http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9334994/A9334994.html ทำไมซีรีย์เกาหลี นับวันยิ่งโดนใจคนไทยรุ่นใหม่
คือผมเองไม่ได้ว่าละครไทยบ้านเรานะคับ แล้วก็ไม่ได้เข้าข้างซีรีย์เกาหลีด้วย แต่หลังจากที่นั่งดูอย่างจริงจัง ก็ประจักษ์ด้วยสายตาตัวเอง ก็ต้องยอมรับเลยคับว่า เราเป็นรองอย่างมาก การเขียนบทของเขามันสุดยอดกว่าเราเยอะ อันที่เราเดาว่ามันน่าจะเป็นอย่างนี้ ปรากฏว่าหักมุมไปอีกแบบเฉยซะงั้น ซึ่งต่างจากละครไทย ที่เดาเนื้อเรื่องเมื่อไหร่ ก็จะเป็นไปตามนั้น มันทำให้ผมตระหนักได้ว่า อีกไม่กี่ปีวงการละครบ้านเรา อาจถูกแทนด้วยซีรีย์เกาหลี ในช่วงเวลา2ทุ่มครึ่งเป็นแน่
ไม่ใช่ว่าซีรีย์เกาหลีไม่น้ำเน่านะคับ มันก็เหมือนละครไทยนี่แหล่ะ มีเรื่องสังคมคนจนคนรวยมาเกี่ยวข้องตลอด ความต่างทางชนชั้นของพระเอก นางเอก แต่ของเค้าก็ยังไม่ทำดูโอเวอร์เท่าบ้านเรา และที่ผมชอบมากที่สุด คือนางร้าย ของเค้าไม่วีนเหมือนบ้านเรา ผมว่าตรงนี้มันสมจริงกว่า เพราะผมลองสมมุติว่าผมเป็นนางร้าย ผมจะไปวีนให้อายชาวบ้านเค้ามั้ย มันต้องเงียบๆร้ายๆสิ ต้องรักษาภาพลักษ์ตัวเองไว้
ดนตรีประกอบ เพลงประกอบ ผมว่าเราแพ้ขาดลอยคับงานนี้ เพราะจากที่ดู ดนตรีประกอบอารมณ์ มันลงตัวกับอารมณ์ของตัวละครพอดี และหลายๆเรื่องของเค้า ใช้ดนตรีแนวคลาสสิค มาบรรเลง ประกอบอารมณ์ ซึ่งเค้าจับจุดนี้มาใช้ เราต่างก็รู้กันดี ว่าดนตรีคลาสสิค มันเป็นดนตรีประเภทกระชากอารมณ์ หากเศร้าก็เศร้าสุดขั้ว หากสนุกก็ร่าเริงแบบสบายๆ ซึ่งบ้านเราไม่มีแบบนั้น เท่าที่สังเกตุมี2ชาติในเอเชียที่เอาดนตรีแบบนี้มาประกอบหนังกับละคร คือ เกาหลี กับญี่ปุ่น
นักแสดง ผมว่าบ้านเรายังไงก็ไม่แพ้เค้าอยู่แล้วคับ ฝีมือดาราบ้านเรา ไม่เป็นรองแน่นอน เผลอๆเหนือกว่าด้วยซ้ำไป
ผมว่าทางช่อง ทั้งหลาย ทางผู้ผลิตละคร ของบ้านเรา ควรจริงจังกันได้แล้วนะคับ ไม่งั้นคนรุ่นใหม่บ้านเราจะตกเป็นทาสเกาหลีโดยสมบูรณ์แบบแน่ๆ
รึไม่ก็ส่งดาราบ้านเราไปเกาหลีสิคับ ไปตีตลาดบ้านเค้าบ้าง เอาง่ายๆนะคับ หากรัฐฯบ้านเราไม่สนับสนุนด้านบันเทิงเหมือนรัฐฯเกาหลี ผมลองคิดแผนการขึ้นมาเล่นๆนะคับ
คือ .ทำไมทางช่องบ้านเรา ไม่เป็นพันธมิตรกะช่องบ้านเค้าบ้าง จะได้มีการแลกเปลี่ยนดารากัน ผมว่าทางเค้าไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะเค้าก็หวังจะมาตีตลาดบ้านเราอยู่แล้ว อีกอย่างประเทศไทยเป็นตลาดหลักของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่แล้ว เพราะประเทศไทยเป็นตลาดเปิด ตอนยุคแรกที่กระแสเกาหลีมา ประเทศไทยนี่แหล่ะ ที่ถูกตีเป็นที่แรก แถมยังกระจายกระแสเกาหลีในแถบนี้อีกด้วย เอาง่ายๆนะคับ ศิลปินดาราของเค้าคนไหนหากดังในประเทศไทยไม่ได้ อย่าหวังว่าจะดังในประเทศอื่นในแถบนี้ได้เลย ผมว่ามันจะมีประโยชน์กับเราด้วยหากมีการแลกเปลี่ยนกัน เพราะแทนที่เรา จะไปรู้จักเค้าแค่ฝ่ายเดียว เค้าจะได้รู้จักดาราบ้านเราด้วย อีกอย่าง มันจะเป็นการพัฒนาวงการบันเทิงบ้านเราด้วย เราก็ได้เรียนรู้เพื่อมาปรับปรุ่งในส่วนที่ต้องแก้ไข เห็นด้วยมั้ยคับ จากคุณ : cassern
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 14:38:40
ความคิดเห็นที่ 1
ชาวบ้านร้านตลาดคงไม่ดูอะไรๆที่เป็นเกาหลีหรอกครับ หมายถึงภาพรวม
กระแสเกาหลีตรงนี้ก็เป็นกลุ่มใหญ่ๆกลุ่มนึง แต่เห็นด้วยเรื่องบท-เรื่องแอ๊คติ้งของ
ดาราตัวร้าย เรื่องงานพระเอก เรื่องการแต่งหน้าเข้านอนของนางเอก เกาหลีทำ
ดีมีเหตุผลกว่าเราเยอะครับ สภาพสังคมก็มีส่วน
จากคุณ : พนักงานออฟฟิศ
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:00:15 A:192.168.1.110 X:124.120.147.218 TicketID:243941
ความคิดเห็นที่ 2
ภาษาเกาหลีเขียนอย่างไรผมไม่รู้
แต่...
............ภาษาไทยเราเขียนว่า "ครับ".............
จากคุณ : หมู4X
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:00:50
ความคิดเห็นที่ 3
หนังเกาหลี ดูแล้วกินใจกว่า เหมือนเราเป็นตัวละครนั้นๆ และรู้สึกตามบทไปด้วย
แต่หนังไทย ดูยังไง ก็รู้ว่าเป็นแค่หนัง ..สรุป ดูหนังเกาหลีอินกว่าค่ะ
จากคุณ : Lina_3m
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:00:57
ความคิดเห็นที่ 4
เรากำลังเห็นอีกแบบนึง
เรารู้สึกว่ากระแสซีรีย์ลดลงไปเยอะเลย เหมือนเริ่มอิ่มตัว สังเกตุจากตลาดแถวบ้านนะคะ เมื่อก่อนจะมีร้านที่ขายแผ่นพวกซีรีย์เอเชีย เกาหลีประมาณ 4 5 เจ้าตอนมันฮิตๆ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงร้านเดียวเท่านั้น และเพื่อนๆเราที่เคยบ้าซีรีย์มากๆ ตอนนี้ก็ไม่คลั่งอย่างเดิมแล้ว ส่วนตัวเรามองว่าพอดูเยอะเริ่มจะจับแนวเกาหลีได้อ่ะ แท้จริงแล้วก็น้ำเน่าไม่ต่างจากละครไทย อาจจะแค่การแสดงออกต่างกันของตัวละคร
แต่กระแสที่มาแรงไม่มีตกและน่ากลัวว่าจะมีบทบาทเหนือไทยที่น่ากลัวคือดนตรีและนักร้อง อาจจะเพราะการพัฒนาของวงการนักร้องของเค้าพัฒนาไปเรื่อยๆและแปลกใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และส่งตรงถึงไทยอย่างรวดเร็ว เราว่าเด็กไทยตอนนี้ตามกระแสนักร้องที่นู่นเร็วมากพอๆกับคนเกาหลีเลย วงการเพลงเทียบกับโทรทัศน์แล้วศักยภาพในการพัฒนาน้อยกว่าเป็นทุนเดิม ยิ่งแรงสนับสนุนภายในยิ่งน้อยไปอีก ยิ่งพัฒนาและสร้างความหลากหลายได้ยาก คือมันเหมือนยิ่งถอยลง
