บุหงาหอม พญาไม้เลอกลิ่นควรคู่อยู่เป็นศรีบัญชรตำหนัก ฤๅจักมาลิดค่าหอมโน้มกิ่งทองให้ดินชม
ไม่ดูเยี่ยงบุหลันเรืองรุ่ง สาดดินแต่เพียงแสงนวล ตัวดวงสิแขวนฟ้ส เป็นนายิกาแห่งดาว รานีแห่งราตรีแจ่ม แม้เมฆละมุนอยู่ถิ่นสูงก็ชวดชม แม้ลมละไมยังอดเชย
ไฉนเอย...รานีน้อง ผู้สวยเหนือบุหรง งามล้ำบุหงา งามเย้ยบุหลัน สามสิ่งสูงรวมหลอม ยังย่อมกว่าสิ่งโสภาคย์แห่งนาง โอรสรายาก็มีค่าเพียงทาส เมื่ออยู่ใกล้โฉมพิลาสแห่งบาทนาง กลอะไรหนอเพียงธุลีวัง ยังชำนะหทัยทอง เผยอเด็ดสมปอง ผยองชมสมใจ
ใครหนอ บุญหนามาแต่กระยาหงัน
รักแน่...รักแท้...รักแม่ไม่แปร รักชายไม่ปรวน เพราะรักสิระทม เพราะชมสิรัญจวน บุญนำกรรมพราก สองจากกำศรวล ประเพณีทำนบรัก พบทะเลครวญ อนาถเอย รักเอย
ส่วนนี่มาจากบทประพันธ์ของนักเขียน ผู้ซึ่งเสียชีวิตก่อนอินเกิด 24 ปีเต็ม นักเขียนผู้ซึ่งมีบิดาร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์ของตระกูลอิน ......ยาขอบค่ะ
จากเรื่องกามวาสี
"...คนเรามักจะดูถูกผู้หญิงอีกข้อหนึ่งในเรื่องการเสียตัว ไม่จริงเสมอไปดอกที่ว่า ลงหญิงเสียตัวด้วยแล้วจะเป็นพันธนาการความรักได้มั่นคง ความเป็นผัวเมียไม่อาจยึดเหนี่ยวได้ถ้าถึงบทแม่จะทรยศขึ้นมา แต่ในทำนองเดียวกัน ในคนบางคน แม้เขาไม่เคยได้เสียเป็นเมียผัว เขาก็ยังมั่นคงเข้าหากัน เรื่องจะทรยศของผู้หญิงนั้น ฉันว่ามันขึ้นอยู่กับหัวใจแม่หญิงเอง ผู้ชายที่ผิดหวังในความรักอย่างคุณเป็นอันมากมักมาโทมนัสเสียดายโอกาสภายหลังว่า เป็นเพราะความใจดีเกินไป (ที่ไม่รวบหัวรวบหางผู้หญิง/อินทรายุธ) ความรักของเขาจึงเป็นอื่น ไม่จริงฉันขอค้าน อย่าโทมนัสต่อการที่คุณปล่อยความชั่วผ่านไปโดยไม่รีบคว้า..."
และอีกตอนหนึ่งจากเรื่องเดียวกันนี้
"...เมื่อเพ่งเล็งถึงเกียรติยศและหน้าที่ ความรักก็ย่อมไม่มีราคา แต่ถึงคราวที่เหตุการณ์แวดล้อมทั้งหลายได้ทำให้เราต้องฝืนเอาความรักขึ้นมาเพ่งเล็งกันใหม่ เกียรติและหน้าที่ก็ย่อมหมดราคาไปเช่นเดียวกัน..."
และสุดท้ายสำหรับกษณะนี้ จากวรรณกรรมเยาวชนเรื่องลิตเติ้ลทรี ของฟอร์เรสต์ คาร์เตอร์ แปลโดย กรรณิการ์ พรมเสาร์
"...ย่าบอกว่าเรารู้ได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนตาย
ย่าว่าคนตายนั้น เมื่อมองผู้หญิงเขาไม่เห็นอะไรนอกจากคิดสกปรก
เมื่อเขามองผู้คนเขาไม่คิดอะไรอื่นนอกจากด้านเลวๆ
เมื่อมองต้นไม้เขาไม่เห้นอะไรนอกจากไม้ซุงและผลกำไร มิใช่ความงาม
ย่าบอกว่าพวกนี้แหละ คือคนตายที่ยังเดินดินอยู่ทั่วๆไป"
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version