ภาคสอง เริ่ม ฉากคลอดลูกของโชโกะ ซึ่งทำคลอดโดยตัวร้าย พี่ชายแท้ของชูอิจิ โชโกะตายนานะจังงงกับนางเอกนิดหน่อยนะคะ she ชอบทำเหมือนมีใจให้ทั้งพระเอก แล้วพระรองเลยอ่ะ แบบ อีกคนก็รัก อีกคน หนึ่งก็สงสารอ่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=haiku&month=01-2006&date=27&group=11&gblog=8ทาคูมิขออายะแต่งงาน เธอตอบตกลง หลังจากโชโกะตายแล้วชูอิจิสารภาพกับอายะว่ายังรักเธอเสมอ
ทาคูมิเจ็บปวดที่รู้ว่าอายะยังไม่ลืมชูอิจิ เขาบอกให้เธอไปกับพี่ชาย แต่ทาคูมิได้รับอุบัติเหตุ อายะบอกว่าเขาจะเดินไม่ได้อีก
ทาคูมิหมดอาลัยตายอยาก อายะบอกเคโกะพยาบาลที่มาหลงรักเขาว่าเคโกะจะช่วยทาคูมิให้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้ ทาคูมิเห็นใจเคโกะยอมรับรักเธอ เขานัดอายะเพื่อบอกลาแต่เคโกะกลับคิดว่าทาคูมิจะไปกับอายะ อายะถูกเคโกะผลักออกไปบนถนน ความที่หูหนวกเลยไม่ได้ยินเสียงรถที่วิ่งมาด้านหลัง สถานที่ก่อสร้างมีของวางระเกะระกะ รวมไปถึงกระจกนิรภัยแผ่นใหญ่ที่ถูกกระแทกจนแตก เศษกระจกแตกเป็นเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงบนตัวอายะ ภาพตัดไปเมื่อครั้งที่ชูอิจิพูดกับเธอที่ฮอกไกโดว่า สักวันจะมีดวงดาวตกลงมาบนตัวอายะและเขาจะทำให้ดาวตกลงบนตัวอายะให้ได้ แต่สิ่งที่ตกลงบนตัวเธอกลับทำให้ชีวิตของเธอน่าเศร้ายิ่งขึ้น อายะตาบอด ชูอิจิบอกทาคูมิว่าอายะต้องการปิดตัวเองจากเรื่องปวดร้าวที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป
ชูอิจิถูกกล่าวหาว่ารับสินบนกำลังจะถูกจับเข้าคุก เขาพาเธอออกจากโรงพยาบาลเดินไปตามถนนยามค่ำคืนที่ว่างเปล่า หิมะโปรยปรายลง
"เธอหนาวไหม" เขาถามแล้วถอดเสื้อนอกออกคลุมให้เธอ พอออกเดินทั้งคู่สะดุดล้มลง
"ขอโทษนะ เป็นอะไรไหม มีแผลหรือเปล่า" ชายหนุ่มุถามอย่างเร็ว ก้มลงหยิบรองเท้าของเธอที่หลุดออกมาสวมให้ เงยหน้าขึ้นมองเธอ แต่ก็เปลี่ยนใจถอดรองเท้าตัวเองออกลุกขึ้นยืนเคียงกัน
"นานๆเดินเท้าเปล่าสักพักก็ดีเหมือนกัน เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง" เธอยืนนิ่งเหมือนหุ่นโชว์ที่สวมชุดแต่งงานที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง แล้วเธอเคยถอดรองเท้าตัวเองสวมให้คล้ายเรื่องราวของเด็กสาวในนิทานที่เขาเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว
"ถึงเธอจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอจนชั่วชีวิตจนกว่าดวงตาของเธอจะมีดาวปรากฏขึ้นอีกครั้ง จนกว่าบนตัวของเธอจะมีดาวร่วงหล่นลงมา ฉันจะรักเธอไม่มีวันเสื่อมคลาย
อายะ..." เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดวงตาเริ่มพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา
"ฉันรักเธอมากนะ" ชายหนุ่มก้มหน้าลง น้ำตาร่วงลงบนมืออายะที่เขาเกาะกุมไว้ เธอทำมือแสดงว่ารับรู้ ชูอิจิกอดเธอไว้ด้วยความรู้สึกลึกซึ้งในหัวใจเกินจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดใดได ้ทั้งคู่เต้นรำกันเงียบๆ ท่ามกลางสายหิมะที่โรยตัวลงบางเบา ฉากหลังเป็นไฟประดับดวงเล็กๆมากมายรูปดาวและแสงไฟจากตึกสูงไกลลิบๆ ดูคล้ายดวงดาวที่ทั้งสองมีความผูกพันกระพริบแสงรายล้อมรอบตัว
ภาพตัดกลับมาที่ห้อง สองคนนั่งใกล้กัน ชูอิจิเอื้อมมือแตะแก้มอายะแผ่วเบา เธอยกมือทั้งสองข้างจับต้องใบหน้าเขา ทั้งคู่สัมผัสถึงความรักอันลึกล้ำที่มีให้แก่กันมาเนิ่นนาน กล้องถ่ายให้เห็นนิทานที่เขามอบให้เธอก่อนจากฮอกไกโดมา หนังสือถูกเผาไฟเป็นบางส่วน ฉากนี้จบลงด้วยภาพของมือทั้งสองประสานกัน ดวงดาวอันแสนหวานกำลังโปรยปรายลงบนความรู้สึกของคนทั้งคู่ เชื่อมความผูกพันให้มั่นคงไม่มีวันเลือนสลาย
เช้าแล้วชูอิจิต้องลาจากอายะ เขาหันไปมองหญิงสาวที่นั่งนิ่ง หยิบเสื้อของตัวเองคลุมไหล่ให้ ลงนั่งตรงหน้าเธอ จับมือไว้แล้วบอกว่าจะรีบกลับมา ชายหนุ่มลุกขึ้นจะเดินออกไป เงามือของอายะทาบลงบนกำแพงตรงหน้า เขาชะงักหันกลับไปมอง เธอทำมือบอก
"ฉันรักคุณ" ชูอิจิยิ้มให้กับคำพูดไร้เสียงอันอ่อนหวานของเธอแต่ดวงตามัวหม่นด้วยหยดน้ำ
"ฉันก็รักเธอเช่นกัน" เสียงพูดแผ่วเบา ชูอิจิมองเธออย่างอาลัยอาวรณ์แล้วตัดใจเดินออกจากห้องไป ออกมาหน้าบ้านตำรวจมารอจับชูอิจิอยู่แล้ว
ทาคูมิเข้ามาหาอายะบอกว่าชูอิจิบริสุทธิ์พ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมด อายะถามเวลา เขาบอกว่าสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว ความสุขระบายเต็มใบหน้าหญิงสาว บอกทาคูมิ
"น่าแปลก ทั้งที่ไม่ใช่เวลากลางคืนแต่ฉันกลับมองเห็นดาว...ดาวของเขากำลังร่วงหล่นลงมาอาบร่างฉัน" พูดจบก็ยิ้มอย่างสุขใจ กอดหนังสือนิทานไว้แนบอก
ยากามิพี่ชายของชุนอิจิแต่คนละแม่กับทาคูมิ (เป็นคนที่ทำร้ายทาคูมิจนพิการ)ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจากแม่ตั้งแต่เล็ก ตามหาน้องชายที่ต้องพลัดพรากกัน ไม่คิดว่าน้องชายตัวเองจะร่ำรวยเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลแต่ตัวเองสิ้นไร้ไม้ตอก เขาหลงรักอายะแต่เธอก็มีเพียงชูอิจิคนเดียวในหัวใจ ยากามิคิดแค้นจับตัวอายะไป ทาคูมิสงสัยว่าทำไมยากามิหลงรักอายะ เคโกะบอกว่าได้ยินยากามิพูดถึงอายะว่า