ความเห็นส่วนตัวน่ะ แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
จากคุณ : archdrea
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:07:58
ความคิดเห็นที่ 5
เราก็ส่งไปจีนไงครับ
ตลาดใหญ่กว่าเกาหลีอีกนะเออ
ยอมรับว่าที่เราต้องพัฒนาก็คงเป็นเรื่องบทอะครับ
ถ้าละครบทดี อย่างผู้ใหญ่ลี ชิงชัง หรือ สูตรเสน่าหา
ผมว่าของเราสู้เขาได้สบาย
แต่ส่วนตัวเมื่อก่อนชอบนะครับ เกาหลีอ่ะ
แต่ตอนนี้ เอียนมาก ๆ
เรื่องล่าสุดที่ดูจนจบ
น่าจะเป็น จูมง หรือ เจ้าชายกาแฟ (เรื่องไหนมาก่อนไม่แน่ใจ)
ชอบหนังจีนหลังเที่ยงคืนมากกว่าอีก
ปัญหาคือ นาน ๆ ได้ดูที เพราะไม่ได้นอนดึกขนากนั้น
จากคุณ : นายทองขาว
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:09:43
ความคิดเห็นที่ 6
เรื่องดาราผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะครับ ถ้าวัดเป็นตัวบุคคลแน่นอนครับ บ้านเรามีนักแสดงเก่งๆ หลายคน และที่เก่งกว่านักแสดงเกาหลีก็มีอยู่พอควร แต่ถ้ามองที่ภาพรวมนะครับ บ้านอื่น(ไม่ได้มองแค่เกาหลี) ดารานักแสดงจะต้องพัฒนาถึงระดับหนึ่งก่อนจึงจะมีโอกาสได้ลงสนามจริง แต่บ้านเราใช้สนามจริงเป็นสนามซ้อม เคยดูหนังต่างประเทศเรื่องไหนแล้วรู้สึกว่าดาราเขาเล่นแข็งทื่อแบบของเราไหมครับ ตรงนี้เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ ไอ่ประเภท เอาน่าเดี๋ยวเรื่องที่สองที่สามก็ดีขึ้นเอง เลิกใช้ได้หรือยังครับ
จากคุณ : FIndinGBeautYINNegativESpacES
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:14:11
ความคิดเห็นที่ 7
ตรงข้ามเลย เป็นเราเบื่อซีรีย์เกาหลีมานานแล้วล่ะ
จากที่เมื่อก่อนชอบมาก ถึงขั้นซื้อแผ่นมาดูที่บ้านเลยทีเดียว
จากคุณ : shoucream
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:14:29
ความคิดเห็นที่ 8
ตามกระแส ถ้าเราไม่ดู ก็เชยน่ะสิ
จากคุณ : Liebkosen
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:15:57
ความคิดเห็นที่ 9
เราก็ว่าช่วงนี้กระแสเกาหลีแผ่วลงมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะคะ โดยเฉพาะซี่รี่ย์ แต่ก่อนมันเยอะกว่านี้ มองไปทางไหนก็เกาหลี เกาหลีๆ ซี่รี่ย์นี่เยอะจัดๆ
จากคุณ : gingerol
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:18:41
ความคิดเห็นที่ 10