"ในดวงตาของอายะมีกระจกอยู่แค่บานเดียวที่พร้อมจะรับกับทุกสิ่ง ทั้งที่ตัวเองก็เติบโตมาท่ามกลางความยากจนแต่กลับไม่มีกระจกบานนั้น เขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแต่ไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้ ทำให้ต้องสูญเสียทุกอย่างไป เหมือนเด็กที่ต้องการกักเก็บความรักความอบอุ่นของแม่ไว้กับตัวคนเดียว"
ทาคูมิและเคโกะตามมาช่วยอายะ แต่ทั้งคู่กลับถูกยากามิจับตัวไว้พาลงเรือออกทะเลไป ยากามิสติฟั่นเฟือนเห็นอายะเป็นแม่ของตัวเองคิดจะให้ตายพร้อมกัน ทาคูมิร้องห้าม พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการถูกมัด แหวนที่เขาจะมอบให้อายะตกลงพื้น ชายหนุ่มตะเกียกตะกายจากรถเข็นฮึดสุดแรงจนยืนบนขาตัวเองได้ หยิบแหวนขึ้นมา ยากามิหันมามอง ทาคูมิโถมทั้งตัวเข้าหายากามิไว้ทั้งที่มือยังไม่หลุดจากเชือก กอดอีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อยแล้วทิ้งตัวลงทะเล ยากามิดิ้นรนแต่ทาคูมิก็จับไว้แน่นจนยากามิหยุดดิ้นจมหายไปกับความมืดมิดของผืนน้ำ เชือกหลุดออกจากมือแล้วแต่ทาคูมิก็หมดแรง มองเห็นภาพของอายะบนเรือค่อยๆเลือนลางลงทุกที ส่งเสียงเรียกอายะเบาๆได้คำเดียว แล้วร่างของชายหนุ่มก็จมลึกลงไปทุกที ชูอิจิโดดลงน้ำควานหาจนช่วยน้องขึ้นมาได้ ทาคูมิฟื้นจากสลบพอรู้ว่าทั้งพี่ชายและอายะปลอดภัยก็โล่งใจ
ชูอิจิและอายะได้กลับมาอยู่คู่กันอีกครั้ง เขาบอกเธอ
"แคล้วคลาดกันมานานมากเลยนะ แต่ว่าในที่สุดก็ได้มาอยู่กันสองคนซะที สักวันนึงถ้ามีคนบริจาคกระจกตาให้เธอๆก็จะมองเห็นได้อีกครั้ง ระหว่างนั้นฉันจะเป็นดวงตาให้เธอ"
"ถึงจะมองไม่เห็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป ฉันก็มองเห็นคุณ" ชูอิจิยิ้มให้อย่างตื้นตันใจ
"อายะ ฉันจะไปเป็นหมอชนบทไม่ใช่เอเซไกแล้ว เป็นแค่หมอธรรมดาๆคนนึง เพราะฉะนั้น...อายะ...ฉันคงจะทำให้ดาวตกลงมามากๆไม่ได้แล้วนะ แต่ว่าถ้าเป็นดาวเล็กๆแค่ดวงเดียวละก็ ถ้าเป็นเหรียญเล็กๆฉันก็อาจจะ...ยื่นมือคว้ามาไว้ในมือเธอก็ได้"
"แค่ดาวดวงเดียวก็พอ ไม่ต้องการเหรียญทองมากๆขอแค่ดวงเดียว ยามที่เปล่งแสงอ่อนโยนและเข้มแข็ง ขอแค่มีดวงดาวเล็กๆก็พอแล้ว ฉันสามารถมองเห็นมันลอยอยู่บนดวงตาของคุณ...ดาวดวงนั้น" ชูอิจิแตะแก้มเธอเบาๆแล้วจับมือเธอไว้
"ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปไม่ว่าเวลาทุกข์หรือเวลาเศร้า จนกว่าจะถึงวันนึงหลังจากที่เราสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันนานพอแล้ว
ฉันจะต้องจากเธอไปไกลแสนไกลฉันคงยังอยู่ใกล้ๆเธอ"