ผลงานของสิ่งที่เรียกว่า creative economy ค่ะ โลกถูกย่อส่วน ณ วันนี้การแข่งขัน หรือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ได้พึ่งพาแต่เรื่องกำลังการผลิต หรือ พึ่งพาแรงงานค่าแรงต่ำเพียงอย่างเดียวแล้ว ณ ปัจจุบันนี้เรากำลังแข่งขันกันด้วย idea ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทางยุโรปเป็นเจ้าแรกที่เติบโตด้วย creative economy ภายใต้รูปแบบแฟชั่น (อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของแบรนด์แนมทั้งหลาย) แต่ที่เห็นได้ชัดว่าเติบโตด้วย creative economy ในยุคนี้ คือ เกาหลี ที่ใช้วัฒนธรรม และ สื่อ เป็นตัวส่งออก ซึ่งเขาผลักดันกันมานานแล้วเป็นสิบ ๆ ปี
เริ่มตั้งแต่รากฐานที่ให้ทุนนักศึกษาไปเรียนต่างประเทศ และ การให้เงินอุดหนุน ผู้กำกับที่โดดเด่นในยุคนี้ก็มาจากนักเรียนทุนเหล่านี้แหละค่ะ นอกจากนั้นภาครัฐยังมีนโยบายต่อเนื่องที่เป็นระบบ เป็นต้นว่า การอนุญาตให้ใช้สิทธิฉายในบางประเทศฟรี (โปรโหมตเฉพาะบางเรื่องถ้าติดใจ หรือ ชอบ เรื่องหรน้าต้องซื้อ) รวมทั้งการทำให้สถานที่ถ่ายทำกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน เก็บเงินได้หลายต่อ
ในแง่ของละครเกาหลี และ ละครไทย ส่วนตัวก็เห็นว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน เป็นต้นว่าแนวเรื่อง และ เนื้อหา เรียกว่าต้องกับริสนิยมคนไทยอยู่ แต่ว่าบท การกำกับ โปรดัคชั่น เพลงประกอบนั้นทำได้ดีกว่า จึงทำให้เกิดกระแสได้ไม่ยากค่ะ ในจุดนี้ดิฉันก็เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่เราจะสนับสนุนให้มีนโยบายส่งออกสื่อเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพียงแต่ .... ไม่ได้อยากนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเท่าไหร่แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน เพราะ การเมืองเราไม่นิ่งค่ะ หรือ แม้แต่นิ่งแล้วก็ตามทีเรื่องที่รัฐบาลต้องจัดการก็มีอยู่มากมาย ดังนั้นก็เป็นปัญหาให้ขบคิดกันต่อไปว่าเราพร้อมจะชูประเด็นนี้ขึ้นเป็นระดับนโยบายหรือยังในเวลานี้
ป.ล. ดิฉันเคยอ่านข้อความจากใจเพื่อนในพันทิปคนหนึ่งเกี่ยวกับผู้เขียนบทละครบ้านเรา ถ้าจำไม่ผิดเพื่อนท่านนี้ได้เข้าประชุมอะไรซักอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับละครโทรทัศน์แล้วผู้เขียนบทท่านหนึ่งได้กล่าวออกมาในที่ประชุมว่า "เราต้องเขียนบทให้คนดูฉลาดกว่าตัวละคร" นี่ล่ะค่ะสถานการณ์ละครโทรทัศน์ของประเทศไทย
ป.ล. 2 ส่วนตัวแล้วดิฉันดูละครญี่ปุ่นมากกว่าละครไทย และ เกาหลีค่ะ
จากคุณ : วรินทร์รตา
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:22:17