"ถ้าคุณตายฉันก็จะตายด้วย" สีหน้าอายะจริงจัง ชูอิจิหัวเราะเบาๆ ทาคูมิเดินมาที่หน้าห้อง แง้มประตูมองพี่ชายกับอายะ ยิ้มให้จางๆ แล้วแขวนถุงใส่กล่องของขวัญและวางแหวนไว้ที่ประตูแล้วเดินจากไป (ตอนนี้ดูแล้วรู้สึกเหมือนตอนที่เทซกตามมาดูจุนโซกับอึนโซที่ทะเลหลังจากที่อึนโซฟื้นขึ้นมาเลย)
ชูอิจิเข้ามาในห้องทำงานหยิบแหวนจากลิ้นชักจะเดินออกจากห้อง แต่ชะงักไปเมื่อเห็นยากามิตรงหน้าประตูกำลังจ้องมองมาด้วยแววตาอาฆาตคล้ายคนเสียสติ ไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกพี่วิ่งเข้าใส่ใช้มีดแทงจนมิดด้าม เสียงระฆังจากโบสถ์ราวกับจะดังกังวานเข้ามาถึงในห้อง ชูอิจิกำแหวนในมือไว้แน่น แข็งใจผลักพี่ชายออกไปรู้สึกเจ็บปวดอ่อนแรงจนเซแล้วทรุดตัวลง พยาบาลเดินเข้ามาเห็นตกใจร้องเสียงลั่น
ทาคูมิรอพี่ชายอยู่นานออกปากบ่นว่าพี่ชายทำไมชักช้านัก ผู้ช่วยรับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลที่โทรมาบอกเรื่องชูอิจิกำลังจะบอกทาคูมิ ประตูโบสถ์เปิดออกพอดี ทาคูมิลุกยืนอย่างดีใจที่เห็นพี่ชาย เคโกะจับมืออายะบอกว่าเจ้าบ่าวของเธอมาแล้ว ชูอิจิค่อยๆเดินเข้าไปหาอายะ สายตาเริ่มพร่าเลือน ทาคูมิถามพี่ชายว่าทำไมมาช้า สีหน้าของชูอิจิดูซีดกว่าชุดสูทขาวที่เขาสวมอยู่ มือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อจับแผลที่ท้องไว้ โผเผเข้าใกล้อายะ เสียงปรบมือดังก้องโบสถ์ อายะหันมาหงายมือยื่นออกรอเขา สายตาเปี่ยมด้วยรักของชูอิจิจ้องมองเธอพูดเสียงแผ่วล้า
"อายะ...สวยเหลือเกิน...สวยมาก..."
ชายหนุ่มมองมือของอายะแล้วยื่นมือที่อาบด้วยเลือดออกจะจับมือเธอ ทุกคนมองอย่างตกตะลึงได้แต่นิ่งงันกันหมด ร่างของชูอิจิโงนเงน มองภาพของอายะที่เลือนจางคล้ายล่องลอยอยู่ในความฝัน พูดออกมาอีกได้เพียงว่า "อายะ" ชายหนุ่มรู้สึกหมดแรงจนต้องทรุดตัวลง พอเอื้อมมือออกสุดแขนจะแตะมือเธอแต่พลาดล้มคว่ำลงตรงหน้าอายะนั่นเอง เสียงร้องดังอื้ออึง ทาคูมิทรุดตัวลงร้องเรียกพี่ชายไม่หยุดปาก มองเลือดบนเสื้อพี่ชายที่ซึมออกจากแผล มือแตะสีแดงยกขึ้นมองดูอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง แหวนในมือชูอิจิร่วงลงกับพื้น ทาคูมิเงยหน้าขึ้นมองอายะที่ยังยื่นมือค้างเหมือนหุ่นในตู้โชว์ ทุกเสียงรอบตัวเงียบลงราวอยู่ในโลกไร้เสียงของอายะ
อายะถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาลทันที เคโกะบอกอายะว่ามีคนบริจาคแก้วตาให้แล้ว ไว้ผ่าตัดให้สายตามองเห็นชัดเจนก่อนค่อยกลับไปทำพิธีแต่งงานใหม่อีกครั้ง ผลการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี
ทาคูมิยืนนิ่งมองร่างไร้วิญญาณของพี่ชายที่นอนนิ่งมีผ้าขาวปิดตาไว้ ผู้ช่วยเข้ามาบอกว่าการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย ค้อมศีรษะให้แล้วออกจากห้องไป ทาคูมิยังคงยืนสงบนิ่งมีเพียงน้ำตาค่อยๆหลั่งลงอย่างสุดกลั้น
สองอาทิตย์ต่อมาทาคูมิได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเอเซไก พร้อมกับเวลาที่หมอจะเปิดตาของอายะ สิ่งแรกที่อายะถามถึงเมื่อมองเห็นแล้วคือผู้ชายที่เธอรัก ทาคูมิบอกเธอ
"พี่ชูอิจิเขาอยู่ใกล้ๆเธอนี่เอง...ใกล้มากเลยนะ" อายะเหมือนจะรู้ความนัยที่เขาบอก ยกมือขึ้นสัมผัสดวงตาตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองทาคูมิ เขาพยักหน้าให้ อายะตกตะลึงลุกขึ้นยืนทันที ทาคูมิคว้ามือไว้
"พี่ชูอิจิเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกแล้วนะ" อายะผลักเขาล้มลงวิ่งออกจากห้องตามหาชูอิจิ กลับมาบ้านที่เหลือเพียงความว่างเปล่า หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงและทุกข์ทรมาน ห้องทั้งห้องสว่างจ้าแต่โลกและหัวใจของอายะมืดสนิทลงในทันที แสงสว่างที่เพิ่งได้รับดูจะมืดมิดยิ่งกว่าช่วงเวลาทุกข์ทนที่ผ่านมา
อายะมาที่หลุมฝังศพของชูอิจิ เอื้อมมือแตะชื่อบนป้ายหินแล้วแตะดวงตาของตัวเอง ริมฝีปากแย้มคล้ายจะยิ้มแต่ก็ร้องไห้ออกมาในที่สุด ทรุดตัวลงกอดป้ายหินไว้แน่น มีเพียงเสียงร่ำไห้ของหญิงสาวที่ดังก้องทั่วบริเวณอันเงียบสงบ ห่างออกไปไม่ไกล ทาคูมิยืนมองอยู่ เขาเดินเข้าใกล้สายตาจับอยู่ที่หญิงสาว เธอเงยหน้าขึ้นมองชื่อบนป้ายหินอีกแล้วซบหน้าลงสะอื้นไห้ ทาคูมิลงนั่งเอื้อมมือแตะไหล่หญิงสาว เธอปัดมือเขาออกอย่างแรง หันไปมองแล้วกลับไปซบหน้ากับป้ายหินร้องไห้ออกมาเสียงดัง ทาคูมิต้องกอดปลอบเธอไว้ด้วยความรักและสงสารจับใจ
อายะเข้าไปในห้องทำงานของชูอิจิ เปิดตู้แล้วหิยบเสื้อกาวน์ของเขาออกมาแล้วกอดไว้
เธอมองป้ายชื่อบนเสื้อแล้วนึกถึงความหลัง
ทาคูมิอยู่ในห้องทำงานคนเดียวนั่งนิ่งมองแหวนที่พี่ชายมอบให้และคำฝากฝังสั้นๆของพี่ก่อนตาย
"...ฝากอายะด้วย ทำให้เธอมีความสุข..."
อายะนั่งอยู่ในท้องฟ้าจำลองที่ชูอิจิเคยพาเธอมาดูดวงดาวด้วยกัน เสื้อกาวน์ของเขาวางพาดบนตัก ความคิดล่องลอยไปถึง
...คำบอกรักและขอแต่งงานของเขาก่อนจะขึ้นเครื่องวันที่ลาจากเธอที่ฮอกไกโด
"พอฉันกลับมา พอถึงตอนนั้นเรามาแต่งงานกันนะ เพราะว่าฉันก็รักเธอเช่นกัน"
...คำพูดของเขาวันที่เขาจำเธอได้แล้ว
"ขอให้เชื่อใจฉันแล้วก็ตามฉันมา ฉันจะไม่ทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว" อายะยังจำอ้อมกอดวันนั้นของเขาได้ไม่ลืมเลือน
...ชูอิจิบอกความรู้สึกให้อายะรู้
"โชโกะรู้มาตลอดว่าในหัวใจ ข้างในหัวใจของฉันมีเธออยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเลย
อายะ...เธอยังอยู่ในหัวใจของฉัน"
"ฉันจะเป็นคนแบกรับทุกอย่างไว้เอง ส่วนเธอเพียงแค่แสดงความรู้สึกจริงๆอย่างที่เธอปรารถนา ฉันจะทำตามความต้องการของเธอ
เพราะนั่นเป็นพียงวิธีเดียวที่คนที่ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างฉันจะทำให้เธอได้"
"ถ้าแม้ต้องสูญเสียทุกอย่างไป ฉันก็จะอยู่กับเธอตลอดไป ถ้าหิมะตกมันจะกลายเป็นชุดแต่งงานของเธอ ฉันจะทำให้ดาวตกลงมาข้างบนตัวเธอ เพราะนั่นก็เป็นความปรารถนาของฉันเหมือนกัน"
"...ฉันรักเธอมากนะ..." คำหวานที่เขาบอกเธอวันที่เขาเต้นรำด้วยกันเป็นครั้งแรกท่ามกลางหิมะที่โรยตัวลงบางเบา
อายะขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงพยาบาล เสื้อกาวน์ของเขาคลุมอยู่ที่ไหล่ มองหนังสือนิทานที่เขามอบให้แล้วกอดหนังสือไว้หลับตาลง เดินเข้าใกล้ขอบตึก ฝนหล่นพรำราวกับร่ำไห้ไปกับหัวใจของเธอ ทาคูมิตามหาอายะจนได้พบร้องเรียกอย่างตกใจ อายะหันมา ทาคูมิเรียกให้เธอกลับเข้ามาแต่อายะไม่ยอม
"ฉันสัญญากับเขาไว้แล้วว่า ถ้าเขาตายฉันก็จะขอตายด้วย" ทาคูมิตะโกนห้ามอีก
"อายะ พี่ชูอิจิไม่ได้ต้องการอย่างนั้นหรอกนะ ถึงตายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกน่า" อายะส่ายหน้า บอกอย่างเจ็บปวดว่าเธอไม่กลัวตาย "การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากเขามันน่ากลัวเหลือเกิน"
หมอผู้ช่วยของทาคูมิที่เคยสั่งให้ตรวจร่างกายของอายะหลังการผ่าตัดตามขึ้นมาบอกว่า อายะจะตายไม่ได้ เพราะเธอตั้งท้องลูกของชูอิจิแล้ว ทาคูมิเข้าใกล้อายะบอกว่าพี่ชายของเขายังไม่ตายแล้วยื่นมือออกบอกให้จับมือเขาไว้ อายะยืนนิ่งอย่างอัดอั้นตันใจน้ำตาไหลเคล้าสายฝนที่กระหน่ำลงมาแล้วค่อยๆยื่นมือให้ทาคูมิ
ทาคูมินั่งอยู่ที่สนามบินหยิบแหวนของชูอิจิออกมามองแล้วนึกถึงคำพูดของพี่ก่อนตาย พอเห็นอายะก็เดินเข้าไปหา
มือไพล่หลังซ่อนกล่องของขวัญไว้ในมือสองกล่อง อายะแปลกใจที่เห็นเขา
"คิดจะไปโดยไม่ร่ำลากันเลยหรือ" ทาคูมิพูดจบก็ยื่นกล่องของขวัญให้ ยิ้มกว้าง เอ่ยกับเธอ
"ในกล่องนี้มีกุหลาบสีขาวกับสีแดงอย่างละดอกนะ ถ้าหากว่าเธอเลือกสีแดงฉันก็จะรักเธออีกครั้งให้เหมือนแสงอาทิตย์อันอบอุ่นที่สาดส่องมา แล้วเราก็แต่งงานกัน ถ้าหากเธอเลือกได้สีขาวละก็...แหม...ฉันไม่อยากจะคิดเลย...ฉันจะขอเป็นแค่
ลมที่พัดผ่านระหว่างเมฆสีขาวคอยเฝ้าคุ้มครองเธอจากที่ไกลๆ แค่นั้นก็พอแล้ว สำหรับฉันกล่องนี้เปรียบเสมือนกล่องแพนด้าเลย...ไม่ใช่ๆๆแพน...โด...รา ไม่ใช่แพนด้าหรอก ไม่ต้องกลัวหรอกนะ คราวนี้ฉันไม่เล่นตุกติกอีกแล้ว รับรอง" ทาคูมรีบบอกประโยคสุดท้ายกลั้วเสียงหัวเราะ เพราะเขาเคยใส่กุหลาบสีแดงไว้ทั้งสองกล่องให้เธอเลือกเมื่อคราวที่ขอแต่งงานครั้งแรกกับเธอ
"เลือกได้เลย" พอหญิงสาวจะเลือกทาคูมิชักกล่องหนี
"อ่ะๆ เดี๋ยวก่อน แน่ใจแล้วหรือที่เลือกกล่องนี้" อายะยิ้มพยักหน้าให้ หยิบกล่องจากมือเขา ทาคูมิภาวนาเสียงดังว่าสีแดงอยู่หลายครั้ง พออายะเปิดออกดู กุหลาบสีขาวอยู่ในนั้น ทาคูมิอุทานคำว่าสีขาวแล้วแกล้งทรุดตัวลงทำท่าหมดแรง เงยหน้าขึ้นมองเธอ หัวเราะแล้วพูด
"อายะ...ขออีกครั้งได้ไหม เรามาเริ่มต้นกันใหม่...คงจะไม่ได้ใช่ไหม" ทาคูมิยิ้ม ทำใจยอมรับความจริง
ทาคูมิหันไปมองป้ายบอกเวลาออกของเครื่องบินแล้วลุกขึ้นยืน หยิบแหวนของพี่ชายออกมา
"ขอให้ฉันได้เป็นคนสวมให้เธอเถอะ...แทนพี่ชูอิจิไง" อายะพยักหน้าให้ ทาคูมิสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
ชายหนุ่มมองหน้าอายะบอกเสียงสดใส
"ถ้าหากว่าเธอมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอีกล่ะก็ ฉันจะรีบบินไปหาเธอทันทีเลย ใช่ ฉันจะขึ้นไปกับลมไปให้ไกลจนถึงสุดหล้าฟ้าเขียวเลยล่ะ" อายะยิ้มทำมือขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้งใจ
"อย่าน่า ไม่เอาน่า ฉันไม่ใช่พระพุทธรูปนะ" อายะน้ำตาซึม บอกเขาอีก
"ฉันจะไม่ลืมคุณเลย...ตลอดชีวิต"
"อายะ...ฉันน่ะเป็นความทรงจำในอดีตของเธอไปซะแล้วนะ"
"ความทรงจำที่งดงาม" เธอบอกเขา ทาคูมิหัวเราะทั้งที่น้ำตากำลังหยดลง
"ฉันก็เช่นเดียวกันนะ ตั้งแต่ฉันเกิดมา" ชายหนุ่มปาดน้ำตาแล้วพูดต่อ
"เธอเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุด"
"ฉันจะไม่ลืมคุณเลย" อายะบอกคำสุดท้ายกับเขา
"ฉันก็เหมือนกัน...ฉันจะไม่ลืม...จะไม่ลืมเธออย่างแน่นอน" สองคนยิ้มให้กันทั้งน้ำตา อายะถือกระเป๋าเดินจากไป ทาคูมิมองตาม น้ำตานองหน้า
ผู้ช่วยถามทาคูมิว่าทำไมไม่พาอายะมาด้วยเพราะพี่ชายฝากฝังเธอไว้กับเขา
"พี่ชูอิจิทำให้ดาวตกลงมาหาอายะแล้ว เพราะฉะนั้นอายะถึงได้กลับฮอกไกโด ไปสถานที่ๆรู้จักกับพี่ชูอิจิครั้งแรกเพื่อตามหาดาวดวงนั้น ดาวที่ตกลงมาหาผู้หญิงที่มีแค่ดวงเดียว ถ้าพี่ชูอิจิทำให้ตกแล้วฉันจะทำให้ตกอีกได้ยังไงล่ะ"
"คนที่จะพบจากนี้ต่อไปจะได้ดาวของคุณ"
"ไม่จำเป็นต้องเป็นดาวก็ได้ ก็หรือไม่ใช่ล่ะ บนท้องฟ้าตอนนี้มีดาวส่องแสงอยู่ไม่รู้กี่หมื่นกี่พันดวง ดาวที่ไม่สามารถตกลงมาเหมือนกับฉันน่ะ บางครั้งสิ่งที่แข็งแรงกว่าความรักก็มีนะ เพราะว่าความรักอาจต้องการสิ่งตอบแทนขึ้นมาสักวันนึง
ความปรารถนาดีน่ะแค่เราอธิษฐานให้คนๆนั้นมีความสุขในฐานะดาวที่ไม่มีวันตก ดาวที่ชื่อว่าชูอิจิตกลงมายังบนพื้นโลกและรักอายะชั่วนิรันดร์ ถ้าเป็นอย่างงั้นฉันก็เฝ้าภาวนาอยู่บนฟ้าต่อไป...ตลอดไปจนชั่วชีวิต" ผู้ช่วยยิ้มค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากห้องไป
ทาคูมิลุกขึ้นหยิบแก้วไวน์ออกมาสามใบรินไวน์ลงแก้ว เอ่ยพูด
"พี่ชูอิจิ...กับอายะ" นั่งลงแล้วพูดต่อ
"ยังขาดดอกไม้นี่" หันไปหยิบกล่องของขวัญที่อายะไม่ได้เลือกขึ้นมาเปิดออก หยิบกุหลาบ...สีขาว...ปักลงในขวดไวน์
ยกแก้วตัวเองชนแก้วอีกสองใบเบาๆ จิบไวน์แล้ววางแก้วลง มองออกไปนอกหน้าต่าง
เห็นดวงดาวพราวอยู่เต็มฟ้าก็เริ่มเล่านิทานพร้อมกับใช้ภาษามือราวกับอายะกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า ...นิทานของพี่ชายที่ทำให้ดวงตาของเธอเปล่งประกายเจิดจ้าทุกคราที่ได้มองพี่ชายของเขาเอ่ยเล่า
"สาวน้อยที่ยากจนและไร้ที่พึ่งคนนึงถือขนมปังแผ่นเดียวเดินเข้าไปในป่า สาวน้อยผู้นั้น" กล้องตัดมาเห็นอายะนั่งชิงช้ามองดวงดาว นึกภาพที่เคยมีคนที่เธอรักสุดหัวใจนั่งเคียงข้างเล่านิทานให้ฟังอย่างอ่อนโยน แล้วภาพของเขาที่กำลังเล่านิทานอยู่ก็ฉายอยู่เต็มท้องฟ้าอันมืดมิดที่เธอทอดตามองอยู่ นิทานจากภาษามือพร้อมเสียงพูดของเขาที่อายะไม่เคยได้ยินหากเธอจดจำฝังใจ
"
ที่ในป่านั้นเธอได้พบกับเด็กๆที่ยากจนหลายคน ทุกครั้งที่พบเด็กๆเธอจะให้ของที่เธอมีอยู่ ทั้งขนมปัง ทั้งหมวกที่ตัวเองสวมอยู่ และก็เสื้อผ้าที่ใส่อยู่กับเด็กไป พอถึงคนสุดท้ายก็ให้ชุดชั้นในไป สาวน้อยที่เหลือร่างเปลือยเปล่ายืนอยู่ยนเนินเขาสูงที่เห็นทุ่งกว้าง
แหงนหน้าขึ้นไปมองหมู่ดาวบนท้องฟ้า" ภาพของเขาเลือนหายไป อายะลุกขึ้นจากชิงช้าเล่าเรื่องต่อด้วยภาษามือ
"...ฉับพลันนั้นเองท้องฟ้าที่สาวน้อยแหงนหน้าขึ้นไปมอง ก็มีดาวร่วงลงมาดังเปาะแปะไม่ขาดสาย นานเท่าไหร่ไม่รู้มันกลับกลายเป็นเหรียญทองจริงๆ ตั้งแต่นั้นมาสาวน้อยก็มีความสุขจนชั่วชีวิต..."
อายะยังคงแหงนเงยมองเบื้องบนที่พราวด้วยดวงดาวกระพริบพร่างทั่งผืนฟ้า ริมฝีปากเผยรอยยิ้มแต่แววตาเจือด้วยความหม่นเศร้า หญิงสาวเอื้อมมือออกกว้างแล้วลดมือลงแนบอกมาราวกับจะกวาดเอาดาวจนหมดฟ้าให้มาแนบชิดหัวใจตน
...ดวงดาวที่ผูกพันเธอและเขาไว้ด้วยกัน...ดวงดาวตรงสุดฟากฟ้าที่เธอจะเฝ้าคอยมองเพื่อรอวันที่จะได้พบกับเขา ณ ที่นั่นอีกครั้ง ช่วงชีวิตต่อแต่นี้จะไม่มีวันดำเนินไปอย่างมีความสุขเฉกเช่นนิทานของชูอิจิที่จบด้วยความอิ่มเอมที่เขาเล่าให้เธอฟังแต่เพียงผู้เดียว หากความรักของเขาจะคงมั่นอยู่ในใจของเธอตลอดไป
:-* :'(